ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อธาเรล....ดินแดนปราชญ์ราชันย์

    ลำดับตอนที่ #5 : ป้อมผลึก

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 49



     

      ตอนที่ 5 ป้อมผลึก

               

                       สายลมเย็นโชยโอบอุ้มกลิ่นหอมจากฟากฟ้า ยามนี้แสงแดดเริ่มทอประกายแรงขึ้นๆ ร่างบางของรีนเซียที่ตอนนี้ยืนร่ำลาผู้เป็นแม่


                           "ท่านแม่คะ รีนไม่อยู่เป็นเพื่อน ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"

                           "จ๊ะ อีกไม่นานลูกก็จะได้กลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ตั้งใจเรียนนะ เรมแม่ฝากดูน้องด้วยล่ะ"

                            "ครับท่านแม่ แหม แต่ผมอยากจะบอกว่ายัยรีนดูแลตัวเองได้ดี จนผมไม่ต้องไปคอยช่วยเหลือหรอก เดี๋ยวโดนกัดเอา"

                             คำแหย่ของพี่ชายทำให้รีนเซียหันขวับมามองหน้าพร้อมกับยิ้มแยกเขี้ยวให้

                             "พี่เรม ไม่มีใครเขาว่าอะไรหรอกนะ ถ้าพี่จะเงียบบ้างสักครั้งน่ะ"

                              "โถๆ น้องพี่ บ่นมากเดี๋ยวก็แก่หรอกนะ ขอเตือนด้วยความหวังดี"

                              "พี่เรม..."

                               "พอจ๊ะพอ ออกเดินทางกันได้แล้วนะ เดี๋ยวจะสายเอา"

                                คำเตือนของผู้เป็นแม่ที่ส่งมาให้ลูกทั้งสองที่ทะเลาะกันอยู่หยุดเถียงกันในทันที ทั้งรีนเซียและเรมัลต่างก็ตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนต้องรีบไปที่วิหารกลางเมือง ทั้งคู่จึงร่ำลาผู้เป็นแม่ แล้วรีบออกเดินทางทันที

                                 "นี่พี่เรม ถ้าเคียสไม่รอรีนนะ เราจะได้เห็นดีกันแน่"

     

                                 "สิบต่อหนึ่ง พี่ว่ามันรอเราแน่ยัยรีน เห็นตัวติดกันอย่างกะปาท่องโก๋"

     

                                  คำประชดของพี่ชายทำให้เด็กสาวมุ่ยหน้าอย่างขัดใจ ก่อนที่จะเปรยขึ้นเบาๆ

                                    "มันก็ไม่แน่เสมอไปนะพี่เรม"

                                    นัยน์ตาสีอำพันคู่สวยหันมาสบกันก่อนจะเมินหน้าไปคนละทางอย่างจงใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางมาถึงวิหารกลางเมือง

                                     วิหารกลางเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ถูกสร้างขึ้นให้มีความสวยงามแปลกตาและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน ตัววิหารและบริเวณโดยรอบล้วนแต่มีการแกะสลักลวดลายวิจิตรงดงาม บริเวณรายรอบคราคร่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ซึ่งล้วนแต่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับรีนเซียและเรมัล

                                      รีนเซียกวาดสายตามองหาบุคคลที่มีเรือนผมสีน้ำทะเลที่บอกว่าจะรอเธออยู่แถวๆนี้ ก่อนที่นัยน์ตาสีอำพันจะไปสะดุดเข้าที่เรือนผมสีน้ำทะเลของเด็กหนุ่มคนที่เธอกำลังตามหาอยู่ แต่ก่อนที่เธอะเดินเข้าไปทักเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่เป็นเป้าหมายก็หายตัวไปเสียแล้วโดยที่เธอไม่ทันมอง

                                      เด็กสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหาเพื่อนรัก แต่ก่อนที่เธอจะเดินไปหาที่อื่น ก็มีมือหนึ่งมาสะกิดที่หัวไหล่เบาๆ

                                      "อะไรพี่เรม รีนหาหมอนั่นอยู่นะ"

                                       "หมอนั่นที่ว่าใครเหรอ"

                                     "เอ๊ะ! จะใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ดิเคียส แล้วเลิกสะกิดรีนได้แล้ว เดี๋ยวก็หาเคียสไม่เจอกันพอดี"

                                        เสียงกระแทกโวยวายส่งไปให้คนที่ยื่นมือมาสะกิด ก่อนที่เขาสะกิดอีกครั้ง นั่นยิ่งเป็นการกระทำที่ดูกวนประสาทที่สุดสำหรับรีนเซีย

                                        เด็กสาวหันมาหาคนก่อเรื่องด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด

                                        "เอ๊ะ! พูดไม่รู้เรื่องหรือไง พี่เรม...เฮ้ย นายมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เคียส ฉันหาตั้งนาน"

                                        "ก็นานพอที่เธอ จะว่าพี่เรมปาวๆน่ะสิ"

                                        "อ่ะ เอ่อ ก็นายหายไปนี่ ฉันก็นึกว่าพี่เรมแกล้งสะกิดซะอีก"

                                         คำกล่าวต่อที่เด็กสาวเอ่ยขึ้นอย่างอ่อยๆ เพราะรู้ว่าตนเป็นคนผิด ถ้าจะโวยคนตรงหน้า เธอก็จะกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลทันตาเห็น
     
                                         "ว่าไงไอ้เคียส นึกว่าจะไม่รอพวกเราซะแล้ว"

                                         "ต้องรออยู่แล้วพี่เรม ไม่งั้นนะยัยรีนต้องด่าผมหูชาแน่เลย"

                                         "หือม์...พูดผิดพูดใหม่ได้เคียส นายเห็นฉันเป็นอย่างนั้นจริงเหรอ"

                                          "ใช่ เสียยิ่งกว่าจริง พี่ขอตอบแทนมันละกัน"

                                          เด็กสาวหันไปแยกเขี้ยวใส่พี่ชายทันทีที่เขาเอ่ยจบ

     

                                          "เชอะ แต่อยากจะบอกให้ว่าใครเขารอพี่กันล่ะ เคียสรอรีนต่างหาก"

     

                                          "แล้วไง ถ้าเราว่าพี่อีก พี่ก็จะไม่เล่าเรื่องปราชญ์ราชันย์ให้ฟัง"

     

                                          คนพูดทำสีหน้าอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ทำให้คนเป็นน้องถึงกับอึ้งในความแสนดีของพี่ชาย เด็กสาวเข้าไปเขย่าแขนร่างสูงเร่งให้เขาเล่าเรื่อง

     

                                         "พี่เรมๆ รีนขอโทษ ดีกันนะๆ เล่าให้ฟังได้ไหม"

     

                                         "ใช่ๆ พี่เรม ยัยรีนก็ขอโทษแล้ว พี่ก็เล่าให้ผมฟังสักทีสิ"

     

                                         คนถูกรบเร้าให้เล่าส่งนัยน์ตาซื่อๆ กับใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มมาให้ ยิ้มที่รีนเซียเตือนตัวเองว่าไม่น่าไว้ใจที่สุด

     

                                         "อยากให้บอกมากใช่ไหม"

     

                                         "อื้อ"

     

                                         "ท่าทางจะอยากฟังมากเลยสินะ"

     

                                         "ใช่"

     

                                         "งั้นพี่จะเล่าเลยนะ"

     

                                         คำถามต่อของเรมัลทำให้รีนเซียและดิเคียสต่างพยักหน้าให้เขาอย่างรวดเร็ว แล้วทำสีหน้า สายตาบังคับให้เล่าเร็วๆ

     

                                         "เมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา โรงเรียนปราชญ์ราชันย์ถูกก่อตั้งโดยจอมปราชญ์ทั้ง 5 ที่ดำรงตำแหน่งในรุ่นก่อน ปราชญ์ราชันย์ เอ่อ ปราชญ์ เอ่อ เอ...จำไม่ได้แล้วล่ะ ให้ตายเถอะ เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ขอโทษจริงๆนะ"

                                          นัยน์ตาสีอำพันคู่สวยเหลือบมองนัยน์ตาสีอัญชัน ก่อนจะเบือนมาสบกับใบหน้าของผู้เป็นพี่ชาย ก่อนที่เจ้าตัวจะกัดฟันกรอด นึกอยากทำอาชีพนักฆ่าขึ้นมาทันที

                                          ให้มันได้อย่างนี้สิ พี่ชายฉัน 

                                          ในขณะเดียวกันเด็กสาวก็ตวัดสายตากลับมาที่เพื่อนรักอีกครั้ง ที่บัดนี้ยืนนิ่ง ความเงียบรับประทาน สีหน้าอึ้งที่แสดงออกมาบนใบหน้าติดจะหวานของเจ้าตัว ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจอย่างปลงๆกับความขี้แกล้งของพี่ชายเพื่อนรัก

                                           เราว่าเราก็เซียนแกล้งแล้วนะ ไหงพี่เรมมันเหนือฟ้ากว่าเรา ให้ตายก็ไม่มีวันเชื่อคนตรงหน้าอีกแน่ๆ

                                          
    "เยี่ยมจริงๆพี่เรม เล่าดีๆไม่ได้หรือไงนะ"

                                          "นี่ไง ดีที่สุดแล้ว ถ้าพี่เล่าให้ฟังก่อนก็หมดสนุกสิ ตอนมาที่นี่พี่ก็เจอเอง แล้วอีกอย่างก็ไม่แฟร์สำหรับพี่ที่รู้เองด้วย เอ้อ รีบๆไปได้แล้วเดี๋ยวไปไม่ทันหรอก พี่ไปหาเพื่อนก่อนนะ เจอกันที่ปราชญ์ราชันย์น้องรัก"

                                           ร่างสูงของเรมัลหันกลับมาโบกมือให้รีนเซีย ก่อนเจ้าตัวจะวิ่งเข้าไปรวมกับกลุ่มเพื่อนแล้วเดินทางไปยังป้อมผลึก

                                            "ฉันว่าเราไปกันเถอะ ก่อนที่จะสาย"

                                            "อื้ม หวังว่าคงไม่มีใครหน้าไหนมาทักฉันเป็นผู้หญิงอีกนะ สาธุ เพี้ยง!"

                                            นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้างกับการกระทำของดิเคียสก่อนจะกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่ เพื่อนเธอนี่ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

                                            "นายท่าจะเพี้ยนไปแล้วนะเคียส ฉันจำไม่ได้ว่าเคยเป็นเพื่อนกับคนแบบนี้ด้วย"

                                            น้ำคำต่อมาที่ฟังดูเรียบเฉยก่อนเจ้าของร่างบางจะวิ่งออกไปก่อนข้างหน้า ทิ้งให้คนถูกหลอกด่านั่งตีความหมายเอาเอง ท่ามกลางความวุ่นวายโดยรอบ


             
                             -------------------------------------------------------------------


                                         ท้องฟ้าปลอดโปร่งใส่ ในขณะที่แสดแดดแผดกล้าขึ้นจากเดิม แสงแดดทอประกายทำมุมกับหลังคาป้อมผลึกที่เห็นลิบๆอยู่ตรงหน้า

                                          ป้อมผลึกเป็นสถานที่เก่าแก่ซึ่งได้ชื่อว่ามีความสำคัญมากแห่งหนึ่งในอธาเรล ป้อมแห่งนี้มีส่วนร่วมกับประวัติศาสตร์อันยาวนานบนผืนแผ่นดินนี้ ป้อมนี้เป็นป้อมหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆบริเวณต้นน้ำ หินแต่ละก้อนที่ถูกนำมาก่อสร้าง บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งดั่งภูผาของมัน ความแข็งแกร่งนี้เองที่เป็นฐานแห่งความสำเร็จทั้งปวง

                                           "เคียสเดินเร็วๆหน่อย เหลืออีกไม่กี่นาทีเองนะ"

                                           "จะบ้าเรอะยัยรีน ก็เห็นอยู่ว่าเรามาถึงกันแล้ว พักสักครู่นึงสิ"

                                           "เหอะ"

                                          นัยน์ตาสีอำพันคู่สวยตวัดไปมองทัศนียภาพด้านข้างแทน สิ่งที่เห็นคือเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอที่จะมาสมัครสอบที่อธาเรล เพื่อหวังที่จะชิงตำแหน่งสภาปราชญ์ในอนาคต ความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว กังวลใจ หรือแม้แต่รอคอย ล้วนพบเห็นในสายตาของแต่ละคน ก่อนที่สายตาของเธอจะไปสะดุดเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาเธอและดิเคียส

     

                                         "ไง พวกนายมาสอบที่นี่ด้วยเหรอ"

     

                                         "ใช่สิ มาถึงที่นี่แล้วจะให้มาทำอะไรล่ะ"

     

                                         ดิเคียสพูดขึ้นก่อนจะถูปลายจมูกตัวเองเบาๆ ในขณะที่สีหน้าสงสัยเป็นของรีนเซีย

     

                                           สองคนนี้รู้จักกันด้วยเหรอ

                                           "นายสองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอ"

                                           ไวเท่าความคิด คำถามของเด็กสาวก็ถูกส่งออกไป

                         

                                       "คิดว่ารู้...มั้ง แต่ฉันเตือนพวกนายก็แล้วกันว่าอย่ามัวชมบรรยากาศรอบข้างนานนะ อีกไม่นานเดี๋ยวก็คงมีประกาศอะไรสักอย่าง ฉันไปล่ะ"

                                       
                                      คำกล่าวล่าอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ดิเคียสสบถอุบกับคนที่ทำเป็นรู้มากอย่างหมอนั่น ในขณะที่รีนเซียมองเด็กหนุ่มผมทองที่หายไปกับฝูงชนอย่างขัดใจที่คนคนนั้นชอบอุบอะไรไว้เหมือนพี่เรมไม่มีผิด
    !!

                                        ปัง!!

                                       
                                      
    เสียงดังกระหึ่มราวกับว่ามีใครสักคนร่ายเวทให้เกิดเสียงดังขึ้นที่บริเวณตรงหน้าป้อมผลึก เสียงนั้นทำให้รีนเซียและดิเคียสรวมทั้งคนอื่นๆ เดินตามเสียงนั้นไปจนมาถึงบริเวณหน้าป้อมผลึก และที่ตรงนี้ทำให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นอาจารย์จากปราชญ์ราชันย์ที่หน้าตาบ่งบอกถึงความเฮี๊ยบได้เป็นอย่างดี

                                       
                                    "เอาล่ะ พวกเธอทุกคนมากันครบแล้วใช่ไหม ฉันจะได้พูดกับพวกเธอเลย เรื่องจดหมายที่ส่งไปในตอนแรกนั้นออกจะกำกวมไปนิดหน่อย ฉันเดาเอาว่าพวกเธอคงคิดว่าจะเข้ามาเรียนที่ปราชญ์ราชันย์ได้เลย แต่บอกซะก่อนว่าไม่ใช่ พวกเธอทุกคนจะต้องทดสอบตัวเองก่อนเข้าเรียน"

                                         
                                        เสียงคุยดังขึ้นจอแจจากช่วงที่อาจารย์หญิงคนนั้นเว้นวรรคไป ก่อนจะต่อด้วยเสียงอันดัง

                                        
                                         "ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดอยู่ภายใต้เขตอาคมของฉัน จะไม่มีใครที่สามารถออกไปจากบริเวณนี้ได้ สรุปก็คือว่าพวกเธอที่อยู่ตรงนี้ต้องเข้ารับการทดสอบ มีอะไรจะถามไหม"

                                     
                                       อาจารย์สาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันไปทางทิศที่มีมือๆหนึ่งยกมือขึ้น

                              
                                      
    "เชิญ"

                               
                                     
    "อ่ะ...เอ่อ อาจารย์ฮะ แล้วทดสอบนี่คือทดสอบอะไรครับ"

                                
                                     
    "หาของ มีเวลาให้ 2 ชั่วโมงในป้อมผลึกแห่งนี้ ส่วนของที่ให้หาคือเหรียญที่มีสัญลักษณ์สภาปราชญ์ ใครหยิบผิด หรือ หยิบไม่ทันถือว่าหมดสิทธิ์"

                                 
                                      
    เกิดความเงียบไปชั่วขณะก่อนที่มือของใครสักคนข้างๆรีนเซียยกขึ้น

                                  
                                     
    "อาจารย์คะ แล้วคนที่หมดสิทธิ์นี่ก็ต้องกลับบ้านเลยใช่ไหมคะ"

                                   
                                       
    "ใช่"

                                     
                                       ซวย ไอจดหมายนั้นโคตรจะกำกวมจริง ไอเราก็นึกว่าจะเข้าได้เลย

                                 
                                    
      เสียงความคิดของใครหลายๆคนดังขึ้นในใจพร้อมกัน

                                 
                                     
    "ตอนนี้ฉันจะอธิบายกติกานะ ฟังให้ดี อย่างที่พูดไปแล้ว พวกเธอทุกคนจะต้องทำการแข่งขันหาเหรียญที่มีตราสภาปราชญ์ให้ได้ เมื่อใครหาเหรียญพบเหรียญนั้นจะพาพวกเธอหายตัวออกมาข้างนอก แต่ถ้าเป็นเหรียญปลอมมันก็จะเป็นแค่เหรียญธรรมดาๆ และกฎของเราก็คือห้ามใช้เวทหายตัวเด็ดขาด ถ้าพร้อมแล้วขอให้เข้ามาที่ห้องโถงของป้อมผลึก"

                                      
                                     
    สิ้นเสียงอธิบายอาจารย์สาวก็หายตัวไปรออยู่ภายในห้องโถง จากนั้นไม่นานแต่ละคนก็เริ่มเดินทะยอยเข้าไปในป้อมผลึก หลังจากคนสุดท้ายที่เข้าไป ประตูบานใหญ่ของป้อมผลึกก็ปิดสนิท

                                      
                                      
    ปึง
    !!


    ---------------------------------------------------------------------------
      ใครอ่านจบแล้วก็ช่วยกันเม้นหน่อยเน้อ ส่งสารเด็กตาดำๆ *-*

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×