คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Cat’s Life (cat me if you can special) | kookga
Cat’s Life
kookga / comedy / 12914 words
I.
ยุนกิยืนอยู่กลาง ‘บ้านใหม่’ อย่างไม่รู้จะเอาตัวไปวางไว้ที่ไหนดี สามวันหลังจากลาออกจากงาน คุณจอน *ขีดฆ่า* จองกุกก็จับเขาขึ้นเครื่องมาอเมริกา ยุนกิหยิกแก้มตัวเองประมาณยี่สิบกว่ารอบ แต่เพิ่งจะมั่นใจว่า นี่ไม่ใช่ความฝันก็ตอน คุณจอน *ขีดฆ่าอีกรอบ* จองกุกจูบเบาๆ ที่แก้มแดงจัดหลังหยิกตัวเองไปนั่นแหละ คุณจอน...
ว๊อยยยยยยย เอาเป็นว่าขอเรียกคุณจอนไปก่อนนะ ยังเรียกจองกุกไม่ถนัดจริงๆ อาทิตย์เดียวมันกะทันหันไป
แต่นั่นแหละ พอมาถึงคุณจอนก็พามาค้างที่โรงแรม หรูมาก หรูจนยุนกิไม่กล้าเดินคนเดียวอ่ะ คุณจอนบอกว่าจะพักที่นี่แค่ชั่วคราว รอจัดห้องใหม่ เพราะตอนแรกคุณจอนไม่ได้คิดจะพาใครมาอยู่ด้วย แต่ในเมื่อคิดจะเลี้ยงแมวแล้วก็จะเลี้ยงให้ดี ฟังแบบนี้แล้วยุนกิจะไปกล้าขัดได้ยังไงกันเล่า ทั้งที่ตอนแรกกะจะบอกว่าตัวเองนอนที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น ขนาดอพาร์ทเม้นต์เก่าที่เกาหลี ห้องน้ำกับเตียงนอนอยู่ห่างกันแค่สองก้าว ยุนกิยังอยู่มาได้เลย
แต่ในเมื่อคุณจอนอยากจะเลี้ยงให้ดี ยุนกิก็จะไม่ขัดศรัทธาหรอก แต่ได้มาเห็น ‘บ้านใหม่’ กับตา ยุนกิก็ไม่คิดไงว่า ‘เลี้ยงให้ดีของคุณจอน’ มันจะดีขนาดนี้
สี่วันหลังจากนั้นคุณจอนก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม ยุนกิก็งงว่าทำไมคุณจอนเดินไปที่ลิฟต์ฝั่งตรงข้ามที่ต้องใช้แท่งสามเหลี่ยมสีทองๆ ที่มีเพชรเม็ดเล็กอยู่ตรงส่วนปลายเสียบเข้าไปในช่องเพื่อเปิดให้ลิฟต์ทำงานด้วย คุณจอนบอกว่านี่เป็นคีย์การ์ดใช้เปิดลิฟต์แล้วก็เปิดห้อง จะยกไว้ให้ยุนกิหนึ่งแท่ง
ไม่อยากจะบอกเลยว่ายุนกิแอบมือสั่นตอนรับมา แล้วคือมันสวยมากจนอดใจไม่ไหวต้องลูบๆ คลำๆ ไปหลายทีในระหว่างที่ลิฟต์กำลังขึ้นไปชั้นบน เป็นแค่คีย์การ์ดทำไมต้องหรูหราไฮโซขนาดนี้ แต่พอคุณจอนแอบกระซิบว่าที่เห็นสีทองๆ เป็นทองของจริงเท่านั้นล่ะ
โอ๊ย...ยุนกิว่ายุนกิจะเป็นลมจริงๆ แล้ว
แล้วพอลิฟต์หยุด ยุนกิก็เพิ่งรู้ว่าห้องที่คุณจอนว่าคือเพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของโรงแรม หรูมาก ไม่ใช่หรูธรรมดา ลืมทั้งหมดที่เคยพูดก่อนหน้านี้ไปได้เลย ที่นี่มันมากกว่านั้นมากๆ มากจนยุนกิเกือบจะลองโดดระเบียงจากชั้นห้าสิบสองให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในความฝัน
“ยุนกิเดินดูรอบๆ ก่อนเลยนะ อยากได้อะไรเพิ่มก็มาบอกผม” คุณจอนดันหลังเจ้าแมวเอ๋อที่ยืนอึ้งเป็นแมวตาแตกมาสิบนาทีให้เข้าไปสำรวจ ‘บ้านใหม่’ สักที จริงๆ ก็อยากแนะนำเอง แต่เพราะจองกุกมีรายละเอียดอีกนิดหน่อยที่ต้องคุยกับผู้ดูแลที่ยืนรออยู่
เอาล่ะ...คุณจอนบอกให้เดิน ยุนกิก็จะเดิน ตอนนี้ยุนกิยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น ทางฝั่งซ้ายมือเป็นโซนห้องครัว ในขณะที่ทางขวาเป็นทางเดิน ยุนกิก็เลยไปทางขวา ห้องแรกน่าจะเป็นห้องทำงานของคุณจอน ยุนกิดูเอาจากแฟ้มเอกสารแล้วก็หนังสือที่วางเรียงอยู่ตรงชั้น ถัดจากห้องทำงานเป็นห้องว่างยังไม่มีของอะไร ถัดออกไปอีกเป็นห้องนอนห้องใหญ่มาก
เตียงขนาดคิงไซส์ที่อยู่กลางห้องดูนุ่มนิ่มน่านอน ยุนกิแพ้เตียงแบบนี้ ตอน(แอบ)ไปนอนห้องคุณจอนคราวก่อนติดใจมากเลย เตียงราคาแพงนี่มันนอนสบายจริงๆ นะ ว่าแล้วก็ขอลงไปนอนถูไถหน่อยเถอะ
ฮืออออ นุ่มจังเลย กลิ่นหอมด้วย ถ้าได้นอนแบบนี้ทุกวันคงเหมือนอยู่บนสวรรค์เลย กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่พักหนึ่ง จนกระดิ่งปลอกคอดังกรุ๊งกริ๊งนั้นแหละ ยุนกิถึงเพิ่งคิดได้ว่าเดี๋ยวคุณจอนได้ยินแล้วเดินมาดู เห็นเตียงยับต้องโดนดุแน่เลย ว่าแล้วยุนกิก็รีบทำลายหลักฐาน จัดเตียงให้เหมือนเดิมแล้วไปสำรวจห้องถัดไป
และห้องแต่งตัวก็ทำให้ยุนกิยืนอ้าปากค้างอยู่นานมากอ่ะ ก็จะไม่ให้ตะลึงได้ยังไง ข้างในห้องแต่งตัวมีกระจกบานใหญ่ที่ส่องให้เห็นตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าในตู้แขวนเรียงรายแบ่งออกเป็นสองฝั่ง เรียงตามประเภทการใช้งานและรูปแบบ แยกตามโทนสี มีลิ้นชักอีกห้าชั้นน่าจะเป็นพวกเนคไท นาฬิกา ถุงเท้า แล้วก็เครื่องประดับอะไรประมาณนั้น แล้วยุนกิเคยเห็นห้องแต่งตัวแบบนี้ก็แต่ในหนังอ่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้สัมผัสอะไรแบบนี้ในชีวิตจริง บอกเลยว่าตื่นเต้นสุดๆ
เขาเอาของมาจากเกาหลีไม่มาก มีเสื้อผ้ากับของใช้นิดหน่อย จัดกระเป๋าแบบไปเที่ยวอ่ะพูดตรงๆ แต่คือยุนกิก็ไม่มีของอะไรมากอยู่แล้วไง เสียดายก็แค่น้ำหอมอันแสนแพงที่อุตส่าห์เจียดเงินเดือนซื้อตอนลดราคาอันนั้นแหละ แต่ถึงเอามาก็คงไม่ได้ใช้อยู่ดี ก็คุณจอนไม่ชอบนี่นา...
ยุนกิแอบโผล่หัวออกจากห้องแต่งตัวก็เห็นว่าคุณจอนยังคุยธุระไม่เสร็จ ซึ่งก็ดีแล้ว...ขอยุนกิซนนิดนึงนะ ยุนกิอยากเล่นอ่ะ จะโดนคุณจอนว่าก็ยอมล่ะ ยุนกิอยากเล่นนนนนน ฮืออออ อยากเล่นต้องได้เล่นสิ
ว่าแล้วก็ดึงเปิดลิ้นชักอันที่อยู่ใกล้ที่สุดออกมาก่อน ตากลมๆ ของเจ้าแมววาววาบด้วยความตื่นเต้น ลิ้นชักชั้นบนสุดเป็นเนคไทตามคาด จัดเรียงตามสีตามลาย ลองเอามือแตะดูเนื้อผ้าก็ดีมากเลย
พอเริ่มสนุก ยุนกิก็ลองเปิดลิ้นชักถัดๆ ไปทุกอัน คือดูไปก็เอามืออุดปากตัวเองไปไม่ให้เผลอส่งเสียงร้องแปลกๆ ให้คนอื่นได้ยิน เรียกได้ว่าห้องแต่งตัวถูกค้นจนครบหมดทุกซอกทุกมุมขนาดที่ว่าถ้าคุณจอนถามหาว่าอะไรอยู่ตรงไหน ยุนกิตอบได้ทันทีเลย แต่ยุนกิไม่ได้ทำเลอะนะ เก็บคืนที่เดิมแล้วทำลายหลักฐานอย่างดีหรอก
แต่คือยุนกิมีเรื่องสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง คือเสื้อผ้าฝั่งซ้ายอ่ะ ดูก็รู้แล้วว่าของคุณจอน แต่ที่น่าสงสัยคือตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งหนึ่งต่างหาก ยุนกิหยิบเสื้อตัวยาวที่แขวนอยู่ตัวแรกสุด แม้จะเป็นแบบเรียบๆ แต่ก็มีตัวอักษรแต่งเป็นลายตรงขอบแขนให้ดูเก๋
ประเด็นคือดูจากสไตล์แล้วไม่น่าใช่ของคุณจอนเลยไง แล้วมันจะเป็นของใครล่ะ ในเมื่อคุณจอนบอกว่าอยู่กับยุนกิแค่สองคน หรือว่าของเขาเหรอ คุณจอนซื้อให้เหรอ ...ไม่หรอกมั้ง เจ้านายจะใจดีเกินไปแล้วล่ะถ้าอย่างนั้นอ่ะ ยุนกิไม่กล้าคิดเลย แค่พามาอยู่ที่นี่ด้วย เขาก็ว่าคุณจอนใจดีจะแย่แล้ว
ยุนกิว่ายุนกิควรจะเก็บเสื้อคืนที่เดิมนะ แต่แบบ...นี่ยุนกิไง ได้จับแล้วก็ขอลองนิดนึงได้ไหมล่ะ ว่าแล้วก็ชะโงกหน้าไปดูคุณจอนอีกรอบ ยังคุยไม่เสร็จล่ะ ทางสะดวกเลย
“พอดีเลย”
ยุนกิมองตัวเองในกระจกแบบเขินๆ แม้เสื้อจะพองนิดหน่อยเพราะสวมทับตัวเก่า แต่ก็ไม่อยากจะชมตัวเองหรอกนะว่าเหมาะจังเลย แล้วยุนกิก็ชอบมากด้วย แต่พอหันข้างก็เพิ่งเห็นว่ามีเชือกผูกข้างหลัง พอเอื้อมมือจะไปผูกก็ไม่ถึงสักที ยุนกิกำลังจะหาวิธี แต่อยู่ๆ ก็มีคนเดินมาผูกให้เฉยเลย จะเป็นใครไปได้นอกจากคุณจอนคนเดิม แล้วแบบยุนกิเขินมากที่ถูกจับได้อ่ะ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ถอดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วป่ะล่ะ
ฮือออออ เจ้านายอย่าเพิ่งทิ้งยุนกิน้าาา ยุนกิเพิ่งได้ ‘บ้านใหม่’ ชั่วโมงเดียวเอง ยุนกิไม่อยากถูกทิ้ง ไม่มีเงินค่าตั๋วบินกลับเกาหลีด้วยนะ บอกไว้ก่อน!
“ชอบไหม”
พอคุณจอนถาม ยุนกิก็พยักหน้าหงึกๆ เพิ่งแน่ใจว่าตู้เสื้อผ้าฝั่งขวาเป็นของตัวเองทั้งหมดก็ตอนที่คุณจอนหยิบตัวนู้นตัวนี้ลงมาทาบกับตัวยุนกิ แล้วถามว่าชอบสีอะไร ชอบแบบไหน มีแอบขอโทษที่ถือวิสาสะซื้อแต่ตัวที่อยากให้ใส่มาด้วย งือ คุณจอน ถ้าคุณจอนให้นะ ตัวไหนยุนกิก็ชอบหมดแหละ
...ยุนกิเป็นแมวไม่เรื่องมากนะเจ้านาย...
หลังจากนั้นคุณจอนก็ทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางชมห้องน้ำ ซึ่งอยากจะบอกว่ายุนกิดีใจมากที่มีคุณจอนเข้ามาด้วย ห้องน้ำดูเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจอันดับสองรองจากห้องแต่งตัวเลยล่ะ ห้องน้ำที่นี่ใหญ่กว่าที่คอนโดเก่าของคุณจอนที่ยุนกิเคยไปอาศัยได้อาบมาครั้งหนึ่ง พื้นหินอ่อนนี่เงาวับชนิดที่ยุนกิไม่กล้าเหยียบ กลัวจะทิ้งรอยเท้าเอาไว้ ไหนจะอ่างอาบน้ำทรงกลมที่มีปุ่มอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะดูน่าตื่นเต้นไปหมด ระบบเซ็นเซอร์เอย ตั้งอุณหภูมิอัตโนมัติเอย
ถ้าให้ยุนกิเข้ามาสำรวจคนเดียวมีหวังชาตินี้คงไม่ได้อาบ หรือไม่ก็ต้องเผลอทำน้ำลวกตัวเองแน่ๆ เพราะอุณหภูมิที่ตั้งไว้ตอนแรกร้อนมากอ่ะ ขนาดน้ำกระเซ็นใส่เฉยๆ ยุนกิยังสะดุ้งโหยงเลย ถ้าโดนราดทั้งตัวมีหวังเป็นแมวลวกสุกพร้อมเสิร์ฟแหงๆ ยุนกิจะจำให้มั่นเลยว่าต้องดูอุณหภูมิก่อนทุกครั้ง!
เดินทั่ว ‘บ้านใหม่’ จนครบแล้ว คุณจอนก็พายุนกิมาที่ห้องว่างที่ยุนกิเดินผ่านไปตอนแรก เอาจริงๆ นะตอนแรกก็เผลอคิดว่าคุณจอนจะให้นอนห้องนี้ซะอีก ยุนกิเกือบจะไปหิ้วกระเป๋าเดินทางของตัวเองมาไว้ที่ห้องนี้แล้ว ถ้าคุณจอนจะไม่ย่องเข้ามาข้างหลังแล้วกอดเขาไว้ซะก่อน
“คุณ..จองกุก” ความตกใจทำให้ยุนกิเกือบหลุดเรียกชื่อคุณจอนด้วยความเคยชิน โชคดีที่คุณจอน *ขีดฆ่า* จองกุกไม่ทันได้ยิน
“ปกติเวลาว่างทำอะไร”
จองกุกมองไปรอบๆ ห้อง ตอนแรกเขายังไม่ได้คิดว่าจะเอาห้องว่างนี้ไว้ทำอะไร ขนาดมันไม่ได้ใหญ่มาก แต่อยู่ติดกับระเบียงที่เปิดออกไปจะเห็นวิวสวยๆ ทีนี้พอมียุนกิมาอยู่ด้วย จองกุกเลยกะว่าจะรอถามเจ้าแมวซนของเขาว่าชอบทำอะไร จองกุกตั้งใจจะเปลี่ยนห้องให้เป็นแบบที่ยุนกิชอบ
“ก็อ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นเกมครับ แต่เวลาว่างผมไม่ค่อยมีหรอกเลยไม่ค่อยได้ทำ”
พูดถึงตอนทำงานอยู่บริษัทเดิมแล้วยุนกิก็หลุดถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว ถึงจะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็น้อยครั้งมากที่จะได้พักแบบจริงๆ จังๆ ยุนกิต้องขนงานที่ค้างคาอยู่มาทำให้เสร็จ พอเปิดมาวันจันทร์ก็ต้องเตรียมตัวรับงานชิ้นใหม่ ไม่อยากจะดราม่าเลยนะ แต่ตอนเลิกงานงี้ ยุนกิได้แต่เดินผ่านโรงหนังผ่านร้านหนังสือตาละห้อย หนังใหม่เข้าก็อยากดู หนังสือใหม่ออกมาก็อยากอ่าน เกมเวอร์ชั่นล่าสุดก็อยากเล่น
แต่ยุนกิไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องเวลา เรื่องเงินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ แค่จ่ายค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในแต่ละเดือนยุนกิก็เหลือไม่มากแล้ว ไหนจะพวกของสิ้นเปลือง แต่จำเป็นในการเข้าสังคมอีกล่ะ จะเอาที่ไหนมาใช้หาความสุขให้ตัวเอง บางทียุนกิก็แอบน้อยใจเหมือนกันนะที่ไม่เคยได้มีได้ใช้อย่างคนอื่นเขา
“ยุนกิ” พอเห็นเจ้าแมวหนุ่มทำหน้าเศร้า จองกุกก็แอบรู้สึกผิด ด้วยความที่เขาเป็นผู้บริหาร ก็ไม่เคยรู้หรอกว่าตำแหน่งเล็กๆ จะงานหนักขนาดนั้น แล้วครอบครัวเขาก็ค่อนข้างมีอันจะกินแบบที่คนอื่นเรียกว่าคาบช้อนทองมาเกิด จองกุกก็เลยไม่เคยต้องลำบาก ไม่เคยมีอะไรที่อยากได้แล้วไม่ได้ แต่พอได้มาฟังอย่างนี้ จองกุกก็ยิ่งอยากเอาใจ
“อยู่กับผม ยุนกิไม่ต้องทำงาน ยุนกิจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ผมบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง ก็จะเลี้ยงให้ดี”
“ผมไม่ต้องทำงานจริงๆ เหรอครับ”
“ยุนกิเคยเห็นแมวที่ไหนทำงานไหมล่ะ” คนถูกถามส่ายหัวรัวๆ แต่กลับคิดไปถึงเจ้าแมวญี่ปุ่นที่ได้รับแต่งตั้งเป็นนายสถานีตัวนั้น นั่นก็เรียกว่าทำงานนะ ถึงจะแค่กินๆ นอนๆ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปก็เถอะ แต่คุณจอนไม่ชอบแมวไง เพราะงั้นคุณจอนไม่รู้หรอก
“เห็นไหม ผมบอกแล้ว”
แล้วคุณจอนก็วางแผนให้ยุนกิฟังเลยว่าจะทำห้องนี้เป็นห้องหนังสือให้ยุนกิ เพราะ ‘เล่มเกม’ ไปเล่นในห้องทำงานได้ คุณจอนจัดมุมสำหรับยุนกิไว้แล้ว ไว้ถ้าว่างๆ จะได้นั่งเล่นด้วยกัน ส่วน ‘ดูหนัง’ ข้างนอกตรงห้องนั่งเล่นมีจอแอลอีดีขนาดใหญ่มากพร้อมกับโฮมเธียเตอร์ครบชุดอยู่แล้ว คุณจอนก็ชอบดูหนังมีแผ่นเก็บไว้เยอะเลย ถ้าเรื่องไหนไม่มีแล้วอยากดูก็ให้บอก
ฟังแผนการของคุณจอนที่ตั้งอยู่บนความต้องการของตัวเขาแล้ว ยุนกิก็เผลอหยิกแก้มตัวเองเป็นครั้งที่ยี่สิบสามจนได้ หยิกแรงจนน้ำตาเล็ดเลย เพราะยุนกิกะว่าถ้าเป็นฝันก็อยากตื่นก่อนจะสำลักความสุขตาย
แต่นอกจากจะไม่ใช่ฝันแล้วยังเดือดร้อนคุณจอนต้องมานั่งปลอบอีก แถมยิ่งปลอบยิ่งทำยุนกิร้องไห้หนักกว่าเดิม ดีใจจนไม่รู้จะอธิบายยังไงแล้ว
...ยุนกิเพิ่งรู้ว่าการเป็นแมวมีเจ้าของมันดีอย่างนี้เอง
II.
หนึ่งเดือนหลังจากย้ายมาอยู่อเมริกา ยุนกิกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว ส่วนคุณจอน *ขีดฆ่าสองเส้น* จองกุกก็ยุ่งกับบริษัทที่เพิ่งเปิดจนกลับดึกตลอด สารภาพตรงๆ เลยว่ายุนกิแอบเหงานิดนึงล่ะ แต่ก็เข้าใจนะ อะไรที่เพิ่งเริ่มต้นใหม่มันมักจะวุ่นวายเสมอต่อให้เตรียมการณ์มาดีแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่พอผ่านไปสักพักทุกอย่างก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทางเองเหมือนยุนกิไง
ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว ยุนกิกะว่าจะดูหนังรอจองกุกกลับบ้าน แต่ดูไปได้ไม่ถึงครึ่งเรื่อง หนังตาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนเผลองีบไปพักหนึ่งพอสะดุ้งตื่น ยุนกิก็กดรีโมตย้อนกลับไปดูฉากเดิม ตั้งใจจะดูให้รู้เรื่อง แต่รู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าเลยฉากนั้นไปอีกแล้ว ยุนกิไม่ยอมแพ้ พยายามอีกเป็นครั้งที่สาม แต่สุดท้ายก็เผลอหลับฉากเดิมอยู่ดี...
ยุนกิว่ายุนกิไม่ไหว ยุนกิต้องนอน ยุนกิเป็นแมวอนามัยไม่สามารถลืมตาหลังเที่ยงคืนได้ แต่คืออยากให้จองกุกรู้ไงว่ายุนกิรออยู่นะ ถึงจะรอไม่ไหวแล้วหนีไปนอนก่อนก็เถอะ ก็เลยเขียนโพสต์อิทแปะไว้หน้าห้องนอน
ตีสองคืนนั้นจองกุกกลับจากบริษัท ไฟในห้องเปิดไฟสลัวๆ พอให้เห็นทาง และกระดาษโพสต์อิทสีสะท้อนแสงก็ดึงความสนใจของเขาเป็นอย่างแรก ถ้อยคำสั้นๆ ที่อ่านแล้วก็นึกถึงเสียงออดอ้อนของคนเขียนทำจองกุกหายเหนื่อย สีหน้าตึงเครียดผ่อนคลายลง เขาหลุดยิ้มอย่างง่ายดายเมื่ออ่านซ้ำเป็นครั้งที่สาม ก็ดูเจ้าแมวตัวแสบของเขาสิ น่ารักขนาดนี้จะไม่ให้เอ็นดูไหวได้ยังไง
จองกุกเข้าห้องไปอาบน้ำโดยพยายามใช้เสียงให้น้อยที่สุด ก่อนจะค่อยๆ ย่องกลับมานอนที่เตียง ถึงเจ้าแมวขี้เซาถ้าลองได้หลับแล้วจะไม่มีทางตื่นมาง่ายๆ ก็เถอะ แต่เขาก็ไม่อยากรบกวนการนอนของอีกคนอยู่ดี
จองกุกเท้าแขนข้างหนึ่งลงกับเตียงนอนมองยุนกิที่หลับสนิท เขารู้ตัวดีว่าเป็นพวกทำอะไรตามใจตัวเองตลอด คิดไว ทำไว แต่เขาก็ไม่ได้คิดเล่นๆ เรื่องยุนกิเขาจริงจัง บอกแล้วไงว่าจะเลี้ยงให้ดี
ถึงบางทีตอนนี้จะรู้สึกเหมือนพาเจ้าแมวหนุ่มมาทรมานด้วยการอุดอู้อยู่แต่ในบ้านก็เถอะ จองกุกคิดว่ายุนกิคงจะเหงา ภาษาของยุนกิยังไม่แข็งแรงพอที่เขาจะกล้าปล่อยให้ไปข้างนอกคนเดียวได้ แล้วตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ เขาก็ยังไม่เคยมีเวลาพาออกไปไหนสักที จองกุกคิดว่าไม่ควรปล่อยเอาไว้แบบนี้ เขาจะต้องหาวิธีคลายเหงาให้เจ้าแมวหนุ่มให้ได้
“ราตรีสวัสดิ์”
จองกุกกระซิบเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอน แล้วยุนกิก็พลิกตัวมาซุกอ้อมอกที่อุ่นกว่าหมอนข้างทันทีเหมือนทุกคืน จองกุกโน้มใบหน้าลงจุ๊บหน้าผากเจ้าแมวขี้เซาเบาๆ ถึงจะอยากจูบ แต่เขาก็คิดว่าไม่ควรเร่งรีบ
...ยังมีเวลาอีกเยอะ
III.
วันนี้ยุนกิมีเป้าหมายคือการทำอาหารให้จองกุกลองชิม (เรียกถูกแล้วไม่ต้องขีดฆ่า *อวด*) คือด้วยความที่อยู่คนเดียวมาตลอด ยุนกิก็ทำอาหารเองพอได้ แต่ไม่เคยทำให้คนอื่นกินสักที จองกุกจะเป็นคนแรกเลยที่ได้รับสิทธินี้ ซึ่งยุนกิก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะดีจริงไหม… แต่รับรองเลยว่าจะทำสุดฝีมือ
ส่วนเหตุผลที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาอยากทำน่ะเหรอ อย่างแรก...ยุนกิว่าง อย่างที่สองเพิ่งดูรายการทำอาหารจบ น่าลองทำมาก และอย่างสุดท้าย ยุนกิอยากเอาใจจองกุกที่ปกติจะกลับดึกทุกวัน แต่วันนี้จองกุกบอกว่าจะกลับเร็ว เพื่อมากินมื้อเย็นกับยุนกิล่ะ
ยุนกิจัดเตรียมเครื่องปรุงทุกอย่างครบถ้วน ทั้งซอยผัก หั่นหมู ตอกไข่ตีผสมกันพร้อม เตรียมลงมือทำอย่างดี แต่พอจะเอาลงกระทะตั้งไฟ นั่นแหละถึงได้เจอปัญหา...เตาแก๊สนี่มันใช้ยังไง
เดี๋ยว! ไม่ใช่ว่ายุนกิจะโง่จนไม่รู้วิธีจุดเตาแก๊สนะ ก็บอกแล้วไงว่าทำอาหารกินเองพอได้อ่ะ แต่คือไม่เคยใช้เตาแก๊สฝังเคาน์เตอร์หน้าตาแบบนี้ หัววาล์วแก๊สอยู่ไหน ต้องเปิดก่อนไหม แล้วต้องบิดเตายังไง ไฟจะลุกหรือเปล่า พอทำใจกล้าลองบิดดูก็มีเสียงดังกริ๊กๆ นะ แต่ไม่เห็นว่าไฟจะติดเลย ยุนกิว่าจะถอดใจยอมแพ้ แต่พอมองของที่เตรียมไว้หมดแล้วมันก็น่าเสียดายป่ะล่ะ
แล้วคือเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างที่สาม นอกจากเครื่องชงกาแฟ และเตาปิ้ง ขนมปังที่ยุนกิใช้เป็นก็คือไมโครเวฟ คงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่า ทำไมอาหารบนโต๊ะมันถึงได้มีหน้าตาประหลาดๆ เพราะยุนกิเล่นโยนของเข้าเวฟทุกสิ่งอย่างแล้วค่อยเอาออกมาผัดข้างนอก ถึงจะทุลักทุเลไปหน่อย แต่ยุนกิว่ามันก็ออกมาไม่เลวนะ
เหลืออาหารอย่างสุดท้ายที่คิดจะทำก็คือไข่ดาว ยุนกิจัดการตอกไข่ใส่ชามเข้าเวฟอย่างดี ก่อนจะวิ่งออกมาดูนาฬิกาซึ่งใกล้ได้เวลาที่จองกุกจะกลับแล้ว ยุนกิเดินกลับไปที่ครัวอย่างอารมณ์ดีจนกระทั่งได้เสียงแปลกๆ จากข้างในไมโครเวฟเหมือนอะไรสักอย่างจะระเบิด พอกดปิดเครื่องแล้วเปิดจะเอาของข้างในออกมาเท่านั้นล่ะ ไข่ที่โดนความร้อนก็ระเบิดออก ทั้งไข่แดงไข่ขาวแตกกระเด็นเละเทะเต็มห้องครัว บางส่วนกระเด็นไปโดนอาหารบนโต๊ะที่ยุนกิทำเสร็จแล้วด้วย
ยุนกิไม่มีเวลาให้ตัวเองอึ้งนานนัก เขาควรจะเก็บให้สะอาดก่อนที่จองกุกจะมาถึง แต่เพิ่งจะเริ่มเช็ดคราบคาวของไข่ไปได้ไม่เท่าไหร่ จองกุกก็กลับมาถึงพอดี
“ยุนกิ ผมกลับมาแล้ว”
“จองกุก! อย่าเพิ่งเข้ามาได้ไหม” จองกุกเห็นยุนกิยืนทำหน้ามุ่ยน้ำตาปริ่มๆ หลบอยู่หลังตู้โชว์เครื่องแก้วก็ตกใจ ไม่สนใจคำขอที่ไม่อยากให้เข้ามาเลยสักนิด แต่เห็นสภาพครัวชายหนุ่มก็ดูอึ้งๆ ไป ยืนเงียบนานจนทำเจ้าแมวหนุ่มใจเสีย
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ...”
ยุนกิพูดไปน้ำตาก็คลอเบ้าไป ไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตพังเท่าวันนี้มาก่อนเลย เขาแค่กะจะเซอร์ไพรซ์จองกุกด้วยดินเนอร์เล็กๆ หลังจากไม่ได้กินด้วยกันมานาน ไม่ได้คิดจะให้กลับมาเจอสภาพเละเทะอย่างกับฝันร้ายอย่างนี้เลย และทั้งที่ยุนกิคิดว่าจะถูกต่อว่าที่เล่นอะไรแผลงๆ แต่พอเงยหน้าขึ้นมา จองกุกกลับไปนั่งที่ตรงโต๊ะอาหารแล้ว
“มานั่งสิ” ยุนกิเดินไปนั่งข้างๆ จองกุกอย่างไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายกลับเริ่มลงมือตักนู้นตักนี่กินแบบไม่แคร์เศษไข่ที่กระเด็นมาเลยด้วยซ้ำ
“ถ้ากินไม่ได้ก็อย่าฝืนเลยนะครับ”
ตอนแรกที่ใช้ไมโครเวฟทำยุนกิก็คิดว่ามันน่าจะพอไหว แต่ตอนเศษไข่ที่บางส่วนก็ไหม้ บางส่วนก็ยังไม่สุกดีตกลงไป ยุนกิไม่คิดว่ามันจะกินได้ด้วยซ้ำ แต่จองกุกนี่สิ นอกจากจะกินเอากินเอาแล้วยังยิ้มให้เขาเฉยเลย
“ยุนกิทำให้ อะไรก็อร่อยทั้งนั้นแหละ”
พอได้ยินประโยคนี้ น้ำตายุนกินี่ไหลพรากๆ เลย พอเป็นงั้นจองกุกเลยต้องหยุดกินมาลูบหลังเช็ดหน้าเช็ดตาให้ยุนกิเสียยกใหญ่ เช็ดไปก็ปลอบไปขำไป ยุนกิก็ยิ้มไปน้ำตาไหลไป
...ทำไมเขาถึงได้มีเจ้าของที่แสนดีขนาดนี้นะ
หลังจากดินเนอร์มื้อเลอะๆ ฝีมือยุนกิหมดลงก็ได้เวลาเก็บกวาด ยุนกิเก็บกวาดเศษไข่เช็ดทำความสะอาดจนแน่ใจว่าไม่หลงเหลือกลิ่นคาวแล้ว ก็เหลืองานล้างจานเป็นอย่างสุดท้าย
“ให้ผมช่วยนะ” ว่าแล้วคนขอเป็นลูกมือช่วยล้างจานก็ยืนซ้อนหลังยืนแนบชิด มือช่วยล้างฟองน้ำยาล้างจานที่ยุนกิถือไม่ขยับ ไม่เคยชินกับจองกุกโหมดนี้จริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำเลอะเองนี่ ไปอาบน้ำเถอะ” จองกุกยอมเลิกช่วยล้างแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ได้ขยับออกไปไหน เปลี่ยนมากอดยุนกิแทน แถมยังเกยคางวางบนไหล่อีก บอกเลยว่ายุนกิเกร็งไปทั้งตัว เขินเป็นบ้าแต่ก็ยังทำใจแข็งล้างจานต่อจนเสร็จ
“เสร็จแล้วครับ”
ยุนกิถอนใจอย่างโล่งอกตอนที่เจ้านายหนุ่มปล่อยแขนที่กอดแล้วเอนตัวออกเล็กน้อย แต่พอยุนกิจะหันหน้าไปหา ดันสะดุดเท้าตัวเองเกือบจะล้ม โชคดีที่จองกุกรับเอาไว้ทัน แต่ความที่ก้มลงมาทั้งตัวเพื่อพยุงยุนกิไว้ ริมฝีปากก็เลยสัมผัสกันพอดี แต่แค่นั้นก็ทำยุนกิหน้าแดงจะตายแล้ว ก็ตั้งแต่อยู่ด้วยกันนี่เป็นครั้งแรกที่ถูกจุ๊บตรงปาก แล้วแทนที่จะขยับออก ทำไมจองกุกยังมาจ้องตายุนกิอยู่เลยเล่า
แล้วจองกุกก็โน้มริมฝีปากลงมาจูบ ไม่ให้โอกาสยุนกิตั้งตัว ริมฝีปากเบียดคลึงแนบแน่น จองกุกจับมือที่ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนของเจ้าแมวหนุ่มลงบนไหล่ จูบหนักหน่วงแม้ไม่รุนแรงแต่ปลุกปั่นความรู้สึกอย่างร้ายกาจ สัมผัสแปลกใหม่ทำวาบหวิวไปทั้งตัว ขาอ่อนจนไม่มีแรงจะยืน
แต่ก่อนที่ได้ร่วงลงไปที่พื้น จองกุกก็อุ้มยุนกิขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ ปรนเปรอจูบลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝ่ามือร้อนที่ลูบตรงเอวทำยุนกิเกร็งไปทั้งตัว จองกุกสอดมือข้างหนึ่งลงไปใต้เข่าเจ้าแมวใสซื่อยกขึ้นเพื่อให้ริมฝีปากสัมผัสกันได้แนบสนิท ยุนกิไร้หนทางจะต่อต้านใดๆ ในอ้อมแขนของเจ้านายหนุ่ม จวบจนริมฝีปากร้อนค่อยๆ ละไล้สัมผัสผะแผ่วลงไปที่ลำคอ ทุกครั้งที่ริมฝีปากแตะโดนตัวยุนกิรู้สึกเหมือนร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง เขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้ทั้งนั้น
แต่แล้วเสียงกระดิ่งจากปลอกคอของยุนกิก็ทำให้จองกุกตั้งสติได้ ยังไม่ทันได้พูดอะไรกัน เสียงมือถือของจองกุกก็ดังขึ้นมาพอดิบพอดีอีก จองกุกจุ๊บริมฝีปากช้ำเบาๆ อีกทีอย่างเสียดาย แล้วผละออกไปรับสาย ทิ้งยุนกิไว้กับความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่รู้จะอธิบายยังไง เหมือนจะเสียดาย แต่ก็โล่งใจไปพร้อมๆ กัน
...บอกเลยว่าจูบเมื่อกี้ทำยุนกิเหมือนจะตายจริงๆ สมองเบลอจนคิดอะไรไม่ออก จนตอนนี้ขาก็ยังไม่มีแรง ใจก็สั่นไปหมด ได้แต่นั่งนิ่งตัวแดงอยู่บนเคาน์เตอร์นั่นล่ะ
IV.
เข้าสู่เดือนที่สามของการใช้ชีวิตในอเมริกาของยุนกิ ตอนนี้บริษัทเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น จองกุกไม่ต้องกลับบ้านดึกๆ แล้ว ตอนนี้เขามีเวลาให้ยุนกิมากพอจะพาออกไปเที่ยวในเมือง จองกุกอุตส่าห์วางแผนสำหรับวันหยุดสัปดาห์หน้าไว้ซะดิบดี
แต่ก็ดันมีปัญหาขึ้นมาซะก่อน เพราะเลขาของเขาดันลาออกแบบกะทันหันมากๆ จองกุกเลยต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยการพายุนกิมาทำงานแทนจนกว่าจะหาคนใหม่ได้
คือจริงๆ เรื่องหาเลขาใหม่ไม่ได้ยากหรอก แต่หาคนที่ทำงานได้ดีพอ และรู้นิสัยเขามันยาก ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่บริษัทคงรอจนถึงตอนนั้นไม่ไหว ตอนแรกจองกุกก็กังวลนะ อุตส่าห์รับปากยุนกิแล้วว่าไม่ต้องทำอะไรเลย จะมากลับคำพูดก็ยังไงๆ อยู่ แต่พอเห็นยุนกิตื่นเต้นที่จะได้ออกมาข้างนอก เขาก็ดีใจ แล้วแบบนี้ ยุนกิจะได้ไม่เหงาด้วย
เช้าวันแรกของการกลับไปทำงาน ยุนกิตื่นตีห้าหลังจากไม่ได้ตื่นมานาน อาบน้ำแต่งตัวอย่างไวด้วยความตื่นเต้น ยุนกิมองตัวเองในกระจกอย่างไม่ค่อยชินกับสูทและเนคไทเหมือนอย่างเคย
ไม่อยากจะอวดเลยว่าเนคไทนี่ จองกุกเลือกให้ สูทก็ตัดใหม่ ทั้งที่ยุนกิบอกแล้วว่าใส่ของจองกุกก็ได้ ยังไงก็ทำแค่ชั่วคราวจนกว่าจะหาเลขาคนใหม่ได้นี่นา แต่จองกุกอยากให้ยุนกิมีเป็นของตัวเองมากกว่า แล้วคือถ้าจองกุกจะให้ ยุนกิก็ไม่ขัดอยู่แล้วล่ะ ถึงหมุนตัวชื่นชมชุดใหม่อยู่หน้ากระจกอยู่นี่ไง
แต่ถึงจะออกไปข้างนอกยุนกิก็ไม่ได้ถอดปลอกคอนะ คือแบบใส่จนชินแล้วด้วยหนึ่ง จองกุกบอกไม่ต้องถอดก็ได้สอง แล้วเวลาใส่สูทปกเชิ้ตก็บังปลอกคอพอดี ไม่มีปัญหานอกจากเวลาเดินแล้วจะมีเสียงกรุ๊งกริ๊งนิดหน่อย แต่จองกุกก็บอกว่าน่ารักดี ยุนกิก็ปล่อยเลยตามเลยล่ะ อะไรที่จองกุกชอบ ยุนกิก็ว่าดีหมดแหละ
แล้วจองกุกก็พายุนกิขึ้นรถมาที่บริษัท พอจองกุกจอดรถเสร็จก็มีพนักงานต้อนรับมาเปิดประตูให้ด้วยล่ะ ยุนกิเขินจนทำตัวไม่ถูกเลยเดินเกาะชายเสื้อจองกุกไป ยิ่งตอนเดินเข้าออฟฟิศนะ มองกันจังเลย ยุนกิแต่งตัวแปลกตรงไหนเหรอ ก้มมองดูก็ไม่แปลกนะ หรืออาจจะเพราะเสียงกระดิ่งที่คอเขาล่ะมั้ง
แต่พอสังเกตดูดีๆ ยุนกิถึงรู้ว่าคนที่ถูกมองไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นจองกุกต่างหาก โดยเฉพาะสาวๆ ที่ใส่ส้นสูง ผมบลอนด์พวกนั้นอ่ะ มองตาไม่กะพริบเลย แถมยังหันมาเหล่มองเขาเหมือนจะคุยว่าเด็กนี่เป็นใครอีก
ยุนกิรู้นะว่าจองกุกหล่อ ...หล่อมากๆ เลยด้วย แต่นี่เจ้านายของยุนกินะ ห้ามมอง ยุนกิไม่ชอบ นี่จองกุกของยุนกิ!
“ยุนกิ นี่ยูคยอม ผู้ช่วยผม ถ้ามีปัญหาอะไรถามเขาได้เลย” จองกุกแนะนำผู้ช่วยชาวเกาหลีที่พูดภาษาอังกฤษคล่องปร๋อมาให้ยุนกิหนึ่งคน ส่วนจองกุกจะแนะนำตัวเองเป็นอะไรนั้น ยุนกิไม่ได้ยินไม่ทันได้สนใจด้วยมัวแต่สำรวจออฟฟิศอยู่
งานของยุนกิไม่มีอะไรมากมายเลย ก็แค่จดโน้ตตามที่จองกุกบอก หยิบเอกสารส่งให้บ้าง เอาไปให้แผนกอื่นบ้าง ติดต่อลูกค้าบ้าง ที่เหลือก็นั่งพิมพ์เอกสารนิดหน่อยๆ งานสบายขนาดนี้ทำไมหาคนใหม่ยากจังเลยนะ ได้ยินยุนกิพูดแบบนั้น จองกุกก็ขำพรืดเลยที่เจ้าแมวหนุ่มไม่รู้ตัวว่าที่มันง่าย เพราะตัวเองเคยทำงานกับเขามาก่อนแล้ว แค่เขาเปิดปากพูดเรื่องอะไรสักเรื่องหนึ่งขึ้นมา ยุนกิก็รู้แล้วว่าเขาต้องใช้เอกสารอะไร ต้องเจรจาแบบไหน จัดแจงนัดวันให้เขาเสร็จสรรพเลย
การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นดีไม่มีปัญหาจนกระทั่ง...
สองอาทิตย์ต่อมา
“ยุนกิ!”
“คะ..ครับ”
“เมื่อกี้เรียกผมว่าอะไรนะ”
“ก็จองกุกไง”
จองกุกส่ายหน้า แถมยังทำตาดุๆ ใส่อีก ยุนกิจะร้องไห้ สารภาพก็ได้ว่าเผลอเรียกคุณจอนเพราะความเคยชินอ่ะ ก็ตอนนี้เหมือนกลับไปตอนที่ยังอยู่เกาหลีเลยนี่นา พอทำงานด้วยกันนานเข้า มันก็เผลอหลุดอ่ะ แบบคุณจอนนี่เอกสารของวันนี้ คุณจอนช่วยเซ็นตรงนี้หน่อยอะไรแบบนั้นอ่ะ แต่ยุนกิหลุดไปแค่ครั้งสองครั้งเองนะ เอ๊ะ! หรือจะมากกว่านั้นนะ
“ก็มันติดอ่ะ คุณจ...จองกุกอ่ะ”
คุณจอน *ขีดฆ่าแรงๆ แบบด่วนๆ* จองกุกได้ยินล่ะหน้าบึ้งเลย โอ๊ย แล้วนี่ยุนกิควรจะทำยังไงดี แล้วทำไมต้องโน้มหน้าเข้ามาใกล้ด้วยเล่า
“ผมว่า...เราต้องมีข้อตกลงกันแล้วล่ะครับ ยุนกิ”
จองกุกยิ้มร้ายแบบที่ยุนกิเคยเห็นครั้งสุดท้ายตอนโดนจับขึ้นเครื่องมาอเมริกา บอกเลยว่าเห็นแล้วหวั่นใจ ขนนี่ลุกเกรียวทั้งตัว ปลายนิ้วยาวของจองกุกสอดมาเกี่ยวปลอกคอของยุนกิดึงเข้าไปชิด แล้วกระซิบแผ่วข้างหูทำเอายุนกิสะดุ้งเฮือก แค่ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดใบหูยุนกิก็เกร็งจะแย่อยู่แล้ว แต่ข้อตกลงของ จองกุกนี่สิ...
“ต่อไปนี้ ถ้าเรียกผิดครั้งนึงก็จูบทีนึง ตกลงเอาตามนี้นะ”
อะ...อะไรนะ จองกุกพูดแบบนี้ได้ยังไง บังคับกันชัดๆ ...จูบเนี่ยนะ จูบแบบที่ทำยุนกิไปไม่เป็น ตื่นเต้นจนสติกระเจิง ขาอ่อนไม่มีแรงเดินแบบวันนั้นอ่ะนะ
“จูบ?”
ยุนกิทวนคำ ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนจะตาย งานนี้ต้องตายแน่ๆ ตายสถานเดียว ยุนกิไม่รอด บอกเลยว่าขาแข้งอ่อนแรงขึ้นมาซะเฉยๆ รู้สึกหวิวๆ เหมือนจะล้มพับลงไปกองกับพื้นเสียให้ได้ แต่ก่อนจะได้ร่วงอย่างใจคิด เอวก็โดนคว้าไว้ก่อนจะลงไปกองที่พื้นจริงๆ
“ใช่...แบบนี้ไง”
แล้วจองกุกก็สาธิตการจูบแบบที่ว่า... จูบจริงจังไม่ล้อเล่น บดเบียดริมฝีปากเน้นๆ ยุนกิไม่รู้จะทำยังไงหลับตาหนีจองกุกเลยดีกว่า โดยไม่รู้เลยว่าพอหลับตาแล้วจะรับรู้การเคลื่อนไหวได้ชัดเจนกว่าเก่าซะอีก แล้วคือห้องทำงานของจองกุกอยู่ชั้นเจ็ด ตั้งอยู่ข้างในสุดของออฟฟิศเป็นกระจกใสทั้งห้อง มองเห็นกันหมดไหมล่ะว่าใครทำอะไร แล้วจูบต่อหน้าคนทั้งบริษัทเนี่ยนะ
ไม่เอาาาา งือ! ต่อไปนี้ ยุนกิจะไม่เรียกผิดอีก ไม่เด็ดขาด ไม่!!
ถามว่ายุนกิตั้งใจแบบนั้นแล้วทำได้ไหม?
ก็คิดเอาล่ะกันว่าพนักงานในบริษัทได้เห็นแมวหนุ่มของเจ้านายปากช้ำหน้าแดงทุกวัน จากที่เคยพนันกันว่ายุนกิจะทำได้เมื่อไหร่ หัวข้อก็เปลี่ยนไปเป็นว่าวันนี้จะโดนจูบกี่ครั้งซะแล้ว
V.
ล่วงเข้าเดือนที่ห้า ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย จองกุกได้เลขาคนใหม่มาแล้วเรียบร้อย ยุนกิจึงได้กลับไปใช้ชีวิตแมวๆ สักที จองกุกขอเล่าเลยว่ากว่ายุนกิจะเรียก ‘จองกุก’ ในที่ทำงานได้ถูกต้อง ไม่เผลอเรียกเป็น ‘คุณจอน’ เขาก็ได้จูบจนหนำใจ และนอกจากนั้น เขายังคิดวิธีแก้เหงาให้ยุนกิในช่วงที่งานเขายุ่งๆ ได้ด้วย...
“ผมกลับแล้วนะครับ ถ้างานนี้ ลูกค้าจะเปลี่ยนแปลงยังไงก็แจ้งได้เลย”
จองกุกส่งซองเอกสารให้เลขาหน้าห้องซึ่งเป็นงานสุดท้ายของวัน ก่อนที่จะกลับบ้าน โดยปกติแล้วถ้าไม่มีงานเร่งด่วนอะไรจองกุกจะกลับบ้านตรงเวลาตลอด และบริษัทเขาไม่มีนโยบายให้พนักงานทำงานล่วงเวลา แต่นั่นก็หมายความว่างานที่ได้รับมอบหมายต้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ท่านประธานกลับบ้านเร็วตลอดเลยนะคะ” เลขาสาวที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่ถึงเดือนดีคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ยิ้มแปลกๆ แต่ก็ไม่ยอมอธิบายอะไรให้เธอฟัง
“ต้องรีบกลับไปหาแมวน่ะ เดี๋ยวแมวงอน” เสียงตอบไม่ได้มาจากสวรรค์ แต่มาจากคุณคิมซอกจินสุดหล่อหน้าเก่า พนักงานอิมพอร์ตจากเกาหลีมาตามหารักแท้ที่อเมริกา
“เอ๊ะ ท่านประธานเลี้ยงแมวด้วยเหรอคะ!? ไหนว่าไม่ชอบเลี้ยงสัตว์” เลขาคนใหม่อุทานเสียงดัง เธอเคยได้ยินว่าท่านประธานไม่ชอบสัตว์เลี้ยง พวกแมว หมาอะไร ไม่ได้ปลื้มเลยสักนิด แต่กลับเลี้ยงแมวนี่นะ!
แต่คนในแผนกใกล้เคียงที่ได้ยินบทสนทนานี้พากันหลุดยิ้มเป็นแถบๆ เพราะรู้กันหมดว่า ‘แมว’ ของท่านประธานไม่ใช่แมวจริงๆ อย่างที่เลขาสาวคนใหม่เข้าใจ
“แมวตัวนี้พิเศษน่ะ” คุณคิมละประโยคที่ว่า ‘รักมาก หลงมาก’ ไว้ในใจ ไม่อยากจะบอกว่าคุณจอน ‘จอนจองกุก’ ท่านประธานหนุ่มหล่อ เจ้าของฉายาเจ้าชายน้ำแข็งในวงการธุรกิจ เป็นยิ่งกว่าทาสเจ้าแมวเอ๋อตัวนั้น ทาส...ไม่ทาส ก็คิดดูล่ะกันว่ารักขนาดที่คุณจอนโทรหาเขาให้ลาออกมาอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน เพราะไม่อยากให้ยุนกิเหงา
โอโห้... ฟังแล้วคุณคิมต้องแคะหูตัวเองซ้ำอีกหลายทีว่าอดีตผู้บริหารหนุ่มพูดจริง แถมเงินเดือนที่ให้ก็มากเป็นสิบเท่าของบริษัทเก่า แล้วคิดว่าซอกจินจะเล่นตัวเหรอ ...ไม่เลย แทบจะยื่นใบลาออกเย็นวันนั้น แพ็คของขึ้นเครื่องมาอเมริกาในวันรุ่งขึ้น
แน่ะ!! รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ อย่า..อย่ามา ไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้นสักหน่อย นี่คือเห็นเพื่อนมาอยู่ต่างประเทศไง ซอกจินก็กลัวเพื่อนเหงาเหมือนกันนะ แต่จุดสำคัญคือซอกจินมาตามหารักแท้... ก็แหม่ อยู่เกาหลีมายี่สิบห้าปี ชีวิตเปล่าเปลี่ยวไร้คนเคียงคู่ ก็เลยอยากลองมาเสี่ยงโชคดู เผื่อจะมีแมวเป็นของตัวเอง
...ไม่แย่งแมวเจ้านายหรอกน่า สัญญา!...
VI.
ครึ่งปีแล้วตั้งแต่ยุนกิย้ายมาอยู่อเมริกา ตอนนี้ยุนกิชินกับการเป็นแมวของจองกุกแล้วนะ ถึงแม้ว่าตื่นมาบางวันจะนึกว่าตัวเองฝันอยู่ก็เถอะ แต่ไม่หยิกแก้มตัวเองแล้วเพราะหนึ่งยุนกิกลัวเจ็บ สองเดี๋ยวจะโดนจองกุกจูบอีก
แค่สเปเชียลคอมโบเซ็ทที่เรียกจองกุกผิดตอนอยู่บริษัท ยุนกิว่าก็เยอะแล้วนะ แต่พอกลับมาอยู่บ้าน ไม่ต้องไปทำงานแล้ว ยุนกิว่าหนักกว่าเดิมอีก
ดูสิ! มีทั้งจูบอรุณสวัสดิ์ตอนเช้า จูบส่งก่อนไปทำงาน จูบตอนกลับมาถึงบ้าน ไหนจะจูบตอนก่อนนอนอีกล่ะ!
และเดือนที่แล้ว นอกจากจองกุกจะได้เลขาคนใหม่ จองกุกก็เรียกคิมซอกจิน เพื่อนสนิทเขามาทำงานที่บริษัทด้วยแหละ แต่อันนั้นเป็นแค่งานรอง เพราะงานหลักของซอกจินคือมาอยู่เป็นเพื่อนเขา ช่วงไหนที่จองกุกงานยุ่ง ก็จะส่งซอกจินมาแทน เห็นเพื่อนสนิทถูกลดตำแหน่งมาเป็นคนรับใช้ของเขาแล้วก็แอบสงสารนะ
แต่ทำไงได้ล่ะ...จองกุกบอกให้ใช้ได้เลยตามสบาย ยุนกิก็กลัวจองกุกจะเสียค่าจ้างเปล่าเลยต้องใช้งานเพื่อนสนิทให้คุ้ม!
พูดถึงซอกจินแล้วก็อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าไม่ได้ มีอย่างที่ไหน อยู่ๆ ก็ถามมาได้ว่า เขากับจองกุกมีอะไรกันหรือยัง ทำไปถึงขั้นไหนแล้ว พอไม่ตอบก็มานั่งสัมภาษณ์ละเอียดยิบจนยุนกิอยากข่วนให้หน้าแหกไปทำงานไม่ได้เลย! ทำไมเพื่อนคิมจะต้องมีแต่เรื่องสิบแปดบวกอยู่ในหัวด้วย คนเป็นแฟนกันจะคิดถึงแต่เรื่องพรรค์นี้หรือไง
แต่เออ...ยุนกิก็บ้าจี้ไง แค่แอบสนใจนิดนึงหรอก เลยลองถามผู้มีประสบการณ์ความรักโชกโชนอย่างคุณคิมดูว่า ‘ตอนมีอะไรกับแฟนคนเก่าๆ เป็นยังไง’ แต่เห็นคิมซอกจินยืนขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึง ท่าทางขึงขัง ยุนกิก็รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดที่ถามออกไป
คือพอได้ยินคำถามเท่านั้นล่ะ คุณคิมก็เอาเลย...เปิดม่านละครเวทีมิวสิคัลฉากอลังการดาวล้านดวง แสดงนำเองทุกบทบาทตั้งแต่พี่ยามหน้าอพาร์ทเม้นต์จนถึงแฟนเก่าคนที่เท่าไหร่ยุนกิก็นับไม่ทัน รู้แต่คิมซอกจินเล่นใหญ่ทุกท่วงท่า จัดหนัก จัดเต็มทั้งภาพและเสียงจนยุนกิแทบจะบ้าตาย ต้องปิดตาตัวเองไม่ดูต่อ
คือดีเท่าไหร่แล้วที่จองกุกไม่อยู่ แล้วเสื้อผ้าซอกจินก็ยังอยู่บนตัวครบทุกชิ้นในท่าโคตรล่อแหลมนั่น ...แล้วพอมาลองคิดว่าถ้าตัวเองต้องทำแบบนั้น ทำท่าแบบนั้น เคลื่อนไหวอย่างนั้นในสภาพเปลือยเปล่า แค่เผลอจินตนาการตอนจองกุกที่เปลือยท่อนบนโน้มตัวลงมาหา ยุนกิก็จะตายแล้ว หน้าแดงจัดจนคิมซอกจินหันมานั่งขำก๊ากอย่างเอาเป็นเอาตาย คือหงุดหงิดจนอยากฟ้อนเล็บใส่จะได้เลิกหัวเราะสักที ติดที่มือสั่นไปหมดแค่เพราะภาพในความคิด
ยุนกิทำไม่ได้แน่ๆ ยุนกิว่ายุนกิไม่ไหว ยุนกิต้องตาย ชีวิตที่เจ็ดของยุนกิยังเหลือไหมนะ แปดล่ะ เอ๊ะ! แต่ตอนมาอเมริกาเหมือนจะใช้สิทธิหมดทั้งเก้าชีวิตแล้วนะ งืออ!
VII.
วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ วันที่จะนอนดึกและตื่นสายได้โดยที่ไม่ต้องรีบไปทำงาน โดยปกติจองกุกกับยุนกิจึงมักจะมีโปรแกรมนอนดูหนังด้วยกันในวันนี้ โซฟาในห้องนั่งเล่นถูกปรับเป็นแบบนอนเพื่อความสะดวกสบาย ไฟในห้องปิดสนิทเหลือไว้แค่ทางเดินตรงทางเข้าห้องน้ำ เพราะยุนกิรู้สึกว่าทำแบบนี้แล้วได้บรรยากาศเหมือนตอนไปดูในโรงหนังดี จองกุกก็เห็นด้วย นอกจากนั้นบนโต๊ะยังมีพวกขนมขบเคี้ยวกับเครื่องดื่มเตรียมไว้ระหว่างนอนดูอีกด้วย เพราะแบบนั้นคืนวันศุกร์จึงเป็นคืนที่ยุนกิชอบมาก
ตอนนี้สองทุ่ม ยุนกิเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ กลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ แบบที่จองกุกชอบลอยมาแตะจมูกทันทีที่เจ้าแมวหนุ่มก้าวออกจากห้องน้ำ ยุนกิรีบเช็ดผมให้แห้ง ก่อนจะรีบไปนั่งข้างจองกุกที่จิบไวน์อยู่ตรงโซฟารอยุนกิมาดูหนังด้วยกัน เรื่องที่จะดูด้วยกันวันนี้เป็นหนังผีล่ะ ปกติยุนกิไม่ค่อยถูกกับหนังผีนะ ถึงดูตอนกลางวันก็ยังน่ากลัวเลย แต่เพราะรอบนี้มีจองกุกอยู่ยุนกิก็เลยคิดว่าไม่เป็นอะไร
...ใครจะรู้ว่าคิดผิดมหันต์
คือผีน่ากลัวมากถึงน่ากลัวที่สุด คิดจะโผล่มาก็โผล่ ไม่มีเตือนกันเลยสักนิด หัวใจจะวายตาย ยุนกิอยากร้องไห้แล้ว การมีจองกุกนั่งข้างๆ ไม่ช่วยอะไรเลย และไฟที่ปิดไว้เพราะอยากได้บรรยากาศโรงหนังกำลังทำร้ายยุนกิเข้าอย่างจัง คือหลับตาไม่มองหน้าจอทีวีแล้วก็ยังได้ยินเสียง เสียงดังฟังชัดเจนมากเหมือนคุณผีมากระซิบข้างหู
งืออ ยุนกิว่ายุนกิไม่ไหวแล้ว ว่าแล้วเจ้าแมวซนก็หนีความกลัวปีนขึ้นไปนั่งบนตักเจ้านาย ซุกไซ้ลงกับอกที่กระเพื่อมสั่นน้อยๆ เพราะจองกุกหัวเราะ ไม่ได้ขำผีนะ ขำยุนกินี่แหละ
“กลัวเหรอครับ”
ยุนกิก็อยากจะเถียงกลับนะว่าตกใจเฉยๆ ไม่ได้กลัว แต่ตอนนี้แค่ลืมตาก็ยังทำไม่ได้เลย แล้วคือตัวเองเป็นคนเลือกจะดูเองด้วยไงเลยโทษใครไม่ได้
“จองกุกอ่ะ!”
เจ้าแมวหนุ่มงอแงใส่เจ้านาย เอาหัวไปไซ้ตรงซอกคอคนให้อาศัยยืมตักนั่งอย่างหมั่นไส้ รู้ว่ากลัวทำไมยังขำอยู่อีกเล่า
“ผมไม่ล้อแล้ว หันกลับมาดูดีๆ เถอะครับ ไม่น่ากลัวแล้ว”
“จริงนะ”
ถึงจองกุกจะว่างั้นแต่ยุนกิไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่เลย ลองเหลือบตามองทีวีก็เหมือนจะเป็นอย่างที่จองกุกว่า แต่เพื่อความปลอดภัย ยุนกิเลยยังนั่งตักจองกุกต่อไป เผื่อคุณผีเกิดอยากจะเซอร์ไพรซ์โผล่มาจะได้หนีทัน ถึงนั่งตักอยู่แบบนี้จะกลัวจองกุกหนักก็เถอะ แต่ยุนกิกลัวคุณผีมากกว่าไง งือ!
บอกเลยว่าท่านั่งดูหนังของยุนกิดูเมื่อยมาก เจ้าแมวหนุ่มนั่งอยู่บนตักของจองกุกแบบหันหน้าเข้าหา แขนคล้องคอในขณะที่หันหน้าไปมองหน้าจอโทรทัศน์ เวลาผีโผล่มาก็เอาหน้าซุกอกเขาทุกรอบ จองกุกเอ็นดูจนไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยปล่อยให้ยุนกิดูไปแบบนั้น
พอหนังเริ่มเข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์ใกล้จะจบ มือถือของจองกุกที่อยู่ในห้องนอนก็เกิดดังขึ้นมา การดูหนังเลยต้องชะงักลงชั่วคราว จองกุกกดรีโมตให้แผ่นดีวีดีหยุดเล่น ขณะที่ยุนกิลงจากตักไปนั่งบนโซฟาปล่อยให้เจ้านายเดินไปรับสาย
แล้วคือบรรยากาศรอบข้างเงียบมาก เงียบจนยุนกิรู้สึกหนาว แล้วจองกุกก็คุยเสียงเบาเหลือเกิน เบาจนไม่ได้ยินอะไรเลย คนที่อยู่ท่ามกลางความมืดในห้องนั่งเล่นเกือบจะสติแตก คือจะเดินไปเปิดไฟยุนกิก็ไม่กล้า สายตาได้แต่มองรอบข้างแบบหวาดระแวง กว่าจองกุกจะกลับมาเจ้าแมวหนุ่มก็น้ำตาคลอเบ้าแล้ว
“ยุนกิเป็นอะไร”
จองกุกรีบมานั่งข้างๆ แบบตกใจมาก ยุนกิก็รีบปีนขึ้นนั่งบนตักเลย เอาหัวไปซุกอยู่ที่คอ เสียงบ่นอู้อี้ดังอยู่ข้างหูทำจองกุกหลุดขำเมื่อรู้เหตุผลที่เจ้าแมวซนร้องไห้
ยุนกิไล้มือแตะๆ ไต่ไปตามตัวจองกุกเหมือนจะตีที่กล้าหัวเราะเยาะ แต่ก็เบาเสียจนเหมือนจะลูบไล้มากกว่า สันจมูกที่ไซ้วนเวียนอยู่ตรงต้นคอก็น่าตีไม่ใช่น้อย ยุนกิจะรู้ตัวไหมว่าตอนนี้ สิ่งที่เจ้าตัวกำลังทำปลุกปั่นอารมณ์เขาอย่างร้ายกาจ
“ยุนกิ”
ตอนเรียกยุนกิแรก จองกุกก็ยังขำๆ อยู่ แม้รอยยิ้มจะเจื่อนมากก็ตาม แต่คนถูกเรียกก็ทำเหมือนไม่ได้ยินเขาเลย
“ยุนกิครับ ลุกเถอะ”
พอมาถึงยุนกิสอง จองกุกเริ่มรู้สึกว่าจะไม่ไหว ความรู้สึกบางอย่างกำลังปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาพยายามกลั้นหายใจนับหนึ่งถึงสิบในใจ ไม่อยากจะให้อะไรๆ มันรวดเร็วเกินไปนัก แต่ตอนที่ยุนกิไล้สันจมูกต่ำลงมาถึงคอเสื้อ แลบลิ้นเล็กแตะเลียบางๆ เส้นความอดทนตลอดหกเดือนที่ผ่านมาของจองกุกก็ขาดผึงทันที
“ยุนกิจะไม่ลุกจริงๆ ใช่ไหมครับ”
และพอมาถึงยุนกิสาม เสียงจองกุกเรียบเฉยและเย็นชาจนยุนกิตกใจ เจ้าแมวหนุ่มผละตัวออกหน้าตาตื่น แล้วก็ดิ้นจะลงจากตัก แต่เอวคอดถูกแขนจองกุกเกี่ยวไว้แน่นก็เลยไปไหนไม่ได้ แล้วยุนกิก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่นูนขึ้นมาตรง หว่างขาที่นั่งทับเจ้านายหนุ่มอยู่ ใบหน้าที่เงยขึ้นมองจองกุกแดงจัดยิ่งกว่ามะเขือเทศ เสียงเบาหวิวจนเหมือนจะหายไปในลำคอ
“จองกุก...โกรธเหรอ”
คนถูกถามมองหน้ายุนกิที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดตรงไหน อารมณ์ขุ่นมัวของจองกุกลดน้อยลงไปได้นิดหน่อย ...จองกุกไม่แน่ใจว่า ยุนกิไม่รู้จริงๆ หรือแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ถ้าเป็นอย่างแรก เขาคงจะสั่งสอนแค่นิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง เขาจะลงโทษเจ้าแมวขี้ยั่วให้สาสมเลยทีเดียว
“จูบผม ยุนกิ”
จองกุกสั่งตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ดวงตาดุดันที่แสดงความต้องการเต็มเปี่ยมทำยุนกิไม่กล้าสบตา เม้มปากนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่กว่าสองมือที่สั่นน้อยๆ จะแตะแก้มเจ้านายหนุ่ม ก่อนจะแนบริมฝีปากลงสัมผัส เป็นครั้งแรกที่ยุนกิเป็นฝ่ายจูบก่อน
ริมฝีปากของคนอ่อนประสบการณ์ค่อยๆ ขยับตามที่เคยถูกจูบ จูบอย่างไร้เดียงสาทั้งกล้าทั้งกลัวแต่เร้าอารมณ์อย่างประหลาด แล้วจองกุกก็จูบกลับ ชักนำให้ยุนกิเคลื่อนไหวตาม กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ จากไวน์ที่จองกุกดื่มมอมเมาแมวหนุ่มจนไร้หนทางจะต้านทาน
“เอาใหม่”
จองกุกถอนริมฝีปากออกเพียงเสี้ยววินาทีกระซิบคำสั่ง ก่อนจะประกบจูบลงอีกครั้ง เม้มกลีบปากแผ่วเบาเพียงครั้งเดียว แล้วปล่อยให้ยุนกิทำตามที่เพิ่งสอนไป ยุนกิเม้มริมฝีปากล่างซ้ำๆ อย่างที่จองกุกทำแล้วตามด้วยการบดเบียดริมฝีปากบน ก่อนจะสอดปลายลิ้นช้าๆ ไปสัมผัสกับลิ้นร้อนของเจ้านายหนุ่ม เปลี่ยนจากจูบไร้เดียงสากลายเป็นจูบที่ยั่วยวนอารมณ์ ทั้งที่อยากจะอ่อนโยน แต่ดวงตาฉ่ำน้ำที่ช้อนมองเขาอย่างคาดหวัง มีแต่จะทำให้จองกุกอยากฟัดแรงๆ ให้สมกับอารมณ์ที่ถูกปลุกปั่นขึ้นมา
และนั่นก็ทำเอาจองกุกเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองจะหยุดอยู่แค่จูบไหว
จองกุกรั้งเอวยุนกิขยับเข้ามาจนแนบชิดโดยเฉพาะท่อนล่าง มือที่วางอยู่บนไหล่เจ้านายหนุ่มเริ่มจิกเกร็ง เมื่อฝ่ามือร้อนสอดเข้าไปใต้เสื้อ สัมผัสแผ่นหลังเนียนนุ่ม ลูบไล้ด้วยปลายนิ้วและอุ้งมือ จองกุกจูบผะแผ่วไล่จากปลายคางผ่านปลอกคอลงมาที่คอเสื้อนอนของยุนกิ ริมฝีปากร้อนรุ่มหยอกเย้ายอดอกที่แน่นตึงด้วยการจูบผ่านเสื้อนอน แต่เพียงแค่นั้นก็ทำร่างที่นั่งอยู่บนตักเกร็งสั่นไปทั้งตัว
ก่อนที่จองกุกจะค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนของยุนกิด้วยริมฝีปาก สัมผัสร้อนรุ่มพรมจูบไปทั่วหน้าอกไล้ลงต่ำไปเรื่อยๆ จนถึงท้องแบนราบ เรียกเสียงครางอือในลำคอปนกับเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งทุกครั้งที่กดจูบลงไป
จองกุกสอดมืออีกข้างเข้าใต้ขากางเกงหลวมๆ ของยุนกิ ลูบวนไปทั่วหน้าขา ปลายนิ้วแกล้งลากผ่านสิ่งที่อยู่ใต้ชุดชั้นในที่ทำให้ยุนกิต้องกัดฟัดด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พุ่งขึ้นสูง ชวนให้นึกถึงความรู้สึกวูบวาบที่เคยสัมผัสบนเคาน์เตอร์เมื่อหลายเดือนที่แล้ว แต่อะไรบางอย่างบอกยุนกิว่า คราวนี้จองกุกจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น...
ฝ่ามือร้อนลูบไล้แผ่วเบาสลับกับหนักหน่วงใต้กางเกงนอนขาสั้น ยุนกิไม่มีแรงจะประคองตัวเองอีกต่อไป ร่างที่อ่อนยวบไปทั้งตัวทำได้แค่ซบใบหน้าลงกับบ่ากว้างอย่างยอมจำนน กลีบปากบางเม้มแน่นตอนที่ปลายนิ้วร้อนเริ่มสอดเข้าไปใต้ขอบกางเกงชั้นในอย่างช้าๆ ทีละนิ้ว ยุนกิเบียดตัวกอดเจ้านายหนุ่มแน่น ปลายนิ้วจิกเล็บลงกับไหล่ของจองกุกอย่างสั่นสะท้าน เมื่อสัมผัสบางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้น
“จะ...จอง..ง.กุก.. อย่า..”
ยุนกิได้แต่ครางหวิวร้องห้าม รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัวโดยเฉพาะจุดที่โดนสัมผัส แต่จองกุกไม่เพียงไม่หยุดซ้ำยังเร่งเร้ามากขึ้น เสียงครางหวานข้างหูถี่กระชั้นเร้าอารมณ์ ไม่นานร่างของคนบนตักก็สั่นระริกอย่างสุขสม ลมหายใจหอบรัวเมื่อความอึดอัดทรมานสิ้นสุด
จองกุกกระชับอ้อมแขนข้างที่สอดอยู่ใต้เสื้อแล้วไล้ฝ่ามือขึ้นไปจนถึงท้ายทอย ยุนกิถูกดึงขึ้นจูบด้วยความรู้สึกท่วมท้น ขณะที่มืออีกข้างไต่จากขอบกางเกงชั้นในขึ้นไปที่สะโพก บีบนวดเนินเนื้อเต็มไม้เต็มมืออย่างหมั่นเขี้ยว เรียกเสียงครางอือในลำคอที่ยิ่งทำให้อารมณ์ของจองกุกพลุ่งพล่าน
“ถอดเสื้อให้ผมสิ”
จองกุกมองตายุนกิที่ไม่มีทางหลบเลี่ยงแล้วออกคำสั่ง มือที่ร้อนด้วยแรงอารมณ์ยังคงลูบไล้ไปทั่วตัวของคนที่นั่งอยู่บนตัก แต่ยุนกิส่ายหน้าไม่กล้าทำ จองกุกเลยแกล้งออกแรงกดสะโพกยุนกิลงบนหน้าตักตัวเองให้แนบชิดขึ้นอีก
“อ..อือ..”
“เร็วสิครับ ยุนกิ”
จองกุกพูดไปก็บดจูบลงต้นคอไปด้วย ปลายลิ้นร้อนเลียผะแผ่วจนคนถูกเร่งสะดุ้งเฮือก มือที่ไล้วนทั่วสะโพกค่อยๆ ถอนออกมา เปลี่ยนไปจับเอวไว้ทั้งสองข้างแล้วบีบเบาๆ แทน ยุนกิเลื่อนมือจากไหล่ของเจ้านายหนุ่มลงไปที่คอเสื้อนอน ความเร็วในการปลดกระดุมจากบนลงล่างลดลงเรื่อยๆ และเมื่อถึงกระดุมเม็ดสุดท้ายที่อยู่เหนือกางเกง ยุนกิพยายามแกะอยู่นานสองนานก็แกะไม่ออก
...แค่กระดุมเม็ดเดียวเท่านั้น
ยุนกิช้อนตามองเจ้านายหนุ่มอย่างออดอ้อน แต่จองกุกก็ไม่ใจอ่อน มือร้อนจับมือที่สั่นเทารั้งลงมาวางเหนือกระดุมเม็ดสุดท้ายแล้วออกแรงบีบแทนการสั่งด้วยคำพูด ยุนกิสอดปลายนิ้วไปใต้กระดุม มือสั่นจับให้มั่น กลั้นลมหายใจแล้วค่อยๆ ปลดกระดุมออกจนสำเร็จ แต่ปลายนิ้วก็เผลอไปแตะโดนส่วนที่พยายามหลีกเลี่ยงเข้าจนได้ คนบนตักกระตุกสั่นไปทั้งตัวเมื่อเอวถูกบีบแรงๆ คล้ายจะทำโทษ แล้วจองกุกก็ก้มลงกระซิบบางอย่างข้างหู ลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดใบหูทำยุนกิใจสั่นจนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
จองกุกดันคนในอ้อมแขนให้ลงนอนกับโซฟาตัวยาวแล้วถอดเสื้อออกช้าๆ ยุนกินอนหอบแผ่วทำสีหน้าน่าสงสารพอๆ กับที่น่าขย้ำ สายตาหวานฉ่ำด้วยแรงอารมณ์ยิ่งเย้ายวนจนอยากทำให้ช้ำไปทั้งตัว ปลอกคอที่ยุนกิใส่ติดตัวจนเคยยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณความเป็นเจ้านาย เสื้อนอนที่ถูกปลดกระดุมออกจนหมดบดบังส่วนไวต่อสัมผัสไว้อย่างหมิ่นเหม่ แผ่นอกขาวและหน้าท้องมีแต่รอยจูบสีกุหลาบเต็มไปหมด
“จะ...จองกุก”
เสียงสั่นหวานเอ่ยท้วงคล้ายจะขอให้หยุด เมื่อเชือกผูกเอวของกางเกงนอนขาสั้นถูกคลายปมออก จองกุกช้อนสะโพกยุนกิขึ้นแล้วรั้งกางเกงนอนลงพร้อมชั้นในชื้นแฉะ ยุนกิเบียดเรียวขาชิดเข้าหากันด้วยความเขินอายแต่ยิ่งทำให้จองกุกถอดกางเกงลงได้ง่ายกว่าเดิม แล้วกางเกงนอนตัวหลวมพร้อมชั้นในก็ถูกโยนทิ้งไป ไม่มีอะไรกั้นขวางสายตารุ่มร้อนที่โลมเลียไปทั่วร่างได้อีกแล้ว
“ไม่ทันแล้วครับยุนกิ”
จองกุกยิ้มร้ายแล้วประกบริมฝีปากแน่น จูบเร่าร้อนไม่ยอมให้ยุนกิได้ตั้งตัว ทั้งใบหน้า ลำคอ เนินอก จองกุกไม่ปล่อยให้ส่วนไหนได้ว่างเว้น ยิ่งเร่งเร้ามากเท่าไหร่ อารมณ์ที่ยังไม่ทันดับไปก็ปะทุขึ้นมาอีก อกบางแอ่นรับสัมผัสโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจองกุกจะแตะต้องส่วนไหน ก็เรียกเสียงครางหวานได้ตลอดทุกส่วน
“อ้าขากว้างๆ สิครับ ยุนกิ”
คนฟังเม้มปากเมื่อได้ยินคำสั่งน่าละอาย ฝ่ามือร้อนที่นวดเฟ้นต้นขาหนักหน่วงจนเจ้าแมวหนุ่มได้แต่บิดตัวไปมา เรียวขาสั่นแยกออกอย่างเชื่องช้า จองกุกค่อยๆ ทาบกายบดเบียดน้ำหนักลงมาทีละนิดจนแนบแน่นให้คนใต้ร่างได้สัมผัสอุณหภูมิที่ร้อนจนแทบไหม้
จองกุกผ่อนลมหายใจอย่างตื่นเต้น สันจมูกลากผ่านเนินอกสูดกลิ่นกายยั่วยวนที่มอมเมาจนแทบคลั่ง ยุนกิเกร็งไปทั้งตัวเมื่อเจ้านายหนุ่มแตะริมฝีปากลงบนต้นขา ผิวเนื้อหยุ่นนิ่มที่จูบไล้และขบเม้มบางๆ ส่งผลให้เกิดความรู้สึกวูบวาบไปทั่วช่วงล่าง ยุนกิกัดปากตัวเองแน่นเมื่อร่างกายกระตุกสั่นด้วยความต้องการ แต่ปลายนิ้วเรียวยาวก็แตะลงบนริมฝีปากบดคลึงแล้วสอดเข้าไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กห้ามไม่ให้เจ้าแมวหนุ่มกัดปากตัวเอง
“เรียกชื่อผมสิ ยุนกิ”
“จ..จอ.ง..กุก” ยุนกิทำตามอย่างว่าง่าย คนฟังยิ้มพอใจ ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ฝ่ามือร้อนลูบไล้หนักๆ ลากจากต้นขาลงมาที่เข่าแล้วสอดเข้าไปใต้ข้อพับ รั้งสะโพกยุนกิให้สูงขึ้น ปลายเล็บลากผ่านปลุกปั่นอารมณ์สลับกับบดคลึงปลายนิ้วสัมผัสทุกสัดส่วนอย่างเบามือจนคนโดนสัมผัสอ่อยระทวยไม่มีแรงจะต่อต้าน
จองกุกปลอบประโลมเจ้าแมวตัวสั่นด้วยจูบหวานที่จุดอารมณ์วาบหวาม ในเวลาเดียวกับที่เรียวนิ้วยาวสอดรุกล้ำอย่างอ่อนโยนนิ้วแล้วนิ้วเล่า ร่างที่อยู่ข้างใต้สั่นสะท้านบิดเร้าตามการเคลื่อนไหวของปลายนิ้ว เสียงครางอืออยู่ในลำคอเมื่อริมฝีปากยังถูกบดจูบซ้ำๆ
ปลายนิ้วเคลื่อนออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย บ่งบอกว่าพร้อมจะรับกับความรู้สึกที่ร้อนรุ่มยิ่งกว่า จองกุกดันตัวขึ้นคุกเข่าเหนือช่วงขาของยุนกิ ฝ่ามือที่รั้งขอบกางเกงนอนของตัวเองลงทำยุนกิใจสั่นด้วยความตื่นเต้นผสมความกลัว ดวงตาสั่นไหวมองสบกันยามที่จองกุกโน้มตัวลง
“ถ้าเจ็บ...จะข่วนก็ได้ จะกัดผมก็ไม่ว่า แล้วแต่ยุนกิเลย”
จองกุกกระซิบปลอบ ก่อนที่จะสอดแขนเข้าไปใต้แผ่นหลัง รั้งร่างที่อ่อนยวบของยุนกิขึ้นมานั่งคร่อมตัก แล้วจองกุกก็ปล่อยให้ความต้องการที่เก็บซ่อนไว้มาตลอดหกเดือนได้ทำหน้าที่ของมัน...
ความเจ็บปวดค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความสุขที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ถึงจะรู้สึกดีแต่ก็เหมือนถูกผลักตกเหวแล้วปีนขึ้นมาเพื่อจะตกลงไปอีกครั้ง ความรู้สึกพวกนั้นปั่นหัวยุนกิจนแทบคลั่ง บทลงโทษของจองกุกทั้งโหดร้ายและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ร่างกายถูกปลุกเร้า ปรนเปรอ และย่ำยีจนทำได้เพียงส่งเสียงครางแผ่วๆ ที่คนฟังชอบนักหนา
จองกุกชอบเสียงทุ้มๆ เวลาที่ยุนกิพูด แต่คืนนี้จองกุกเพิ่งรู้ว่าเขาชอบเสียงครวญครางตอนที่เจ้าแมวหนุ่มอยู่ใต้ร่างของเขามากกว่า มันหวานระรื่นหูจนอยากได้ยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจองกุกก็ทำให้เสียงหวานของยุนกิไม่เคยเงียบหายตลอดทั้งคืน
ยุนกิทั้งกัด ทั้งข่วนตามที่จองกุกสั่งไม่มีขาด รอยฟันขบกัดบนไหล่กว้างแม้ไม่ถึงกับได้เลือดแต่ก็เห็นรอยช้ำชัดเจน รอยเล็บจิกมีให้เห็นอยู่ประปราย บางรอยก็แค่ถลอกบางๆ แต่บางรอยก็เลือดซึมทั้งที่ยุนกิเพิ่งจะตัดเล็บไป ยุนกิไม่รู้เลยว่าควรจะโทษอะไรดี โทษจองกุก โทษตัวเอง โทษหนังผี
หรือโทษ...
เสียงเตือนข้อความมือถือแผ่วๆ ปลุกให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัว ยุนกิไม่รู้ว่าตัวเองกลับมานอนที่เตียงตอนไหนและกลับมาได้ยังไง แต่ก็คงหนีไม่พ้นเจ้านายหนุ่มที่ลงโทษการเล่นซนจนเกินพอดีของเขาตลอดคืน และทันทีที่ขยับ ร่างกายที่ร้าวระบมไปทั้งตัวก็เล่นงานยุนกิทันที ร่างเปลือยเปล่าที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มขดตัวแน่นเพราะความเจ็บปวดที่ทำเอาน้ำตาซึม แต่แล้วก็ได้รับการปลอบโยนจากอ้อมแขนที่โน้มลงมากอดก้อนกลมๆ ใต้ผ้าห่มไว้ทั้งตัว
จองกุกจูบซับน้ำตา แล้วเลื่อนจูบไปที่หน้าผากแล้วกดจูบค้างอยู่แบบนั้น และดูเหมือนมันจะช่วยได้ เพราะตอนนี้ยุนกิมีเรื่องอื่นให้พะวงมากกว่าความเจ็บแทบตายของตัวเองแล้ว
“จองกุก...หายโกรธหรือยัง” น้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ ทำเอาคนถูกถามอมยิ้ม จองกุกยอมรับว่าเมื่อคืนเขาทำเกินความตั้งใจของตัวเองมากเกินไปหน่อย ทั้งที่อยากจะสั่งสอนแค่เล็กๆ น้อยๆ แต่การจูบกลับของยุนกิทำจองกุกลืมความตั้งใจของตัวเองไปจนหมด
“นอนต่อเถอะ”
จองกุกไม่ยอมตอบคำถามแต่จูบหน้าผากยุนกิซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงทั้งที่ยังกอดเจ้าแมวหนุ่มไว้อย่างนั้น ยุนกิตีความเอาเองว่าเจ้านายหนุ่มคงหายโกรธแล้ว และยุนกิจะจำไว้เลยว่าจะไม่ทำให้จองกุกโกรธอีกแล้ว ถ้าจะต้องง้อจนลุกไม่ขึ้นอีกแบบนี้ยุนกิตายแน่ๆ
...โดยที่ยุนกิก็ไม่รู้หรอกว่า ต่อให้ไม่โกรธ จองกุกของยุนกิก็อยากจะให้ ‘อ้อน’ จนลุกไม่ขึ้นอีกอยู่ดี
ก่อนที่ความง่วงจะกดทับหนังตาจนลืมไม่ขึ้น ยุนกิเพิ่งนึกออกว่าตอนแรกเขารู้สึกตัวเพราะอะไร ยุนกิปัดป่ายมือไปบนเตียงหามือถือที่วางอยู่ข้างหมอน พอหยิบได้แล้วก็ลืมตาขึ้นข้างหนึ่งอ่านข้อความที่เข้ามา แต่จากที่ง่วงๆ ใกล้จะหลับ บอกเลยว่ายุนกิตื่นเต็มตา
ซอกจินสุดหล่อ : เป็นไงยุนกิ คุณจอนเด็ดไหม ครั้งแรกเสร็จไปกี่รอบล่ะ อ๊ะ! แต่คงตื่นมาตอบไม่ไหวใช่ไหม งั้นไม่เป็นไร นอนไปเถอะ :)
คงไม่ต้องทายเนอะว่าทำไมเย็นวันนั้นจองกุกถึงต้องพายุนกิออกไปซื้อ มือถือเครื่องใหม่
&
VII. (Secret Ver.)
คืนนั้น...จองกุกกลับถึงบ้านทุ่มกว่า หลังจากตอบรับจูบต้อนรับกลับบ้านของยุนกิ แล้วคุณเจ้านายก็ไปอาบน้ำ โดยไม่ได้นึกสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้าแมวซนที่ออกอาการออดอ้อนมากกว่าปกติเลยสักนิด พอประตูห้องน้ำปิด ยุนกิก็ก้าวเร็วๆ ไปที่ห้องนั่งเล่นหยิบมือถือมาส่งข้อความหาคิมซอกจินด้วยท่าทีกระวนกระวาย
เหมียวของจองกุก : แผนนายไม่เห็นจะได้ผลเลย!!
ซอกจินสุดหล่อ : ทำน้อยไปป่าว ทำไรไปบ้างไหนเล่า
เหมียวของจองกุก : ก็เอาหัวไปไถๆ ตรงไหล่อ่ะ แล้วก็เอาแก้มแนบตอนจูบแล้วก็กอดนัวเนียๆ แล้วไง
ซอกจินสุดหล่อ : ยุนกิ...นี่มันต่างจากปกติตรงไหน ก็ทำอย่างนี้ตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
เหมียวของจองกุก : ก...ก็ใช่
ซอกจินสุดหล่อ : นายต้องหนักแน่นกว่านี้
เหมียวของจองกุก : ยังไง
แล้วคุณซอกจินสุดหล่อ ผู้มากประสบการณ์ก็ได้แนะแนววิธีอ่อยระดับนางพญามายาวเหยียดชนิดที่อ่านไปหน้าก็เห่อร้อนวูบวาบไปหมดเหมือนจะเป็นลม ระหว่างที่ยุนกิตั้งอกตั้งใจอ่านข้อความเดิมทวนซ้ำเป็นครั้งที่สอง หน้าก็ยังแดงอยู่แต่เริ่มเครียดแล้ว ระหว่างนั้นจองกุกก็แต่งตัวออกจากห้องน้ำ ออกมาเจอยุนกินั่งเล่นมือถืออยู่หน้าทีวี
ยุนกินี่รีบลบข้อความซอกจินแทบไม่ทัน ก่อนจะพยายามทำตัวเป็นปกติแล้วไปอาบน้ำบ้าง บอกเลยว่าวันนี้ยุนกิอาบน้ำนานมากๆ ถูมันทุกซอกทุกมุมสองรอบ สระผมสามรอบทั้งที่เมื่อวานก็เพิ่งสระไป แปรงฟันอีกสี่รอบทั้งที่เดี๋ยวก็ออกไปกินขนมตอนดูหนังอีกอยู่ดี
ทำแม้กระทั่งตัดเล็บมือเล็บเท้าให้สั้น ทั้งที่ไม่ชอบเพราะคิมซอกจินมันสั่งไว้ พอลองก้มดมตัวเองแล้วได้กลิ่นหอมสบู่อ่อนๆ แบบที่จองกุกชอบ ยุนกิก็เช็ดตัวเช็ดผมแล้วไปเลือกเสื้อผ้า
ยุนกิเลือกชุดนอนที่ถอดง่าย ...ก็ตามที่คิมซอกจินมันสั่งอีกนั่นแหละ บอกห้ามเอาแบบสวมหัวมันถอดยากไม่ทันใจ ให้เอาแบบที่มีกระดุมปลดข้างหน้า แล้วกระดุมก็ห้ามเยอะเกินห้าเม็ดด้วย ส่วนกางเกงให้เอาขาสั้นแบบหลวมๆ เพราะมันยั่วสายตามากกว่ากางเกงขายาวที่ถอดยาก
ยังมีเน้นอีกว่าเวลาทำแบบเสื้อผ้ายังอยู่ติดตัวอยู่มันเร้าอารมณ์กว่า แต่...แค่คิดตามที่คิมซอกจินมันเขียนมานี่ ยุนกิก็จะอายจนอยากระเบิดตัวตายไม่กล้าเดินออกจากห้องน้ำแล้ว
หลังทำใจกล้าๆ อยู่พักใหญ่ก็ได้ฤกษ์ปฏิบัติการสักที...
VIII.
แผนคิมซอกจินได้ผลหรือไม่ ยุนกิคงไม่ต้องอธิบาย ความปวดร้าวระบมทั้งร่างกายที่ทำให้ยุนกิต้องนอนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้จองกุกป้อนข้าวป้อนยาคงเป็นคำตอบได้ดีอยู่แล้ว
นึกโมโหตัวเองที่หลงกลทำตามแผนที่คุณคิมนำเสนอ แถมยังทำตามทุกคำแนะนำอย่างละเอียดยิบ และถูกต้องเป๊ะๆ อีกต่างหาก ...อย่าถามว่าเป๊ะแค่ไหน ย้อนกลับไปอ่านข้างบนเลย!
อันที่จริง ยุนกิก็ไม่ได้อยากได้อยากโดนขนาดนั้นหรอกนะ คือเขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่จองกุกไม่เร่งรัด เขาก็ไม่ได้รีบร้อน ยิ่งจะให้เป็นฝ่ายเริ่มต้นเอง ถ้าเป็นปกติยุนกิไม่มีทางทำแน่ๆ แต่คิมซอกจินคนเดิมน่ะสิ!
เป่าหูยุนกิใหญ่เลยว่าคนรักกันก็ต้องอยากสัมผัสกันเป็นธรรมดางี้ หาว่ายุนกิไม่รู้หรอกว่าจองกุกอดทนขนาดไหน แต่สำหรับข้อนี้ยุนกิยอมรับก็ได้ว่าเพิ่งรู้จริงๆ ก็จองกุกเก็บความรู้สึกเก่งจะตาย
และเหตุผลสุดท้ายที่ทำให้ยุนกิศิโรราบยอมทำตามแผนก็เพราะคิมซอกจินบอกว่า จองกุกจะมีความสุข
ใช่ ยุนกิไม่เถียงด้วย พอทำแล้ว จองกุกดูมีความสุขมากจริงๆ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ยุนกิจะไม่ยอมทำตามแผนคิมซอกจินเด็ดขาด ก็ดูจองกุกสิ!
“อย่าเกร็งสิ ยุนกิ”
“อะ ..จอง..กุก”
“อีกนิดนะ”
“พ.พอ..แล้ว”
...จองกุกหยุดจูบยุนกิได้แล้ว ยุนกิจะไม่ไหวแล้ว ฮืออ!
IX.
“คิมซอกจิน เอาน้ำให้หน่อย”
ยุนกิเอนตัวอยู่บนโซฟาพร้อมกับหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มา คือกำลังอ่านถึงตอนสำคัญไง แต่ดันคอแห้งแล้วก็ไม่อยากขยับตัวเพราะท่าที่นอนอยู่ตอนนี้สบายมาก เลยเรียกคนรับใช้กิตติมศักดิ์ช่วยหยิบให้แทน บอกเลยว่าคุณคิมมองค้อนเจ้าแมวหนุ่มของท่านประธานหนักมาก เพราะไอ้แก้วน้ำที่ว่าก็วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าโซฟานั่นแหละ เอื้อมนิดเดียวก็ถึงแล้ว แต่ถามว่าซอกจินทำอะไรได้ไหม มองเงินเดือนเกือบห้าหลักที่หน่วยเป็นสกุลดอลลาร์ในบัญชีแล้วก็ต้องถอนใจทำตามคำสั่งไป คือ ซอกจินก็หางานสบายกว่านี้ไม่ได้แล้วล่ะ เอาจริงๆ
“วันๆ นี่ไม่คิดจะขยับตัวบ้างหรือไง”
แต่ถึงจะเอาน้ำมาเสิร์ฟจนถึงปากตามสั่ง ซอกจินแต่ก็ยังอดแขวะไม่ได้ ก็มันน่าหมั่นไส้ไหมล่ะ จากแมวเอ๋อมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานงกๆ ทุกวันไม่เว้นวันหยุด ทุกวันนี้นี่ยิ่งกว่าแมวพระราชา งานการไม่ต้องทำ กิจกรรมหลักคือกิน นอน และอ้อนเจ้านาย คิมซอกจินไม่อยากจะบอกเลยว่าปลอกคอหนังที่ยุนกิใส่ติดตัวอยู่ตลอดนั่นก็โคตรแพง เรียกว่าทุกอย่างบนตัวนี่แพงหมด ...ยกเว้นตัวมันนี่แหละ
“ขี้เกียจ”
“เดี๋ยวอ้วนแล้วคุณจอนเอาไปปล่อยทิ้งไม่รู้ด้วยนะ”
“จองกุกไม่ทิ้งฉันหรอกน่า!”
ยุนกิกระแทกหนังสือลงกับโต๊ะเสียงดังมาก ปกแข็งด้วย หนักด้วย คือแบบซอกจินหูแทบแตก ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่โดนหัวตัวเอง
เจ้าแมวเอ๋อโวยวายนิดหน่อยพอเป็นพิธีแล้วก็กลับไปอ่านหนังสือเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสั่งให้คุณคิมไปหาของกินให้ด้วยเพราะหิวแล้ว
บ่ายวันนั้นหลังจากซอกจินกลับไปทำงาน ยุนกิก็วางหนังสือเล่มใหม่ลงทั้งที่ยังอ่านไม่จบ นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่สักพักแล้วจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องทำงาน จะว่า ยุนกิไม่คิดมากกับคำพูดเพื่อนเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มานั่งเฝ้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อหาวิธีทำให้เจ้านายรักแบบนี้หรอก
จริงๆ ยุนกิก็แอบกังวลเรื่องนี้มาสักพักแล้ว พอซอกจินพูดอีกเลยรู้สึกเหมือนโดนสะกิดเรื่องเดิมซ้ำ ยุนกิแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ต่อจองกุกสักเท่าไหร่เลย นอกจากเป็นแมวที่โดนสปอยล์จนเคยตัวแล้วก็ทำอะไรไม่เป็นอีก
ยุนกิคิดว่าบางทียุนกิก็ควรทำอะไรสักอย่างให้จองกุกบ้าง แล้วยุนกิก็เจอบทความที่น่าสนใจที่ชื่อว่า ‘10 ways to make your boss love you’ เลยพิมพ์ออกมาอ่าน ถึงจะ ‘เจ้านาย’ คนละแบบกัน แต่ก็น่าจะประยุกต์ใช้ด้วยกันได้
1. คุณควรเอาอกเอาใจเจ้านายบ้าง ไม่ต้องถึงกับเลียแข้งเลียขา แค่ชื่นชมในสิ่งดีๆ เสมอก็พอ
แค่คำแนะนำข้อแรกยุนกิก็ส่ายหน้าซะแล้ว ยุนกิก็เอาอกเอาใจจองกุกตลอดแหละ แต่ไม่รู้ทำไม สุดท้ายกลายเป็นว่าคนที่ถูกเอาอกเอาใจกลายเป็นยุนกิตลอดเลย
2. คุณต้องอยู่ในสายตาเจ้านายบ่อยๆ ทำตัวให้เด่นกว่าคนอื่น เพื่อที่เจ้านายจะได้มองเห็นคุณเป็นคนแรกเสมอ
ยุนกิว่า...ยุนกิก็อยู่ในสายตาจองกุกตลอดอยู่แล้วนะ นอกจากตอนไปทำงานแค่นั้นเอง ยุนกิไม่อยากจะบอกเลย เพราะอาย แต่อยากโม้มากว่าตอนที่อยู่บนเตียง จองกุกไม่เคยละสายตาจากเขาได้เลยล่ะ
3. คุณต้องทำงานของคุณให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าคุณจะเกลียดมันก็ตาม และนั่นจะทำให้เจ้านายคุณประทับใจ เชื่อสิ
ยุนกินึกแล้วนึกอีก ก็คิดไม่ออกเลยว่างานอะไรที่ยุนกิเกลียด แต่ถ้าพูดถึงอะไรที่ไม่อยากทำแต่สุดท้ายก็ต้องยอมทำอยู่ดีล่ะก็ ยุนกินึกออกอยู่หนึ่งเรื่อง แค่คิดหน้าก็แดงวาบจนต้องสะบัดหัวไล่ภาพที่อยู่ในความคิด
ก็...ก็วันนั้นอ่ะ ยุนกิก็ ‘อ้อน’ จองกุกเหมือนปกติ แต่ที่มันไม่ปกติเพราะไฟทั้งห้องสว่างมาก ยุนกิเคยอ้อนก็แต่ในห้องมืดๆ ไฟสลัวๆ มองเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง แค่นั้นยุนกิก็อายจะตายอยู่แล้ว
พอจะขอให้ปิดไฟ จองกุกก็ไม่ยอม บอกว่า ‘ผมอยากเห็น’ ยุนกิบอกเลยว่าคำอ้อนหวานๆ กับรอยยิ้มร้ายของจองกุกไม่เข้ากันสักนิด แต่ยุนกิแพ้...แพ้มาก
คงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าคืนนั้นจองกุก ‘เห็น’ ยุนกิชัดขนาดไหน
4. คุณต้องเคารพคำสั่ง ไม่ว่าเจ้านายของคุณจะสั่งอะไร ยากแค่ไหน ถ้าคุณทำได้ เจ้านายจะพอใจมากๆ
ยุนกิอ่านแล้วก็นั่งคิดอยู่นาน ก่อนจะสรุปได้ว่า เขาก็ทำตามคำสั่งของจองกุกตลอดแหละ ถึงปกติแล้วเจ้านายของเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบออกคำสั่ง แต่ลองได้เริ่มสั่งแล้ว...จองกุกจะสั่งไม่หยุดเลย
อย่าถามเลยนะว่าจองกุกสั่งอะไรบ้าง ยุนกิไม่เล่าหรอก ไม่เด็ดขาด!
และคำแนะนำข้อถัดๆ ไป ก็ยิ่งทำยุนกิส่ายหน้า วิธีทั้งหมดที่ว่ามา เขาก็ทำมาหมดแล้วนะ ยกเว้นข้อสุดท้ายนี่แหละที่ไม่แน่ใจ
10. คุณควรรู้ว่าความคาดหวังของเจ้านายคุณคืออะไร พอรู้แล้วคุณก็แค่ทำตามให้ได้เพียงพอหรือมากกว่าที่เจ้านายคุณคาดหวังไว้ รับรองได้เลยว่าคุณจะเป็นที่รัก
ประเด็นอยู่ที่ยุนกิไม่เคยรู้เลยว่าความคาดหวังของจองกุกคืออะไร ไม่กล้าจะเดาด้วย แต่ยุนกิจะไม่ปวดหัวนั่งคิดหรอก เพราะนี่เย็นแล้ว รอจองกุกกลับมาแล้วถามตรงๆ เลยง่ายกว่า
หลังทานมื้อเย็นเสร็จแล้วจองกุกก็ไปนั่งดูทีวีที่โซฟาตัวยาวเหมือนทุกวัน พอยุนกิเก็บจานเสร็จก็เดินไปนั่งข้างๆ เอนตัวลงเอาหัวหนุนตักเจ้านายหนุ่มต่างหมอนอย่างเคยชิน เอาหัวถูๆ ไถๆ อย่างที่ชอบทำ แล้วก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“จองกุกอยากให้ยุนกิทำอะไรให้เป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะครับ” คนถูกถามปิดทีวี แล้วก้มหน้ามาคุยกับยุนกิที่ทำหน้ายุ่งๆ
“ก็ถ้ายุนกิเอาแต่กินๆ นอนๆ จนอ้วน จองกุกจะเอาไปทิ้งไหม”
“ซอกจินพูดเหรอ”
จองกุกพยายามตีหน้านิ่ง กลั้นหัวเราะแทบตาย ฟังจากคำพูดก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าแมวหนุ่มคงโดนเพื่อนสนิทแหย่เหมือนทุกที แต่ครั้งนี้ดันคิดมาก แล้วจริงจังมากด้วย แต่ถ้าคิมซอกจินรู้ว่ายุนกิคิดมากกับเรื่องนี้ มีหวังได้หัวเราะจนปวดท้อง กรามค้าง ต้องเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ นอกจากคิมซอกจินที่รู้ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าใครที่รู้จักเขาก็รู้กันหมดว่า เขาทั้งรัก ทั้งหลง เจ้าแมวเอ๋อนี่ยิ่งกว่าอะไรดี มีแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่เคยจะรู้เลย ยิ่งคิดจองกุกก็ยิ่งขำจนสุดท้ายก็กลั้นไม่อยู่
“จองกุกอ่ะ!”
ยุนกิเครียดจะแย่แล้วจองกุกมาขำใส่ยุนกิคืออะไร โกรธนะ งอนมากด้วย นี่ยุนกิจริงจังนะ
“ยุนกิ”
เห็นเจ้าแมวหนุ่มงอแงลุกขึ้นจะหนีเข้าห้อง จองกุกก็รั้งตัวให้ลงมานอนตักเหมือนเดิม เสียงนุ่มๆ เรียกปลอบอย่างใจเย็น แต่ยุนกิงอนอ่ะ ทำไมต้องขำด้วยล่ะ ก็กลัวจริงๆ นี่!
แต่จองกุกก็ลูบผมซ้ำๆ จนยุนกิเลิกดิ้นเลิกขืนตัวหนี ยอมหันหน้ามาคุยกันในที่สุด พอจองกุกเห็นว่ายุนกิตั้งใจฟังดีแล้วก็ค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ และชัดเจน หนักแน่นทุกถ้อยคำ
“จำไว้นะครับยุนกิ ...แค่ยุนกิเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผมก็รักมากอยู่แล้ว ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านี้หรอก”
ทุกคำที่จองกุกพูดกำลังทำให้ยุนกิน้ำตาซึม ...เป็นครั้งแรกที่ยุนกิได้ยินจองกุกบอกรักตรงๆ ถ้อยคำสั้นๆ ที่ละลายทุกความกังวลในใจยุนกิไปจนหมด
“ขอโทษที่ผมอาจจะไม่เคยบอก แต่ผมสัญญานะครับว่าจะรับผิดชอบเลี้ยงยุนกิไปตลอดชีวิตเลย”
ว่าแล้วจองกุกก็ยกนิ้วก้อยข้างขวาขึ้นมาชู คล้ายจะขอให้ยุนกิสัญญาพร้อมกับขอคืนดี และยุนกิก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ ต่อให้ไม่มีสายตาที่มองมาอย่างคาดหวัง ยุนกิก็พร้อมจะยกนิ้วเกี่ยวก้อยกับจองกุกอยู่แล้ว
ถึงได้บอกไงว่าต่อให้พยายามเอาใจจองกุกแค่ไหน สุดท้ายเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายถูกเอาใจอยู่ดี
“ผมบอกแล้ว...ยุนกิบอกบ้างสิ ผมอยากฟัง”
ตอนแรกยุนกิก็อยากจะแก้แค้นเล็กๆ ว่าจะไม่ยอมพูด แต่แล้วสายตาอ้อนๆ ของจองกุกก็ทำยุนกิใจอ่อนอยู่ดี บอกแล้วไงว่าแพ้...
ให้ตาย ยุนกิก็ไม่เคยชนะจองกุกได้เลย
“ยุนกิรักจองกุก”
คนฟังยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากยุนกิเบาๆ และถ้ายุนกิมองไม่ผิด...เหมือนจองกุกจะเขินล่ะ แต่จองกุกเนี่ยนะจะเขิน
“พูดอีกได้ไหม”
จองกุกไม่เห็นต้องขอเลย ยุนกิพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่จองกุกต้องการอยู่แล้ว
(...แต่บางเรื่องก็ขอเขินขออายก่อนทำได้ไหมล่ะ!)
Lady talk ;
ลงรัวๆ เพราะเป็นฟิคเก่าเขียนเอาไว้นานแล้ว
แต่หลังจากเรื่องนี้ก็คงไม่มีแล้วค่ะ 55555
ความคิดเห็น