ที่สุดของหญิงเลว - ที่สุดของหญิงเลว นิยาย ที่สุดของหญิงเลว : Dek-D.com - Writer

    ที่สุดของหญิงเลว

    หญิงเลวอย่างฉันชอบทำผิด หญิงเลวอย่างฉันเคยทำผิด หญิงเลวอย่างฉันรู้จักสำนึกผิด..แต่ก็ยังพอใจที่จะผิดซ้ำซาก มนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานจิตใจในการรักตัวเอง คุณก็คงไม่ต่างจากฉัน

    ผู้เข้าชมรวม

    1,112

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.11K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.ค. 54 / 23:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      หญิงเลวอย่างฉันชอบทำผิด

      หญิงเลวอย่างฉันเคยทำผิด

      หญิงเลวอย่างฉันรู้จักสำนึกผิด..แต่ก็ยังพอใจที่จะผิดซ้ำซาก

      มนุษย์ทุกคนมีพื้นฐานจิตใจในการรักตัวเอง

      คุณก็คงไม่ต่างจากฉัน

       

      แม้จะเป็นคนดีเลวสักแค่ไหน

      ส่วนลึกในใจก็คงไม่ต่างกันที่ความต้องการ..และสนองตอบความต้องการ

      ความสุข..สิ่งที่ฉัน และคุณเองก็ต่างไขว่คว้า

      ไล่ล่า..ค้นหาไม่หยุดหย่อน

       

      ความทุกข์..สิ่งที่ฉันเองเกลียดแสนเกลียด

      และก็เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า พวกคุณก็คงเกลียดไม่แพ้กัน

      รวมแล้ว ทุกคนรักสุข เกลียดทุกข์

       

      ชีวิตของฉันเคยพลาดมาแล้วหลายอย่าง

      และฉันจะยกตัวอย่างความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต

      ของคนที่ได้ชื่อ ว่า หญิงเลวในนิยามของตัวฉันเอง

      ความผิดพลาดครั้งนั้น..นำมาซึ่งที่สุดในวันนี้

      ความผิดพลาดที่นำพาสิ่งมหัศจรรย์มาสู่ชีวิต

       

      คุณเคยรู้สึกกันบ้างใช่ไหม..

      ว่าเมื่อใดที่ความทุกข์แวะเวียนมาทักทาย

      มันไม่ต่างกับมรสุมชีวิต

      ที่ถาโถมกระหน่ำย่ำยีจิตใจจนยากจะเยียวยา

      คุณคงต้องการให้สิ่งที่มองไม่เห็นบนฟากฟ้าแสนไกล

      ทอดสายตาลงมาเห็นใจคุณบ้าง

      โชคชะตาได้โปรดยุติธรรมกับฉันบ้าง

      ขอสักช่วงเวลาหนึ่งแห่งความทุกข์

      ได้มีความสุขที่โหยหา รินรดจิตใจที่บอบช้ำให้ตื่นขึ้น

       

      แต่ยิ่งไขว่คว้าเท่าใด

      ความสุข ความสมหวังเหล่านั้น ก็ยิ่งไกลห่างออกไปทุกที

      คุณเป็นเหมือนฉันบ้างไหม

      อย่างน้อยก็สักเสี้ยวเวลาหนึ่งของชีวิตตั้งแต่เกิดจนถึงบัดนี้

      ที่มีความทุกข์จนอึดอัดแทบอยากร้องไห้

      แต่ฉันเชื่ออย่างนั้น พวกคุณคงไม่แค่อยากร้องให้

      หลายคนคงระเบิดน้ำตาออกมากันไม่รู้ กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

      น้ำตาของพวกคุณ รวมๆกันแล้วอาจมากกว่ามหาสมุทรแปซิฟิกอีก เชื่อไหมล่ะ

       

      มีความทุกข์ เหมือนติดอยู่ในกล่องดำบ้าง

      ความทุกข์ เหมือนตกอยู่ในจุดต่ำสุดของก้นเหว

      ความทุกข์ เหมือนติดอยู่ในถ้ำมืดน่าสะพรึงกลัว หาปากทางแห่งแสงสว่างไม่เจอ

      ความทุกข์ที่เหมือนมันระเบิดอยู่ในหัวอกไม่รู้ครั้งแล้วครั้งเล่า

      โดยเฉพาะความทุกข์ของผู้หญิง ความเป็นผู้หญิง

      ซึ่งมีความทุกข์เฉพาะตัวไม่ต่างกันในเรื่องๆหนึ่ง

      ความรัก

       

      แน่นอนคุณผู้ชาย ความรักก็สร้างทั้งสุข และทุกข์ให้คุณไม่ต่างกัน

      และอีกหลายสิ่งในชีวิต

       

      อำนาจ เกียรติยศ ทรัพย์สินเงินทอง ชัยชนะ ความอดอยาก

      ความพัดพราก ความเศร้าโศก ความหดหู่

      ล้วนเกิดได้หมดทุกเพศทุกวัย

       

      และแน่นอน..สิ่งเหล่านี้นำพาความทุกข์รูปแบบต่างๆมาสู่มนุษย์ธรรมดาอย่างฉันและคุณ

       

      ความทุกข์ เรื่อง ความรักที่ฉันกำลังจะเล่าให้ฟังนี้

      ก็ไม่ต่างกับตัวแทนของเรื่องราวความทุกข์ล้านแปด ที่มีคุณสมบัติไม่ต่างกันอยู่อย่างหนึ่ง

      คือ..ความทนไม่ได้

      ความอยากดิ้นให้หลุด

      ความบีบเค้น บีบคั้น

      ความอยากตาย

      ความอยากพ้นไป

      และสิ่งที่เรียกร้องเป็นเสียงเดียวกันในหมู่คนอย่างฉันและพวกคุณ

      ก็คือ..ความสุข

      ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม

      อย่างฉันก็ยกตัวอย่างเรื่อง ความรัก” ..อีกนั่นแหละ

      ที่นำความสุขรูปแบบหนึ่ง ที่มีพลังขับเคลื่อนยิ่งใหญ่

      ให้ชีวิตก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมีความหวัง

       

      เอาล่ะ..ความทุกข์ เรื่อง ความรักของฉัน

      คนหัวอกเดียวกัน ที่มีความทุกข์สักครั้งในชีวิต เชิญฟัง

      ส่วนใคร ไม่เคยมี ความทุกข์ สักครั้งในชีวิต ก็จงหลับตา

      ปิดหู แล้วก็ปิดหน้าต่าง ไดอารี่นี้ทิ้งไปให้เร็วพลัน

      ถ้า..

      คุณซื่อสัตย์กับตนเอง

      กล้าปฏิเสธความจริงแม้กระทั่งในจิตใจของตัวคุณ

      จงปิด..ปิดใจ ให้ไกลจนสุดลูกหูลูกตา

       

      ความทุกข์ของฉันมีอยู่ว่า..

      มันเริ่มขึ้น..

      เมื่อวันนั้น..

      ผู้ชายคนหนึ่ง..สร้างความผูกพันขึ้นในจิตใจของฉัน นับแต่วันแรกที่รู้จักกัน

      ฉันเองก็ไม่ได้รู้ตัวทันทีหรอกนะ..ว่ารักเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่

      ชีวิตฉันเองก็โหยหาความรักอยู่ลึกๆ

      เจอความรักมาก่อนหน้านี้ถึงสองครั้ง

      ล้มเหลวไม่เป็นถ้าก็สองครั้ง

      เข็ด แล้วก็ลืม เข็ดแล้วก็ลืม

       

      จนมาถึงครั้งนี้..

      เพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่งเป็นคนจุดชนวนให้ฉันเข้าไปสู่โลกอีกโลกหนึ่ง

      ซึ่งทำให้ได้เจอกับเขาคนนั้น

      ความผูกพันสร้างปมยุ่งเหยิงขึ้นในจิตใจจนรู้ตัวอีกทีก็แกะไม่ออกเสียแล้ว

      เขาสร้างความหวังให้ฉันโดยไม่รู้ตัว

      สร้างความโหยหาของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องการใครสักคนที่ใจตรงกัน

      ทั้งฉันและเขาต้องรักกัน

      ความสุขจึงจะเกิดขึ้นได้โดยสมบูรณ์

      ไม่ได้หวังอะไรมาก แค่สักช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตจริงๆ

      ที่ได้ความรักจากใครสักคน

      จนลงเอยด้วยการแต่งงาน หรือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้นหรือไม่

      ไม่สำคัญ..ฉันไม่สนใจ

      ขอแค่ช่วงเดียวที่มีเขา และฉัน เราใจตรงกัน

      รักกัน..เดินไปด้วยกัน

      ยิ้ม..หัวเราะไปด้วยกัน

      มีเวลาพิเศษร่วมกัน

      และในที่สุดเขาก็ทำความหวังของฉันเป็นจริง

       

      ในวันนั้น..ที่ฉันเข้าไปเอง ว่าเขารักฉัน

      ด้วยภาพมายาบางอย่าง ที่บางสิ่งสร้างขึ้น

      ให้ฉันจินตนาการไปต่างๆนานา

      วันนั้นฉันมีความสุขมาก ที่คิดว่าเขารักฉัน

      เราใจตรงกัน

      ยังไม่ตกลงเป็นแฟน

      แต่ฉันก็หวังแน่ๆว่า ไม่นานเขากับฉันคงเป็นแฟนกัน

      ฉันจะได้มีความสุขในความรักกับใครเขาสักที

      แต่เพียงวันเดียวเท่านั้น

      ที่เขาทำให้ฉันคิดว่าเขารักฉันอย่างสุดซึ้ง

      แต่ในวันถัดมาก

      ความหวังทั้งมวลเริ่มเสื่อมสลายไปทีละนิด

      อย่างละมุนละม่อม

      กับความเจ็บปวดที่กัดกินหัวใจทีละน้อยอย่างไม่ละมุนละม่อนเอาเสียเลย

      เขาพยายามตัดความสัมพันธ์ ที่เรียกได้ว่าเหมือนสนิทกันในเบื้องต้น

      อย่างเรียบง่าย และสุภาพ

      ทำให้ฉันคิดไปเองอีกเหมือนกัน ว่าเขาคงกังวลอะไรสักอย่าง

      จนทำให้ไม่กล้าคบกับฉัน

      ความสวยงามของความฝันพังทลายลงแล้ว

      ด้วยความเข้าใจผิดของฉันเอง

      จากทีละเล็กทีละน้อย

      จนกระทั่งฟันธงได้เลยว่า..ไม่มีทาง

       

      เราไม่มีทางเริ่มต้นกันใหม่แม้กระทั่งคนที่ชอบพอกัน

      สนิทกันได้เพียงพี่กับน้อง หรือเพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้นเอง

      ความเจ็บปวดในจิตใจของฉัน

       

      ที่จริงแล้วมันเริ่มแอบแฝงมาแต่แรก

      แต่แรกที่ฉันเริ่มรู้สึกนิดๆว่าชอบเขา

      และหลังจากรู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ฉันคิด

      อันที่จริง นับแต่วันแรกที่ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่

      ฉันก็ตกใจ เสียใจ และเสียดาย

      แต่แทนที่จะหยุดหัวใจไว้แค่เพียงความรู้สึกชอบนิดๆ

      แต่โชคชะตากลับสร้างแรงดึงดูดบางอย่าง

      ให้ฉันสงสารเขา เป็นห่วงเขา ทุกข์ทรมานแทนเขา ในเรื่องบางอย่างที่เขาเจ็บปวด

      เขาเองก็มีความหลังฝังใจกับเรื่องความรักของเขา

      ความรักที่เจ็บปวดและยากจะยอมรัก

      ซึ่งมันพังทลายลงไม่นานนัก ก่อนที่เขาจะเจอฉัน

       

      ใช่..เขากำลังอยู่ในช่วงของการอกหัก

      และนั่น..ถึงแม้ว่าความจริงจะปรากฏแล้ว

      ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ฉันคิด

      หนำซ้ำยังเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงอย่างฉัน และทุกคนที่รู้ตัวว่าเป็นผู้หญิง

      ควรจะตัดใจเสียแต่วินาทีแรก เพราะความเป็นไปไม่ได้ปรากฏแล้ว

      ในมโนภาพของอนาคต

       

      แม้จะเป็นแค่ความรู้สึกชอบนิดๆก็เถอะ

      สมควรตัดใจให้ขาดสะบั้นนับแต่วินาทีนั้นหากไม่อยากเจ็บ

      แต่เรื่องราวของเขาที่เล่าให้ฉันฟัง

      ที่เขากำลังอกหัก

      ก็ยิ่งสร้างแรงดึงดูดให้มากไปกว่าคำว่าชอบ

      ฉันรู้สึกทั้งทรมานทั้งมีความสุขไปควบคู่กัน

      เมื่อความรักค่อยๆก็ตัวขึ้นเป็นพลังยิ่งใหญ่ในหัวใจ

      ฉันรักเขาในที่สุด

       

      รัก..ทั้งๆที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายอย่างที่ฉันคิด

      รู้ตั้งแต่นั้นเลย ว่าเป็นเวรกรรมอะไรบางอย่างเล่นงานแน่นอนแล้ว

      แต่แม้รู้ว่าเป็นเวรกรรมแน่นอนก็ตาม

      ฉันก็ยังเต็มใจที่จะเล่นไปตามบท

      ที่โชคชะตาบังคับกลายๆให้แสดงอย่างเต็มที่

      หากต้องการความสุขไปครอบครอง

      แม้จะเป็นความสุขในทางที่แสนจะผิดสุดขั้วเลยก็ตาม

       

      น้อยคนนักที่ล่วงรู้ความลับในจิตใจของฉันตอนนั้น

      แน่นอนล่ะ..

      ฉันต้องปิดบังอย่างสุดชีวิต

      เพราะแม้ฉันจะรักเขา

      แต่ตัวตนของฉันก็ยังมีอย่างเต็มเปี่ยม

      ฉันไม่อยากให้ใครมองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพช

      ฉันเป็นบ้า

      บ้าเพราะพิษรักเล่นงาน

      ฉันทำทุกอย่างเพื่อเรียกร้องความรักจากเขา

      ปิดบังทุกคน..แต่ไม่เคยปิดบังเขาเลย เรื่องความรู้สึกในใจของฉัน

      และยิ่งฉันเปิดเผยมากขึ้นเท่าไหร่

      ฉันก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดของเขามากขึ้นเท่านั้น

      ฉันยิ่งระเบิดมากขึ้นเท่านั้น

      เมื่อความจริงค่อยๆปรากฏว่าเขาไม่ได้รักฉันเลยอย่างที่คิด

      ทั้งๆที่ฉันสู้อุตส่าห์ฝืนธรรมชาติรักเขา

      แม้รู้ว่าหากรักไปแล้ว ฉันคงไม่ได้มีวันยิ้มน่าบานชื่นกับทุกคน

      ว่าฉันได้สมหวังกับเขา

      แต่เขา..เขาไม่รักฉันเลยสักนิด

      จริงๆฉันก็สงสารเขาอยู่เหมือนกัน

      ที่ปฏิเสธได้ไม่มากนัก

      เพราะสถานการณ์บางอย่างมันบีบบังคับ

      ให้ต้องรักษาความสัมพันธ์ อย่างน้อยก็อันดีที่มีต่อฉัน

      จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกันต่อไป

      ฉันเรียกร้อง ทั้งประชดประชัน นุ่มนวล และด่าทอเสียดสี

      ดูถูกเขาสารพัด เพราะตัวตนของฉันมันค่อยๆดิ้นพลาด

      ออกมาเรียกร้องความยุติธรรม

      ว่าตัวตนอย่างฉันนี้ คนอย่างเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเหยียดหยาม

      แม้ในทางอ้อม หรือในทางตรงก็ตาม

       

      ใช่..คุณเริ่มเห็นความเป็น หญิงเลวของฉันแล้วใช่มั้ย

      ไม่ใช่เพิ่งเริ่มในช่วงชีวิตนี้หรอก

      มันเป็นมาตั้งแต่เด็ก

      ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัว

      เรียกร้องความสนใจ

      และต้องการเอาชนะในทุกๆเรื่อง

      ต้องการความสุข

      อ่อนน้อมถ่อมตนสำหรับบางคนเท่านั้น ที่จำเป็นต้องทำจริงๆ

       

      ฉันเป็นคนถือดี

      อวดดี

      กับคนที่คิดว่าต้องได้มาง่ายๆ

      ก็ควรจะได้ ไม่ว่าด้วยวิธีใด

      ต้องได้มา..เพื่อประกาศศักดาแห่งชัยชนะ

      แม้จะรู้ว่าคุณค่าของความรักอาจต้องถูกลดเลือนโดยน้ำมือของฉันก็ตาม

      แต่ฉันก็ยอมทำ เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ

      ความสุข..ความรัก..ที่โหยหา และผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

       

      แต่ก็เหมือนจะดีนะ

      ที่มีบางช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกผิด

      และขอโทษเขาหลายต่อหลายครั้ง

      แต่ในความรู้สึกผิดนัก แฝงไปด้วยความไม่รู้จักจำ

      ผิดแล้วขอโทษ ผิดแล้วขอโทษ ซ้ำซาก

      ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวด และความเป็น หญิงเลวขึ้นในมโนสำนึกของตัวเอง

      ตัวตนที่แฝงอยู่ในตัวฉัน คงแอบยิ้มร่า ระเริง หัวเราะให้กับความบ้าบิ่นของฉัน

      และการตกเป็นทาสของมันอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

      ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรัก ฉันตกเป็นทาสของมันอย่างโงหัวไม่ขึ้น

      อะไรบางอย่าง ยืนมองเป็นเงาอยู่ข้างหลัง ด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน สะใจ

      แต่ฉันไม่เคยได้รู้ตัวสักที ว่าเป็นเพียงไอ้บ้า

      ตัวละครโง่ๆ ที่เล่นไปตามเกมของบางสิ่ง ที่เหนื่อการควบคุม

      เล่นไปตามนั้น ไม่เคยทวนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

      เต็มใจไหลไปตามมันอย่างไม่มีหยุดยั้ง

      เล่นไปทั้งๆที่รู้ว่าเหนื่อย แสนเหลือฝืน

      กระอักกระอ่วน

      ติดอยู่ในก้นเหวสุดลึก

      จมน้ำดิ่งดำลงไปในส่วนที่มีแต่โคลนตม อุดปากอุดจมูก

      แสงสว่างลอดไปไม่ถึง

      อยู่ในอุโมงค์มืดดำ เขาวงกตที่หาทางออกไม่ได้

       

      ในช่วงเวลานั้นเองฉันโหยหาแสงสว่างอยู่ลึกๆ

      แต่ก็ยังเพลิดเพลินก็ความโศกเศร้า ร่ำไร

      เหมือนเสียดาย..หากจะปล่อยความทุกข์อันมีรสเด็ดเผ็ดมันนี้ให้หลุดลอยไปหัวใจ

      ฉันบ้าไหมล่ะ ต้องการความสุข แต่ก็เสียดายความทุกข์

      ทั้งที่มีหนทางง่ายๆ หากมีสติเสียหน่อย ก็เลือกเดินออกมาจากขุมนรกได้ไม่ยากเย็น

      แต่ไม่..ก็เพราะไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยววินาทีแห่งสติน่ะสิ

      ฉันหลง..ลุ่มหลง..มัวเมาอยู่กับความไม่รู้

      และก็ตกเป็นทาสให้มันลากจูงไปทางไหนก็ได้ไม่จบสิ้น

       

      จนถึงวันหนึ่ง

      ที่ความทุกข์นั้นถาโถมจนถึงขีดสุด

      ทุกอย่างในชีวิตล้มเหลวไม่เป็นท่า เหมือนโดมิโน

      ถึงเวลาแล้ว

      มันคงทุกข์ จนเหลือที่จะทนจริงๆแล้ว

      จึงต้องหยุด หยุดของมันเอง

      หยุดคิด หยุดพิจารณาจนเห็นความจริง

      ว่าที่จริงแล้ว..เหตุการณ์ที่ฉันเจอ มันไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่เลย

      เปลี่ยนไปแค่บริบท เวลา สถานที่ และบุคคล

      แต่ความจริง...ลักษณะของความทนไม่ได้ก็ยังหน้าตาเหมือนเดิม

      ไม่มีเปลี่ยนแปลง

      ลักษณะความเป็นทาส ของสิ่งที่เรียกว่า โลภ โกรธ หลง รัก ทะยานอยาก

      ดิ้นรน ก็ยังเหมือนเดิม

      เพียงแต่ครั้งนี้เล่นงานฉันจนถึงที่สุด จนหมดแรงดิ้นต่อไปแล้วเท่านั้นเอง

      โชคชะตาเริ่มเมตตาฉัน

      ฉันได้คิด ว่าถึงเวลาแล้ว

      ที่ฉันต้องหยุดกระบวนการซ้ำซากเหล่านี้

      คุณเคยทุกข์จนอยากหยุดทุกข์บ้างไหม

      ทุกข์ชนิดที่รู้สึกว่ามันเป็นกระบวนการแห่งความซ้ำซาก

      น่าเบื่อ รู้วิธีอยู่ทนโท่ว่าจะออกจากมันอย่างไร แต่ก็โง่ไม่ออกมาเอง

      วันนั้นแหละคุณ..ฉันสุดจะทนกับมันแล้ว

      โชคชะตานำพาฉันมาพบกับวิถีแห่งการพ้นทุกข์อย่างไม่กลับกำเริบอีก

      และวันนี้ ณ วันนี้ วินาทีนี้ ที่ฉันกำลังพิมพ์ข้อความในไดอารี่นี้

      ฉันอยู่เหนือกระบวนการซ้ำซากเหล่านั้นแล้ว

      ถึงแม้จะยังไม่ถึงที่สุด ที่จะหลุดพ้นไปได้อย่างถาวร

      แต่ฉันเข้ามาอยู่ในเส้นทางที่จะไปสู่แสงสว่าง

      อย่างยากที่จะย้อนกลับไปในวงจรซ้ำซากอย่างเดิมแล้ว

      จากคนที่เห็นแก่ตัว

      มักโกรธ

      มักอิจฉาริษยา

      มักพยาบาท

      มักเร่าร้อน โหยหา และเรียกร้องความรัก

      บัดนี้หลุดออกจากความยึดถือพวกมันแล้ว

      ฉันไม่ต้องการให้ใครมารัก เป็นคนรัก สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขอีกแล้ว

      ในใจมันถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งหนึ่งซึ้งล้ำค่า

      ไม่เรียกร้องอะไรในแบบเดิมๆอีก

      จิตใจเปลี่ยนทิศจากเดิมไปคนละขั้ว

      ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอิจฉา ความอยาก

      และอื่นๆอีกมากมายซึ่งนำมาสู่ความทุกข์ ที่เกิดขึ้นในใจของมนุษย์

      อย่างพวกคุณ และอย่างฉัน

      ก็ยังแวะเวียนมาไม่ขาดสายเช่นเดิม

      แต่มันทำได้เพียงแวะเวียนมาเท่านั้น

      กัดกินจิตใจได้เล็กน้อยเหลือเกินแล้ว

      ฉันอยู่กับมันได้แล้ว

      ฉันอยู่กับความทุกข์ได้โดยไม่กลัวมันจะเข้ามา

      ตัวตนของฉันลดทอนลงไปมาก แม้จะยังมีอยู่

      ฉันมองโลกด้วยความสวยงาม

      ฉันมองคนที่ควรชื่นชมด้วยความยินดีในสิ่งที่เขามีและเป็น

      ฉันสงสาร เห็นใจในคนที่ควรเห็นใจ ด้วยความเมตตาจากใจจริง

      ฉันเห็นภัยของการอยู่ในวิถีทางแห่งสงสาร

      ฉันพอใจที่จะเดินไปตามทางแห่งความพ้น

      คนเมืองอย่างเราๆ

      ฉันและคุณ

      มีความคิด มีปัญหา มีเรื่องให้ต้องแก้มากมายในชีวิตแต่ละวัน

      หากคุณที่เคยถึงที่สุดแห่งทุกข์

      ดั่ง หญิงเลวคนนี้

      และต้องการที่จะหาจุดจบของความทุกข์อย่างถาวร

      และมีเป้าหมายแน่นอนบนเส้นทางของหัวใจที่เด็ดเดี่ยว

      เข้มแข็ง ไม่เรียกร้อง เจ็บปวดแต่เพียงแผ่วเบา

      เกิดใหม่ได้ในชาติเดียว

      ต้องการเป็น ที่สุดของหญิงเลวที่สุดแสนจะมีความสุขโดยไม่ต้องวิ่งตามอย่างฉัน

      คุณลองพิจารณา และนำไปพิสูจน์

      วิธีที่ฉันจะแนะนำพวกคุณ ผู้ซึ่งโชกโชนไปด้วยความทุกข์อย่างที่ฉันเคยเป็น

      ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณเชื่อ ศรัทธา หรือยกย่องอะไรฉัน หรือพ่อผู้ยิ่งใหญ่ของฉัน

      แต่ฉันก็เชื่ออย่างยิ่งว่า สิ่งที่ฉันกำลังจะแนะนำพวกคุณนั้น ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ

      ทำตามแล้วดี ก็พิจารณาไปตามเหตุและผลแล้วทำต่อไปให้ถึงที่สุด

      ทำตามแล้วไม่ดี คุณก็แค่ถอย แล้วลืมหญิงเลวอย่างฉันไปซะ

      เท่านั้นก็จบ

      ลองสิคะ

      ลองมา ฝึก ดูจิต..ด้วยความรู้สึกตัวกันเถอะ

      ง่ายๆ ไม่ต้องยุ่งยาก

      คุณแค่สักว่ารู้ในสิ่งที่ผ่านเข้ามากระทบจิตใจ

      ทุกสภาวะ ทุกอารมณ์

      เริ่มต้นอาจจะสนใจอยู่ที่อารมณ์ที่ทำให้คุณทุกข์ก่อน

      คุณโกรธใคร..แทนที่คุณจะสนใจคนที่คุณโกรธ

      คุณลองมอง ลองดูที่ความโกรธของคุณด้วยความเป็นกลาง

      ไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่อินไปกับมัน

      ทำตัวเหมือนดูความโกรธเป็นตัวละคร ไม่ใช่ตัวคุณ

      เมื่อมันเกิดขึ้นก็จงดู ดูอยู่แค่ขอบสระ ขอบทีวี

      ไม่ต้องกระโจนเข้าไปร่วมแสดงบทบาทกับมัน

      จนได้น้ำตากลับมาเป็นสิ่งตอบแทน

      แล้วคุณจะพบเจอกับสภาวะในจิตใจแบบใหม่ที่คุณไม่เคยเป็นมาก่อน

      นั่นแหละที่เรียกว่าสติ

      เมื่อคุณมีสติเกิดขึ้น ความโกรธก็จะดับไปทันที

      สติคือความรู้สึกตัว ซึ่งวิธีที่จะนำพามาซึ่งสติ ก็อย่างที่บอก

      ดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตใจของคุณ แล้วไม่ต้องไปมีอารมณ์ร่วมสมทบต่อ

      ดูอย่างนี้บ่อยๆ จิตจะจดจำอารมณ์นั้นๆได้

      เมื่อเกิดขึ้นอีก สติก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ดับอารมณ์ทุกข์ลงไปเสียสิ้น เหมือนดับไฟได้ในทันที

      นั่งว่างๆ เดินว่างๆ ก็ฟุ้งซ่านมาก

      เรื่องโน้นนี้ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดวินาทีต่อวินาที คุณก็เป็น อย่าได้ปฏิเสธ

      ลองเปลี่ยนใหม่

      ขณะที่นั่ง เดิน ยืน ขับรถ ก่อนไปทำงานตอนเช้า หรือขากลับตอนเย็น

      หรือช่วงขณะที่ไม่ต้องใช้ความคิดสำคัญในการทำงาน ทำธุระ

      คุณลองเอาเวลานั้นมารู้สึกตัว ว่าทำอะไรอยู่ คุณจะลดทอนความฟุ้งซ่าน

      ซึ่งไร้ประโยชน์สิ้นดีเหล่านั้นออกไปได้ทีละน้อย ความฟุ้งซ่านซี่งอาจจะนำพาความทุกข์

      มาสู่คุณโดยไม่ทันรู้ตัว...

      พลังแห่งสติจะเกิดขึ้น

      คุณจะได้เครื่องมือ ที่สามารถรับมือกับความทุกข์ได้ทุกรูปแบบ

      คุณจะไม่ต้องกลัวอีกว่าชั่งโมงข้างหน้าจะต้องเจออะไร พรุ่งนี้จะเป็นแบบไหน

      หรืออดีตหนใดจะมาปลุกเร้าความทุกข์ขึ้นมาเล่นงานกับคุณอีก

      และถ้าอยากได้ประสิทธิภาพ ในการดูจิต คุณควรถือศีลห้าให้บริสุทธิ์

      แล้วระยะเวลาแห่งความทุกข์จะสั้นลง คุณจะดูจิตดูใจได้อย่างคล่องแคล่ว

      สติจะเกิดขึ้นฉับๆ ฟาดฟัน ความทุกข์ออกไปได้เป็นขณะๆ อย่างอัตโนมัติ

      การทำสมาธิก็ไม่ใช่เรื่องยาก เลือกอารมณ์ที่ดีงามอย่างหนึ่งขึ้นมา แล้วก็ดูมันไป

      อย่างเช่นตัวฉัน ก็จะใช้ลมหายใจเข้าออกที่มีอยู่แล้ว เป็นอารมณ์สร้างสมาธิ

      ไม่ต้องมีท่าทาง อะไรให้ยุ่งยาก แค่คุณรู้สึกไปว่ามีลมหายใจเข้าออก

      โดยไม่ต้องไปบังคับให้เข้ายาวออกสั้น หรือเข้าสั้นออกยาว มันมีให้ดูท่าไหน

      ก็ดูมันไปท่านั้น ทำได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่ต่างกับการดูจิต

      ทำได้ทุกเวลา เว้นเพียงเวลาเดียวคือขณะหลับ

      หากคุณทำถูกวิธี อย่างที่แนะนำดูสิ่งที่ผ่านเข้ามาในจิตใจเพียงสักว่ารู้

      ไม่ต้องไปเคร่งเครียดว่าจะต้องรู้ให้ตลอด แค่ตั้งปณิธานไว้ในใจว่าเมื่อมีสิ่งใด

      ผ่านเข้ามา ก็จะรู้มันอย่างเป็นธรรมชาติ

      คุณต้องเปลี่ยน ถึงเวลาแล้ว ที่ความทุกข์จะต้องบอกลาคุณไปทีละเปลาะ

      พอใจแล้วหรือที่จะตกเป็นทาสของความทุกข์

      ถ้าไม่อยากตกเป็นทาส ก็ต้องรู้อย่างเป็นกลาง

      เชื่อฉันเถอะ ทำถูกวิธี ไม่เกินหนึ่งเดือน ชีวิตคุณจะเปลี่ยนไปจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ

       

      ประโยชน์ของสิ่งที่ฉันแนะนำก็มีไม่เท่าไหร่หรอก

      แค่ในวันนี้

      ฉันยินดีกับสิ่งที่คนอื่นได้

      ฉันชื่นชมเพื่อนสนิทคนที่ฉันเคยอิจฉาริษยาอยู่เป็นนิจ

      ฉันสงสารเห็นใจคนที่เข้ามาด่าฉัน

      ฉันคิดดี พูดดี และกระทำดีต่อทุกคนที่ทำตัวเป็นศัตรูต่อฉัน จนเขายอมเป็นมิตรกับฉันเองโดยไม่ต้องเรียกร้อง

      ฉันมีเพื่อนมากมาย จากแต่ก่อนที่มีแต่คนเกลียด รุมด่าว่า และแอบนินทา

      ฉันเริ่มโกรธใครไม่เป็น แม้สถานการณ์เดียวกันในอดีตฉันจะถูกไฟโกรธเผาผลาญจนเดือดพล่านไปทั้งตัว

      ฉันมีเวลาให้ความฟุ้งซ่านและเลื่อนลอยน้อยลง สติเกิดเองโดยไม่ต้องสั่ง

      ฉันเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น จากแต่ก่อนเห็นแก่ตัวมาเป็นอันดับหนึ่ง

      ฉันมองทุกคนด้วยสายตาของความรัก จากแต่ก่อนที่มีแต่ความเกลียด ชิงชัง ผู้คน

      ฉันนึกข้อเสียของคนอื่นแทบไม่ออก จากที่แต่ก่อนจำได้แต่ความผิดของคนเหล่านั้น

      ฉันมีความสุขได้ในตัวเอง จากแต่ก่อนต้องเรียกหาความสุขจากสิ่งภายนอกอยู่ตลอดเวลา

      ฉันไม่ต้องการใครมาเติมเต็ม จากแต่ก่อนร้องหาให้คนมารักไม่หยุดหย่อน

      ฉันทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจนคนรอบตัวแปลกใจ จากแต่ก่อนสติปัญญาทึบตัน มืดแปดด้านไปเสียหมด

      ฉันทำให้พ่อแม่ดีใจ และเห็นรอยยิ้มชื่นใจจากท่านได้ไม่ยาก จากแต่ก่อน มีแต่ความเป็นห่วงกังวล และความผิดหวังมากมายในสายตาของท่านทั้งสอง

      ฉันเข้าใจชีวิต และมีเป้าหมายแน่นอนโดยไม่ต้องไขว่คว้า จากแต่ก่อนเลื่อนลอย และมีแต่ความหวาดกลัวจากความไม่รู้

      ฉันอภัยได้ง่ายๆกับคนที่ไม่ควรให้อภัย จากแต่ก่อนที่เคียดแค้นแม้กระทั่งคนที่ควรอภัยอย่างถึงที่สุด

      และสุดท้าย..

      ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับฉันอีกต่อไป!

      ฝากพิจารณาประโยชน์เล็กน้อยที่ฉันยังบรรยายไม่หมดนี้เอาเองก็แล้วกันนะ..คุณคุณทั้งหลาย

       

       

       

      ศิลาริน

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×