คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ค่าตอบแทน 100%
ตอนที่ 2 ค่าตอบแทน
“เต็มอีกโรงแล้วหรอวะ กี่วันแล้วเนี้ยที่จะดูแล้วไม่ได้ดูอะ กูไม่ดูแล้ววุ๊ย!!”
ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่ห้าง ซึ่งกำลังหัวเสียกับหนังที่พึ่งเข้าใหม่ ก็เรื่องไอฟาย...แต๊งกิ้วไง ไม่ว่าจะไปกี่โรงๆก็เต็มมันทุกโรง!-*- เป็นสาเหตุให้ไอเบสเพื่อนสนิทผมหัวเสีย ก็ตั้งแต่วันที่เข้าผมสองคนก็ไปทุกโรงหนังแล้วก็เต็ม! เต็มทุกรอบ! เช้า สาย บ่าย เย็น เต็มหมดนี่ปามาสี่วันแล้วมันก็ยังเต็ม! ทำไมคะแนนสอบผมไม่เต็มแบบนี้บ้างอะ-3- //เกี่ยวป้ะ ให้ทาย?
“เออ กูก็ไม่อยากดูแล้ว แม่มไปที่ไหนๆก็เต็มหมด รอแผ่นออกอย่างเดียวแหละ” ผมว่าอย่างปลงๆ
“แล้วนี่มึงจะไปร้านเค้กกับกูเปล่า?”
ผมชวนไอเบส ร้านเค้กที่ว่าก็คือร้านเค้กของครอบครัวผมเองล่ะ มีหลายสาขาในกรุงเทพฯ และทุกห้างในกรุงเทพฯก็จะมีร้านเค้กของผมอยู่ เป็นไง ผมนี่เพอร์เฟ็คเนอะ^^ รวยก็รวย หน้าตาก็ดี สาวก็ตรึม การเรียนก็..ข้ามมันไป-*- //ดีทุกอย่างยกเว้นการเรียน และอีกอย่างที่ผมรู้คือตอนเกิดมะม๊าจะตั้งชื่อผมว่าเค้ก(?) เค้กเนี่ยนะ อยากถามม้า ว่าม้าเอาไรคิดดดดดดดด ให้ผมชื่อเค้ก ผมยอมชื่อสมชายดีกว่า
“ไม่อะ กูจะไปหาน้องเบล ไม่มีอะไรแล้วกูไปละ”
คือมันพูดๆแล้วก็ไป มันไปแล้ว.... มันทิ้งผมให้อยู่เดียวดาย(?)กลางห้าง
.
.
.
.
ไอเพื่อนเชี่ยยยยย มึงทิ้งกู!!
มันเห็นแฟนมันดีกว่าผม ผมไม่ยอม>O< ผมยอมไม่ด้ายยย อุ๊บ! นั่นน้องชมพู่นิ! ไปหาน้องเขาดีกว่า ช่างไอเพื่อนเวรนั่นแล้วกัน
“ไฮ น้องชมพู่^^”
“อ่าวพี่นาย มาคนเดียวหรอคะ?” เธอถามเสียงใส
“ใช่ครับ ให้พี่เดินเป็นเพื่อนนะ”
“ได้สิคะพี่นายของชมพู่^^” ว่าแล้วเธอก็เดินมาควงแขนผม ไอผมก็ยิ้มสิครับได้สาวสวยมาเดินด้วยอะ เราเดินซื้อของนู่นนี่นั่นนิดหน่อย เป็นของที่ชมพู่อยากได้ผมก็ซื้อให้ ระหว่างเดินก็มีคนมองคู่ผมนะครับ รู้สึกแบบปริ่มอะ เขาหันไปพูดกันว่า...
“แกๆดูคู่นั้นดิ ผู้ชายนี่อย่างหล่อ ฉันอยากได้แบบนั้นบ้างอะ><”
“นั่น เขามองฉันด้วยอะ!!”
ชินแล้วครับ ที่มีคนมาตามกรี๊ดตามชอบสำหรับผมเรื่องพวกนี้มันธรรมดามากขอบอก ก็คนมันน่าตาดีก็งี้
“พอเลยมิว คราวก่อนก็ที่แล้วนะ” อะไรมิวๆ คงไม่ใช่มิวของผมหรอกนะ(?)
“โหไรอะ พี่เรย์ไปเดินกับมิวหน่อยน้าๆๆ” ชัดเลยมิวมีพี่เรย์นี่ชัดเลย เมียโผมมมมม -0- (คือจะมโนทั้งเรื่อง?)
ซวยแล้ว ถ้ามิวเห็นผมอยู่กับคนอื่นมิวคงคิดว่าเราเจ้าชู้แน่ และไหนจะไอพี่เรย์อีกที่จ้องจะขัดขวางความรักครั้งนี้อีก ไม่ได้! เราจะให้มิวมาเห็นว่าเราเดินควงคนอื่นไม่ได้!! นั่น! มิวกำลังเดินมาแล้ว ผมหันซ้ายหันขวาไม่รู้จะจัดการกับชมพู่ยังไง จะเดินเลี่ยงไม่ทักมิวก็ไม่ดี มีทางเดียวคือ......
โคร้ม!
“อ้าวไงมิว^O^ มาเดินช๊อปปิ้งหรอ?” ยิ้วแบ้นเลยครับ กลบเกลื่อนทุกอย่าง
“อ้าวไงนาย บังเอิญเจอกันเลย^^” ยิ้มของเธอช่างสดใส
“นายมาพอดีเลย ช่วยเราเดินดูของแทนพี่เรย์ทีสิ ไม่ยอมไปเป็นเพื่อนเราอะ”
“ได้สิๆ งั้นเลยไปกันเลย ปะ”
อย่าถามครับว่าชมพู่หายไปไหน คำตอบคือ
ผมผลักเธอกระเด็นออกข้างทางตามระเบียบแล้วก็วิ่งจู๊ดมาหามิวทันที และผมที่ตามมา...
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นายทำอย่างนี้กับชมพู่ได้ยังไง ผลักชมพู่ทำมายยยยTOT”
-----------------------ต่อจ้า :)--------------------
หลังจากกำจัดส่วนเกิน(-*-)ไปได้แล้วผมก็มาเดินเป็นเพื่อนมิวโดยมีอีพี่เรย์มันเดินอยู่ข้างๆ ตอนแรกก็ไม่เดินหรอกนะแล้วอยู่ดีๆอยากมาเดินซะงั้น
“พี่เรย์ไหนตอนแรกบอกว่าไม่อยากเดินเป็นเพื่อนมิวไง ตอนนี้ทำไมอยากเดินละ?” เออใช่สงสัยพอดี
“ก็...อยากเดินด้วยกลัวใครบางคนแถวนี้ฉุดน้อสาวพี่ไปไง” ใครวะ
“ใครจะมากล้าฉุดมิวคะ มีนายอย่ด้วยทั้งคน ใช่มั้ยนาย?”
“ใช่ๆพี่ มีผมอยู่ทั้งคนใครจะกล้า”
“หึ” กูละเกลียดจริงๆไอเสียงหัวเราะในลำคออะ มึงจะหัวเราะก็หัวเราะมาดิ มีห่าไรจติดในคอไม่ทราบ
ผมเดินตามมิวไปซื้อของในร้านต่างๆ อยากบอกว่าของมิวเยอะมาก มากขนาดที่พี่เรย์ยังถือไม่ไหวอะจนต้องให้ผมช่วยถือ ก็มิวพึ่งกลับมาจากเมกาฯของใช้ก็ยังไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เลยมาซื้อ แต่ผมว่า...มันเยอะไปนะ
“มิวว่าเราไปนั่งพักที่ร้านเค้กร้านนั้นดีกว่าคะ ของน่าจะหนักอยู่” ไม่น่าจะอะมิว มันใช่เลยหนักมากครับ
“สวัสดีค่ะ ร้านเค้กยินดีต้อนรับค่ะ^^ มากี่ท่านคะ?”
“สามคะ” มิวหันไปตอบแล้วก็เดินเฉิดฉายตามพนักงานไปที่นั่งอ่านสบาย ปล่อยให้ผมกับไอพี่เรย์แบกถุงยี่สิบกว่าถุงเดินตาม เจริญจริงๆ พอไปถึงที่โต๊ะก็รีบจัดแจงวางบรรดาถุงต่างๆอย่างรวดเร็ว เพราะมือผมตอนนี้เริ่มชาแล้ว
“นี่เมนูเค้กของร้านเราคะ อ่าว คุณนายมาด้วยหรอคะ” พี่พนักงานหันมาถาม
“ครับ”
“นี่ร้านประจำนายหรอ” มิวหันมาถาม
“อืม ใช่ร้านโปรดเลยหละ” จะไม่ให้โปรดได้ไงอะ ก็นี่มันร้านสาขาในกิจการครอบครัวผมอะ ร้านที่นี่อยู่ในห้างที่ใกล้มหา’ลัยสุด ซึ้งผมชอบมากินจนทุกคนในร้านรู้หมดแล้วว่าผมชอบกินรสอะไร แต่วันนี้ผมจะไม่กินเค้กที่ผมชอบเพราะรสที่ผมกินมันโคตรแต๋วแตกเลย...
“แล้ววันนี้คุณนายจะรับเหมือนเดิมมั้ยคะ?” พี่พนักงานถามอย่างรู้งาน
“ไม่ละครับ ขอแบบกลับบ้านดีกว่า...”
“กลัวคนอื่นรู้รึไงว่าตัวเองเป็นผู้ชายแต่ดันกินเค้กรสเหมือนผู้หญิงอะ” ปากแบบนี้น่ายัดเค้กเข้าปากนะไอพี่เรย์
“เสือก “ ผมพึมพำด่าพี่มันเบาๆ
“ของมิวเอาช็อคโกแล็ตคะ ของพี่คนนี่เอารสส้มคะ”
“ใครบอกพี่ว่าจะกินห้ะ” รสแม่มโคตรหน่อมแน้มเลยวะ (ได้ข่าวว่าตัวเองกินรสที่แต๋วแตกนะ)
“ก็เห็นซื้อไปที่ไรก็กินหมดทุกที นี่นายรู้มั้ยร้านนี้เราก็มาซื้อกินประจำเลยนะ พี่เรย์ชอบกินมากรสส้มอะ” รสโปรดซะด้วย แสดงว่าร้านเค้กของผมนี่อร่อยจริงถึงทำให้ไอพี่เรย์ชอบได้ เยี่ยมๆอย่างนี้ต้องบอกป๊าให้เพิ่มเงินเดือนพนักงานแล้ว
“เงียบเหอะหน่า”
“รับความจริงตัวเองไม่ได้หรือไง กลัวคนอื่นรู้รึไงว่าตัวเองเป็นผู้ชายแต่ดันกินเค้กรสเหมือนผู้หญิงอะ” รูปประโยคดูคุ้นๆมั้ยละครับ ฮ่าๆๆ
“ไอเด็กเวร” แหนะ ด่าไม่ดูถิ่น นับด้วยครับว่ากี่ฝ่าเท้า นี่ร้านผมครับพนักงานผมครับ สั่งทีเดียวพี่จมดินนะคร้าบบบ
“มาแล้วคะ” ก่อนจะเกิดสงครามฝ่าเท้า(?) พวกเค้กที่เราสั่งพอดี จะบอกว่าที่นี่ทำเค้กเร็วเว่อร์อะสั่งไปไม่ถึงห้านาทีมาละ ยังไม่ทันได้วางมวยกับพี่เรย์มันเลย วัยรุ่นเซ็ง!
“ว้าว น่ากินจัง ประจำเอากลับบ้านว่าน่ากินแล้วแต่พอมากินที่ร้านนี่น่ากินกว่าเยอะเลย” เธอทำหน้าที่เรียกว่า’ฟินเว่อร์’แบบสุดๆเมื่อเห็นการจัดวางขนมเค้กขอที่นี่ เค้กของที่นี่จะทำสดใหม่ทุกวันไม่มีข้ามคืน หมดคือหมดไม่มีทำเพิ่ม การจัดตกแต่งจานเค้กก็ทำอย่างดี วันนึงเราขายได้เกือบร้อยชิ้นต่อวัน และไม่ได้มีแค่เค้กอย่างเดียวนะ ยังไม่พวกพาย เครปเค้ก คุ้กกี้ น้ำปั่น กาแฟอีก พูดง่ายๆคือมีครบเกือบทุกอย่างแล้วสาขานี้จะเป็นที่ที่ผมว่างๆจะมาช่วยขายอีกด้วย
“น่ากินก็กินเยอะๆนะ^^”
“เหอะ!”ผ มเกลียดพี่มัน
เรานั่งกินกันไปเรื่อยๆทุกคนรู้มั้ยว่ามิวเป็นคนที่กินเค้กเก่งมาก แล้วเชื่อมั้ยว่าเค้กที่มิวกำลังนั่งกินอยู่นี่ชิ้นที่ห้าแล้ว อ่านไม่ผิดหรอกครับ เค้กชิ้นที่ห้า ไม่นับรวมคุกกี้ พาย เครปเค้ก แล้วชาไทยปั่นอะ อยากถาม...แม่เจ้า! เธอกินเข้าไปได้ไง? ขนาดพี่เรย์มันยังมองอย่างไม่เชื่อสายตาเลยว่าทำไมน้องตัวเองถึงได้กินเหมือนตายอดตายอยากอะไรอย่างนี้ ผมนี่ทึ่งเลยครับ
“พอแล้วยัยมิว แกจะกินให้หมดร้านเลยหรือไง ฉันไม่คิดเลยว่ามีน้องเป็นตัวเขมือบแบบนี้” นั่นสิ ผมก็ไม่คิด
“ก็มันอร่อยนี่คะ ..”
“รู้ว่าอร่อย แต่แกกินเกินขอบเขตมากไปแล้วไม่กลัวอ้วนหรือไง พอ..ไปๆกลับบ้านได้แล้ว” ว่าแต่น้องไม่ดูตัวเองเล้ย กินไปกี่ชิ้นละ โถ่ๆตัวเองยังล่อไปสามเลย ยังจะไปว่าน้อง ชิ “พี่ครับเก็บเงินครับ” พี่มันหันไปเรียกพนักงานมาเก็บเงิน
“ทั้งหมดหกร้อยแปดสิบบาทคะ อิ่มมั้ยคะกินขนาดนี้” พี่พนักงานถามอยากแซวๆ
“ก็เริ่มอิ่มแล้วคะ อยากบอกว่าอร่อยมาก” ไม่อิ่มก็ให้มันรู้ไป กินซะขาดนี้
“วันหลังอย่าลืมแวะมากินใหม่นะคะ เดี๋ยวพี่จะทำพิเศษไว้ให้เลยคะ” คงหมายถึงทำเพิ่มพิเศษอีกห้าหกชิ้นสินะ มีหลายคนที่มาแล้วไม่ได้เค้กกลับไปก็เพราะว่ามิวสั่งมากินหมด
“คะไม่ลืมแน่ วันหลังมิวจะมาเหงาหมดร้านเลย” พี่เรย์ทำหน้าอย่างเอือมระอาอย่างหาที่สุดไม่ได้กับความอยากกินเค้กของน้อง เป็นผม....ผมก็อายนะ-*- และเราก็ได้เวลาเดินออกจากร้านเค้กแลนด์ แดนมหัศจรรย์โดยที่มีผมและพี่เรย์เดินถือถุงอีกยี่สิบกว่าถุงเดินตามมิวไป พอเดินไปพ้นร้านเค้กสักระยะทิ้งห่างจากมิวสักนิดหน่อย ผมก็ติดสปีดวิ่งวกกลับมาที่ร้านเค้กเจ้าเก่าเพื่อมา….
“พี่นิดครับ ผมขอเค้กรสสตรอเบอรี่และก็เครปเค้กรสสตรอเบอรี่กับสรอเบอรี่ปั่นกลับบ้านด้วยนะครับ เดี๋ยวผมเอา”
นี่แหละครับสาเหตุที่ผมต้องวิ่งกลับมาร้านเค้กอีกครั้ง
----------------ต่อนะจ้า ;)----------------
“อ่าวนาย กลับมาร้านเค้กอีกทำไม ลืมอะไรหรอ”
เฮือก!!!!!!!!!!!
“เฮ้ย มิวกลับมาได้ไงอะ ก็เห็นเดินไปไกลแล้วกลับมาทำไมใครให้กลับ!” ด้วยความตกใจมากที่เห็นมิวอยู่ตรงหน้าผม ผมจึงถามเร็วระรัวแล้วเผลอเสียงดังใส่ บ้าเอ๊ย!
“เออเราขอโทษนะที่ตามมา ก็เห็นพี่เรย์บอกว่านายรีบวิ่งมาร้านเค้กก็คิดว่าลืมอะไรมิวก็บอกแล้วว่าให้รอแต่พี่เรย์ยืนยันว่าให้มาหาที่ร้านเค้กกลัวหาเราสองคนไม่เจอ แล้วพี่เรย์ก็เดินนำมาเลยอะ” กูรู้ละไอตัวดีที่ลากมิวมาที่ร้านทำไม มันพามิวมาเพื่อให้ดูว่าผมสั่งเค้กอะไรแน่เลย
“เออ กูพามาเองมีไรมั้ย ก็เผื่อของหนักเลยจะได้ช่วย J” ช่วยกับผีดิ
“หรือมึงมีอะไรปิดปังถึงมาไม่ได้?” กวนตีนกูละ อยู่กับไอพี่เรย์นี่ประสาทจะกิน กวนได้โล่อะ
“เฮ้อ ไม่มีๆไปเถอะ มิวจะซื้ออะไรอีกมั้ย” ผมถามเพราะถ้าไม่มีผมจะได้ไม่เดินด้วยต่อแล้ว บอกตรงๆว่าผมเหนื่อยมากที่ต้องสู้รบปรบมือกับไอพี่เรย์ วันนี้เมนส์ผมมาด้วยเลยไม่ค่อยมีแรง (!! เดี๋ยวๆแกมีเมนส์ด้วย?)
“ไม่มีแล้วละ นายไปพักผ่อนเถอะดูเหนื่อยๆนะ บ๊ายบาย เจอกันที่ม.นะ ปะพี่เรย์” มิวไปแล้วแต่
“นี่แค่จิ๊บๆยังมีอีกมากที่กูจะเอาคืนเรื่องที่มึงเทสีใส่กู หึ” ยังมีตัวพี่คอยขู่ฝู่ๆอยู่ อยากตะโกนมาก ณ จุดๆนี้ว่า...
กูจะรอดมั้ยยยย นี่ขนาดยังไม่เริ่มพี่มันยังแกล้งขนาดนี้ กูไม่น่าไปเทสีใส่พี่มันเลย!! กูน่าจะอยู่ช่วยไอเบสทำป้ายจะได้ไม่ไปเทถังสีจนเกิดเรื่อง โอ๊ย อกอีแป้นจะแตก
“พี่นิด!”
“คะคุณนาย”
“ผมขอเค้กรสสตรอเบอรี่และก็เครปเค้กรสสตรอเบอรี่กับสตรอเบอรี่ปั่น ด่วนเลยนะครับ เร็วๆด้วย”
“คะๆได้คะ”
โมโห หงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ ไม่รู้จะทำไง แดกแม่ง! งั่ม
ปี๊นๆ ปี๊นนนนนนนนนนนน
“มาเปิดแล้วๆใจเย็นๆคุณหนู” พอมาถึงหน้าประตูบ้านผมกกดบีบแตรดังลั่น ไม่สนด้วยว่ามันจะไปรบกวนชาวบ้านชาวช่อง มันต้องหาที่ระบายอะ
“อาตี๋น้อย ลงมานี่เดี๋ยวนี้!”
“โอ๊ยย ม้าๆม้าใจเย็นดึกหูนายทำไม อ๊ากก ม้าๆอย่าบิด เดี๋ยวหูขาด หูยๆม้าๆอย่าลากๆ” พอผมลงจากรดได้ผมก็โดนดึงหูจากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิดดึง ฉุด กระชากลากถูมากลางห้องรับแขก อยากบอกม้าเหลือเกินว่าลูกม้าคนนี้เจ็บจนจะขาดแล้ว แต่จะพูดไม่ได้เดี๋ยวโดนตะหลิวฟาดหัว แถวตะหลิวยังมีน้ำมันเดือดปุดๆเกาะอยู่ซะด้วย เลยทำได้แค่หุบปากแล้วตามมารดาตัวเองไป
“อาตี๋ แกเป็นอะไรมาบีบแตรดังสนั่นห้ะ ม้ากำลังทำกับข้าวให้แกกินนี่ยังสดุ้งน้ำมันเกือบกระเด็นเขาหน้าสวยๆของม้าเลย ถ้าม้าเสียโฉมจะทำไง”
“ไม่เห็นต้องทำไรเลยม้า หาหม้อให้หม้อเย็บแค่นะ....อ๊ากกกกกก ม้าๆนายขอโทษนายผิดไปแล้วอย่า โอ๊ยยยย อย่าจกม้า” เหี้ย น้ำตากูเล็ดแล้วT^T
“ใครใช้ให้แกพูดกับบุบพการีแกอย่างหา! แกตายแน่ไอลูกพูดจาไม่เพราะ ย๊ากกก”
“อ๊อก ม้านายเจ็บบบบ ม้าาา ปล่อยนายยยย ป๊าช่วยนายด้วย!!”
“ไม่ต้องไปขอให้ป๊าแกช่วย ป๊าแกช่วยแกไม่ได้”
“ม้าปล่อย อย่ารัดคอ แอ๊กๆ ม้านายจะ โอ๊ยยย ม้า ป้าแจ๋ว พี่จ๋าช่วยนอ้องนายด้วย”
“ไม่ต้องช่วย ใครเข้ามาฉันหักเงินเดือนหมด!” โหม้าเล่นขู่แบบนี้ใครมันจะมาช่วยผมครับ ตายแน่งานนี้
“คุณผู้หญิงขา ปล่อยคุณนายเถอะ แกเจ็บจนหน้าแดงแล้ว”
“เสียงดังเอะอะอะไรกัน ดังไปถึด้านบนเลย เฮ๊ย ที่รักใจเย็นเดี๋ยวลูกหูหลุด” มาแล้วเทวดาของโผมมม โฮก กว่าจะมาได้ ลูกป๊าเกือบตายนะรู้ยัง
“ปล่อยฉันลงนะ ฉันจะจัดการกับไอลูกปากเสีย”
“ใจเย็นๆสิคุณ นั่นลูกนะมันก็แหย่นิดแหย่หน่อยตามประสามัน”
“ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยเย็นนี้ไม่ต้องกินข้าวทั้งบ้าน!” ผึบ คือเออ...ป๊าปล่อยม้าอย่างรวดเร็วและไม่มีต่อต้านและคัดค้านใด ส่วนผมหรอ? รีบวิ่งกลับมาจับมือม้าให้บีบหูต่อแทบจะทันที มันไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่ถ้าไม่ตามใจม้ากับข้าวมือเย็นก็ไม่ต้องกินกันหมดทั้งบ้าน คนชงคนช็ไม่มีใครกล้ากินอะเดือดร้อนไปหมด ผมบอกรึยังว่าม้าผมเผด็จการ
“ทีแบบนี้แหละรีบปล่อย ส่วนไอตัวนี้ก็เรียบมาคลอเคลียเลยนะ” กูรู้สึกเป็นหมาไงไม่รู้วะ
“แหะๆ ม้าอยากดึงหูนายใช่ป้ะ อะ ม้าดึงเลยเต็มที่ม้านายไม่เจ็บ โอ๊ยยยยย” ม้าจะบ้าจี้ตามผมทำไม
“ไหนบอกไม่เจ็บแล้วร้องทำไม”
อุ๊บ
หุบปากแทบไม่ทัน ตอนนี้น้ำตาผมคลอเบ้าแล้วนะเจ็บจริงไม่อิงกะแส จู่ๆม้าก็ปล่อยหูผมให้เป็นอิสระ รู้สึกโล่งๆหูมากในรอบหลายปีที่ผ่านมาสุดๆ
“เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าวบ้าน” ห้ะ!O_O อิบอ๋ายแล้ว
“ม้านายขอโทษ ม้าสวยที่...”
“หุบปาก” กูหุบปากก็ได้U_U “วันนี้เราจะไปกินสเต็กข้างนอกกัน ม้าอยากกิน” โอ๊ย โล่งอกกว่านึกว่าตองอดข้าวเย็นซะแล้ว ป๊ารีบตามไปเดินกอดใหล่ม้าขึ้นไปข้างบนอย่างเอาอกเอาใจกลัวม้าเปลี่ยนใจแล้วไม่ไปกินข้าวนี่ซวยเลยนะแต่ยังมิวายสั่งเสียก่อนเดินไป
“ฉันขอสั่งห้ามแกใช้รถจนกว่าฉันจะพอใจ จะได้ไม่มาบีบแตรหน้าบ้านเหมือนคนบ้าแบบนี้อีก”
กูลาตายแปป ฮือๆ ผมก็ไม่รู้อะว่าไอการที่ผมโมโหไอพี่เรย์แล้วมาระบายกับการบีบแตรเสียงดังหน้าบ้านแบบนี้จะทำให้ตัวผมถูกยึดรถแบบนี้ เพราะมันคนเดียวเพราะไอพี่เรย์มันคนเดียวที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ผมเกลียดมัน
กริ้งๆๆๆๆๆๆๆ
“อือๆรู้แล้วๆตื่นแล้วปลุกอะไรนักหนาวะ” เฮ้อ ผมละเพลียชีวิตเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ตีหนึ่งเกือบตีสองรีบปั่นงานที่อาจารย์แม่แกสั่งให้ทำให้เสร็จ แล้วคาบอาจารย์แรกก็เป็นคาบของแกอีกด้วยผมละเซ็ง ผมรีบอาบน้ำล้างหน้าแปลงฟันเตรียมรีบจะไปมหา’ลัยอย่างน้อยก็ได้นอนก่อนเข้าคาบก็ยังดี ไม่งั้นวันนี้เรียนไม่รู้เรื่องแน่ เดินลงมาก็มีแก้วนมกับขนมปังทาแย้มรสสตรอเบอรี่รอไว้ที่บนโต๊ะอยู่แล้ว ผมรีบดื่มนมให้หมดอย่างรวดเร็วและก็ตามด้วยปากที่คาบขนมปังไว้ในปากอีกสองแผ่น มืออีกแผ่นและมืออีกข้างหอบชีทต่างๆรีบวิ่งไปที่รถ
“กุญแจอยู่ไหนวะคนยิ่งรีบๆอยู่ หายไปไหนวะเมื่อวานตอบขับมาเก็บก็เอากุญแจไว้ตรงนี่นี่หว่าจะไปไหนได้” มือผมควานหากุญแจในรถอย่างรีบร้อน ผมจำได้ว่า...
“อาตี๋ ลูกลืมไปแล้วหรอว่าม้าไม่ให้ใช้รถอะ” นั่นไงกูว่าแล้วว่าลืมอะไร
“โหม้า ขอเถอะวันนี้นายรีบอะม้า”
“บีทีเอสเร็วดีนะรถไม่ติดไปเร็วกว่าด้วย โชคดีกับการเรียนนะลูกม้าไปละจุ๊บๆ” ม้า....
“อะนี่ม้าเตรียมบัตรสำหรับใช้บีทีเอสให้แล้วหนึ่งเดือน ใช้ให้เต็มที่นาจาาาจุ๊บๆ” รักผมมาก ผมที่ยืนค้างกับการกระทำของม้าที่ดูเป็นห่วงผมเอามากๆ ยอมเสียสละเวลาไปหาบัตรแรบบิทมาให้ผม ผมต้องซึ้งป้ะ เดี๋ยวค่อยกลับมาซึ้งตอนนี้รีบไปก่อนเดี๋ยวไม่ทันนนน
อึดอัดมากถึงมากที่สุด ใครจะไปรู้ละว่าตอนเช้าแบบนี้คนจะเยอะอะนี่ถ้าตอนเย็นผมคงเป็นลม ผมยิ่งเป็นคนที่เป็นลมในที่ที่คนเยอะอยู่ (ยกเว้นช่วงมีคอนเสิร์ตที่ต่อให้คนเยอะแค่ไหนผมก็ไม่เป็นไร) สายแล้วด้วยไม่มีเวลานอนแล้วด้วยทำไงดีๆ เริ่มกัดเล็บแล้วครับจะทำไงดีผมไม่มีเวลานอนก่อนเข้าเรียนอะตอนแน่ๆ (เครียดกว่าไม่ได้อ่านหนังสือสอบอีกคิดดู-*-)
“สถานีต่อไปสยาม” ใกล้แล้วใกล้จะถึงแล้ว จะได้หายใจแบบโล่งๆแล้วอีกนิดเดียว นิดเดียวๆ
ดึ๊ง
เฮือก เฮ้อ รอดตายแล้วพอได้ยินเสียงประตูเปิดเท่านั้นแหละผมนี่แทบติดปีกทลาออกจากรถไฟฟ้าทันทีไม่มีการรีรอให้ใครมาจุดธูปอันเชิญแต่ประการใด ที่เหลือก็ก็แค่เดินไปรอรถโดยสารของมหา’ลัยแค่นั้นสบาย นี่ถ้าผมไม่บ้าไปบีบแตรหน้าบ้านแบบนั้นผมคงไม่ต้องมาเดินไปแบบนี้หรอก อิจฉาคนอื่นอะที่ขับรถสบายเข้ามหา’ลัยไม่ต้องมาเดินแบบผม พูดแล้วเศร้าน้ำเน่ากว่านี้กว่านี้มีอีกมั้ย กระซิกๆ
“เฮ้ย โอ๊ย ขับรถดีๆเป็นมั้ย เห็นหรือเปล่าว่าคนเดินอยู่อะ” ผมเดินอยู่ดีๆไม่รู้ว่ามีรถที่ไหนขับมาเฉี่ยวตูดก็ไม่รู้ ซวยจริงๆวันนี้
------------------ต่อจ้า:)---------------
“เห็น แต่มือมันกระตุกเผลอเลี้ยวไปชนโทษที หึหึ” กระตุกหรือมึงใช้คำว่ากระตุกหรือห้ะ ไอพี่เรย์
“มึงลงมาตัวต่อตัวกับกูเลยดีกว่า มีไรกับกูมากมั้ยวะ!!” เวลาผมโมโหไม่มีหรอกคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องมีแค่มึงกูนี่แหละคุยง่ายดีและตอนนี้ผมก็หงุดหงิดมากตั้งแต่วันก่อนแล้ว
“เหมือนหมาบ้าเลยวะ หึ กูไม่คุยกับคนที่พูดไม่รู้ ไปดีกว่า”
อย่าให้กูหมดความอดทนนะกูขีดรถมึงเป็นรอยแน่ แล้วมันก็ขับรถผ่านหน้าผมไป เพราะวันนั้นวันเดียวเลย พอดีกับรถโดยสารของมหา’ลัยผ่านมารับพอดี นั่งไปได้สักพักก็มาถึงหน้าคณะตัวเอง ผมเดินไปหาโต๊ะที่มีไอเบสนั่งอยู่
“อ่าวไงมึง การบ้านอาจารย์แม่มึงเสร็จยังหรือไม่ได้ทำ”
พรึบ
ผมไม่ตอบแต่โยนบรรดาการบ้านต่างๆไปตรงหน้าไอเบส ส่วนตัวผมก็ทรุดนั่งและก็ก้มหน้าฝุบหลับ
“มึงถึงเวลาเรียนปลุกกูด้วย กูขอนอนนะ”
“เฮ้ยๆอะไรของมึงไอนาย มาถึงก็นอนเลยอย่าบอกนะมึงนั่งทำงานจนเสร็จ เจ๋งวะมึง”
เฮ้อ เมื่อไหร่มันจะหยุดพูดสักทีวะ ผมที่เกือบไม่ได้นอนแถมยังต้องตื่นเช้ามาขึ้นบีทีเอสที่เบียดอีกอยากพักเว้ย
“เออๆถึงเวลาเดี๋ยวกูปลุกนอนไปๆ”
ผมที่ทำหน้าประมาณว่าเมื่อไหร่มึงจะหยุดพูดใส่เบสมันถึงจะยอมหยุดถามทุกสิ่งอย่าง
การเรียนวันนี้ผ่านไปด้วยสภาพที่ไม่มีอะไรเข้าหัวผมเลยแล้วผมมีลางสังหรร์ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างตามสัญชาตญานผมเชื่อว่าต้องมีแน่นอนเพราะดูจากวันนี้ที่โดนมาอะนะ
“เออ นายวันนี้มึงจะไปร้านป้ะวะ”
“อืมน่าจะไปนะ มึงจะเอาเค้กอะไรละ”
“คือพรุ้งนี้วันเกิดน้องเบลวะกูอยากให้มึงหาเค้กที่ดีในร้านมึงอะ อยากให้มึงเป็นคนเลือกมึงกินเค้กเยอะน่าจะรู้ว่ารสไหนถูกใจมากกว่า” ก็จริงอย่างที่มันว่าถ้าให้หลับตากินเค้กแล้วถามว่ารสอะไรผมก็ตอบได้เลย
“แล้วมึงจะไปไหน ถึงไม่ไปเลือกเค้กเอง”
“กูต้องไปอยู่กับเขาวะ เข้าใจนะเพื่อนไปละ”
ตลอดอะมึงเห็นแฟนสำคัญกว่าตลอดอะ แล้วกูต้องนั่งบีทีเอสไปอีกแล้วใช่มั้ยเนี้ย ม้านะม้ายึดรถผม ชีวิตพอไม่มีรถมันอยู่ลำบากจริงๆประจำไปไหนมาไหนต้องมีไอรถคู่ใจไปทุกที่พาไปทุกแห่ง แต่พอไม่มีมันชีวิตผมเหมือนจะเหงามาก วันนี้ผมเอาแต่นั่งคิดถึงรถสุดที่รักของตัวเอง แงๆผมอยากได้รถคืนอะม้า ม้ารู้มั้ยผมจะร้องไห้แล้ว พอไม่มีรถผมก็เดินตัวคนเดียวปล่าวเปลี่ยวเดียวดายในท้องถนนอันไกลโผน (เอิ่ม...เริ่มเพ้อละ)
“อ่าวนาย ทำไมมาเดินข้างทางแบบนี้รถไปไหนละ”
“สวัสดีครับพี่นนท์” พี่นนท์เป็นรุ่นพี่ในกลุ้มพวกรับน้องซึ้งผมเป็นน้องในสายรหัสพี่เขาพี่แกเป็นคนใจดียิ้มเก่ง ชอบช่วยเหลือคนอื่น
“ว่าแต่รถนายไปไหนละ แล้วกำลังไปไหน”
“พอดีโดนแม่ยึดรถนะพี่ นี่กำลังจะเดินไปห้างแค่นี้เอง”
“ให้พี่ไปส่งมั้ย ไม่ต้องเกรงใจพี่มีธุระที่นั่นพอดี” ผมลังเลนิดหน่อยแต่ก็ตกลง
“ผมก็เกรงใจนะพี่ แต่เห็นว่าทางเดียวกันเลยไม่เป็นไร”
“ครับๆคุณน้องปากบอกไม่เกรงใจ แต่ตัวมึงนี่นั่งคาดเข็มขัดเรียบร้อยก่อนตอบกูอีกแสดงถึงความเกรงใจมาก”
อ่าวหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี้ย โหคุณผู้อ่านก็ลองคิดดูนะครับจากม.ไปห้างก็ใช่ว่าจะใกล้ๆ ขืนมัวแต่ยืนเกรงใจเกิดพี่แกเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาทำไงเท่ากับผมต้องเดินอีกโลหนึ่งเลยนะไม่เอาหรอก นี่เปล่าเห็นแก่ตัวจริงๆนะ (แน่ใจ?)
“ไปทำอะไรให้แม่หนิงยึดรถละ”
“เฮ้ย พี่อะเรียกชื่อนี้ทำไม”
ก็ไอชื่อที่พี่นนท์พูดถึงคือม้าของผมนะสิ ก็ไอเบสมันเคยเรียกผมว่าหนิงกลางห้องประชุมเชียร์จนชาวบ้านชาวช่องรู้หมดแล้วว่าม้าผมชื่อหนิงอะ
“ฮ่าๆเอาน่าๆออกจะเพราะ แล้วตกลงไปทำอะไรให้เขาโกรธถึงได้ถูกยึดรถ”
“พี่พูดแล้วก็ขึ้น ก็มีไอเหี้ยตัวหนึ่งมากวนตีนผมไงพี่ ผมก็โมโหกลับไปบ้านก็ไปบีบแตรหน้าบ้านตัวเองดังลั่นไปรบกวนชาวบ้านเขา เลยถูกม้ายึดรถเพราะไอนั่นคนเดียว” ยิ่งพูดถึงยิ่งอยากซัดหน้าเรื่องที่วันนี้มันขับรถมาเฉี่ยวอีก
“สงสัยจะแค้นมากนะเนี้ยเรียกเขาซะเสียหายเลย”
“ก็มันน่าโมโหอะพี่ คิดดูวันนี้มันยังขับรถมาเกือบชนผมอะ”
“แล้วมึงได้ไปทำอะไรเขาก่อนรึเปล่าเขาถึงได้มาแกล้งมึงอะ” พอพูดถึงเรื่องนี้ผมนี่เงียบเลยครับ
“คือว่าผมอะเผลอไปเทถังสีใส่ตัวเขาอะ แล้วผมลืมขอโทษแถมยังแกล้งลืมว่าไปทำเขาอะเลยโดนแกล้งกลับ” กูไม่อยากบอกเลยความผิดทั้งหมดนี่เพราะกูโดยล้วยๆ
“เฮอะก็สมควร จะทำอะไรทีหลังดูด้วยไม่อยากเสียน้องรหัสก่อนวัยอันควร” เป็นคำที่ผมอยากถีบพี่มันออกจากรถมันมากถ้ไม่ใช่พี่รหัสนี่มีถีบจริง “ว่าแต่มันคุ้นๆเรื่องเทถังสี” พี่มันงึมงำอะไรไม่รู้สักอย่างแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงห้างประหยัดเวลากว่าการเดินเยอะเลย ถ้าเดินมาเองหรออีกชาติเศษกว่าจะถึง
“ขอบคุณมากนะพี่ ไว้มีอะไรที่ผมตอบแทนได้จะตอบแทนที่พี่ช่วยไม่ให้ผมต้องเดินขาลากมาที่นี่อะ”
“เออๆพูดแล้วอย่าคืนคำนะเว้ย”
“อะแน่นอน นี่ใครไอนายนะครับไม่เคยคืนคำ ไปละพี่”
เรื่องนี้ใครจะมาดูหมิ่นผมไม่ได้นะผมเป็นคนรักษาสัญญาพูดคำไหนคำนั้น พูดจริงทำจริงถ้ามันไม่หนักเกินกำลังผมอะนะ-3- และแล้วผมก็ได้มาอยู่หน้าร้านเคกแลนด์แดนมหัศจรรย์แล้ว ผมว่าชื่อร้านควรปรับปรุงนะมันดูพิลึกไงไม่รู้ใครมันตั้งนะ (ก็พ่อแกไงถามพ่อดิ) เออจริงเดี๋ยวเย็นนี้กลับไปถาม
“สวัสดีครับพี่นิดวันนี้ขายเป็นไงบ้าง” ผมยิ้มรับพนักงานทุกคน
“ก็ดีเหมือนทุกวันคะ วันนี้คุณดูเหนื่อยนะคะไปทำอะไรมา” ผมเดินไปหลังเคาน์เตอร์เพื่อจะช่วยงานก็เจอพี่แกถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“นิดหน่อยครับ พอดีม้ายึดรถเลยต้องเดินทั้งวันเมื่อเช้าก็นั่งบีทีเอสเบียดคนมา”
ที่ผมกล้าพูดแบบนี้กับพี่นิดก็เพราะว่าพี่นิดก็เป็นคนสนิทม้าแถมยังเลี้ยงผมมาด้วย พอเปิดร้านเค้กม้าก็ให้พี่นิดมาคุมและดูแลสาขาใหญ่โดยมีผมคอยมาฝึกทำงานในวันที่ว่างๆ
“จริงหรอคะ วันนี้คุณนายไม่ต้องช่วยก็ได้คะมาเหนื่อยๆพักก่อน จะเอาอะไรมั้ยเดี๋ยวพี่จะได้เอาให้” ดูแลดีสุดๆอะไม่อยากลับบ้านไปหาม้าแล้ว
“พี่นิดช่วยจัดเค้กนมสดรสสตรอเบอรี่ให้ผมให้ผมกล่องนึงนะครับผมจะเอาไปให้วันเกิดเพื่อน”
“ได้คะเดี๋ยวพี่จัดการให้” บอกตรงๆวันนี้เหนื่อยสุดๆปวดหลังเมื่อยขาสงสัยเมนส์มามาก (!!)
“พนักงานคะช่วยรับออเดอร์ทางนี้หน่อยคะ” ดูเหมือนว่าจะไม่มีพนักงานคนไหนว่างไปรับออเดอร์ลูกค้าท่านนี้เลยดูทุกคนจะยุ่งหมด ผมคงต้องไปรับแทน
“มาแล้วครับๆ ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับคุณผู้หญิง^^”
ผมตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หน้าเธอก็ขึ้นสีแดงๆด้วยความเขินอาย บอกเลยน่ารักเว่อร์อะ ผมรีบรับออเดอร์ลูกค้าทันทีเพื่อไปเอาเค้กตามที่เธอสั่งสักพักผมก็ยกไปเสิร์ฟ
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ”
“ขอเป็นอะไรที่พิเศษๆได้มั้ยคะ”
“ยินดีจัดให้ครับ พิเศษสุดเบอร์โทรส่วนตัวสำหรับเค้กแบบพิเศษ ขอให้อร่อยกับเค้กนะครับ”
ผมรู้เลยตอนนี้งูคงเต็มหัวผมอะ ฮ่าๆๆ ผมมาทำงานที่นี่ทีไรได้เบอร์สาวๆสวยๆกลับไปเต็มเลย คนหล่อก็งี้ละ รู้สึกกระปรี่กระเปร่าขึ้นมาเลย
Trrrrruuuuuuuuuuu
“สวัสดีครับพี่นนท์ ห่างกันยังไม่ถึงชั่วโมงดีมีเรื่องให้ช่วยหรอ” ผมพูอย่างติดตลก ผมก็ไม่คิดจริงหรอกว่าพี่แกจะมีอะไรให้ช่วย
[เออ พี่มีเรื่องด่วนวะ อยากให้แกช่วยอะ] อ่าวดันมีเรื่องจริงวะ
“เรื่องไรอะพี่ บอกว่าเลยเดี๋ยวผมช่วยเต็มที่”
[คือพี่แพ้พนัน...]
“พี่ผมไม่มีตังให้พี่ยืมหรอกนะ ตัวผมเองยังเอาไม่รอดเลย” ช่วยได้ทุกอย่างนะยกเว้นเรื่องเงินเรื่องทองอะ เอาแค่ทุกวันนี้จะโดนยึดบัตรอยู่แล้ว
[ไม่ใช่ๆแกฟังให้จบดิวะ คือพี่แพ้พนันใช่ปะ ต้องทำตามมันหนึ่งอย่าง คือพี่ต้องไปเป็นคนใช้มันหนึ่งเดือนวะ]
“แล้วเกี่ยวอะไรกับผมวะพี่” เออนั่นดิเกี่ยวไรกับกูวะ
[กูอยากให้มึงไปทำแทนกูได้มั้ยวะ]
“เรื่องสิพี่ ทำไมผมต้องไปเป็นคนใช้ให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่รู้จักอะ” บ้าไปแล้วใครจะไปทำ
[คนนี้มึงรู้จักเว้ย เพื่อนๆพี่นี่แหละแกสนิทด้วยคนนี้อะ] ใครวะนอกจากพี่นนท์ที่กูสนิทแล้วยังมีใครอีกวะ ยังมีอีกคนที่สนิท พี่รหัสไอเบสไง
“พี่กรอะหรอพี่ ผมไม่ทำได้มั้ยพี่”
[นายพี่ขอร้องละ ทำเถอะถ้ายังไม่อยากเห็นพี่รหัสคนนี้แกตายอะ นะๆเฮียขอร้อง อยากได้อะไรเดี๋ยวเฮียซื้อให้ทุกอย่างเลยขับรถไปรับไปส่งด้วยระหว่างที่แกโดนยึดรถอะ พาเลี้ยงเหล้าด้วยแถมเกมส์ที่ออกใหม่ให้ชุดนึง ยอมเป็นเฮียใจปล่ำยอมทุกอย่างเลยทำเถอะนะ] อือหือข้อเสนอมาเพียบแต่ละอย่างแม่กูยังไม่ขนาดนี้ มีเกมส์กับเหล้าแถมมาอีกลาภปากเลยนายเอ๊ย
“ตกลงพี่งานเริ่มเมื่อไรว่ามา”
[ดีมากน้องรัก ไว้วันเวลาสถานที่พรุ้งนี้เดี๋ยวเฮียไปบอก บาย ปิ๊บ]
“เฮ้ยๆพี่ๆรีบอะไรขนาดนั้นเลยหรอวะ ช่างเถอะเดี๋ยวก็ได้ของฟรี อิอิ”
แหะ ทำไมคิวข้างขวาถึงกระตุกวะโบราณว่าขวาร้ายซ้ายดี แล้วกระตุกข้างขวาแสดงว่าต้องมีเรื่องไม่ดีแต่ว่าไม่จริงหรอกเรื่องไม่ดีอะไรทำให้ได้เกมส์กับกินเหล้าฟรีไม่จริงหรอก...มั้ง
__________________________TBC
อัพแล้วเด้อ
สุดท้ายนี้ ไรท์อยากบอกว่าคิดถึงนักอ่านนะคะ ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ รักรีดเดอร์ทุกคนนะจุ๊บๆ
ความคิดเห็น