คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ
ในรัตนโกสินทรศกที่ 5 คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘อัครเดช’ เขาเป็นหนุ่มหล่อไฟแรงเพิ่งเรียนจบมาจากกัวเตมาลา เขามากไปด้วยความสามารถทั้งการล้างจานโดยไม่มีน้ำ ขัดหัวก๊อกให้เงางาม และใบหน้ามันเรียบเฉยของเขานั้นได้สะกดใจของสาวน้อยใหญ่ทั่วทั้งพระนคร เขาหล่อสามารถลุกขึ้นมาเต้นเพลง ‘ฉันผิดเอง’ ได้โดยไม่ต้องอายนอกจากนี้อัครเดชยังเป็นลูกเพียงคนเดียวของ ‘ยายทองก้อน’ มหาเศรษฐีแห่งพระนคร
ในทางกลับกัน...
‘พรประภา’ เป็นลูกสาวชาวบ้านอาศัยอยู่แถบชานเมือง อดมื้อกินมื้อ ผอมแห้งแรงน้อย จบการศึกษาเพียงชั้นปอสี่เพราะไม่มีเงินเรียนต่อ ภายใต้ใบหน้าที่เปอะเปรื้อนไปด้วยคราบถ่านใครเล่าจะรู้ว่าเธอคือผู้หญิงพระนครที่สวยที่สุดในพระนครนี้พรประภาทำงานอย่างหนักในทุกๆ วันเพียงเพราะอยากได้เงินมาเพื่อส่ง ‘ผกามาศ’ ให้เรียนต่อในระดับชั้นมอปลาย จะได้ไม่ลำบากเหมือนตัวเธอเอง...กระชิก
เช้าตรู่วันที่พระอาทิตย์หันหน้าเข้าหาบ้านของอัครเดช
อัครเดชกำลังนั่งจิบกาแฟโบราณตามสไตล์นักเรียนนอก ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะรู้สึกกระดากปากไปบ้างเพราะปกติเขาดื่มแต่สตาบัคเท่านั้น
ออด ออด ออด
เสียงกดออดหน้าบ้านทำเอาอัครเดชสะดุ้ง เขาปาหนังสือพิมพ์ในมือลงพื้นอย่างหัวเสีย แต่อันที่จริงเขาไม่รู้สึกแบบนั้นหรอกเขาแค่อยากทำเพราะคิดว่ามันเท่และดูแบดบอยเท่านั้นเอง
“ทองเหม็น(ดุจดาว)เอ็งไปดูสิว่าใครมา” อัครเดชหันไปสั่งคนสวน ที่รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นอย่างกับผู้หญิง เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องติดหนวดปลอมมาทำงาน
“ขอรับคุณอัครเดช”
วันนี้พรประภามาสมัครงาน เธอต้องพายเรือมาจากท่าหน้าบ้านจนถึงพระนคร เธอกดออดทันทีที่ถึงหน้าคฤหาสน์ใหญ่โตของคุณนายทองก้อนได้ข่าวว่าท่านคือคนแก่ใจดี และมีลูกชายหล่อเหลาที่สุดในพระนครราวกับรูปปั้นในสวนของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แต่คนหล่อมักจะเป็นคนเจ้าชู้ พรประภาจะไม่เผลอใจให้เขาเด็ดขาด
“คุณผู้หญิงมาที่นี่มีเรื่องอันใดหรือ” พรประภาออกจากภวังที่เธอมโนขึ้นมาเอง เงยหน้าขึ้นพบกับต้นเสียง ตรงหน้าเธอคือหนุ่มน้อยหน้าตาน่าขบเขี้ยวถ้าได้สักครั้งจะตั้งใจทำงาน
“เอ่อ...คะ...คือ ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณผู้หญิงหรอกค่ะ ฉันมันก็แค่ลูกสาวชาวบ้านไม่มีหน้ามีตาทางสังคมเหมือนใครเขาหรอกค่ะ เรียกฉันว่านังพรประภา บุญมี จะเหมาะสมกว่าค่ะ” พรประภาเงยหน้ามองขึนฟ้าเพราะเธอรู้สึกเหมือนน้ำตารื้นที่ขอบตา “และ...ฉันมาสมัครงานค่ะ”
“คุณพรประภา...กรุณาอย่าร้องไห้เลยขอรับ..” ชายหนุ่มเดินเข้ามาประชิดตัวพรประภาพร้อมยกชายเสื้อเช็ดน้ำตาให้พรประภาอย่างอ่อนโยน “ผมยอมเห็นพระนครโดนพม่ายึดเป็นเมืองขึ้น ดีกว่าเห็นผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณร้องไห้”
พรประภายืนอึ้ง เธอไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายขนาดนี้มาก่อน และไม่เคยมีใครปฏิบัติกับเธอได้อ่อนโยนเช่นนี้ พรประภารู้สึกเคลิ้ม...
“ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากอีกด้านของประตู เสียงนั่นดังพอที่จะทำให้พรประภาและชายหนุ่มปริศนาผละออกจากกัน พรประภามองไปที่ต้นเสียงนั่น...
เหมือนเวลาหยุดหมุน...
หล่ออะไรอย่างนี้...
หัวใจของพรประภาเต้นแรงยิ่งกว่าโคถึกที่คึกพิโรธ นี่คงเป็นคุณอัครเดชสินะ เธอทำใจมาแล้วว่าเขาต้องหล่อมาก แต่ไม่คิดว่าจะหล่อขนาดนี้ ใครก็ได้หยุดพรประภาที เอาเสากระโดงเรือฟาดหัวของเธอเสียจะได้ตายๆ ไปเสียดีกว่าต้องมารับรู้ว่ามีคนหล่ออยู่ตรงหน้าแต่ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะนึกฝันว่าจะให้เขามาเป็นของเธอ ...
ใช่สิ...เธอจะไปหวังอะไรได้ เธอมันก็แค่ลูกชาวบ้านจนๆ จะไปสู้กับพวกหม่อมในวังที่หมายจะนำตัวคุณอัครเดชไปเป็นสามีให้เสียเวลาทำไม...แค่เพียงคิดเท่านั้นก็รู้สึกละอายใจแล้ว ฮ่อล...
พรประภาเมื่อรู้สึกตัวได้ ก็เดินเข้าไปนั่งพับเพียบตรงหน้าอัครเดช
“ฉันมาสมัครงานค่ะ เห็นประกาศรับสมัครสาวใช้อยู่ทั่วพระนคร” พรประภาพูดพร้อมก้มหน้าเจียมตัว เธอไม่กล้าแม้จะมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา
“งั้นหรือ” อัครเดชพูดพร้อมย่อตัวลงก่อนจะเชยคางเรียวของพรประภาขึ้นอย่างเบามือ “เธอทำอะไรได้บ้างละ”
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของพรประภาสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำของอัครเดชอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวราวกับโดนน้ำในกระทะทองแดงสาดเข้าให้ นัยน์ตาสีดำของเขาคมกริบเท่บาดใจยิ่งกว่าชายใดในพระนคร การจะเอ่ยตอบในสถานการณ์แบบนี้เป็นไปได้ยากนัก
“อ่ะ...เอ่อ...ฉันทำได้หลายอย่างค่ะ...” พรประภาตอบพร้อมแสร้งมองไปทางอื่น
“มองตาฉันสิ”
“ฉัน...”
“อยากมีงานทำรึเปล่า” อัครเดชเอ่ยเสียงดุ
พรประภาสบตากับอัครเดชตรงๆ ...
“หึ...หล่อละสิ”
“ค...คุณ...คุณอัครเดช คุณไม่ควร...”
“อ่ะๆ” อัครเดชใช้นิ้วชี้เรียวยาวของเขาทาบไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มไร้การแต่งเติมของพรประภา ก่อนจะฉีกเสื้อเซิ้ตออกเป็นสองส่วน พร้อมกับร่อนเอวรัวๆ “ฉันผิดเอง ที่ดูดีมากไป
ฉันผิดเอง ที่หล่อเกินห้ามใจ”
#พรประภานี่อึ้งไปเลย
“คุณชายอัครเดช...” ทองเหม็นอ้าปากเหวอกับการกระทำของเจ้านาย
อัครเดชผาดเสื้อขึ้นบ่าและจัดทรงผมอีกรอบนึง ก่อนจะฉวยข้อมือเล็กของพรประภา
“ฉันจะพาเธอเข้าไปเอง”
“คุณชายไม่ควรจะจับมือถือแขนฉันนะคะ ถ้าใครมาเห็นมันจะเป็นเรื่องเอา”
“ทำไมฉันต้องสนว่าใครจะมองว่ายังไง ผู้หญิงคนไหนก็อยากให้ฉันจะจับมือทั้งนั้นแหละ อย่าปฏิเสธหัวใจตัวเองหน่อยเลย” อัครเดชพูดพร้อมขยิบตาสองที ที่เขามั่นใจว่าผู้หญิงทุกคนต้องละลาย
“มะ...ไม่” พรประภาแกะมือของอัครเดชออก “ฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นของคุณหรอกนะคะ!” พร้อมวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ (ราวกับบ้านตัวเอง หล่อนมาสมัครงาน)
“อะฮึ่ยยยย...ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนในพระนครปฏิเสธฉัน...อะฮึ่ยยยย...” อัครเดชพูด
“ นั่นเสียงอะไรดังตึงตัง” เสียงยายทองก้อน หญิงชราแต่หน้าเด็ก อาหารประจำวันคือหนุ่มน้อย ซึ่งเธอทำตามตำรากินเด็กจะเป็นอมตะ
“ คุณท่านเจ้าคะ ดิฉันมาสมัครเป็นคนใช้ตระกูลของคุณท่าน ” ไม่พูดเปล่าพรประภาเอาขาถูกับน่องของคุณหญิงราวกับเป็นแมว
ยายทองก้อนเกือบจะตอบตกลงอยู่แล้วถ้าไม่ติดทีว่าหล่อนได้มองเห็นนัยตาอันดุดันราวกับกระซู่พร้อมขย้ำเหยื่อของลูกชายหล่อนเสียก่อน
“ ฉันจะรับเธอก็ได้ แต่เธอต้องสปีคอิงลิชให้ได้รู้จักไหม อิงลิช ” ยายทองก้อนพูดพลางออกเสียง H เต็มที่ไม่แคร์น้ำลายของเธอได้กระเด็นออกมาดุจดั่งสายดับเพลิง
“ นอน นารึล วอนแฮ นอน เนเก ปาจยอ นอน เนเก มี ชยอ เฮออ นาลซู ออบซอ I got u...under my skin นอน นารึล วอนแฮ นอน เนเก ปาจยอ นอน เนเก มี ชยอ นอน นาอี โนเย I got u...under my skin ” พรประภาเต้นสุดกำลัง ทั้งเท่และเร่าร้อนและสวยงามยั่วยวนไปพร้อมกันจนยายทองก้อนจึงกับอดรนทนไม่ไหว ตบมือโดยไม่รู้ตัว ถึงจะไม่ชอบหน้าพรประภาแค่ไหนแต่ยายทองก้อนไม่เคยโกหก ในเมื่อทำได้ หล่อนจะรับพรประภาเข้าทำงาน
“ ก็ได้ ”
สิ้นเสียงยายทองก้อน พรประภาก็เริ่มทำงานทันที เธอทำทุกอย่างตั้งแต่เช็ดหลังคาจนถึงแคะขี้หูให้ยายทองก้อน โดยไม่มีการขัดข้อง ส่วนเวลาว่างๆเธอจะคุยกับทองเหม็น ทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็ว ทองเหม็นรับได้แม้กลิ่นปากเธอจะเหมือนกลิ่นท่อน้ำก็ตาม
หลังจากอาหารเย็นพรประภาก็เข้าไปเก็บโต๊ะ เธอหวังว่าจะได้เห็นอัครเดชสักครั้งแต่อนิจจาอัครเดชดันท้องเสียจากน้ำพริกกะปิเสียได้ พรประภาจึงเก็บโต๊ะด้วยเสียดาย เธอเก็บจานจนกองเลยหัวเธอไปแล้ว เวลาเดินเธอจึงไม่เห็นทางข้างหน้า จนไปชนกับนายทองเหม็น ราวกับละครน้ำเน่าเธอล้มลงเกือบจะจูบพื้นแล้วถ้าไม่ได้นายทองเหม็นประคองเอวอ่อนไว้ แต่ด้วยการทรงตัวที่อ้อนแอ้นของนายทองเหม็นทำให้เธอล้มทับ ดวงตาของทั้งสองสบกันเพียงชั่วกลั้นหายใจ เอและเขาต่างแยกกันด้วยความเขินอาย โดยหารู้ไม่ ว่าทุกการกระทำได้ตกอยู่ในสายตาของอัครเดชที่ออกมาเอาทิชชู่เพิ่ม
หลังกจากนั้นนายทองก้อนก็ช่วยเธอเก็บจานที่ตกอยู่บนพื้น ไม่ตกใจว่าทำไมจานไม่แตกเพราะจานบ้านนี้เป็นพลาสติก และนายทองเหม็นยังมาช่วยเธอล้างจาน ไม่มีคำพูดใดระหว่างพวกเขาสองคน จนล้างเสร็จ พรประภาจึงขอตัวไปนอนในหอคนรับใช้หญิง ระหว่างทางที่เดินต้องผ่านซอกตึกของบ้าน เธอไม่รู้ตัวเลยมีใครเดินตามจนกระทั่งรับรู้รับรู้ได้ถึงแรงกระชากจากด้านหลังก่อนจะผลักเธอชนกับเข้าผนังของซอกตึก
“ คุณชายอัครเดช! ”
“ ใช่ ฉันเอง ” กดยิ้มที่มุมปาก อ่า..ต้องดูแบดบอยมากแน่ๆ
“ อ่อยนายทองเหม็นเรอะ เหอะ คนระดับเดียวกันคงจะเข้ากันง่ายสินะ ” คำพูดทำร้ายจิตใจที่อัครเดชไปหาอ่านมาจากบทละครเมื่อกี้ถูกงัดออกมาใช้
“ คุณพูดบ้าอะไรของคุณ เกินไปแล้วนะคะ ”
“ เถียงเรอะ ฝีปากกล้านัก ” อัครเดชพยายามจับกามของพรประภาเป็นเชิงขู่ แต่ดันจับได้ไม่หมดเพราหน้าพรประภาบานเสียเหลือเกิน
“ แล้วคุณจะทำอะไรฉัน ” พรประภาพูดพลางกลืนน้ำลาย ไม่อยากจะยอมรับแต่อัครเดชฮอตเหลือเกิน ได้โปรด .. รุนแรงกับฉันมากกว่านี้
“ ฉันจะจูบเธอให้ปากระบม จนเธอจูบใครไม่ได้อีก! ”
ไม่พูดเปล่าอัครเดชกดริมฝีปากลงบดขยี้ริมฝีปากที่อวบอิ่มของพรประภา ทั้งเร่าร้อนและดุดันในเวลาเดียวกัน
…
จบตัวอย่าง
...
*เยริ = ดุจดาว แต่เพราะปลอมตัวเป็นผู้ชายเลยชื่อทองเหม็น
ถ้าอยากให้มีต่อเม้นท์เยอะๆนะคะ อยากอ่าน 555555555555555555555555555555555
ส่วนต่อไหม แล้วแต่อารมณ์จ้า
ทุกคนสามารถแต่งลงเด็กดีได้มีกี่ตอนก็ได้ แต่ต้องโพสลิ้งค์พร้อมกับติดแท็กกิจกรรมของบ้านเราด้วยนะคะ ไม่จำเป็นต้องตลกค่ะ เอาที่ตัวเองถนัด อัลบั้มเรดเวลเวทรอทุกคนอยู่นะคะ
ความคิดเห็น