คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นิสัยเสียแก้ไม่หาย จะทำอย่างไร+ ภาพปกหนังสือ
เคยรู้สึกไหม..นิสัยเสียๆอย่างเราแก้ไม่มีวันหาย เพราะมันคือความเป็นเรา
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าเจ้านิสัยเสียๆนี่แหละ ทำให้ชีวิตเราพังไปมากต่อมาก ทำให้ชีวิตแต่ละวันดำเนินไปด้วยความขรุขระ ทำให้สิ่งแวดล้อมเน่าเหม็น ทำให้บรรยากาศรอบกายไม่น่าหายใจ
ทำให้คนรอบตัวรู้สึกแย่ และแม้กระทั่งดึงดูดคนที่แย่พอกันเข้ามาไม่หยุดหย่อนจนน่าคลื่นไส้
หลายครั้งที่คุณคิดอยากลองเปลี่ยนนิสัยเสียๆดูสักครั้ง แต่ก็ได้แค่อยากอยู่ลึกๆ
คืนวันผ่านพ้นไป ก็ลืมเลือนความตั้งใจไปเสียสิ้น พอนึกขึ้นได้อีกทีก็คิดเสียว่า ช่างมันเถอะ
ไหนๆมันก็เป็นความเคยชินมาแต่กำเนิด หรืออาจจะยาวนานกว่านั้นไม่อาจทราบได้
ฉันเองก็เคยเป็นคนอย่างนั้น..และก็เถียงไม่ได้ด้วยว่า ธรรมชาติน้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำ
ถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง มันก็ยินดีจะไถลลงไปเรื่อย และแรงกำลังที่จะต้านแรงน้ำนั้นก็จะยิ่งถดถอยลงไปทุกที
แต่ด้วยความเหลืออดในนิสัยของตัวเอง สิ่งรอบกายที่จะต้องเจอมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งไม่น่าพึงใจเสียมาก ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากนิสัยเสียของตัวนั่นแหละที่เป็นเหตุ
จนวันนึงฮึดสู้ หรืออาจจะเรียกว่าบ้าดีเดือดก็ได้
หยิบสมุดเล่มเล็กๆเล่มหนึ่งมากางออก เปิดไปหน้าว่างเปล่าหน้าหนึ่งแล้วจรดปากกา
ฉันลงมือลิสต์รายกายนิสัยเสียที่ติดตัวฉันมานาน และไม่เคยได้รับการแก้ไข หรือแม้แต่จะตั้งใจเปลี่ยนแปลงมัน
โอเคล่ะ..ถ้าคุณจะบอกว่า ความเป็นตัวตนของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ทำไมเราจะต้องเสียเวลาเหนื่อยตัวเอง เปลี่ยนภาพพจน์ขึ้นมาเพื่อให้คนหลายๆคนยอมรับ
มันไม่ใช่ฉันเลย..
นั่นเป็นความคิดฝ่ายแย่ที่คอยสนับสนุนคุณอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
สร้างความหลังฝังใจจนยากแกะออก ว่านิสัยนี้เป็นคุณ อย่าได้ริอ่านคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขทีเดียวเชียว
วันๆก็ได้แต่นั่งสงสัย ว่าทำไมคนนู้นถึงดีอย่างนี้ เจอแต่เรื่องดีๆ มีแต่คนดีๆเข้ามาในชีวิต
มีแต่มิตรภาพสวยงามที่หลายคนต่างพากันแห่มามอบให้ ทำไมเราไม่เจออย่างนั้นบ้าง
ก็คิดไปต่างๆนานาว่า ชาติที่แล้วเขาคงทำบุญมาแยะ
เรามันทำบุญมาน้อย โชค วาสนาจึงไม่เท่าเขา
นี่ก็เป็นความคิดเห็นที่พอจะดูสมเหตุสมผลได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด
หลักใหญ่ใจความคุณลองสังเกตดีๆเถิด สิ่งดีๆที่คนเหล่านั้นได้รับ
ส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนๆนั้น
โดยเฉพาะนิสัยคิดสละออก เห็นแก่ผู้อื่นมากกว่าตัวเอง อันนี้ดูจะเห็นได้ชัดมากเป็นพิเศษ
ฉันเคยมองเพื่อนคนหนึ่งด้วยความอิจฉาและอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
แต่ฉันก็คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าเหตุของสิ่งที่เขาได้รับมันก็คือนิสัยที่เขาทำอย่างเคยชินแล้วนั่นเอง
วันนั้นฉันลิสต์รายการนิสัยแย่ๆออกมาได้เป็นสิบ เห็นแล้วน่าตกใจ
แต่ถ้าคุณซื่อตรงกับตัวเองมากพอ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้
ฉันเห็นรายการต่างๆแล้วรู้สึกยี้ตัวเอง
ไม่ล่ะ..ฉันจะไม่ยอมให้นิสัยเสียๆมากำหนดทิศทางชีวิตของฉันให้ลาดลงต่ำต่อไปแล้ว
สิ่งแย่ๆที่ฉันเจอ มันซ้ำซากเกินพอที่จะบ้าทนรับ
และก็น่าเขกกะโหลกตัวเองแรงๆด้วย เพราะเห็นได้ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่ามันเกิดจากนิสัยเสียๆของตัวเองโดยแท้ ไม่ต้องมาปวดหัวนึกถึงชาติก่อนชาติไหนให้เสียเวลาฟรี
นิสัยเสียอย่างแรงที่ทำชีวิตฉันแย่มากที่สุดคือนิสัยรักการ "โกหก"
ขอให้ได้โกหกเป็นพอจะรู้สึกชีวิตไม่ผิดปกติ
ซึ่งก็ส่งผลให้ฉันได้รับการไม่ไว้วางใจจากคนในครอบครัว
พ่อฉันถึงกับเคยพูดออกมาว่า ดีนะที่ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง
นิสัยแย่ๆมันเลยดูซอฟท์ลงไปบ้าง
ถ้าเกิดเป็นผู้ชายล่ะก็หนักเลย
ฉันถูกนินทาจากคนรอบข้างบ่อยครั้ง
ฉันไม่ค่อยได้พบกับมิตรภาพที่บริสุทธิ์
ฉันมักพบกับมุมมองแย่ๆที่คนอื่นมีต่อตัวฉัน
นิสัยเสียรองลงมาจากการโกหก คือนิสัยถือวิสาสะขโมยของเพื่อนไปใช้
ด้วยคิดว่าเป็นของเล็กน้อย เป็นคนกันเอง
ก็ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะเดือดร้อน หรือเสียความรู้สึกอะไรมาก
บอกได้เลยว่าทำจนรู้สึกชินเกินกว่าที่จะรู้สึกตัว
และก็แน่นอน ชื่อเสียงฉันแอบเน่าเฟะเป็นระยะๆ
จากการบอกต่อเล่าสู่กันฟังของเพื่อนฝูง
วันนั้นฉันมีความตั้งใจที่แรงกล้ามากมาย
หนึ่งคือต้องเลิกโกหกให้เด็ดขาด
สองคือต้องเลิกลักเล็กขโมยน้อยแม้เห็นเป็นคนใกล้ตัวขนาดไหนก็ตาม
จะต้องขออนุญาตเจ้าของก่อนทุกครั้ง
คุณเชื่อไหม เพียงความตั้งใจอันแรงกล้านั้นฉายชัดขึ้นในมโนสำนึก
ความสว่างก็จัดจ้าขึ้นมาในตัวฉันทันที
ฉันรู้สึกได้ถึงใจที่เปิดออก
ใจที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
และก็รู้สึกว่าไม่มีกำลังใจไหนๆจะดีและมีอำนาจเท่ากำลังใจที่ตนเองเป็นคนสร้าง
นิสัยเสียฉันมีอีกมากมาย
แต่ฉันก็คิดล่ะว่าเอาสองข้อนี้ให้ได้ก่อน โดยเฉพาะข้อแรกต้องเลิกให้เด็ดขาด
ข้ออื่นเดี๋ยวค่อยมาดูกันทีหลัง อ้อ..มีอีกข้อนึงที่ฉันคิดว่าพอจะเริ่มเปลี่ยนแปลงได้ คือการรู้จักจัดข้าวของเครื่องใช้ให้ดูเป็นระเบียบไม่รกรุงรัง
และก็เป็นความจริงที่ว่า เมื่อตั้งใจทำสิ่งดีชนิดไม่เคยทำมาก่อน
โดยเฉพาะเรื่องใหญ่จัดอย่างการเปลี่ยนแปลงนิสัยเสียๆที่เคยชินมาตั้งแต่ยังจำความได้
ก็มักมีเหตุการณ์พิสูจน์ใจมากมายมาล่อ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ยั่วยวนทดสอบความสัตย์ซื่อ
ของน่าล่อตาล่อใจให้หยิบมาใช้ก่อนอย่างถือวิสาสะ เป็นต้น
ฉันสัมผัสถึงแรงต้านที่ยิ่งกว่ากระแสน้ำเชี่ยวกราก เหมือนกำลังเดินทวนเข็มนาฬิกา
หรือไม่ก็กำลังแหวกว่ายทวนกระแสน้ำขึ้นไปอย่างหนักอึ้ง
แต่ด้วยความตั้งใจที่แรงกล้า
เหมือนมีความสว่างโพลงโผล่ขึ้นมาดักหน้าฉันทุกครั้งก่อนเผลอไปทำอะไรเดิมๆอีก
และฉันก็คิดว่าเอาน่า ทนฝืนไปช่วงแรก ถ้าทำบ่อยๆเข้าคงเคยชินไปเอง
และถ้าไม่หนักแน่นที่จะเปลี่ยนตัวเองในตอนนี้ ก็ไม่รู้ฉันจะไปตั้งใจเปลี่ยนใหม่อีกชาติไหน
ชีวิตแย่ๆ ผู้คนแย่ๆ เรื่องราวแย่ๆ ก็ย้อนกลับเข้ามาให้ปวดหัวอีกตามเคย
คอยเตือนตัวเองอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าจะมีเรื่องยั่วยวนสักแค่ไหน
หมั่นพิจารณาตัวเองอยู่บ่อยๆว่าวันนี้ได้ทำผิดไปบ้างหรือยัง
จนกระทั่งฉันเริ่มตั้งมั่นขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเหนื่อยฝืน
รู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่
สัมผัสได้จากใจที่เข้าสู่เขตสว่างเต็มที่
มันรู้สึกโล่ง และสะอาดอย่างบอกไม่ถูก
ที่สำคัญคือความภาคภูมิใจ และความนับถือตัวเองหลั่งไหลเข้ามาทบทวี
ฉันรู้สึกเหมือนการพูดความจริงเป็นนิสัยและความเคยชินของฉันไปเสียแล้ว
แม้บางครั้งมันจะดูเถนตรงไปบ้างก็เถอะ
ฉันรู้สึกการหยิบของที่เจ้าของไม่อนุญาตมาใช้แม้เป็นคนกันเองแค่ไหนก็ตามเป็นความรู้สึกสกปรก น่าขยะแขยง
และเพียงวันเดียวที่ฉันนึกจัดข้าวของในห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ก็มีเพื่อนเดินเข้ามาทักด้วยหน้าตาบ่งบอกความเหลือเชื่อ และรู้สึกอยากเป็นมิตรกับฉันมากขึ้น
คนรอบตัวของฉันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป บางคนที่แย่อยู่ก็มีนิสัยดีขึ้น
ส่วนบางคนที่ทนไม่ได้ก็ห่างออกไปเอง
คนใหม่ๆที่นิสัยดีๆก็หลั่งไหลเข้ามาให้ฉันได้รู้จัก
ความไว้วางใจและความเชื่อถือในตัวฉันมันอ่านออกได้โจ่งแจ้งตั้งแต่ระดับแววตาที่พ่อมองฉันผิดไปจากเดิม
สังคมใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ ที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเลือกเกิดใหม่ได้ในชาติเดียวมันมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และฉันกล้าบอกอย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าชะตาชีวิตลิขิตได้ไม่ยากด้วยปัจจุบันกรรมของคุณเองนั่นแหละ
เมื่อทำสิ่งใดเป็นนิสัยแล้ว
สิ่งแย่ๆที่เคยทำแม้จะวนเวียนมาทดสอบใจเราอยู่สม่ำเสมอ แต่เราจะตัดมันได้ตั้งแต่ระดับความคิดเลยทีเดียว แม้ความคิดจะทำสิ่งแย่ผุดขึ้นมา เราก็รู้สึกตัวขึ้นมาเสียแล้ว
ป่วยการที่จะพลาดไปพูด หรือพลาดไปทำสิ่งแย่นั้นอีก
และเมื่อใดที่ขาดสติมากๆ เผลอพลั้งไปทำสิ่งแย่ใหม่ แม้โดยไม่เจตนา ฉันจะเกิดความรู้สึกผิดรุนแรง
และตั้งใจแน่วแน่ว่าจะระวัง ไม่ประมาทอีกขึ้นมาอย่างแรงกล้า
ทั้งๆที่เมื่อก่อน ฉันรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่เห็นต้องน่ากังวลอะไร
เป็นเวลาไม่ถึงปี ฉันได้กลับมาเปิดสมุดเล่มนั้นดูอีกครั้งแล้วก็ต้องตกใจ
เพราะตอนแรกฉันตั้งใจแน่วแน่เพียงสองสามข้อ
แต่ปรากฏว่า นิสัยแย่ๆอีกนับสิบข้อฉันทำมันได้ดีขึ้น หรือแม้กระทั่งละเว้นการกระทำเหล่านั้นได้อย่างเด็ดขาด
ทำให้ฉันได้เห็นความสำคัญของการมีสติรู้ตัว
และกำลังใจจากการตั้งตนอยู่ในศีล
มันทำให้อะไรๆที่เคยดูเหมือนยาก กลับง่ายขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ แม้จะไม่ได้ใส่ความตั้งใจเข้าไปมากก็ตามที
อย่ามัวนั่งมองความโชคดีของคนอื่นด้วยความอิจฉา และสงสัยว่าทำบุญมาด้วยอะไร
แต่ขอให้มองย้อนกลับมาที่ตัวเอง ว่าทุกวันนี้ คุณมีนิสัยที่พร้อมจะเป็นเหตุให้สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตแล้วหรือยัง
นิสัยเสียๆแก้ไม่หาย จะทำอย่างไรดี?
คำตอบก็คือ คุณต้องถามตัวเองว่า..มีความตั้งใจแรงกล้าพอที่จะเปลี่ยนตัวเองแล้วหรือยัง และคุณได้ลงมือทำมันบ้างหรือไม่
แม้เสี้ยววินาทีของกำลังใจที่สร้างขึ้นด้วยตัวเอง คุณจะสัมผัสได้ถึงความสว่างที่ประตูแห่งการเริ่มต้นได้เปิดแง้มรอรับคุณอยู่
เป็นกำลังใจให้ทุกชีวิตริเริ่มสิ่งดีๆด้วยความตั้งใจนะคะ
ศิลาริน พุทธบุตรี
ด้านล่างเป็นภาพปกหนังสือให้ดูกันก่อนวางแผงค่ะ
คลิกดูรายละเอียดของหนังสือได้ที่นี่ค่ะ http://www.akaraonline.com/bookstore/abook/a147/a147.asp
ความคิดเห็น