คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : พรายน้ำ
ตอนที่ 7 พรายน้ำ
กระแสน้ำในลำธารกว้างเบื้องหน้านั้นไหลสงบนิ่ง ต้นไม้ริมฝั่งลำธารลู่ไปตามแรงลมเพียงเล็กน้อย บรรยากาศด้านหน้าดูจะสงบร่มรื่นมากกว่านี้หากไม่มีเด็กนักเรียนที่มายืนออกันที่ท่าฝั่งลำธารกว้างแห่งนี้ หลังจากที่อาจารย์หญิงคนนั้นได้สั่งให้พวกเขามายืนตรงนี้ ส่วนตัวคนสั่งที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหน
"เคียส นายรู้หรือเปล่าว่าอาจารย์เขาให้มาที่นี่ทำไม"
"ไม่รู้สิ ถ้าอยากรู้เธอก็ไปถามคนอื่นดูสิ"
"ดีจริง ถามแค่นี้ก็ตอบไปนั่น ฉันถามนายไม่ได้ถามคนอื่น"
"อยากรู้มากเลยเหรอ งั้นฉันบอกให้เอาใหม"
เสียงที่ดังมาจากข้างหลังของรีนเซียทำให้เด็กสาวสะดุ้ง ก่อนจะหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่
"เอ๊ะ! นายอีกแล้วหรือ เวลามาก็สะกิดกันมั่งสิ"
"นั่นสิ แล้วนายรู้อะไรมาบ้างล่ะ หวังว่าคราวนี้คงไม่วกไปวนมาอีกนะ"
เจ้าของนัยน์ตาสีทองฉายแววขบขันกับคำพูดของเพื่อนใหม่ที่ตนพยายามเข้ามาทำความรู้จักด้วย ก่อนที่เด็กหนุ่มผมทองจะขยับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรให้แล้วเอ่ยแนะนำตัวเองกับรีนเซียและดิเคียส
"ฉัน เนฟ เนเซสตรา พวกนายล่ะ"
"ฉัน รีนเซีย วามิลี ส่วนคนข้างๆฉันก็ ดิเคียส ลาดิเปส"
"แล้วนายจะบอกพวกเราได้รึยัง เนฟ"
เด็กสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลเข้มดั่งเปลือกไม้เอ่ยถามเนฟ ที่เพิ่งแนะนำตัวกันเมื่อครู่ นัยน์ตาสีอำพันฉายแววอยากรู้ แต่ยังไม่มากเท่าอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
"เฮ้ย เนฟ นายจะบอกได้รึยัง อย่าอมพะนำได้ไหม"
"บอกก็บอก ที่พวกเรามายืนกันตรงนี่น่ะ ก็เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะเข้าสู่โรงเรียนปราชญ์ราชันย์ได้"
"จริงอ่ะ แล้วทำไมฉันไม่เห็นตัวอาคารของโรงเรียนเลย นายมั่วรึเปล่า"
ดิเคียสถามอย่างข้องใจ ใบหน้าติดจะหวานของเจ้าตัวยิ่งดูหวานขึ้นเข้าไปอีกเมื่อทำสีหน้าสงสัย เด็กหนุ่มมองเลยไปยังฝั่งอีกฝั่งของลำธารกว้าง เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกเสียจากป่ากว้างขนาดใหญ่ ที่นั่นมีเพียงซากปรักหักพังของปราสาทเก่าแก่ที่ดูโทรมในสายตาของเด็กหนุ่มยิ่งนัก
"นี่นายมองอะไรของนาย ไม่เคยเห็นผู้ชายรึไง"
"เคย แต่ไม่เคยเห็นคนหน้าหวานเท่านาย พูดจริงๆนะ ถ้าไม่ติดตรงน้ำเสียง หรือท่าทาง ฉันคงคิดว่านายเป็นผู้หญิงจริงๆ"
"เนฟ แหมนายพูดแบบนี้เดี๋ยวเคียสก็เขินแย่หรอก เจ้าตัวเค้าก็ออกจะชอบคำชมนี้ไม่หยอกอยู่นะ"
รีนเซียเอ่ยกระเซ้าคนถูกชมอย่างเสียงใส หลังจากที่ฟังสองคนนี้พูดกันมาพอสมควรจนมาถึงประโยคเด็ดที่เธอเองอยากจะเข้าร่วมวงกับเค้าด้วย คำพูดที่เข้าข้างเพื่อนอีกคนที่มาใหม่ทำให้ดิเคียสนึกอยากจะไปเขย่าตัวเด็กสาวแรงๆว่า เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานทำไมถึงสนิทกันเร็วอย่างนี้
"เออ โชคไม่ดีนี่หว่าดันเกิดมาสวยแทนที่จะหล่อ แล้วตกลงนายจะอธิบายได้รึยัง"
"เฮ้อ ท่าทางนายจะไม่เปลี่ยนใจคุยเรื่องอื่นเลยนะ ก็ได้ๆ ที่เราไม่เห็นตัวอาคารเรียนก็เพราะว่าทางปราชญ์ราชันย์ได้ร่ายเวทพรางตาตัวอาคารและ..."
เด็กหนุ่มเว้นระยะการเล่าไว้แล้วสังเกตปฏิกิริยาของทั้งสองคนที่ฟังอย่างตั้งใจ หากสิ่งที่ได้รับกลับเป็นสายตาเข้มทั้ง 2 คู่ที่สั่งให้พูดต่อไม่เช่นนั้นจะเจอดีแน่ เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นตาโตแล้วจึงเล่าต่อ
"สถานที่ต่างๆในโรงเรียนไว้ เพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอก นายเห็นตรงปราสาทเก่าๆไหม ตรงนั้นแหล่ะที่เป็นบริเวณปราชญ์ราชันย์ ส่วนที่เราต้องมารอก็เพราะเราจะต้องเจอกับพรายน้ำก่อนถึงจะข้ามไปฝั่งนั้นได้ เพราะฉะนั้นลำธารนี้จึงดูศักดิ์สิทธิ์มาก"
"มิน่า พวกฉันถึงไม่เห็นอะไรเลย ยังไงก็ขอบใจนะที่อุตส่าห์บอกให้พวกฉันฟัง"
คำประชดของรีนเซีย ทำให้เนฟจึงแกล้งค้อมศีรษะให้เพียงเล็กน้อยอย่างพอเป็นพิธี นั่นก็เป็นสาเหตุให้เด็กสาวรู้สึกหงุดหงิด นัยน์ตาสีอำพันคู่สวยเบือนไปมองทางอื่น ก่อนที่เด็กสาวจะเห็นอาจารย์หญิงคนเดิมที่เดินกลับมายืนหน้ากลุ่มของเด็กๆที่ยืนออกันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และถ้ามองเลยออกไปอีกนิดก็จะเห็นกลุ่มรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ไม่ห่างมากนักมองกลับมายังพวกเด็กใหม่
"เอาล่ะๆ เงียบหน่อย จากนี้ไปขอให้เงียบและอยู่ในความสงบ จากนี้เราจะต้องได้รับพิธีต้อนรับของท่านพรายนีสก่อน เราถึงจะผ่านไปปราชญ์ราชันย์ได้"
"อาจารย์ครับแล้วท่านนีสอะไรนี่ จะมาเมื่อไหร่เหรอครับ"
"ฉันก็ไม่รู้ เชิญ"
"เอ่อ แล้วท่านนีสนี่เป็นใครคะ"
"ก็พรายน้ำไง ถามแปลกๆ"
ท้ายเสียงเจือความหงุดหงิดเล็กน้อยของอาจารย์ ทำเอาบรรดาเด็กใหม่ต่างไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก ต่างคนต่างเงียบแล้วจ้องไปที่ลำธารสายกว้างตรงหน้า ทันใดนั้นฟองจำนวนมหาศาลต่างผุดขึ้นตรงกลางลำธาร แล้วลอยขึ้นไปบนอากาศ ก่อนที่เกลียวคลื่นในลำธารจะหมุนวนสูงขึ้นก่อนที่จะค่อยๆลดระดับลง เผยให้เห็นหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำขลับสยายยาวจรดปลายเท้า
สีผิวนวลเนียนละเอียด ใบหน้าของเธอยามนี้กำลังหลับตาพริ้ม ไม่นานนักเธอก็ลืมนัยน์ตาสีนิลขึ้น นัยน์ตาเฉียบคมที่ดูเหมือนจะหยั่งรู้อนาคตของแต่ละคนกำลังทอดมองมาที่ริมผั่งลำธารที่บัดนี้มีคนมากมายืนออกันอยู่
พรายสาวที่มีนามว่านีสค่อยๆเก้าเท้าเดินมายังริมฝั่งลำธารท่ามกลางกระแสฟองคลื่นจำนวนมากที่รองรับอยู่ที่ปลายเท้าของเธอ ก่อนที่จะกวาดสายตามองมาที่ทุกคนอีกครั้ง แล้วมาหยุดที่รีนเซีย นัยน์ตาสีนิลของเธอส่องประกายวาวแล้วจ้องลึกไปในดวงตาสีอำพันคู่นั้นของอีกฝ่าย ก่อนที่พรายนีสจะถอนสายตา นัยน์ตาสีนิลที่ตอนนี้กลับมาเป็นเช่นเดิม ประกายตาแปลกประหลาดได้จางหายไป
"อา...นักเรียนใหม่ของปราชญ์ราชันย์ แหมเห็นเด็กรุ่นนี้แล้วน่าอิจฉาจังเลยนะเนี่ย ไม่เคยคิดว่าข้าจะต้องมาอยู่ดูพวกเด็กรุ่นของรุ่นของเหลน ข้านี่แก่ไปหลายอึดใจทีเดียว เจ้าว่าไงล่ะดาริน"
"ข้าก็ว่าเช่นท่าน ถึงแม้ท่านจะอายุเฉียด 1000 ปีก็ตามเถอะ"
เอื๊อก พันปีเลยเรอะ อะไรจะยืนยงคงกระพันขนาดนั้น หน้าก็ตึก ผิวก็ไม่เหี่ยว สวยเช้งอีกต่างหาก ดีแฮะ
เสียงความคิดในใจของพวกเด็กใหม่ที่พากันกลืนน้ำลายเอื๊อก เมื่อรู้ว่าท่านนีสคนสวยอายุเฉียดพันปีจากปากของอาจารย์สาวที่ชื่อดาริน ในขณะที่พวกรุ่นต่างพากันหัวเราะอย่างขบขัน
"ฮ่าๆ รับมุขข้าจริงๆนะดาริน เอาเถอะ เข้าเรื่องกันดีกว่า ข้านีส พรายน้ำผู้ศักดิ์สิทธิ์ ขอต้อนรับเด็กใหม่ที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ก็แล้วกัน จงจำไว้อย่างหนึ่งว่าอย่าริที่จะหนีออกจากปราชญ์ราชันย์เป็นอันขาด เพราะถ้าพวกเจ้าหนีออกมาแล้วเจ้าจะไม่มีวันออกจากวังวนแห่งกระแสน้ำของข้าได้อีกเลย เนื่องจากทางนี้เป็นทางเดียวที่เข้าออกปราชญ์ราชันย์ได้ เข้าใจใช่ไหม"
"ครับ/ค่ะ"
"....บางทีข้าอาจจะเจอกุญแจที่นำเราให้รอดจากหายนะได้แล้ว...."
นัยน์ตาสีนิลหันมาสบกับนัยน์ตาสีอำพันอีกครั้ง หลังจากที่พรายสาวพูดเสียงแผ่วเบากับตัวเอง ราวกับมีมนตร์สะกดเมื่อร่างของพรายนีสเริ่มห่างออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ ร่างของรีนเซียก็ก้าวเดินออกไปราวกับมีคนมาดึงข้อมือให้เดินไปด้วยกัน เด็กสาวมีอาการเหม่อลอย ก่อนที่จะมาหยุดตรงริมฝั่งลำธาร
"เจ้าตามข้ามาทำไมรึรีนเซีย อยากจะให้ข้าดูอนาคตของเจ้ารึอย่างไร"
"เปล่า ฉันต้องการถามท่านว่าก่อนที่ท่านจะต้อนรับพวกเรา ท่านจ้องฉันทำไม แล้วสายตาแปลกๆนั่นอีกด้วย ท่านมีอะไรที่จะบอกฉันหรือเปล่า เหมือนฉันจะสัมผัสมันได้"
เด็กสาวพูดขึ้นในขณะเดียวกันเจ้าตัวก็เริ่มลุยน้ำออกไปหาพรายนีสที่อยู่กลางลำธารท่ามกลางสายตางุนงงของคนบริเวณนั้น
"เจ้านี่ช่างความรู้สึกดีอะไรเช่นนี้ ข้าเพียงอยากจะบอกว่าเจ้าจงทำในสิ่งที่ควรทำเมื่อเวลานั้นมาถึง"
"ท่านรู้อนาคตของฉันเหรอ แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ"
"ข้าบอกเจ้าไม่ได้ มันเป็นชะตาที่ฟ้าลิขิตขึ้นมา ถึงบอกไปอะไรก็คงไม่เปลี่ยนแปลง แล้วอีกอย่างชะตาของเจ้ากับใครอีกคนกำลังจะมาบรรจบกันที่ทางสายนี้"
ขาดคำร่างของพรายสาวก็จมลงสู่ห้วงน้ำทันที ทิ้งให้รีนเซียที่อยู่ท่ามกลางลำธารเหมือนคนถูกปลุกจากการนอน นัยน์ตาสีอำพันเบิ่งกว้างเมื่อเห็นว่าลำธารที่ตนอยู่ตอนนี้มันลึกมาก ร่างของเด็กสาวจมพรวดลงสู่ใต้น้ำทันทีท่ามกลางความตกใจของดิเคียส เนฟและคนอื่นๆ
ท่ามกลางความตกตะลึงเนฟก็พุ่งตัวไปช่วยเด็กสาวที่กำลังจะจมน้ำ เด็กหนุ่มผมทองรีบว่ายเข้าไปหาก่อนที่จะพาเด็กสาวเข้าฝั่ง
ใบหน้าของเด็กสาวที่ตอนนี้ซีดไร้สีเลือดกำลังสำลักน้ำ ในขณะที่เด็กหนุ่มผมทองช่วยตบหลังให้เบาๆ ส่วนดิเคียสนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาหาเด็กสาวที่นั่งอยู่ที่ริมลำธาร
"เฮ้ย ยัยรีนเป็นอะไรรึเปล่า"
"ถ้าเป็นก็คงเป็นนานแล้วล่ะ ไม่มาอยู่ให้นายถามบ้าๆหรอก"
"โหยปากเธอนี่มัน รู้งี้เจ้าเนฟไม่น่าไปช่วยเธอเลย ให้ตายเถอะ"
คนถูกพาดพิงว่าไม่น่าไปช่วยถึงกับส่ายหัวให้เพื่อนใหม่อีกสองคนที่นั่งเถียงกันอยู่ นัยน์ตาสีทองของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยประกายขบขัน
"ฉันว่าพวกนายเลิกทะเลาะกันดีกว่าไหม คนมองมาตั้งเยอะ"
นัยน์ตาสีอำพันคู่สวยเบิกกว้างขึ้นเมื่อถูกเตือน เด็กสาวจึงหันไปมองรอบข้างเล็กน้อย ทำให้เห็นทุกคนให้ความสนใจมุ่งมายังที่ๆเธอนั่งอยู่ ก่อนที่เด็กสาวจะยิ้มแหยๆ แล้วหันหน้ากลับมายังดิเคียส
"เพราะนายเคียส ไม่น่ามาส่งเสียงโวยวายแถวนี้เลย เดี๋ยวเค้าจะนึกกันว่านายเป็นผู้หญิงซะเปล่าๆ"
ไม่วายคนเพิ่งรอดจากการจมน้ำก็แย็บประโยคเด็ดเข้าให้ ทำให้ใบหน้าติดจะหวานของอีกฝ่ายฉายแววไม่พอใจเพราะรู้ว่าคนตรงหน้าชอบเล่นเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"ยัยรีน จะฉันจะดีใจมากถ้าเธอไม่ย้ำว่าหน้าฉันมันเหมือนผู้หญิง"
"พวกนายสามคนจะเลิกพูดงี่เง่าไร้สาระกันได้รึยัง ไม่เห็นหรือไงว่าอาจารย์ดารินมีเรื่องที่จะพูดต่อ"
น้ำเสียงเย็นเยียบถูกส่งเข้ามาขัดจังหวะพอดิบพอดี เจ้าของร่างสูงกำลังยืนกอดอก ใบหน้าคมคายที่รับกับผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ ดูแล้วหล่อเหลากระชากใจสาวๆ กำลังฉายแววเบื่อหน่าย นัยน์ตาสีเทาเข้มนั้นแฝงไปด้วยแววเย็นชา
นัยน์ตาสีอำพันตวัดไปมองคนพูดทันที ใบหน้าของคนถูกว่าว่างี่เง่าไร้สาระขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความโกรธ
"นายมีสิทธิ์อะไรถึงมาว่าคนอื่นว่างี่เง่าไร้สาระ"
"มีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์อะไร เธอไม่จำเป็นต้องรู้ รีบๆทำตามที่ฉันบอกซะ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำซาก"
"เอ๊ะ! นายนี่...."
เสียงของรีนเซียขาดห้วงไปเมื่อถูกเพื่อนอีกสองคนดึงแขนไปรวมกับกลุ่มเด็กใหม่ นัยน์ตาสีเทาเข้มจากที่เย็นเยียบอยู่แล้วยิ่งเย็นจนน่ากลัว
"เอาล่ะๆ ขอบใจเธอมากนะรัส ฉันครูว่าพวกเธอไปรอที่ปราชญ์ราชันย์เลยก็แล้วกัน"
"ครับ อาจารย์"
เด็กหนุ่มเจ้าของท่าทีเย็นชาเอ่ยรับคำอาจารย์ดาริน ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปที่กลุ่มของพวกรุ่นพี่ แล้วทั้งกลุ่มนั้นก็พากันหายตัวไปท่ามกลางความงุนงงของพวกเด็กใหม่
"เฮอะ นายนั่นทำมาเป็นหยิ่ง เกิดมายังไม่เคยเจอใครหยิ่งเท่านี้มาก่อนเลย ชื่ออะไรนะ รัสใช่ไหม"
"ใช่ แต่ฉันว่าเธอไม่น่าไปหาเรื่องเค้าเลยนะ คนๆนั้นน่ะ"
เนฟเอ่ยกับรีนเซียด้วยท่าทีสบายๆ ในขณะที่แววตาสงสัยเป็นของรีนเซีย แต่ก่อนที่เด็กสาวจะทันถามอะไรกับเจ้าคนรู้มาก เสียงของอาจารย์ดารินก้กลบขึ้นเสียก่อน
"พวกเธอตามฉันมาทางนี้ ให้ขึ้นเรือลำละ 6 คน รีบๆเข้าล่ะ พวกเราต้องทำเวลากันหน่อย นี่ก็จะสายแล้ว"
พวกเด็กใหม่ทั้งหลายต่างรีบเดินไปลงเรือกันอย่างรวดเร็ว รวมทั้งรีนเซียที่ถูกดิเคียสลากให้เดินเร็วๆ พร้อมกับเนฟที่เดินตามหลัง ทั้งสามคนเลือกที่จะนั่งเรือลำที่อยู่ใกล้ที่สุด ในนั้นมีคนมานั่งอยู่แล้วสามคน นัยน์ตาสามคู่ต่างจ้องผู้มาทีหลัง ทำให้รีน เซียยิ้มให้เป็นเชิงทักทาย ก่อนที่จะก้าวเท้าลงเรือ ตามมาด้วยเด็กหนุ่มอีกสองคน
"พวกนายกล้ามากเลยนะ ที่กล้าไปต่อปากต่อคำกับรุ่นพี่คนนั้นน่ะ"
"รุ่นพี่เหรอ นายนั่นน่ะนะ"
รีนเซียถามขึ้นอย่างสงสัย นัยน์ตาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มใส่แว่นที่ดูดีเอ่ยทักเธอเป็นคนแรก ก่อนที่เด็กสาวนัยน์ตาสีน้ำตาจะเอ่ยหันมามองบ้าง
"เธอไม่รู้จริงๆเหรอว่ารุ่นพี่คนนั้นเป็นใคร"
"ถ้ายัยรีนรู้ก็แปลกละ พี่ชายยัยนี่ไม่เคยเล่าอะไรสักอย่าง ถ้าเธอรู้ก็บอกเราหน่อยแล้วกัน"
เด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าติดจะหวานเอ่ยขึ้นอย่างนึกสนุก ทำให้เด็กสาวผู้ถูกขอให้เล่ามองมาอย่างแปลกใจ ก่อนที่เด็กหนุ่มผมยุ่งอีกคนซึ่งนั่งเงียบมานานหลังจากที่เรือทุกลำกำลังลอยลำเข้าสู่เส้นทางไปปราชญ์ราชันย์จะเอ่ยขึ้น
"เทียรัส ทีคานอฟ"
---------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็จบซะทีตอนที่ 7 แหะๆ *^*
ความคิดเห็น