คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Cat me if you can | kookga
Cat me if you can
kookga / comedy / 7931 words
คุณรู้จัก ‘แมวเก้าชีวิต’ ไหม
ใครๆ ก็เรียก ‘มินยุนกิ’ แบบนั้น ในฐานะพนักงานดีเด่นประจำแผนกขาย 2 ไม่มีปัญหาอะไรที่ไปถึงมือยุนกิแล้วแก้ไขไม่ได้ ลูกค้าจะเอาใจยากเรื่องมาก ขี้บ่น เจ้าอารมณ์ จุกจิกแค่ไหน ยุนกิรับมือได้หมด พูดแล้วจะหาว่าคุย แต่ยุนกิภูมิใจในฉายาของตัวเองมากนะ จนกระทั่ง...
ซวย!
คือความคิดแรกที่เข้ามาในหัว หลังจากผู้จัดการพัคจอมขี้เกียจ เจ้านายที่เวลาต้องการเจอไม่เคยเห็นตัว กลับให้เกียรติเดินมาหาเขาถึงแผนก แจ้งคำสั่งงานด่วนที่สุดด้วยรายละเอียดสั้นๆ เพียงประโยคเดียว ปกติยุนกิไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่ไม่ใช่สำหรับงานนี้
“หัวหน้า!”
“ช่วยหน่อยนะ คุณมิน นอกจากคุณก็ไม่มีใครแล้ว”
“ผมทำไม่ได้จริงๆ นะครับ!”
“คุณเป็นความหวังเดียวของบริษัทนะ ไม่มีคุณก็ไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว”
“โธ่ หัวหน้าครับ หัวหน้าาา” คนตำแหน่งสูงกว่าไม่ยอมให้ยุนกิปฏิเสธ สั่งงานเสร็จก็รีบเดินดุ่ยๆ ออกไปทันที
“อาทิตย์หน้า คุณจอนจะย้ายมาใช้ห้องมุมนั้น คุณมีเวลาหนึ่งเดือนเพื่อเปลี่ยนใจเขา สู้เขานะ คุณมิน”
โอเค
ไม่...ไม่โอเค มินยุนกิไม่โอเคเลยสักนิด ให้เขาไปรับมือกับเศรษฐีม่ายเรื่องมากยังจะดีกว่า งานเร่งด่วนที่ผู้จัดการพัคมอบให้ทำคือการย้ายเขาไปเป็นเลขาของคุณจอน ‘จอนจองกุก’ ผู้บริหารหนุ่มคนดังของบริษัท อายุยังน้อยแต่ได้เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงด้วยความสามารถล้วนๆ เก่งจนหาใครมาทาบรัศมีไม่ติด สร้างผลกำไรให้บริษัทปีหนึ่งๆ ไม่รู้เท่าไร ไม่ว่างานไหน ขอแค่มีชื่อคุณจอนก็การันตีความสำเร็จของงานนั้นได้เลย
แต่ประเด็นก็คือ....คุณจอนกำลังจะลาออก!
หลังการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทจบลง คุณจอนก็ยื่นความจำนงขอลาออก แต่จะอยู่จัดการงานที่ค้างไว้ทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อนไป ได้ยินว่ามีบริษัทต่างชาติมาซื้อตัวไปทำงานถึงต่างประเทศ
แน่นอน...การประกาศลาออกของผู้บริหารหนุ่มทำบริษัทวุ่นวายกันใหญ่ ข้อเสนอที่ดีที่สุด ทั้งฐานเงินเดือนที่พุ่งปรี๊ดๆ มากกว่าเงินเดือนทั้งปีของยุนกิรวมกัน ไหนจะให้หุ้นของบริษัท และอีกสารพัดข้อเสนอเพื่อรั้งผู้บริหารหนุ่มคนเก่งไว้ แต่มันก็ไม่สำเร็จ คุณจอนยืนยันความตั้งใจเดิม และตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว หลังจากผู้บริหารและผู้ถือหุ้นประชุมกันข้ามคืน ผลก็อย่างที่เห็น ...ทุกคนฝากความหวังสุดท้ายไว้ที่ ‘มินยุนกิ’ หวังว่าเจ้าของฉายาแมวเก้าชีวิตจะช่วยรักษาบริษัทเอาไว้ได้
แล้วทำไมยุนกิถึงไม่อยากทำน่ะเหรอ?
เปล่านะ ยุนกิไม่ได้เกลียดอะไรคุณจอนนะ จะว่าไงดีล่ะ หล่อ รวย เก่ง นิสัยดี เพอร์เฟกต์ขนาดนี้แล้วใครจะไม่ชื่นชม
ปัญหามันอยู่ตรงที่คุณจอนไม่ชอบแมวต่างหาก ขอย้ำอีกครั้ง! คุณจอนไม่ชอบแมว ทราบแล้วเปลี่ยน! สิ่งมีชีวิตสี่ขา มีหนวด มีหูสามเหลี่ยม นิสัยขี้อ้อน และเอาแต่ใจ แต่ไม่ว่าจะแมวพันธุ์ไหน คุณจอนไม่ชอบหมด และคนที่ถูกมอบฉายาให้เป็นแมวทั้งการทำงานและนิสัยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เอาจริงว่าทั้งบริษัทก็มีแค่คุณจอนนั่นแหละที่เขารับมือไม่ไหว แต่แบบ...คนอื่นไม่รู้ไง ใครจะปล่อยให้คุณจอนมาทำฉายาเสียกันล่ะ
“สู้เขานะ คุณมิน” เสียงล้อเลียนจากเพื่อนสนิทร่วมแผนกทำเอายุนกิอยากข่วนให้หน้าแหกสักที หมอนี่เป็นคนเดียวที่รู้ว่าเขาไม่ถนัดรับมือกับคุณจอนเลย
“คิมซอกจิน!”
คนรู้ตัวว่าจะโดนประทุษร้ายเดินหนีล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ปล่อยให้เจ้าแมวงุ่นง่านอยู่กับโต๊ะทำงาน สายตาเหลือบมองห้องว่างที่คุณจอนจะย้ายมาใช้ทำงานวันจันทร์นี้ เพื่อให้สะดวกเวลาติดต่อลูกค้า โครงการที่ค้างอยู่จะได้เสร็จเร็วๆ
เออ..ได้! มาลองดูกันสักตั้ง ให้มันรู้ไปว่าเวลาตั้งหนึ่งเดือน เจอหน้ากันตั้งแต่เช้าจรดเย็นแล้วคุณจอนจะไม่ใจอ่อน รอก่อนเถอะ งานนี้มินยุนกิขอทุ่มสุดตัว จะเปลี่ยนคนเกลียดแมวให้กลายเป็นทาสแมวให้ได้เลย คอยดู!
Cat me if you can
Day 1
ยุนกิถีบตัวเองออกจากเตียงในเวลาตีห้า ตื่นเช้าแบบที่ไม่เคยทำ เชิ้ตขาวเรียบกริบ เนคไทสีกรมท่ามีลายเส้นเป็นดีเทลเล็กๆ ไม่เรียบจนเกินไป ไดร์ผมปัดข้างเปิดหน้าอีกหน่อย น้ำหอมกลิ่นวานิลลาที่ยุนกิกลั้นใจซื้อตอนลดราคาจะถูกใช้เฉพาะโอกาสสำคัญ ...และคุณจอนได้รับสิทธิ์นั้น
ความประทับใจแรกเป็นสิ่งสำคัญ ถึงนี่จะไม่ใช่การพบกันครั้งแรกก็ตาม ยุนกิก้าวออกจากบ้านด้วยความมั่นใจเกินล้าน ที่ลดลงเหลือไม่ถึงร้อยทันทีที่ได้ยินคำทักทายแรกจากเจ้านายชั่วคราวคนใหม่
“คุณมิน พรุ่งนี้ไม่ต้องฉีดน้ำหอมมานะ ผมไม่ชอบ” จองกุกทักทายเลขาคนใหม่สั้นๆ ความประทับใจแรกติดลบแบบกู่ไม่กลับ แต่คุณจอนไม่ให้เวลายุนกิเสียเซลฟ์กับน้ำหอมราคาแพงที่เขาภาคภูมิใจเลย แฟ้มงานถูกยกมาวางตรงหน้า หนึ่ง สอง สาม...เจ็ดแฟ้ม นับอีกทีก็ยังเจ็ดไม่ขาดไม่เกิน ตามด้วยคำสั่งยาวเหยียดสำหรับงานในแต่ละแฟ้ม ยุนกิอยากจะถามเหลือเกิน คิดว่าเขาจะจำได้ไหม!
“จำที่ผมสั่งได้นะ”
“ครับ”
ยุนกิก็ตอบได้แค่นั้นแหละ
วันแรกจบลงด้วยการหอบงานกองโตไปทำที่โต๊ะตัวเอง ซึ่งบนโต๊ะก็มีงานเก่ากองไว้อยู่แล้ว การย้ายมาเป็นเลขาชั่วคราวไม่ได้หมายความว่าเขาจะทิ้งงานปกติของตัวเองได้ กลายเป็นว่าต้องทำงานมากขึ้นเป็นสองเท่า คุณจอนก็ไม่ค่อยรีบเคลียร์งานเท่าไรเลย รู้หรอกว่ารีบ!
เฮอะ! ไม่เป็นไร นี่แค่วันแรก ยังเหลืออีกหลายวัน ความประทับใจแรกไม่ได้ผลก็ยังมีอย่างอื่นหรอก อย่ามาดูถูกแมวเก้าชีวิตนะ!
Day 5
ผ่านไปเกือบหนึ่งอาทิตย์สำหรับตำแหน่งใหม่ ยุนกิรู้สึกเหมือนใช้พลังงานไปหมดตัวโดยยังไม่มีอะไรสำเร็จแม้แต่อย่างเดียว แต่ละวันนี่แค่รับมือกับการสั่งงานเป็นตั้งๆ ของคุณเจ้านายคนใหม่ก็หมดวันแล้ว ไม่ต้องพูดถึงภารกิจลับนั่นเลย คนอะไรก็ไม่รู้ เอาใจยากเหลือเกิน ดูเหตุการณ์ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาสิ
เดี๋ยว…
ขอสารภาพก่อน สาบานได้ว่าไม่ได้สิ้นคิดจะหลอกล่อด้วยของกินอะไรทำนองนั้นหรอกนะ แต่...แต่คนจะสนิทกันก็ต้องหาอะไรผูกสัมพันธ์หน่อยใช่ไหมล่ะ และ อืม...นั่นแหละ ยุนกิว่าของกินนี่แหละเวิร์กสุด
วันแรกในช่วงบ่าย หลังรับงานกองโตไปแล้ว ยุนกิก็กลับมาพร้อมกับชาเอิร์ลเกรย์ร้อนหอมกรุ่นถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของคุณจอน ไอขาวที่ลอยขึ้นมาละมุนจนแค่ได้สูดกลิ่นก็รู้สึกผ่อนคลาย เหมาะสำหรับช่วงเวลาอันแสนเกียจคร้านยามบ่าย ถ้าเพียงแต่คุณจอนจะไม่มองหน้าเขานิ่งๆ และเอ่ยประโยคที่ทำเลขาคนใหม่ยิ้มค้าง
“ขอบคุณนะ แต่ผมไม่ดื่มชา”
...
ยุนกิได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างร้าว
วันต่อมา ยุนกิกลับมาใหม่พร้อมกับกาแฟร้านดังที่ต้องเสียเวลาพักเที่ยงเกือบสิบห้านาทีในการเดินไปกลับเพื่อซื้อมา ถ้าไม่ดื่มชา ก็ต้องดื่มกาแฟล่ะ อเมริกาโน่เย็น นี่มันเครื่องดื่มยอดฮิตของคนทำงานออฟฟิศเลยนะ
“ผมไม่ชอบกาแฟ”
อืม สงสัยจะไม่ใช่สำหรับเจ้านายใหม่ของเขา
ยัง...
อย่าเพิ่งคิดว่ายุนกิจะยอมแพ้แค่นั้น บ่ายวันถัดมายุนกิกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษสีน้ำตาลแปะโลโก้ของร้านดังตรงข้ามบริษัทที่คนต่อคิวยาวจนล้นออกมานอกร้านทุกวัน แม้จะอยู่ใกล้ และกลิ่นหอมของขนมในร้านจะดึงดูดแค่ไหน แต่ยุนกิก็ไม่เคยเข้าเลยนะ เพราะคิวยาวมากๆๆๆ อย่าให้ต้องเล่าเลยว่าตื่นเช้าแค่ไหนเพื่อไปต่อคิวซื้อมาเนี่ย
“ขอโทษนะ ผมไม่ทานของหวานน่ะ”
...
และอีกสารพัดที่ทำยุนกิจะบ้าตาย ไม่มีอะไรเวิร์กสักอย่าง สงสัยว่ากว่าจะทำให้คนอย่างคุณจอนพอใจได้มีอีกกี่ชีวิตก็ไม่พอ แค่จะผูกมิตรดีๆ ยังไม่สำเร็จเลย ถอนหายใจเสร็จก็เคาะประตูขออนุญาต เอานมสดปั่นหวานน้อยร้านเดียวกับกาแฟที่ต้องเดินไปกลับสิบห้านาทีวางลงบนโต๊ะคนที่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านเอกสารไม่สนโลกอยู่นั่น อย่าถามว่าทำไมไม่เรียกนะ นี่หน้าแตกจนเก็บเศษไม่หมดแล้ว ถ้าแตกอีกทีหมอคงไล่ออกจากโรงพยาบาลไม่ต้องเย็บกันพอดี
...
บ่ายโมงกว่าวันศุกร์ อีกสี่ชั่วโมงจะได้เวลาเลิกงาน จองกุกเงยหน้าจากเอกสาร ตั้งใจจะพักสายตาแล้วเดินออกไปหาน้ำดื่มสักหน่อย แต่กลับเจอแก้วนมปั่นร้านดัง เครื่องดื่มโปรดของเขาวางอยู่ ไอน้ำหยดเล็กๆ เริ่มเกาะรอบแก้ว คงเพิ่งเอามาวางได้ไม่นาน ดูเหมือนเขาจะเอาแต่จดจ่อกับตัวเลขในเอกสารจนไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครเข้ามาในห้อง
จองกุกหลุดยิ้มตอนที่มองไปที่โต๊ะของเลขาคนใหม่ ไม่อยากจะบอกหรอกว่าเขารู้เหตุผลที่บริษัทส่งยุนกิมาเป็นเลขาให้เขา จองกุกไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรอก แต่การได้เห็นความพยายามของยุนกิมันก็สนุกดี สีหน้าแปลกๆ แบบคนไปไม่เป็น มันน่าดูชมทีเดียวล่ะ ยกตัวอย่างอะไรดีนะ
อ่า น้ำหอมกลิ่นวานิลลาเมื่อวันแรกนั่นไง
แย่หน่อยที่เขาเป็นคนไวต่อกลิ่นค่อนข้างมาก ยิ่งโดยเฉพาะกับกลิ่นที่ชวนให้คิดถึงนมสดปั่นของโปรด อยากชมว่าเลือกได้เหมาะกับตัวเองมากอยู่หรอก แต่ถ้าต้องทำงานด้วยกันตลอดก็คงไม่ไหว
แอบสงสารอยู่เหมือนกัน หน้าเจื่อนไปเลยตอนโดนเขาปฏิเสธ เช้า กลางวัน เย็นแบบนั้น บอกก่อนว่าไม่ได้แกล้ง ยุนกิแค่เดาสิ่งที่เขาชอบไม่ถูกเองต่างหาก ...เพิ่งจะมีวันนี้นี่ล่ะที่ทำสำเร็จสักที
จองกุกมองแก้วแล้วก็เผลอยิ้มอีกจนได้
...
อย่างน้อยวันนี้ก็ได้ไป 1 แต้มนะ คุณมิน
Day 8
เช้าวันจันทร์ของอาทิตย์ที่สอง อย่าให้ใครรู้นะว่าวันหยุดที่ผ่านมา ยุนกิปลื้มปริ่มหน้าบานจนลุงยามที่อพาร์ทเม้นท์ทัก แค่เพราะแก้วพลาสติกที่ว่างเปล่าในถังขยะห้องคุณจอนตอนเขาเอาแฟ้มงานไปวางคืนน่ะ
ยุนกิไม่คิดเลยว่าคุณจอนจะชอบของธรรมดาๆ อย่างนมสดปั่น วันนี้เขาจึงออกจากห้องด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยม แต่ทันทีที่เห็นหัวหน้าพัคมายืนรอด้วยหน้าตาเคร่งเครียด ยุนกิก็รู้ชะตากรรมตัวเองแล้ว
“คุณมินช่วยหน่อยนะ ลูกค้าอารมณ์เสียมากเลย”
นั่นไง ผิดจากที่เดาไว้เมื่อไหร่ ที่แย่ก็คือยุนกิไม่เคยปฏิเสธได้เลย
...
“ให้ตายเถอะ ดูไม่ได้เลยนะ คุณมิน”
ยุนกิมองคนในกระจกที่เปียกแฉะไปทั้งตัวเพราะโดนลูกค้าสาดน้ำใส่ เรื่องเกิดเพราะพนักงานคนอื่นแท้ๆ แต่คนที่ต้องไปรับหน้าลูกค้ากลับเป็นเขาทุกที แทนที่จะให้คนผิดไปขอโทษ ยุนกิใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตามเส้นผมจนแห้งหมาด เหลือก็แต่สูทตัวนอกที่เปียกแฉะเกินจะเยียวยา อยากจะกลับไปเปลี่ยนเสื้ออยู่หรอก แต่ถ้าทำจริงคงกลับมาทำงานไม่ทันแน่ๆ ห้องเขาอยู่ใกล้ๆ ที่ไหน ต่อรถเมล์สามสายกว่าจะถึง จะทำไงได้นอกจากปล่อยให้แห้งเอง
ช่างเป็นการเริ่มต้นวันที่ซวยจริงๆ บางทีมันคงเริ่มตั้งแต่ไอ้ภารกิจลับที่ไม่กระเตื้องสักแอะนั่นแล้ว แต่พอจะออกจากห้องน้ำไปทำงานต่อก็เจอคุณจอนยืนอยู่ที่ประตู
“กลับไปเปลี่ยนเสื้อดีกว่านะ เปียกขนาดนี้ไม่ไหวหรอก” อึ้งที่อีกคนมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยังไม่อึ้งเท่าที่ประโยคที่พูดออกมา นี่อาจเป็นประโยคยาวที่สุดที่ยุนกิเคยได้ยินจากคุณจอนเลยก็ว่าได้
“ไม่เป็นไรครับ บ้านผมอยู่ไกล เดี๋ยวมันก็แห้ง”
“ถ้าป่วยจะมางอแงที่เวลาน้อยลงไม่ได้นะ เหลืออีกไม่ถึงสามอาทิตย์แล้ว พยายามหน่อยสิ”
อะ...อะไรนะ!?
“ระ...รู้เหรอครับ”
“รู้สิ”
ยุนกิโคตรช็อกอ่ะ บอกเลย ถ้ารู้อย่างนี้แล้วต่อไปเขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ โธ่... อะ อ้าว แล้วนี่คุณจอนจะพาเขาไปไหน ลากมาขึ้นรถตัวเองไม่บอกกล่าวเลย แล้วอยากจะบอกว่ารถหรูมาก ยุนกิเผลอนั่งตัวลีบโดยอัตโนมัติ เพราะกลัวทำเบาะเลอะ แต่เจ้าของรถดูจะไม่หวงเท่าคนมานั่ง เอื้อมมือจับไหล่เจ้าแมวตัวเปียกให้เอนพิงเบาะ ยุนกิแทบหันมาข่วนเจ้าของรถที่ทำเบาะรถตัวเองเปื้อน
...
“นี่เราจะไปไหนกันครับ”
คือยุนกิไม่ได้ความรู้สึกช้านะ แต่เพิ่งคิดได้ว่าควรจะถาม
“เดี๋ยวก็ถึง”
สองนาทีต่อมา
...ก็มาถึงอย่างที่คุณจอนว่าจริง คอนโดราคาแพงใกล้บริษัท ที่ต้องใช้คีย์การ์ดรูปทรงแปลกๆ เพื่อเปิดประตู ถ้ามาคนเดียวยุนกิคงคลำหาทางเข้าไม่ถูกแน่นอน ไหนจะรปภ.ที่เดินกันขึงขังนั่น อย่าให้ต้องบรรยายอย่างอื่นอีก แค่นี้ยุนกิก็ตาโตจะแย่แล้ว อพาร์ทเมนต์ที่เขาอยู่เป็นแค่ห้องพักขนาดกลาง ราคาถูก แลกด้วยความไกลจากบริษัทพอสมควร ไม่ต้องคาดหวังเรื่องความปลอดภัยเลย ทุกวันนี้แค่ล็อกประตูห้องได้ยุนกิก็โล่งใจมากแล้ว
“แล้วคุณจอนพาผมมาที่นี่ทำไมครับ”
ไม่ได้แกล้งโง่นะ แต่ไม่เข้าใจจริงๆ ตอนนี้ยุนกิยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางห้องคุณจอน บอกได้คำเดียวว่าหรูมาก เขารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง สูทโง่ๆ กับห้องนี้ไม่เข้ากันเลยสักนิด ส่วนเจ้าของห้องนอกจากจะไม่ตอบคำถามแล้วยังเดินหายไปในห้องที่เหมือนจะเป็นห้องนอน ยุนกิไม่แน่ใจ ไม่กล้าตามไป
“ห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ”
บ่นในใจไม่ทันไร คุณจอนก็ออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าชุดใหม่ พร้อมกับดันหลังให้เข้าห้องน้ำไป ยุนกิเพิ่งเข้าใจเหตุผลที่เจ้านายหนุ่มลากขึ้นรถมาก็ตอนนี้
...
“ไม่ใช่ทางไปบริษัทนี่ครับ” ยุนกิเอ่ยเสียงตื่นขณะเอี้ยวตัวกลับไปมองถนนที่เจ้าของรถเพิ่งขับเลยมา
“ไม่ใช่น่ะสิ”
“คุณจอนนน”
“ไม่หิวเหรอ”
โครกกกกกกก เสียงท้องร้องชิงดังแทนก่อนยุนกิจะเอ่ยปากตอบซะอีก โอ๊ยยย ยุนกิอยากตาย ขายขี้หน้าสุดๆ
“ครับ”
หลักฐานชัดเจนจะหน้าด้านโกหกต่อไปก็ใช่เรื่อง ได้ครับ ตามใจ คุณจอนเลย ฮือออ อย่าเลือกร้านที่แพงมากนะครับ ไม่มีเงินจ่ายนะบอกก่อน
...
เอาจริงว่ายุนกิแทบลมจับตั้งแต่เห็นคุณจอนเลี้ยวเข้ามาในโรงแรม ยังอุตส่าห์ปลอบใจตัวเองว่าอาจจะอาศัยจอดรถเฉยๆ แล้วไปร้านอาหารข้างโรงแรมแทน แต่คุณจอนก็ตรงดิ่งเข้าโรงแรมหน้าตาเฉย ยุนกิเลยต้องมานั่งเกร็งกับเมนูในมือที่ดูราคาแล้วจะเป็นลมอยู่นี่ไง แอบเหลือบตามองเจ้านายหนุ่มอย่างคาดโทษ แต่คนโดนต่อว่าในใจเหมือนจะรู้ เงยหน้ามาสบตาพอดี กลายเป็นเขาที่ต้องมุดหน้าซ่อนหลังเมนูแทน
“สั่งสิ คุณมิน มื้อนี้ผมเลี้ยงนะ”
ได้ยินว่าเลี้ยงปั๊บ เจ้าแมวหูผึ่งตาโตไม่มีเก็บอาการราวกับจะถามซ้ำ พอคุณจอนพยักหน้า ยุนกิก็รีบสั่งเลยเดี๋ยวคุณจอนจะเปลี่ยนใจ ไม่ถามเหตุผลด้วยว่าเลี้ยงเพราะอะไร ยุนกิถือว่าคุณจอนจะเลี้ยง ก็คือเลี้ยงนั่นแหละ เอ๊ะ! หรือจะเลี้ยงสั่งลาที่ทำภารกิจ(ไม่)ลับนั่นไม่สำเร็จ แย่แล้วมินยุนกิ!
“คุณ...รู้เรื่องแผนได้ยังไงครับ”
“บังเอิญน่ะ”
“แล้ว...จะไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอครับ”
“จะไม่โกหกให้ความหวังหรอกนะ แต่อยากทำอะไรก็ตามใจ”
จองกุกนั่งมองสีหน้าที่เดี๋ยวมีความหวังเดี๋ยวกังวลของยุนกิแล้วกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ ตอนได้ยินแผนนี่ครั้งแรก เขาคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี ใครจะเอาอนาคตทั้งชีวิตมาทิ้งไว้เพียงเพราะถูกเจ้าแมวนี่กล่อมกัน
จองกุกก็ยังเป็นจองกุก เขาไม่ชอบแมว ไม่ชอบคนขี้อ้อน ติดจะรำคาญด้วยซ้ำ ถึงยุนกิจะไม่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้นก็เถอะ
Day 11
วันพฤหัส ตั้งแต่ไปกินข้าวด้วยกันวันนั้น ยุนกิรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเขากับคุณจอนดูพัฒนาขึ้นนะ อย่า...อย่าคิดไปไกล ก็แค่คุณจอนรู้แผนแล้ว แต่ยังยอมให้ทำตามใจ แค่รู้สึกดีที่ยังพอมีความหวังต่างหาก เวลาอาจจะน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่บอกแล้วไงว่าจะทุ่มสุดตัว คือยังไงคุณจอนก็คงไม่เกลียดแมวมากไปกว่านี้แล้วไง จะฮาร์ดคอร์ใส่ก็คงไม่เป็นไรหรอก...มั้ง
“คุณมิน เดี๋ยวบ่ายนี้ออกไปพบลูกค้ากับผมด้วย เอากระเป๋าไปเลยนะ คงคุยยาวไม่น่าจะแวะกลับมาอีก” ยุนกิเงยหน้าจากกองงานมองเจ้านายหนุ่มที่อุตส่าห์เดินมาบอกเขาถึงโต๊ะ พอเขาพยักหน้า คุณจอนก็เดินกลับห้องทำงานตัวเองไป
ไม่อยากบอกเลยว่าตอนนี้สายตาทุกคู่มองมาที่เขาอย่างพร้อมเพรียง แม้แต่คนที่โต๊ะทำงานอยู่โคตรไกลยังลุกขึ้นมามองเลย แน่ล่ะ...ใครเคยได้ยินคุณจอนพูดประโยคยาวๆ แบบนี้บ้าง ถ้าไม่ใช่สั่งงานหรือคุยกับลูกค้า
“โอ๊ะ! เหมือนความพยายามจะสำเร็จแล้วนะ”
ซอกจินที่อยู่ใกล้ที่สุดเปิดปากทักก่อนเป็นรายแรกและรายเดียวด้วยเสียงดังอันเป็นเอกลักษณ์แบบไม่กลัวคุณจอนจะได้ยินในขณะที่คนอื่นแค่ซุบซิบกันเบาๆ
“เป็นงั้นได้ก็ดีสิ” ยุนกิถอนใจ
...
ออกจากบริษัทของคุณลูกค้าได้ก็เย็นมากแล้ว แต่อะไรก็ไม่แย่เท่ากับฝนที่อยู่ๆ ก็ตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานี่หรอก ตอนนี้ยุนกิยืนหลบฝนในหลังคาเล็กๆ ของป้ายรถเมล์ที่ทุกคนพากันมาเบียดอยู่ข้างใน เพราะเป็นเวลาเลิกงานพอดี รถเมล์ก็ยังไม่มา จะเรียกแท็กซี่ก็เสียดายเงิน แถมฝนตกหนักๆ อย่างนี้จะไปยืนรอให้สูทเปียกก็ทำใจยาก ยุนกิมีสูทอยู่แค่สองตัว ตัวแรกคือที่เปียกน้ำหวานไปเมื่อวันจันทร์และยังไม่ได้ซัก อีกตัวคือตัวที่ใส่อยู่นี่ ส่วนตัวที่ยืมคุณจอนมาแล้วยังไม่ได้คืนไม่นับ ความคิดยุนกิสะดุดลง เพราะเสียงบีบแตรเรียกใครสักคนในกลุ่มคนที่ยืนรอรถเมล์
...รถคุ้นๆ
“ขึ้นมาสิ”
พอได้ยินเสียงล่ะก็ ใช่เลย คุณจอนนี่เอง แล้วคิดว่ายุนกิจะปฏิเสธเพราะเกรงใจไหม บอกเลยว่า...ไม่! ฝนตกหนักขนาดนี้หารถเมล์ยากจะตาย คุณจอนจะไปส่งนี่...ฟรีด้วย ถึงจะอายตอนคุณจอนเห็นสภาพ อพาร์ทเมนต์นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร นาทีนี้ขอแค่มีคนไปส่งก็พอ เก็บไว้อายตอนขึ้นห้องไปแล้วก็ยังทัน
“เลี้ยวซ้ายตรงแยกนั้นก็ถึงแล้วครับ”
“อยู่คนเดียวเหรอ”
“ครับ แถวนี้ค่าเช่าถูกกว่า เสียแค่ต้องเดินทางหลายต่อหน่อย”
“นึกว่าอยู่กับครอบครัว”
“พ่อแม่ผมเสียไปนานแล้วครับ”
“ขอโทษที่ถามนะ”
“ไม่เป็นไรครับ มันนานจนผมเลิกเสียใจแล้ว” ยุนกิยิ้มให้เจ้านายหนุ่มเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นไรจริงๆ แต่พอหยิบกระเป๋าจะลงจากรถก็นึกได้ว่ายังไม่ได้คืนสูทเลย “อ่ะ เดี๋ยวคุณจอนรอแป๊ปนึงนะครับ ผมจะไปเอาสูทมาคืน ต้องรอนะครับ อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ”
จองกุกกำลังจะบอกว่าไม่ต้องหรอก แต่ยุนกิก็วิ่งขึ้นห้องไปก่อนแล้ว ครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกับสูทแล้วก็รอยยิ้มน่ารัก
“ขอบคุณที่ให้ยืมชุด ขอบคุณที่มาส่ง ขอบคุณทุกอย่างเลยครับ”
ไม่รู้ว่าเผลอมองรอยยิ้มนั้นอยู่นานแค่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงปิดประตูรถ และแผ่นหลังเล็กๆ วิ่งกลับที่ทางเข้าอพาร์ทเมนต์ ยังไม่วายหันมาโบกไม้โบกมือให้เขาอีก
ไม่รู้ทำไม...อยู่ๆ จองกุกก็คิดว่า
จริงๆ แล้ว แมวก็น่ารักดีนะ
Day 15
“คุณจอนครับ วันนี้ทานอะไรดีครับ”
“คุณจอนครับ เหนื่อยไหมครับ ผมนวดให้ได้นะครับ”
“คุณจอนครับ ผมช่วยถือครับ”
และไม่รู้อีกกี่ ‘คุณจอนครับ’ ที่ยุนกิสรรหามาเอาใจทุกครั้งที่มีโอกาส ได้ยินไม่รู้วันละกี่สิบรอบ แต่จองกุกก็แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้รำคาญอย่างที่คิด ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าฟังแล้วเพลินมากกว่า ให้ยุนกินั่งพูดไปเรื่อยๆ จองกุกคิดว่าตัวเองคงนั่งฟังได้ทั้งวันโดยไม่เบื่อเลย หรืออาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มนั่นก็ได้ ที่เคยมีคนบอกว่ายุนกิยิ้มทีแล้วโลกสว่างสดใสมันเป็นยังไง จองกุกก็เพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง หรืออาจจะเป็นเพราะดวงตาคู่นั่นก็ได้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่จองกุกชอบสังเกตอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมาในดวงตาคู่นั้น
เริ่มเสียดายนิดๆ แล้วสิ
“คุณจอนครับ ไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอครับ”
สารพัดวิธีของยุนกิไม่เคยมีผลกับจองกุก แต่ทุกครั้งที่เจ้าแมวถามคำถามนี้ตอนเลิกงาน จองกุกกลับรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปอยู่เรื่อย
...บอกแล้วไงว่าไม่ชอบของหวาน
Day 19
พูดตรงๆ เลยว่ายุนกิท้อมาก ความหวังจะเปลี่ยนใจคุณจอนน้อยลงจนแทบไม่เหลือ คิดมากจนเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน สุดท้ายเลยต้องอาศัยช่วงพักเที่ยงงีบหลับที่โต๊ะไม่กินข้าวกินปลา
ตื่นมาอีกทีกลับเจออเมริกาโน่เย็นวางคู่อยู่กับถุงขนมร้านดังตรงข้ามบริษัท ไม่รอให้ถูกถาม ซอกจินก็รีบเฉลยอย่างคนที่คันปากอยากเล่าเต็มแก่
ยุนกิไม่แน่ใจว่าคุณจอนรู้จักเมนูโปรดของเขาได้ยังไง และยิ่งไม่แน่ใจว่าที่ใจสั่นอยู่นี่เป็นเพราะกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นที่คุ้นเคย
หรือเพราะคนให้กันแน่...
Day 22
ซวย!
ยุนกิไม่รู้ว่าเดือนนี้เขาพูดคำนี้มากี่ครั้งแล้ว แต่ลืมวันซวยเมื่อหลายครั้งก่อนไปได้เลย วันนี้ยิ่งกว่า...! เขาออกจากห้องสาย รถก็ติด ตอกบัตรเข้างานไม่ทัน เจอแก้งานแต่เช้า ทำกาแฟหกเลอะแขนเสื้อตัวเอง พอจะไปทานข้าวก็สายจนทุกร้านพร้อมใจกันของหมด ต้องพึ่งอาหารแช่แข็งร้านสะดวกซื้อแทน แถมตอนจะกลับก็ดันไปเหยียบหางหมาโดนวิ่งไล่กัดไปอีก พอได้เวลาเลิกงาน หัวหน้าพัคดันมาประกาศให้เร่งปิดงบให้เสร็จกลายเป็นต้องทำโอฟรีกันทั้งแผนก
สองทุ่มกว่า งานในส่วนของเขาเสร็จแล้ว ยุนกิอยากจะกลับไปพักเต็มที พอเก็บของกลับบ้านดันหันไปเห็นหัวหน้าแผนกการเงิน กับหัวหน้าพัคเดินมาหาเขา และจากสีหน้าของหัวหน้าพัค ยุนกิบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องดี
“คุณทำงานผิดพลาดขนาดนี้ได้ยังไง”
เอกสารปึกหนาถูกยื่นใส่หน้า แต่ยุนกิไม่เคยเห็นรายงานนี้มาก่อน มันไม่ใช่งานของเขา แต่ดันมีชื่อเขาเขียนอยู่หน้าเอกสารซะอย่างนั้น
“แต่นี่ผมไม่ได้เป็นคนทำนะครับ”
“อย่าแก้ตัวสิคุณมิน! งานห่วยๆ อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน”
หัวหน้าแผนกการเงินโยนปึกเอกสารใส่ยุนกิ แผ่นกระดาษปลิวว่อนกระจายเต็มพื้น แต่ยุนกิก็แค่ก้มลงเก็บเอกสารพวกนั้น ไม่เถียงต่อ ไม่ปฏิเสธ แค่เงียบฟังถ้อยคำที่บั่นทอนจิตใจไปเรื่อยๆ คำต่อว่าร้ายแรงเกินกว่าเหตุ จนทุกคนต้องเบือนหน้าหนี หัวหน้าแผนกการเงินก็ปากร้ายอย่างนี้อยู่แล้ว หัวหน้าพัคก็ได้แต่อึกอักไม่รู้จะช่วยยังไง ถึงจะรู้ว่ายุนกิไม่ได้ทำ แต่มีใครสักคนที่ทำงานนี้แล้วเขียนชื่อยุนกิลงไปเพื่อให้งานผ่านมากกว่า พอโดนตีกลับ ยุนกิเลยซวยไป
จู่ๆ คนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นก็ปรากฏตัว คุณจอนเดินเข้ามาแย่งกระดาษในมือยุนกิไปดู ทั้งที่กลับไปตั้งแต่ตอนเลิกงานเมื่อเย็นแล้ว
“คะ.คุณจอน” ถึงจะอายุมากกว่า แต่จองกุกมีตำแหน่งสูงกว่า ทั้งยังเป็นคนสำคัญของบริษัท หัวหน้าแผนกการเงินจึงเกรงใจมาก เห็นสีหน้าบึ้งตึงแบบที่ไม่เคยเห็นจากผู้บริหารหนุ่มมาก่อนยิ่งหน้าซีด
“งานนี้...ไม่ใช่ของคุณลีแผนกขาย 1 หรอกเหรอครับ” สายตาทุกคู่มองไปยังคุณลีที่ว่าที่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนมายิ้มแหะๆ สารภาพผิดเสียงอ่อย “ของผมเองครับ”
ส่วนหัวหน้าแผนกการเงินจะเดินไปต่อว่าคุณลียังไง ยุนกิไม่มีโอกาสได้รับรู้ เพราะถูกคุณจอนลากออกมาที่ดาดฟ้าตั้งแต่พูดจบ ยุนกิไม่กล้าพูดอะไรเลย เพราะคุณจอนดูโกรธมาก มือที่จับแขนเขาก็บีบแน่นจนเจ็บ
“จะยอมโดนด่าขนาดนี้ทำไม งานก็ไม่ใช่ของคุณด้วยซ้ำ!”
“คุณจอนไม่เข้าใจหรอกครับ” พอเจ้านายหนุ่มขึ้นเสียงใส่ ยุนกิก็เถียงกลับ ไม่ยอมถูกดุฝ่ายเดียว ต่างคนต่างเงียบด้วยก้อนอารมณ์ที่ยังกรุ่นอยู่ในใจ
“คุณน่ะ ไม่อยากถูกเกลียดใช่ไหม” คำถามจี้ใจดำทำยุนกิยิ้มเจื่อน ไม่นึกว่าจะมีคนดูออก
ใช่...มินยุนกิไม่อยากถูกเกลียด เขาอยากเป็นที่รัก มันเริ่มจากการที่เขาแค่อยากทำตัวให้ถูกใจทุกคน จะเหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเขากลัวการไม่ถูกรักเลยมากกว่า
ฉายา ‘แมวเก้าชีวิต’ ที่เพื่อนร่วมงานตั้งให้ ยุนกิก็ภูมิใจกับมันนะ ถึงมันจะกลายเป็นว่าหลังๆ ทุกคนโยนทุกอย่างมาให้เขา เพราะหวังว่าเขาจะทำได้ และยุนกิก็ไม่กล้าปฏิเสธ ทุกคนเห็นแต่ตอนที่งานสำเร็จ ไม่ได้รู้เลยว่าระหว่างนั้นต้องเจอกับอะไรบ้าง
“ก็อย่างที่คุณจอนเห็นนั่นแหละครับ”
ยุนกิพูดจบแล้วก็เดินหนีจะกลับเข้าไปในตึก แต่กลับพบว่าประตูล็อก คงเป็นแม่บ้านที่ไม่ทันเห็นว่าพวกเขาออกมาเลยล็อกตามเวลาปิดของบริษัท พอจะหามือถือโทรหาให้คนมาเปิดก็กลายเป็นว่าเขาทิ้งกระเป๋าไว้ที่โต๊ะทำงานไม่ได้หยิบอะไรมาเลย
“คุณจอนได้เอามือถือมาไหมครับ” จองกุกล้วงกระเป๋าจะหา แต่เพิ่งนึกได้ว่าลืมไว้ที่รถ ตอนแรกเขาแค่ตั้งใจจะมาเอาเอกสารที่ลืมไว้เท่านั้น แต่ดันเข้ามาเจอตอนที่หัวหน้าแผนกการเงินเอารายงานโยนใส่ยุนกิพอดี
จองกุกไม่รู้เลยว่าตัวเองจะโมโหได้ขนาดนั้น อาจเพราะเพิ่งปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างจนเข้าใจ เขาเห็นเหตุการณ์หมดทั้งตอนที่ยุนกิถูกสาดน้ำใส่ และตอนที่ทุกคนชื่นชมโดยไม่รับรู้เรื่องราวเบื้องหลัง
“คงต้องอยู่นี่แล้วล่ะ” จองกุกทำใจรับความจริงได้เร็วกว่า ในสภาพที่ไม่มีมือถือกันทั้งคู่ แล้วทางออกก็มีแค่ทางเดียว จะชะโงกออกจากตัวตึกเรียกให้ใครช่วยจากชั้นสิบห้าก็ดูจะงี่เง่าไปหน่อย
เห็นเจ้านายหนุ่มนั่งลง ยุนกิก็ทำตาม แต่เว้นระยะห่างออกมาหน่อย ไม่มีใครปริปากอะไรสักคำ แค่นั่งเงียบๆ ให้เวลาผ่านไป โชคดีที่ไม่ใช่ฤดูหนาว แต่อากาศก็เย็นพอสมควร
“มานี่สิ” จองกุกเรียกพร้อมกับถอดสูทของตัวเองออกมาเป็นผ้าห่ม ยุนกิลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินไปนั่งใกล้ๆ ไออุ่นของคนข้างตัวรวมกับสูทที่ห่มคนสองคนได้พอดีคงจะพอช่วยให้ผ่านคืนนี้ไปอย่างไม่ย่ำแย่นัก
จากที่เงียบใส่กันด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แต่แล้วยุนกิก็กลายเป็นฝ่ายชวนเจ้านายหนุ่มคุยซะเอง เรื่องนู้นเรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาคุยฆ่าเวลาไม่ให้น่าเบื่อ แล้วในที่สุดก็วนมาถึงเรื่องที่ยุนกิอยากรู้ที่สุด
“ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ”
เขาไม่ได้ถามในฐานะคุณมินแผนกขาย 2 หรือเลขา แต่ขอร้องในฐานะ ‘มินยุนกิ’ สายตาของเขาบอกแบบนั้น และเขารู้ว่าคุณจอนจะเข้าใจ
“ไม่ได้หรอก ยุนกิ” คนฟังไม่ทันได้สังเกตเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกชื่อ ไม่ใช่เรียกแต่นามสกุล “บอกให้คุณรู้แค่คนเดียวนะ ผมไม่ได้ย้ายไปทำงานที่อื่นหรอก แต่นั่นเป็นบริษัทที่ผมก่อตั้งขึ้นมาเอง”
“บริษัทของคุณเอง? มิน่าล่ะ อะไรก็เปลี่ยนใจคุณไม่ได้” ยุนกิเข้าใจดี ถึงจะรับข้อเสนอของบริษัทไป อาจจะมีเงินมากขึ้น ทำงานน้อยลง แต่สุดท้ายก็จะมีสภาพเป็นแค่ลูกจ้างไม่ต่างอะไรจากเขา ไม่ว่าจะทำผลงานดีเด่นแค่ไหน ทั้งหมดก็เป็นของบริษัทอยู่ดี ถ้ามีบริษัทเป็นของตัวเองได้ ใครกันจะไม่อยากมี
...
“หนาว”
จองกุกรู้สึกตัวเพราะเสียงละเมอที่ข้างหู พอตื่นมาถึงได้เห็นว่ายุนกิซุกตัวเข้าหา เกยคางอยู่ตรงไหล่ เขายิ้มขำๆ พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ตอนนี้ตีสองกว่าแล้ว อีกสักสามชั่วโมงแม่บ้านคงมาเปิดให้
“คุณจอน ผมหนาว”
จองกุกแทบกลั้นหายใจตอนที่อีกฝ่ายเบียดตัวเข้าหา สัมผัสอุ่นนุ่มนิ่มจากผิวขาวละเอียดที่บดเบียดเข้าหาทำสติแตกกระเจิง จองกุกรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า ข่มใจนับหนึ่งถึงสิบประมาณล้านรอบ แต่ทำยังไงก็หลับไม่ลงจนถึงเช้า
พอแม่บ้านมาเปิดให้ จองกุกรีบลุกก่อนยุนกิจะรู้ตัวว่ากอดเจ้านายตัวเองไว้ทั้งคืน ทั้งสองคนลางานในวันนั้น และแยกย้ายกันกลับบ้าน เช้าวันนี้ถนนโล่งพอให้ยุนกิกลับถึงห้องได้เร็วกว่าทุกครั้ง พออาบน้ำเสร็จก็รีบนอน ถึงจะได้งีบหลับมาบ้างแล้ว แต่ยังไงก็ไม่เต็มอิ่มเหมือนได้นอนที่เตียง แต่หัวเพิ่งถึงหมอน หลับตาลงได้ไม่ถึงห้านาที เสียงมือถือก็ดังขึ้น พอทำไม่สนใจ ปลายสายก็ยิ่งโทรรัวๆ จนน่ารำคาญ ยุนกิรับสายจากซอกจินด้วยความหงุดหงิดสุดขีด เขาลางานแล้วจะโทรมาทำไมอีก!
“เดี๋ยวยุนกิ อย่าเพิ่งด่า งานนี้ด่วนจริงๆ อีกห้านาทีฉันจะไปรับ แต่งตัวออกมารอเลย!” พูดจบก็วางสายไม่ให้ยุนกิถามอะไร นอกจากทำตามที่สั่ง ด้วยความง่วงยุนกิก็หยิบแค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นมาใส่พอให้ไปเจอหน้าผู้คนได้เท่านั้น
ห้านาทีไม่ขาดไม่เกินซอกจินก็มาถึง พอขึ้นรถปั๊บเพื่อนสนิทก็ร่ายยาว ยุนกิฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่มาสะดุดตื่นเต็มตาตรงที่ว่ามันเป็นงานด่วนระดับประเทศ เอกสารของบริษัทที่ควรจะถึงมือท่านรัฐมนตรีตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ถึง ประเด็นต่อมาคือมันยังไม่เสร็จ แล้วไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นงานใคร แต่ถ้าเอกสารไม่ถึงมือท่านรัฐมนตรีก่อนเก้าโมง บอกเลยชื่อเสียงบริษัทล่มจมแบบกู่ไม่กลับ ต่อให้คุณจอนยังไม่ลาออก หุ้นได้ร่วงกราวชนิดให้ฟรียังไม่ค่อยมีใครอยากเอา อย่าให้พูดถึงผลกระทบหลังจากนั้น จะโดนไล่ออกหมดแผนกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้... ไม่แปลกเลยที่ซอกจินต้องถ่อมารับถึงห้องตั้งแต่ยังไม่หกโมง
“ข้อมูลน่ะหัวหน้าพัคจัดการแล้ว คงเสร็จก่อนเก้าโมงพอดี ประเด็นอยู่ที่ลายเซ็นรับรอง...” ยุนกิแทบอยากจะแกล้งตายเดี๋ยวนี้ ปกติลายเซ็นพวกนี้กว่าจะผ่านหัวหน้า กว่าจะไปถึงผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แล้วนี่อะไร มีเวลาให้ไม่ถึงสามชั่วโมงดี บ้าไปแล้ว!!
ไม่อยากจะเล่าเลยว่ายุนกิไปขอพบผู้บริหารแต่ละคนในสภาพที่ -แค่พอออกไปเจอผู้คนได้- แต่คนที่ไปพบก็มีสภาพไม่ต่างกันนักหรอก เหลือคนสุดท้ายเป็นคุณจอนที่ยุนกิยังไม่ค่อยกล้าเจอหน้าเท่าไร เมื่อคืนพอจะรู้ตัวอยู่ว่า... เอาเป็นว่ามันน่าอาย ถึงจะทำไปโดยไม่รู้ตัวก็เถอะ แต่อย่าให้พูดถึงอีกเลย
ซอกจินโทรบอกคุณจอนล่วงหน้าอยู่แล้ว ยุนกิจึงไม่ต้องขึ้นไปถึงห้อง แค่นั่งรอที่ฟร้อนท์รอคุณจอนลงมาหา และ...โอเคยุนกิรู้ว่ามันโคตรไม่ใช่เวลา แต่อยากจะบอกว่าคุณจอนในชุดนอนนี่ดูดีมาก ดูดีกว่าคนที่แต่งชุด -แค่ออกไปพบเจอผู้คนได้- อย่างเขาซะอีก อย่า...อย่าหวังว่ายุนกิจะรอให้คุณจอนพูดอะไร ได้ลายเซ็นปั๊บก็รีบเผ่นเลยอาศัยความรีบเป็นตัวช่วย
...
เก้าโมงสิบนาที เลทกว่าที่นัดกับท่านรัฐมนตรีนิดหน่อย แต่เอกสารก็ถึงมือเลขาของท่านด้วยดี และแผนกขาย 2 ที่มีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ก็ลางานกลับบ้านกันทั้งแผนก แล้วคุณซอกจินก็แสนดี อุตส่าห์พาเพื่อนมาส่ง
...จริงๆ คือโดนบังคับ เพราะยุนกิหยิบมาแค่มือถือ กระเป๋าตังค์อะไรไม่ได้เอามาสักอย่าง พอถึงห้องกะว่าจะได้นอนสักที ประตูก็ดันเสียเปิดไม่ออก ลุงยามหนึ่งเดียวของอพาร์ทเมนต์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องโทรตามช่างซึ่งกว่าจะมาได้ก็ช่วงเย็น แล้วคือยุนกิเหนื่อยมาก ง่วงมาก โทรปรึกษาซอกจินจะขอไปนอนด้วย แฟนคุณคิมก็ดันอยู่ด้วยพอดี ยุนกิฟังแล้วปวดตับมาก ทำใจว่าคงต้องนอนหน้าห้องรอให้ช่างมาซ่อมจริงๆ แต่ซอกจินเสนอทางออกให้ใหม่ด้วยการให้ไปนอนห้องคุณจอนไปก่อน
…
คิม! ซอก! จิน!
อยากถามใช้สมองส่วนไหนคิดให้เขาไปนอนห้องเจ้านาย แต่บ่นเพื่อนไปอย่างนั้น ตอนนี้ยุนกิก็อยู่บนรถที่วนกลับมารับแถมมาส่งหน้าคอนโดของคุณจอนเรียบร้อย ส่งเสร็จมันก็รีบออกรถหนีไม่ให้เขาเปลี่ยนใจเลย แล้วคือพอคนที่ฟร้อนท์เห็นก็นึกว่าเขาคงมาพบคุณจอนอีกเลยปล่อยให้เข้ามาทั้งที่ไม่มีคีย์การ์ด แถมบอกให้ขึ้นไปที่ห้องได้เลย เพราะคุณจอนสั่งไว้ ยุนกิรู้ว่าที่คุณจอนสั่งไม่ได้รวมครั้งนี้แน่ แต่ตอนนี้ยุนกิง่วงมาก ตื่นมาแล้วโดนคุณจอนด่า ค่อยว่ากันอีกที
กลับมาที่ห้องหรูห้องเดิม อย่าถามว่าเข้ามาได้ยังไง ยุนกิจำรหัสเปิดประตูตอนมาคราวที่แล้วได้น่า แต่สภาพในห้องตอนนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก ข้าวของหลายอย่างถูกเก็บคลุมด้วยพลาสติกใส เตรียมขนย้ายหรือกันฝุ่นยุนกิก็ไม่แน่ใจ เห็นแล้วใจหายยังไงชอบกล
ยุนกิเดินรอบๆ แล้วก็ไม่รู้จะเอาตัวไปวางไว้ตรงไหนของห้อง เพียงแห่งเดียวที่ของยังไม่ถูกจัดเก็บคือห้องนอน ยุนกิทำใจกล้าเดินเข้าไป คุณจอนก็หลับสนิทอยู่บนเตียงนั่นแหละ ยุนกิค่อนข้างแน่ใจว่า...เมื่อคืนเขาคงทำคุณจอนรำคาญจนนอนไม่หลับ
จริงๆ จะนอนพื้นก็ได้ แต่คือแอร์ห้องคุณจอนเย็นมากไง ยุนกิอยากได้หมอน อยากได้ผ้าห่มก็ไม่รู้จะเอาจากไหน เตียงใหญ่ของคุณจอนก็ยังเหลือที่ให้นอนนะ มีผ้าห่มด้วย หมอนด้วย หน้าด้านมาถึงห้องเจ้านายแล้ว จะหน้าด้านกว่านี้ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไหนๆ ก็ต้องโดนด่าอยู่แล้ว ขอนอนให้สบายหน่อยแล้วกัน แต่ก็กลัวคุณจอนตื่นมาแล้วจะตกใจ เขียนโพสต์อิทแปะไว้หน่อย แถมแปะหน้าผากตัวเองด้วย ตื่นมาคุณจอนจะได้เห็นเลย
หลายชั่วโมงหลังจากนั้น จองกุกก็ตื่น ถามว่าตกใจไหมที่ลืมตามาเจอเจ้าแมวตัวนุ่มนิ่มยึดพื้นที่เตียงเขาไปครึ่งหนึ่ง นึกว่าฝันไปซะอีก หยิบเอาโพสต์อิทที่แปะอยู่บนหน้าผากมาอ่าน ถ้อยคำที่แม้เขียนเป็นตัวอักษรก็ยังจินตนาการเป็นเสียงน่าฟังๆ ของเจ้าตัวได้นี่ จองกุกคิดว่าตัวเองก็อาการหนักอยู่เหมือนกัน พอหยิบมือถือก็เห็นข้อความที่ซอกจินส่งมาอธิบายยืดยาวเหมือนจะรู้ว่าเจ้าแมวขโมยที่อุกอาจบุกเข้าห้องเจ้านายคงไม่ได้บอกเหตุผลให้เข้าใจ จองกุกเอาแขนเท้าหมอนมองหน้ายุนกิ ตอนแรกที่จะไป...จองกุกไม่เสียดายอะไรเลย แต่ตอนนี้เขาเสียดายแล้ว เสียดายมากๆ ด้วย
จองกุกมองเพลินไม่รู้เลยว่าดวงตาใสคู่นั้นลืมตามาจ้องมองเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ยุนกิยังดูสะลึมสะลือไม่ตื่นดี บางทีคงนึกว่าตัวเองอยู่ในฝันซะด้วยซ้ำ ดูจากรอยยิ้มเขินๆ กับเสียงหัวเราะคิกคักนั่นสิ
“ยุนกิ อยากไปด้วยกันไหม”
“ไปไหนครับ แอลเอกับคุณจอนเหรอ?” พออีกคนพยักหน้า ยุนกิก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย “ไม่ไปหรอกครับ มีเงินที่ไหน นอกจากคุณอยากจะเลี้ยงแมวสักตัว”
“ผมไม่ชอบแมวนี่”
“นี่ความฝันผมนะครับ ตามใจผมหน่อยสิ” พูดจบก็เบียดตัวซุกเข้าไออุ่นหน้าตาเฉย จองกุกกลั้นขำแทบแย่ที่ยุนกิคิดว่านี่เป็นความฝันจริงๆ
“คุณจอนไม่รู้หรอก เป็นแมวสบายออก กินๆ นอนๆ ไม่ต้องพยายามทำให้คนรักด้วย ดีจะตาย ผมอิจฉาแมวจะแย่ แต่ผมก็ไม่ใช่แมวอยู่ดี” เสียงพูดกลายเป็นแค่เสียงพึมพำเล็กๆ ก่อนจะหลับไป คิดจะหลับก็หลับ ทั้งขี้อ้อน เอาแต่ใจขนาดนี้ยังมาบอกว่าตัวเองไม่ใช่แมวอีก ให้ตายสิ มาทำแบบนี้ แล้วเขาจะทิ้งไปได้ยังไง
เอาล่ะ ถึงจะไม่ชอบแมว แต่จองกุกตัดสินใจแล้ว
...จะลองเลี้ยงแมวดูสักที
Day 30
สิ้นเดือน ทั้งที่เงินเดือนออกวันนี้แต่ยุนกิกลับไม่ดีใจเหมือนทุกครั้ง เขานั่งทำงานด้วยอารมณ์ห่อเหี่ยวตลอดวัน หลังจากบุกไป(ขอ)นอนห้องคุณจอนวันนั้นแล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เพราะคุณจอนเคลียร์งานเสร็จหมดแล้ว ก็เลยไม่เข้าบริษัทอีก ยุนกิไม่โดนดุด้วยล่ะที่เข้าห้องคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ยกความดีความชอบให้คิมซอกจินที่ช่วยอธิบายไปแล้วกัน
“สวัสดีค่ะ คุณจอน” ชื่อของใครบางคนที่ดังแว่วมาทำยุนกิหูผึ่ง แอบฟังที่พนักงานสาวในแผนกทักเลยรู้ว่าคุณจอนมาเก็บของที่เหลือ พอคุณจอนเดินมา ยุนกิเลยเข้าไปช่วยเก็บด้วย ทั้งที่ของที่เหลือมันไม่มีอะไรมากเลย แถมเก็บไปใจลอยไป จนคุณจอนบอกให้ยืนรออยู่เฉยๆ
“คุณมินเซ็นตรงนี้หน่อย” คุณจอนให้เซ็นอะไรสักอย่างยุนกิไม่ทันฟัง บอกให้เซ็นก็เซ็นไป ไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคุณจอนด้วย
“หันหลังสิ มีของขวัญจะให้” ยุนกิก็หันหลังให้ง่ายๆ คงเป็นสร้อยคออะไรสักอย่าง อาจจะเป็นที่ระลึกก่อนจากกันละมั้ง คิดแล้วก็ยิ่งใจหาย แต่พอคุณจอนจับเขาให้หันหน้ากลับมา ยุนกิได้เห็นยิ้มร้ายของคุณจอนเต็มๆ ที่สำคัญ...ทำไมได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งที่คอตัวเองด้วยนะ พอคุณจอนชี้ให้เขาหันไปทางกระจกเท่านั้นแหละ
ชัดเลย!
นี่มันปลอกคอแมว!
ยุนกิเกือบจะหันมาข่วนแล้วถ้าคุณจอนไม่เอาเอกสารที่เพิ่งเซ็นไปชูให้ดู ยุนกิช็อกจนได้แต่ทำปากพะงาบๆ พูดไม่ออก นั่นมันใบลาออกนี่!! แล้วคุณจอนก็เซ็นอนุมัติให้เฉยเลย
“คุณจอนนนนนนนน”
“ไปเก็บของได้แล้ว เครื่องออกมะรืนนี้นะ ต้องรีบแล้วล่ะ”
เครื่องออก? มะรืนนี้? อะไร!?
คุณจอนพูดอะไร ยุนกิไม่เข้าใจเลยยยยย
“จะเป็นแมวให้เลี้ยงไม่ใช่เหรอ นี่ยอมเลี้ยงแล้วไง ไปกันเถอะ”
ฮะ…
หรือว่านั่นไม่ใช่ความฝัน!!?
มินยุนกิขอใช้สิทธิ์เก้าชีวิตที่มีระเบิดตัวตายตอนนี้เลยได้ไหม!
3 Years later
เช้าอันแสนวุ่นวายในมหานครลอสแอนเจลิสก็เหมือนทุกๆ วัน เสียงกรุ๊งกริ๊ง ของกระพรวนแมวแว่วมาให้ได้ยิน ก่อนจะตามด้วยอะไรหนักๆ ที่โดดมาทับหน้าอก ริมฝีปากสัมผัสได้กับอะไรที่ทั้งนุ่มจนยากจะปล่อยไป จนโดนอุ้งมือเล็กตีเบาๆ ที่ไหล่นั่นแหละ ถึงยอมลืมตาได้สักที
“จองกุกตื่นได้แล้ว เดี๋ยวไปทำงานสายหรอก” คนขี้เซาขโมยจุ๊บลูกแมวไปอีกที ก่อนจะไปอาบน้ำ ทิ้งยุนกินั่งหน้าแดงแจ๋อยู่บนเตียงเหมือนทุกเช้า เป็นคนปลุกเองแท้ๆ แต่ก็มานั่งเขินเองทุกที
‘คุณจอน’ ของยุนกิกลายเป็น ‘จองกุก’ ได้สามปีแล้ว ความสัมพันธ์พัฒนาไปไกลแค่ไหนอย่าให้ต้องอธิบาย พอหายเขิน ยุนกิก็รีบไปเตรียมอาหารเช้า รอนั่งทานด้วยกันเหมือนทุกวัน ทั้งที่เป็นอาหารเช้าธรรมดาๆ แบบที่ยุนกิพอจะทำได้ -ให้คนอื่นกินแบบไม่ขายหน้า- แต่จองกุกก็ชมว่าอร่อยแถมทานหมดตลอดเลย
“ลืมอะไรหรือเปล่าครับ ยุนกิ” ได้ยินแบบนั้นอีกคนก็รีบวิ่งมาหา น่ารักจนอยากจับฟัดอีกสักสองสามที แต่ถ้าทำคงไม่ต้องไปทำงานกันพอดี กลับมาคืนนี้ค่อยทบต้นทบดอกกันอีกทีแล้วกัน
“กลับมาเร็วๆ นะ”
ส่งคุณแฟนไปทำงานเรียบร้อย ยุนกิก็เริ่มจัดการกับจานชามมื้อเช้า จริงๆ จองกุกบอกว่าจะจ้างแม่บ้าน แต่ยุนกิไม่ยอม แค่นี้วันๆ ก็แทบไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว กินๆ นอนๆ จะเป็นแมวยักษ์อยู่แล้ว เดี๋ยวไม่น่ารักแล้ว จองกุกเอาไปปล่อยจะทำยังไง! ขอฟ้องเลยว่า ตอนพูดเรื่องนี้คุณแฟนหัวเราะแทบตาย ในขณะที่ยุนกิคิดมากจะแย่ พอเห็นเขางอแง จองกุกก็ลูบหัวเกาคอแบบที่ชอบทำ แล้วเกี่ยวก้อยสัญญาบอกว่าจะรับผิดชอบเลี้ยงแมวตัวนี้ไปตลอดชีวิตเลย
งานของยุนกิเลยมีแค่เป็นนาฬิกาปลุก (ยกเว้นวันที่ตื่นไม่ไหว) ทำอาหารเช้า ส่งคุณแฟนไปทำงาน หลังจากนั้นก็อาจจะเอนหลังนอนอ่านหนังสือดีๆ สักเล่มรับลมที่ระเบียง พูดถึงห้องหนังสือแล้วยุนกิอยากเล่าให้ฟังมาก พอจองกุกรู้ว่าเขาชอบ เลยเปลี่ยนห้องว่างๆ ให้กลายเป็นห้องหนังสือสำหรับยุนกิคนเดียว อยากอ่านอะไรก็กดสั่งในเว็บ เดี๋ยวก็มีคนมาส่งถึงที่ แล้วยุนกิก็ชอบดูหนัง ห้องนั่งเล่นเลยมีจอแอลอีดีขนาดใหญ่มากพร้อมกับโฮมเธียเตอร์ครบชุด แต่เขาไม่ค่อยดูคนเดียวหรอก อยากรอดูกับจองกุกมากกว่า
อ่ะๆ ไม่อยากอวด ข้างห้องหนังสือเป็นห้องทำงานของจองกุก แต่ในนั้นจะมีมุมคอมพิวเตอร์ของยุนกิโดยเฉพาะล่ะ ยุนกิก็เอาไว้เล่นเกม หาข้อมูลที่เที่ยว หรือร้านอาหารน่าสนใจในอินเตอร์เน็ต ไม่อยากจะเล่าต่อให้อิจฉาเลย ทุกวันนี้ยุนกิก็อิจฉาตัวเองมากพออยู่แล้ว
ชีวิตที่ไม่ต้องทำอะไรสักอย่างเลยนี่ มันชีวิตในฝันชัดๆ มีความสุขจะแย่ ช่วงแรกๆ ยุนกิก็เกรงใจนะ ก็คุณจอน เอ้ยยยยยยย จองกุกไม่ยอมให้ทำอะไรเลย จองกุกอยากให้ยุนกิสบาย ‘แมวตัวเดียวเลี้ยงได้ไม่มีปัญหา’ ได้ยินแบบนั้น ยุนกิก็ไม่อยากขัดอีก จองกุกงอนแล้วง้อยากจะตาย ต้องให้อ้อนจนลุกไม่ขึ้นทุกทีถึงจะหายงอน
เอาละ ถึงจะผิดแผนไปหน่อย ที่นอกจากจะไม่ตกเป็นทาสแมวแล้ว ยุนกิยังโดนใส่ปลอกคอมีเจ้าของเฉยเลย แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่ต่างกันเท่าไร
...ก็โอเคแหละนะ
ความคิดเห็น