คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : magic
ตัวฉันเปียกไปหมด หยดน้ำนับล้านหยดตกลงมากระทบตัวจนฉันเจ็บ เหมือนกับเข็มเล่มเล็กๆที่ทิ่มตำตลอดเวลา เปล่าเลย…หยดน้ำเล็กๆไม่ได้ทำให้ร่างกายฉันเจ็บหรอกแต่เป็นหัวใจต่างหากมันเจ็บ ปวดและทรมานได้มากมายขนาดนี้ เสียงข้างหูทั้งสองก็ดังซ่า กลบเสียงร้องไห้ดังๆจากผู้หญิงคนนี้ไปหมดสิ้น คุณเชื่อในเวทย์มนต์ไหม มันเหมือนกับพลังที่คุณสามารถเปลี่ยนเรื่องเลวร้ายที่สุดให้กลายเป็นความสุขที่เหมือนกับฟองสบู่สีรุ้งที่ไม่มีวันแตก แล้วล่องลอยอยู่ในอวกาศเป็นเพื่อนกับดวงดาวนับแสนล้านดวง มันคงจะเป็นความสุขชั่วนิรันดร์เลยใช่ไหม แต่ชีวิตจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น ฉันพึ่งตระหนักได้ว่ามนุษย์เรานั้นแสนบอบบาง ความรัก ความสุข ความเชื่อใจ ช่างเป็นอะไรที่บอบบาง มันก่อตัวช้าๆอย่างมั่นคงที่ละเล็กละน้อยจากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี แต่ความเกลียด ความตาย และการทรยศจะทำลายมันได้ในพริบตา เป็นเวทย์มนต์อีกบทหนึ่งที่เราอาจไม่เคยนึกถึง แล้วอะไรที่กำลังลังร่ายเวทย์หมดใส่ฉันอยู่นะเหรอ การทรยศไง
ฉันวิ่งออกมาไกลมากจากบ้านหลังหนึ่งที่คุ้นเคย วิ่งด้วยพละกำลังที่มีโดยที่ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่และฉันกำลังวิ่งไปที่ไหน ฉันจำได้ ความรู้สึกนี้ฉันเคยวิ่งแบบนี้ผ่านบ้านคนทีละหลังๆนับไม่ท่วน เสี้ยววินาทีที่มองเข้าไปเวลาที่แสงไฟเปิดอยู่พร้อมกับเสียงของคนในบ้านที่ดังลอดออกมายังทำให้ฉันอิจฉาอยู่เสมอ บ้านแล้วบ้านเล่าผ่านผู้คนบ้าง ซึ่งเขาคงคิดว่าฉันเป็นพวกเสียสติเพราะฉันวิ่งร้องไห้พร้อมกับชุดเดรสยาวสีดำกับรองเท้าอยู่บ้าน ฉันวิ่งมาจนถึงถนนใหญ่ที่มีคนเดินอยู่มากมายตึกสูงพร้อมกับป้ายบิลบอด แล้วจอขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ทำให้ฉันหยุดวิ่ง เหมือนกับเรี่ยวแรงที่มีได้หมดลง ฉันเดินเข้าไปใกล้ช้าๆแล้วรู้สึกชาที่เท้า ก้มลงไปไม่รู้ว่ารองเท้าหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เห็นแต่เลือดที่ซึมออกมาเป็นรอยเท้าด้านหลัง แต่ฉันไม่เจ็บหรอกฉันไม่เจ็บเลยสักนิด ฉันเดินต่อไปตรงทางม้าลายเพื่อที่จะเข้าไปใกล้จอนั้นอีกหน่อย ดูพวกเขามองฉันสิ บางคนก็กระซิบกระซาบกัน บางคนก็ไม่สนใจ หรือคนที่ดูเหมือนจะเข้ามาช่วยฉัน แต่ฉันไม่สนหรอกว่าพวกเขาจะคิดยังไง ฉันคิดแทนพวกเขามามากแล้ว ฉันเงยหน้าขึ้นไปช้าๆขณะกำลังจะข้ามถนนแล้วจ้องไปที่ตาของผู้ชายในจอเพื่อที่จะบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย “ ยกเลิกสัญญานะพัต ” แล้วตอนนั้นฝนก็เริ่มตกลงมา…
2 ปีต่อมา ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
“แก ฉันชอบคาซึยะคุงมากกกกกกเลย”เสียงเมาๆมาจากเพื่อนสาวผมบรอนซ์ของฉันที่กำลังบิวท์หน้าจริงจังและจับไหล่ทั้งสองข้างฉันไว้ไม่ให้ออกไปจากครัวเล็กๆนี้ได้
“เฟรย่า อาร์ยูโอเค? ไว้ค่อยคุยตอนสติครบละกันนะ” ฉันบอกเพื่อนสาวขี้เมาอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่บอกแมวยังรู้เลย แสดงออกซะขนาดนั้น
“เฮ่ เกิร์ล ทำอะไรกันอยู่หนะออกมากันได้แล้ว” เพื่อนชายตัวโตหนุ่มซิดนีย์แท้ๆเข้ามาเรียกให้พวกเราอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“แอช เธอคงไม่ได้ยินอะไรแปลกๆใช่ไหม” ยัยตัวแสบตกใจได้สติขึ้นมาทันที ถามชายตัวสูงที่ยืนขวางประตูไว้
“ที่เธอชอบคาซึยะนะเหรอ555555” ชายตัวสูงท่าทางจะสนุกสนานกับการกวนโมโหเจ้าแม่ขี้วีนอย่างเฟรย่า ยังคงทำหน้าล้อเลียนต่อไปโดยที่ฝ่ายหญิงได้แต่ร้องวี้ดๆเอาแต่พูดว่าอย่าบอกเขานะๆ ฉันเลยเดินเข้าไปหยิกเอวเจ้าตัวเบาๆแล้วเดินออกไป ถ้าไม่มีมือหนาของใครมาจับไว้
“เฮ้ เห็นคาซึยะบอกว่าหิมะตกนะ ออกไปดูกันไหม” หนุ่มตาสีฟ้าครามมองลงมาหาฉันที่อยู่ตรงหน้า ฉันจ้องหน้าเขาอยู่นานทั้งตาดวงโตสีคราม ขนตายาวที่ทำให้ใบหน้าเขาดูอ่อนหวาน จมูกโด่งเป็นสันตามสไตล์ฝรั่ง แล้วก็เลื่อนลงมาเรื่อยๆจนถึงริมฝีปากสีชมพูของเขา มันเข้ากับใบหน้าที่เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารพร้อมกับหุ่นกำยำที่สามารถเจอได้ที่งานแฟชั่นวีค
“ฮันนี่” เหมือนรู้ตัวว่ากำลังถูกฉันสแกนไปถึงไหนๆ เขาเรียกชื่อฉันอย่างขี้เล่น
“ดอนท์บีสวีท โอเค? ฉันอยากจะอ้วก” ยัยแสบเฟรย่าแทรกตัวผ่านเราไป ก็ไม่วายโดนคนตัวสูงพูดไล่หลังไป
“อ้วกในห้องน้ำนะจ๊ะ” ฉันล่ะอดขำคู่นี้ไม่ได้ กัดกันทุกคำเลย ถึงจะพูดแบบนั้นใส่กัน แต่ก็ไปเที่ยวด้วยกันตลอด ชอบอะไรคล้ายกัน อาจเพราะเป็นชาวตะวันตกไลฟ์สไตล์เลยคล้ายๆกัน สองคนนี้เลยเป็นเพื่อนกันเร็วกว่าคนอื่นๆ แอชตัน มองมาที่ฉันอีกครั้ง
“ไปเลยไหม”
“ไปสิ”
ตอนที่เราเดินมาที่ระเบียงก็เจอจำเลยยืนหันหลังกำลังพ่นควันสีเทารออยู่แล้ว เขาคือคาซึยะ หรือคุซาโนะ คาซึยะ หนุ่มญี่ปุ่นเจ้าถิ่นผู้เป็นรูมเมทกับแอชตัน ทำให้เราสี่คนสนิทกันมาก ความจริงแล้วเราสี่คนทำงานที่บริษัทเดียวกัน คือ Crown music & entertainment ค่ายเพลงญี่ปุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมตอนนี้เพราะเปิดรับคลื่นลูกใหม่ทั่วโลกได้เข้ามาทำงาน ซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าถามว่าใครฝีมือโดดเด่นที่สุดก็คงต้องยกให้คาซึยะ แค่ไม่กี่ปีก็ได้ทำโปรเจ็คใหญ่ๆหลายโปรเจ็คแล้วก็ทำได้ดีมากด้วย ทั้งหล่อทั้งมีความสามารถก็ไม่แปลกที่ยังเฟรย่าจะชอบหนุ่มคนนี้
“คาซึยะ” คนข้างๆฉันเรียกเพื่อนสนิทให้หันมา
“…”เขาไม่ได้ตอบอะไรแค่มองมาด้วยตาคมๆคู่นั้น
“แกไม่เข้าไปข้างในเหรอ”หนุ่มซิดนีย์ถามเพื่อนเหมือนเป็นแนวให้รีบออกไปจากที่นี่ได้แล้วแต่ก็ต้องผิดหวังเมือผู้ถูกถามปฎิเสธหน้าตายว่า “ไม่”
แต่ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาปกคลุมอีกครั้งก็มีเสียงแสบแก้วหูดังออกมาจากในห้อง
“แอชชชช คัมเฮียนาว ฮีตเตอร์เป็นอะไรไม่รู้ ฉันแค่พยายามจะกด แค่กด สาบานได้ แต่อยู่ดีๆมันก็ดับเฉยเลย” 55555555ตามนั้นละ แอชตันเลยต้องไปจำใจเดินเข้าบ้านหน้าบูดปนรำคาญ พร้อมกับประโยคที่ดังออกมาว่า
“อยู่เฉยๆไม่ทำความเดือดร้อนสัก 2-3 นาทีได้ไหมครับ คุณผู้หญิง”
“ไม่ได้หรอกคะคุณผู้ชาย ดิฉันเป็นสาวน่ารัก คึกคักเวลาลงเล่น”
“กูปวดหัววว”
ไม่ว่าเฟรย่าจะจับอะไรของนั้นมีอันต้องดับสูญ อย่างแม๊คบุ๊กฉันเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อนก็ต้องเข้าศูนย์เพราะยัยแสบเอาไปเปิดหนังโป๊ดู แถมไวรัสกับสแปมมาเพียบ ลุงสตีฟแกคงสู้กับไวรัสมหาศาลไม่ไหว สงสารแกจริงๆ55555555
“2 คนนี้ทะเลาะกันน่ารักดีนะ” ฉันหันไปคุยพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“…อืม” เขาตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะกำลังบี้บุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ข้างๆ
“หิมะแรกของปีเลยสินะ” ฉันพูดลอยๆพร้อมกับหายใจลึกๆสูดลมหนาวเข้ามาเต็มปอด แต่จู่ๆลมก็พัดมาอย่างแรงจนผมปลิวไปหมด ฉันหลับตาปี๋แล้วรีบเอามือปิดหน้าไว้ แล้วลมค่อยๆสงบฉันถึงเอามือลงแล้วหันไปมองคนที่อยู่ด้วยอย่างอัตโนมัติ ฉันถึงรู้สึกว่าเขาเขยิบเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้
“เข้าข้างในกันเถอะ” คาซึยะหันมาพูดเบาๆก่อนจะหมุนตัวเดินเขาข้างในไป
ฉันเอาเมือลูบตัวเร็วๆให้หายหนาวแล้วเดินตามเขาเข้าบ้านไป ที่ซึ่งแอชตันยังพยายามซ่อมเครื่องฮีตเตอร์อยู่
“มีอีกเครื่องตรงโต๊ะคอมพ์ แต่ไม่รู้ว่าจะอุ่นพอรึเปล่า”และนั้นเป็นบทสรุปง่ายๆ ทำไมนายไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า
.
.
.
“ค่อยอุ่นขึ้นมาหน่อย” แอชตันที่นั่งข้างๆพูดพร้อมทำหน้าฟิน เหมือนโหยหาความอบอุ่นมานาน
เราสี่คนเข้ามานั้งเรียงกันอยู่ที่เคาเตอร์ห้องครัว เพราะเป็นที่ๆใกล้ฮีตเตอร์ที่สุดแล้วเริ่มบทสนธนา
“นี่ ใกล้ถึงวันเกิดแก 2 คนแล้วนะ ฮันแอช” เฟรย่าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แล้วพูดต่อ
“ฉันว่าปีนี้เราไปปาร์ตี้กันดีกว่า เอาแบบอเมริกันสไตล์ หรือว่าปาร์ตี้ริมสระที่ร้านamuse เป็นไง ฉันซี้กับเจ้าของร้านด้วยนะพวกแก”
“เฟรย่า เห็นเธอพูดดีก็คราวนี้แหละ”หนุ่มตาฟ้าเห็นดีเห็นงามด้วย แท็คมือกันยกใหญ่เป็นอันว่าอยู่ฝั่งเดียวกัน
“ปีก่อนที่เรายังเป็นเด็กฝึกงานเลยไม่ได้ฉลองกัน วันเกิดแก2 คนก็ใกล้ๆกันจัดงานใหญ่ทีเดียว ประหยัดงบดี เดี๋ยวฉันเชิญแขกให้เอง แถมดูแลอาหารเครื่องดื่มให้ด้วย แล้วก็ต้องมีเกมส์ด้วยใช่ปะ เอาอะไรดีนะ การ์ดอาจจะโบราณเกินไปแต่ก็สนุกดีนะ ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าแดดดี้จัดเซอร์ไพส์วันเกิดตอนเกรด 10 …” แม่สาวผมบรอนซ์พอจ้อไม่หยุดตื่นเต้นกว่าเจ้าของงาน คิดเตรียมงานไปถึงไหนต่อไหนทั้งๆที่เหลือเวลาอีกหลายอาทิตย์
ฉันคงลืมบอกว่านอกจากเฟรย่าจะเป็นเจ้าแม่ขี้วีนเหวี่ยงแล้วยังเป็นเจ้าแม่อีเวนท์อีกด้วย ปาร์ตี้ที่ไหนบอกนาง นางจะถ่อไปทุกที่แถมไปช่วยงานเสมือนเป็นหนึ่งในเจ้าภาพเชียว
“ฮันละ โอเคไหม”แอชตันหันมาถาม ทุกคนเลยพากันลุ้น ให้เจาะจงก็มียัยเฟรย่าที่ลุ้นตัวโก่งพร้อมกับหน้าอ้อนวอนสุดฤทธิ์
“ก็โอเค”
“ เยส! ยูแคนทรัสมี เชื่อใจฉันเถอะ ฉันจะไม่ทำให้งานวันเกิดอายุครบ 26 ของแก และ 23 ของแอชผิดหวังแน่นอน อุฮุฮุฮุ” ยัยนี่จะขำอำมหิตเฉพาะตอนถูกใจจริงๆเท่านั้นนะเนี่ย ไม่รักษาภาพพจน์เอาซะเลย พอเห็นคาซึยะมองอยู่ก็หยุดขำทันที ฉันเลยอดขำท่าทีของเพื่อนสนิทคนนี้ไม่ได้ ขณะนั้นสายตาไปสบกับคนตาคมที่อยู่ตรงข้าม ฉันรีบหลบตาทันที
“ฮีตเตอร์มันทำงานหนักเกินไป ” คาซึยะพูดขึ้นหลังจากไปดูสภาพฮีตเตอร์ที่ดูเหมือนจะยอมแพ้ให้กับหิมะข้างนอก
“หนาวโว้ย! ไข่จะแข็งอยู่แล้วเนี้ย” แอชตันบ่น
“จริงๆแล้วฉันก็มีความคิดดีๆอะนะ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ทำฮีตเตอร์ห้องแกพัง”เฟรย่าพูดเสียงเบาเหมือนรู้สึกผิด
“อะไร อย่าบอกว่าจะออกไปซื้อให้ใหม่ เพราะนั้นคือสิ่งที่แกต้องทำอยู่แล้วเฟรย่า”
“พูดมาสิ แล้วฉันจะคิดดู” คาซึยะตอบแทนเพื่อนตัวโตที่เอาแต่กวนประสาทไม่เลิก
“คือ….ไปนอนห้องฉันไหม” เธอคือนางแมวยั่วสวาท5555555 ฉันหันควับไปทางเฟรย่า ในชั่วเวลาสั้นๆนี้ฉันส่งสายตาคุยกัน
‘ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรอยู่’
‘อะไรเหรอฉันไม่เห็นรู้เรื่อง ฉันใสๆนะ’
‘หรา?’
‘จ้ะ><’
“น้ำเสียงเหมือนชวนคาซึยะคนเดียวนะ” คนตาฟ้าแซวเพื่อนสาวเหมือนรู้ทันอีกคน ทำเอาคนถูกแซวไปต่อไม่ได้เลยต้องแก้ขัดว่า
“ก็ชวนแกด้วยนั้นแหละแอช”
“แล้วอย่างนี้ฉันต้องระเห็จไปนอนกับฮันรึเปล่าเนี้ย”
“ก็แล้วแต่แกอะนะ เพราะฉันรู้ว่าแกก็อยากไปอยู่แล้ว” 2 คนนี้แซวเล่นกันไปมาจนคนตัวโตทำตาดุส่งไปให้หยุดพูด
“ไปก็รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะดึกกว่านี้” ฉันบอก
ความคิดเห็น