ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรือนกุหลาบ

    ลำดับตอนที่ #4 : กุหลาบสีขาวหางาน (๑๐๐%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 55


                เสียงประชาสัมพันธ์สาวรายงานมาไม่ขาดสาย บริเวณช่องผู้โดยสารขาออกวันนี้ผู้คนไม่คลาคล่ำนัก สองสาวยืนอำลากันอยู่ตรงนั้นเพียงชั่วเวลาไม่นาน ทว่าคนตัวเล็กกว่าดูจะเหงาหงอยอาลัยเมื่อแหงนหน้ามองเจ้าของร่างสูงเพรียว การเดินทางสู่อนาคตกำลังจะเริ่มต้น ความพลัดพรากกำลังจะบังเกิดแก่หัวใจดวงน้อยที่มีพี่สาวต่างสายเลือดเป็นเสมือนที่พักพิงยึดเหนี่ยวจิตใจมาโดยตลอด

                กลับมาหาไข่มุกเร็วๆนะคะพี่แพร

                เด็กสาวสวมกอดนักเรียนทุนคนเก่งราวกับไม่อยากปล่อยให้จากกันจริงๆ

                พี่ทำตามใจตัวเองอย่างนั้นไม่ได้หรอก รัฐบาลเขามีเวลา หลักสูตรเขามีกำหนดว่าต้องเรียนกี่ปี

                แพรวาส่ายหน้าน้อยๆ มองเด็กขี้แยอย่างนึกขันในใจ

                พี่ต้องไปแล้ว..ดูแลตัวเองด้วยนะเด็กน้อย

                มุกดารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยได้ยินคำกล่าวเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง จากใครบางคน

                อย่าทำหน้าเศร้า ตั้งใจเรียนนะ อย่าให้คุณป้าต้องเป็นห่วงล่ะ

                แพรวาตัดใจสั่งลาครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนตัวออกพร้อมกระเป๋าเดินทาง เสียงสะอื้นไห้ที่ดังค่อยๆอยู่เบื้องหลัง เสมือนเจ้าตัวตั้งใจสะกดความเสียใจไว้เต็มที่แล้ว

                ดวงเนตรคมเฉี่ยว ปลายหางตามีแพขนงอนงามดำขลับ เหลียวมองด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ เสียงใสกังวานเป็นเอกลักษณ์ทิ้งประโยคนั้นไว้เพื่อหวังให้มุกดามีรอยยิ้มก่อนจากกัน

                กลับมาคราวหน้า พี่จะโมดิฟายด์ไข่มุกด้วยแฟชั่นที่โมเดิร์นที่สุด พี่สัญญา

     

                แสงแดดจ้ายามเที่ยงวันทอดลำอยู่เหนือศีรษะ เจ้าของร่างแบบบางรูดตัวลงซุกใต้ผ้าห่มผืนหนาด้วยความท้อใจ ท่ามกลางกองหนังสือพิมพ์หน้าโฆษณาหางานที่กระจายเกลื่อนรอบตัว เศษกระดาษหมึกขาวดำบางชิ้นปลิวว่อนไปตกอยู่บนหัวผู้เยี่ยมหน้าเข้ามาในห้องโดยไม่ได้นัดหมาย

                เต็มแล้วหรือคะพี่ โอ..ขอบคุณค่ะ หนูจะพยายามต่อไปนะคะ

                ไอโฟนเครื่องบางถูกกดเลขหมายปลายทางเบอร์ใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงทอดถอนลมหายใจเริ่มระรวยริน เพทายมองน้องสาวด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเดินเข้ามานั่งเป็นกำลังใจอยู่ข้างเตียง

                ยังหางานไม่ได้หรือคะคุณน้อง ให้พี่ช่วยอะไรมั้ย

                คำถามเจือแววเป็นห่วงลึกๆ ทว่านัยน์ตาขี้เล่นส่อเค้าว่าอยากยียวนเสียมากกว่า

                ไม่ต้องเลยเพ จะมาหัวเราะเยาะไข่มุกล่ะสิ

                มุกดาสะบัดดวงหน้ารูปไข่ไปอีกทาง หล่อนวางไอโฟนลงข้างตัวอย่างจะเลิกสนใจอะไรทั้งหมด คิ้วโก่งเรียวสีน้ำตาลอ่อนแทบจะผูกกันเป็นโบ เพทายลอบมองดวงหน้านวลแอร่มวรรณะขาวผ่องนั้นด้วยความอิจฉาแกมชื่นชม มุกดาโตเป็นสาวแล้วยิ่งสวยขึ้นทุกวัน ทว่าเจ้าตัวไม่ได้สนใจ หรือไม่เคยรู้เลยกระมังว่าพี่สาวอย่างหล่อนต้องคอยกีดกันผู้ชายที่เฝ้าหมายปองอยู่ทั้งหลายให้ออกห่าง ด้วยเป็นคำสั่งกำชับนักหนาของคุณหญิงนารี...ผู้บังเกิดเกล้าที่ไม่ต้องการให้ลูกสาวคนเล็กเข้าใจว่าตัวเองสวยมากเพียงใด

                สวยเหมือนไข่มุกสมชื่อ แต่แม่ไม่อยากให้น้องเหลิง..ประเดี๋ยวจะหลงจนกู่ไม่กลับเหมือนใครบางคนความหมายกินนัยที่ผู้เป็นมารดาเคยกล่าวไว้ยามเพทายคอยนวดไหล่ปรนนิบัติให้ทุกวันหยุด ราวกับต้องการกระทบใครคนหนึ่งซึ่งอยู่แดนไกล ทว่าหล่อนเองก็ไม่เข้าใจลึกซึ้งนัก ว่าด้วยสาเหตุใด คุณหญิงนารีจึงเปลี่ยนทีท่าที่เคยมีต่อหลานสาวสุดรักเพียงช่วงเวลาสองปีให้หลังมานี้..หรืออาจเป็นเพราะใครคนนั้นไม่เคยกลับมาเยี่ยมเยียนเรือนกุหลาบแห่งนี้อีก หล่อนสันนิษฐานได้เพียงข้อเดียวจริงๆ

                แน่ใจหรือว่าจะไม่ให้พี่ช่วย

                เพทายยังถามย้ำ หากหนักแน่นขึ้นกว่าครั้งไหน จนคนฟังต้องเหลือบมอง ทว่าครู่เดียวก็พ่นลมหายใจยาว

                อย่ามายุ่งกับเค้าเลย เรื่องแค่นี้เค้าจัดการเองได้

                มุกดาดึงดันตามประสาคนยึดมั่นในความคิดของตัวเอง

                งานมัณฑนากรจะหาประจำไปทำไม พาร์ทไทม์ อย่างเดิมก็สบายดีอยู่แล้ว ไม่ต้องกินเงินเดือนง้อเจ้านายนานๆ

                เพทายพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของน้องสาวด้วยเหตุผลนานาประการ หล่อนไม่ถือสาหรอกที่น้องสาวไม่เรียกหล่อนว่าพี่ เพราะมุกดาอายุห่างกับหล่อนแค่เพียงหนึ่งปี แถมยังเคยเล่นหัวกันมาแต่เด็ก พูดให้ถูกคือหล่อนเป็นพี่สาวที่ทำตัวได้น่าเกรงใจและน่านับถือน้อยที่สุดในบรรดาคนสูงวัยกว่าไข่มุกทั้งหมด

                ฟรีแลนซ์น่ะดี มีอิสระของชีวิต อยากไปเที่ยวไหนก็ไป อยากติสต์แตกแกล้งไม่รับงานใครก็ได้

                มุกดาเชื่อสนิทใจเลยว่า ไม่มีใครในโลกหาเหตุผลได้แย่ที่สุดเท่าพี่สาวจอมกวนคนนี้อีกแล้ว

                หยุดพูดเสียทีได้มั้ย หนวกหูจริงเลย

                ริมฝีปากมีมุมหยักรูปกระจับเอ่ยพลางเม้มเข้าหากันแน่น สะบัดศีรษะยกมือปิดหูทั้งสองข้างยืนยันความประสงค์นั้นได้ดี

                งานสมัยนี้หาง่ายเมื่อไหร่กัน อย่าว่าแต่งานประจำเลย พาร์ทไทม์เดี๋ยวนี้ก็แทบไม่มีใครจ้างเค้าแล้ว

                เพทายพยักหน้ารับฟังอย่างไม่ใส่ใจนัก ราวกับสิ่งที่น้องสาวบอกเป็นเรื่องไม่สลักสำคัญ

                โอ๊ย เครียด

                มุกดาร้องบอกพร้อมกับหงายหลังตึงไปกับหมอนแพรรูปหัวใจ เกือบเดือนที่หล่อนไขว่คว้าหางานประจำทำ แต่ติดต่อไปที่ไหนก็มีแต่บอกว่าเต็มแล้ว หรือไม่ก็ทางบริษัทยังไม่เปิดรับตำแหน่งมัณฑนากร

                อาชีพที่หญิงสาวแสนภาคภูมิใจที่สุดในวันรับปริญญา ความสามารถที่เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ โปรเจ็คใหญ่ๆ รางวัลสวยๆที่เคยได้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทำให้หล่อนค่อนข้างจะมั่นใจเกินร้อยว่าจบมาจะหางานทำเมื่อไหร่ก็ได้

                แต่ด้วยยุคเข็ญทางเศรษฐกิจเลยทำให้หล่อนต้องเผชิญกับสภาวะยุ่งยากลำบากใจอย่างในตอนนี้

                ถ้าพี่แพรอยู่ ป่านนี้ฉันคงได้งาน

                เพทายขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งขึ้นมาทันที

                เขาจะช่วยอะไรเธอได้ คนคนนั้นไม่ใช่นางฟ้าที่จะเนรมิตทุกสิ่งที่เธอปรารถนานะ

                ดวงตาวาววามมีรอยชื้นขึ้นมา ใบหน้านั้นหันมาแต่ไม่ได้มองคนพูด ทว่ามีแววเลื่อนลอยเสมือนกำลังคิดถึงใครอีกคน

                พี่แพรจะเป็นกำลังใจให้ฉัน แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว

                เฮ้อ..น่าเบื่อจริง

                คนพูดไม่มีทีท่าจะเห็นใจคนเจ้าน้ำตาเลยสักนิด

                ถ้าวันไหนไม่มีคำว่าพี่แพร ก็ต้องมีคำว่าพี่เขียว

                เพทายจับไหล่บางที่เริ่มสั่นสะท้านน้อยๆให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน

                คิดถึงเป็นอยู่สองคนหรือไง หัดคิดถึงคนอื่นบ้าง เพศตรงข้ามบ้างอะไรบ้าง

                พี่สาวตัวดีเอ่ยเสียงเครียด ทว่ามุกดามั่นใจว่าหาสาระจริงจังอะไรไม่ได้เลย

                ฉันยังไม่อยากมีน้องเป็นเลสเบี้ยน

                เอ่ยเพียงแค่นั้นเมื่อไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น เพทายจึงยันตัวเองออกจากเตียง หมุนตัวกลับพลางยักไหล่

                มือบางสีงาช้างค่อยๆไล้ไปบนรอยแผลที่นิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย ความทรงจำบางอย่างยังคงติดตรึงในหัวใจ..ทำไมหล่อนจะไม่เคยคิดถึงเพศตรงข้าม แม้จะเหมือนความฝันที่ไม่อาจเวียนกลับมาอีกแล้ว แต่หล่อนก็ยังคงยิ้มได้เมื่อนึกถึงมัน

                เอ เค กรุ๊ป..บริษัทเพื่อนสนิทฉันมีว่างหนึ่งตำแหน่ง ถ้าสนใจเมื่อไหร่ก็บอก

                มือที่ไล้ความทรงจำเก่าหยุดชะงัก พร้อมๆกับผู้มาเยือนที่กำลังจะหมุนลูกบิดเตรียมผละไป

                ทำไมเพิ่งมาบอก

                เสียงใสแจ๋วดังขึ้นอย่างมีความหวังเต็มเปี่ยม เพทายยักไหล่พร้อมกันสองข้าง ก่อนหันกลับมาบอกกวนๆ

                ก็เธอไม่ยักถาม..

     

                อาคารทรงสี่เหลี่ยมคางหมูกรุกระจกสะท้อนแสงโดยรอบดูแปลกตา ตัวตึกไม่สูงมากนักอย่างที่อาคารธุรกิจในเมืองหลวงมักทำกัน  สถาปัตยกรรมเบื้องหน้าถูกใจผู้มาใหม่มิใช่น้อย มุกดาแหงนหน้ามองแล้วกอดอกยืนยิ้มอยู่คนเดียว ผู้คนในวันทำงานเดินสวนเข้าออกอาคารกันขวักไขว่ หลายคนชำเลืองแลมายังสตรีแปลกหน้าด้วยความไม่คุ้นตา ทว่ารอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนมุมปากของผู้พบเห็นโดยเฉพาะชายหนุ่ม บ่งบอกลักษณะดึงดูดของแขกหน้าใหม่ได้ดี

                หญิงสาวในชุดจั๊มสูทสีขาวท่าทางมั่นใจในตัวเองแต่มีประกายอ่อนโยนสดใสต่อสายตาทุกคนที่จ้องมองมา เวลานี้กลับต้องสูดหายใจเข้าเต็มปอด ภายนอกหล่อนอาจดูมั่น แต่ภายในมีแต่ความลุ้นระทึก ความหวังเดียวสุดท้ายที่หล่อนจะได้งานประจำทำกับเขาสักทีฝากไว้ที่บริษัทนี้แห่งเดียวเท่านั้น

                มุกดาถอดแว่นตาดำอันใหญ่เก็บใส่กระเป๋าสะพายเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูกระจกชั้นล่าง พนักงานรักษาความปลอดภัยมองลอดกระจกใสออกมาแล้วยิ้มต้อนรับแบบออกนอกหน้า เมื่อเทียบกับแขกคนอื่นๆ

                พื้นหินกลัดประดับกรวดสีสวยตรงสองข้างทางจะไม่สะดุดตาหล่อนเลย หากไม่มีแปลงกุหลาบขาวออกดอกสะพรั่งเรียงยาวตลอดแนว ความรู้สึกบางอย่างกระตุกวาบขึ้นในใจ ทว่ามุกดาก็สลัดความคิดนั้นออกจากสมอง..มันคงไม่มีอะไรไปมากกว่าความบังเอิญ!

                เป็นแขกวีไอพีของคุณชโลทรหรือเปล่าครับ

                พนักงานชายคนนั้นเอ่ยถาม ทีท่าสุภาพนอบน้อม หากแต่สายตากรุ้มกริ่ม

                นัดท่านประธานไว้ใช่ไหมครับ

                มุกดาได้แต่นึกขันในใจ หล่อนยังไม่ได้ปริปากพูดอะไรสักคำ กลับโดนทึกทักไปเสียโน่น

                เปล่าค่ะ ดิฉันมาสมัครงาน

                หญิงสาวส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยแล้วยิ้มตอบอย่างมีไมตรี

                อะ..อ้อ ครับ

                ชายวัยฉกรรจ์ร่างป้อมคนนั้นถึงกับทำหน้าไม่ถูก แต่ก็รีบกลบเกลื่อนความเก้อเขินไว้ได้ทัน

                ดิฉันทราบมาว่า บริษัทนี้เปิดรับสมัครมัณฑนากรทำงานประจำหนึ่งตำแหน่ง

                หญิงสาวอธิบาย ถึงแม้จะรู้ดีว่าอาจไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับการบอกกล่าว

                เอ่อ..ตำแหน่งมัณฑนากรหรือครับ

                เสียงชายคนนั้นฟังแปร่งๆอย่างไรพิกลในความรู้สึกของมุกดา

                ดิฉันทราบข่าวมาผิดหรือคะ

                เอ่อ.. ชายร่างป้อมใบหน้าคร้ามทำท่าเหมือนเสียดาย แต่เพียงอึดใจเดียวก็รีบเอ่ย

                เชิญที่แผนกฝ่ายบุคคลชั้นสองครับคุณผู้หญิง

                มุกดายิ้มกว้าง หล่อนก้มศีรษะเล็กน้อยแทนคำขอบคุณก่อนจะตรงดิ่งไปยังบันไดเลื่อนด้านขวามือ

                และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้พนักงานผู้หวังดีแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจ

     

                บนชั้นสองของอาคาร แผนกงานต่างๆถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน ทว่าแปลกตาตรงที่ไม่ว่าผู้มาใหม่จะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ผู้ชาย ไม่มีพนักงานผู้หญิงเลยสักคนเดียวตั้งแต่หล่อนก้าวเข้ามาในบริษัทแห่งนี้

                มุกดายืนเหลียวซ้ายแลขวาไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน เพียงครู่เดียวก็มีพนักงานที่คาดว่าจะมีตำแหน่งสูงพอควร เดินตรงเข้ามาหา ก่อนจะรีบแนะนำตัวอย่างไม่เป็นทางการ

                ผมชื่อ กฤษดา ครับ คุณเป็นแขกท่านประธาน หรือเปล่าครับ

                ชายคนนั้นรูปร่างหน้าตาพอเป็นนายแบบได้สบาย การแต่งกายในชุดสูทเนี้ยบหรู มุกดานึกเดาเล่นๆ ว่าเขาอาจจะเป็นหัวหน้าฝ่ายอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็เป็นระดับผู้จัดการ  เขายิ้มให้หล่อนอย่างสุภาพ ทว่าสายตาที่มองมาคลับคล้ายจะเหมือนชายฉกรรจ์ที่ยืนต้อนรับหล่อนหน้าประตู ชายหนุ่มยื่นมือขึ้นมา ประสงค์จะทำการทักทายแขกตามแบบฉบับชาวตะวันตก แต่มุกดากลับกระพุ่มมือไหว้อย่างสวยงามเป็นการตอบรับ

                ดิฉันมาสมัครเป็นมัณฑนากรประจำบริษัทค่ะ

                หล่อนบอกเสียงเรียบ แต่ไม่กระด้างจนถึงกับขัดหูคนฟัง..อีกครั้งที่มุกดาเห็นสีหน้าแปร่งๆของพนักงานอีกคน เขาทำท่าเหมือนเสียดายไม่ต่างจากที่หล่อนเคยเห็นมาแล้วชั้นล่าง

                เอ่อ..

                และคำพูดตะกุกตะกักที่อีกฝ่ายมอบให้ก็เสมือนลอกอาการแบบเดียวกันมาไม่ผิดเพี้ยน

                มีอะไรหรือเปล่าคะ

                มุกดารีบเอ่ยถามด้วยความกังวล

                ชายหนุ่มคนนั้นลอบถอนใจ ก่อนจะสั่นศีรษะรัวเร็ว

                ปะ เปล่าครับ พอดีหัวหน้าฝ่ายบุคคลออกไปทานข้าว อาจจะยังไม่สะดวกตอนนี้

                มุกดาเลิกคิ้วประหลาดใจพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

                บ่ายสองเนี่ยนะคะ

                เอ่อ คือ พอดีงานฝ่ายนั้นเขาเยอะช่วงนี้ ก็เลยทานข้าวกันไม่ค่อยตรงเวลาน่ะครับ

                เขาพยายามให้คำอธิบาย

                มุกดาพยักหน้าเห็นใจ

                ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันรอได้

                ฝ่ายนั้นทำท่าสะดุ้งขึ้นมาอีกรอบ

                เอ่อ..คือ

                คำอธิบายยังไม่ทันนึกได้ เสียงแหบห้าวทว่ามีจริตของใครคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นก่อน

     

                มีอะไรหรือฮะคุณกฤษดา

                บุคคลที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าหญิงสาววางท่าว่ามีอำนาจพอควร สายตาจิกกัดที่เหลือบแลหล่อนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทำให้รู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก

                เอ่อ..คือ

                คุณพนักงานมาดเนี้ยบออกอาการติดอ่างไม่เลิก จนมุกดานึกรำคาญ จึงชิงพูดขึ้นมาเอง

                ดิฉันจะมาสมัครเป็นมัณฑนากรประจำค่ะ

     

                สีหน้าและแววตาของสาวประเภทสองผู้มาใหม่บอกได้ชัดถึงความเหยียดหยันที่มีต่อหล่อน  เขายืดอกเชิดหน้าก่อนเอ่ย ร่างอวบความสูงไล่เลี่ยกับหล่อนพยายามเขย่งยืนเพื่อข่มรัศมีของผู้มาเยือน

                มีคนมาสมัครไปเมื่อวาน.ตำแหน่งนี้เต็มแล้ว!

                หางเสียงห้วนสั้นบอกชัดถ้อยชัดคำ ปราศความเป็นมิตร

                ตะ..เต็มแล้ว หรือคะ

                เสียงมุกดาอ่อยลงอย่างคนหมดหวัง ถ้าหล่อนไม่มีสติพอคงล้มทั้งยืนไปแล้ว

                เชิญ

                เขาบอกเสียงนุ่มนวล พลางผายมือไปยังทิศที่หล่อนเดินมา

                มุกดายังปักหลักอยู่ที่เดิม หล่อนตัดสินใจอยู่นาน กว่าจะล้วงลงไปหยิบเอกสารปึกใหญ่ในกระเป๋าขึ้นมา

                นี่เป็นรีซูเม่ ผลงานสมัยเรียนมหาลัย แล้วก็โปรเจ๊คใหญ่อีกหลายโปรเจ๊คที่เคยรับจ๊อบนะคะ

                เอามาให้ฉันทำไม

                เสียงนั้นติดจะห้วนขึ้นมาอีกครั้ง หางตาที่เหลือบมามองของในมือหล่อนไม่ได้บอกว่าสนใจไยดีแม้แต่น้อย

                เงียบกันไปพักใหญ่ เงยหน้าขึ้นมาอีกที แววอรุณเกือบจะผงะถอยด้วยความคาดไม่ถึง

                หญิงสาวร่างแบบบางในชุดจั๊มสูทกำลังน้ำตาไหลพราก ตัวสั่นเทิ้มจนคนใจแข็งอย่างเลขานุการรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเขาถึงกับใจอ่อนยวบ

                ดะ..เดี๋ยวๆ เป็นอะไรไปแม่หนู

                มุกดาเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยนัยน์ตาวาววามโศกสลด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาจริงใจ มิได้เพื่อเสแสร้งทำจริตอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรก

                หนูกำลังตกงาน ไม่มีใครรับงานหนูเลย คุณช่วยกรุณารับสิ่งนี้ไว้ มุกดาเอื้อมมือไปคว้ามือหนาหนักของอีกฝ่ายมารับเอกสารปึกนั้นเอาไว้ ก่อนจะวอนขอครั้งสุดท้าย

    เผื่อจะเปลี่ยนใจรับดิฉันไว้เป็นตัวสำรองก็ยังดี

     

    หญิงสาวผิวขาวนวลเจ้าของใบหน้าล้อมกรอบผมลอนสีดำสนิทประบ่าคนนั้นเดินจากไปนานแล้ว สภาพที่แววอรุณจำติดตาคือเจ้าหล่อนเดินคอตกกลับไป เห็นชัดว่าผิดหวังรุนแรงเอาการ คนใจแข็งอย่างเขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เบาะหนังด้วยความรู้สึกอธิบายยาก...เกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้!

    เฮ้อ..

    เลขานุการคนเก่งหันไปมองห้องทำงานด้านหลังโต๊ะประจำการแล้วต้องลอบถอนใจ เขาควรสงสารตัวเอง หรือสงสารหญิงสาวหน้าแชล่มคนนั้นมากกว่า

    แม่หนูเอ๊ย..ไม่รู้เสียแล้วว่ากฎเหล็กของท่านประธานคือห้ามรับพนักงานผู้หญิงเข้าทำงาน

    เขาพึมพำอย่างเหนื่อยใจ

    โดยเฉพาะผู้หญิงรูปร่างหน้าตาอย่างเธอ!

    ความที่มัวสบถอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ..เอกสารที่ถูกยัดเยียดโดยที่เขาไม่เต็มใจรับเลยแม้แต่น้อย แววอรุณจึงไม่ทันสังเกตว่ามีใครคนหนึ่งแอบอ้อมมาทางด้านหลัง มืออุ่นๆตรงเข้ามาปิดตาทั้งสองข้างเขาได้สำเร็จอย่างที่หวัง

    ว้าย ตาเถน กรีดกราย ใครแกล้งชั้นยะ

    เฮลโหล จำผมได้รึเปล่า

    ชายหนุ่มร่างสูงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะค่อยๆขยับมือออก

    ไฮ้!

    เสียงหวีดร้องดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่ตกใจเหมือนคราวแรก

    คุณกวิน..ไหนบอกจะกลับมาวีคหน้า

    ดวงตาคมใต้คิ้วพาดเฉียงมองมาโดยไม่ตอบอะไร นอกจากฟันขาวเรียงที่เผยชัดว่ายินดีแค่ไหนสำหรับการพบเจอกันครั้งนี้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×