ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วีระบุรุษสยบมารสะท้านภพ

    ลำดับตอนที่ #3 : ความหลังที่แสนลำเค็ญ2

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 49


    วิกาลยังเป็นเช่นเดิม

    ที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่ยามวิกาล

    แต่เป็นบรรยากาศ

    บรรยากาศที่ถูกย้อมด้วยรังสีอำมหิต!

    เสียงอาวุธกระทบกันผนวกกับเสียงแผดร้อง เสียงตวาด

    กอปรเป็นภาพความอำมหิตของมวลมนุษย์ฉากหนึ่ง

    เหล่านักบู๊ทั้งสิบห้าคนของเล่าออ้วนวั่ว  ตอนนี้เหลือเพียงเจ็ดคนเท่านั้น 

    ในคนทั้งเจ็ดมีอยู่สี่คนที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว

    ฝ่ายโจรเหลือเพียงยี่สิบคนเท่านั้นที่ยังครบสามสิบสองประการ นอกนั้นบ้างบาดเจ็บบ้างล้มตาย

    การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป  สันดานดิบของมนุษย์ถูกดึงออกมาแล้ว

    ต่างฝ่ายต่างเป็นบ้าแล้ว บ้าเลือด!

    ความอำมหิตแผ่คุกคามทั่วบริเวณ

    เฮี้ยงจ้งก้วงกวาดตามองรอบๆการต่อสู้ด้วยความเจ็บปวดใจ

    ถึงตอนนี้ท่านต้องยอมรับแล้ว ความหวังในการรอดชีวิตมีศูนย์ส่วนเท่านั้น

    แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นท่านยังคงเงียบสงบ

    มีแต่ความเงียบสงบเท่านั้นที่แก้ไขสถานการณ์ได้ ต่อให้ท่านทราบกระวนกระวายไปก็เปล่าประโยชน์

    มีแต่เพิ่มความบ้าให้ท่านเท่านั้น

    กลิ่นไอแห่งความตายผสานกลิ่นอายโลหิต

    เพลิงอำมหิตได้เผาผลาญจิตใจแล้ว

    จิตใจของไต้อ๋องโจรเป็นเช่นนี้  เนื่องเพราะมันต้องทนดูผู้ตามก้นมันล้มลงทีละคนๆ

    ต่อให้เป็นคนใจหินย่อมมีความรู้สึก อย่างน้อยตอนนี้มันรู้สึกแล้ว

    มันรู้สึกเดือดดาล รู้สึกอับอายที่ผู้ติดตามมันเป็นสัดใส่ข้าว

    มันได้คิดมันต้องลงมือแล้ว เนื่องเพราะวิกาลยาวนานความฝันมาก!

    เฮี้ยงจงก้วงก็ได้คิดเช่นกันจากการสังเกตจากดวงตาคู่นั้น ท่านทราบมันต้องลงมือแล้ว

    ท่านตัดสินใจแล้วท่านไม่หวังรอดชีวิต  ขอเพียงชีวิตเจ้านายท่านปลอดภัยก็พอแล้ว

    น้ำใจท่านชั่งน่านับถือนัก

    คนเช่นนี้ในโลกยังหลงเหลือหรือไม่

    หรือมีเพียงแค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้น

    เสียงชักกระบี่ดังสะท้อนแปดทิศ  กระบี่ของเฮี่ยงจงก้วงหลุดจากฝักแล้ว
     ท่วงท่าการชักกระบี่ของท่านรวดเร็วยิ่ง

    รวดเร็วราวประกายสายฟ้าสายหนึ่ง รับร่างที่พุ่งทะยานกายเข้ามาของไต้อ๋องโจรได้พอดิบพอดี!

    เสียงทึบเมื่อกระบี่กระทบถูกแส้เส้นหนึ่ง

    แส้ของไต้อ๋องโจร!

    ท่วงท่าการชักแส้ของไต้อ๋องโจรกลับรวดเร็วยิ่งกว่า!

    เอี้ยงจงก้วงท่านทราบกระบวนท่านี้คงไม่เป็นผล 
    พออาวุธสัมผัสท่านรีบเปลี่ยนกระบวนท่าทันที

    ด้วยกระบวนท่า พิรุณพร่างฟ้าแปดทิศ

    ฝนกระบี่แผ่ครอบคลุมร่างไต้อ๋องโจรดั่งสายฟ้าแลบ

    เสียงอาวุธกระทบกันดังถี่ยิบ ฝนกระบี่กระทบถูกวัตถุทรงงกลมอันหนึ่ง 
    นั่นคือกระบวนท่ากงล้อแส้ที่เลอเลิศในอดีตกาล

    ผลจากการปะทะ

    เฮี้ยงจงก้วงรู้สึกแน่นหน้าอกพร้อมกับมีพลังชนิดหนึ่งถ่ายเทผ่านกระบี่ท่าน
    ไหลเวียนผ่านไปตามชีพจรน้อยใหญ่

    ความรู้สึกชาด้านตามจุดต่างๆ  พร้อมๆกับการเจ็บแปลบที่ไหล่ซ้าย
    จากนั้นสติก็ดับวูบลง

    โลกเบื้องหน้าไม่ใช่โลกที่ท่านคุ้นเคยอีกแล้ว

    เนื่องเพราะรอบๆข้างคือความมืดและเปลี่ยวเหงา!

    หรือท่านจะทิ้งความหวังสุดท้ายของท่านไว้แค่นี้?

    การต่อสู้รอบด้านใกล้จะจบแล้ว

    ไต้อ๋องโจรพุ่งทะยานกายไปข้างหน้ามันไม่ยอมเสียเวลาดูผลงานมันแม้แต่น้อย

    เนื่องเพราะสิ่งที่มันหวังอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว

    เล่าอ้วนวั่วแม้ท่านจะเห็นจงก้วงท่านล้มลง และพญามัจจุราจอยู่ห่างแค่สองเซียะเท่านั้น

    ถึงกระนั้นท่านยังยืดอกเชิดหน้ารอรับความตายเพื่อปกป้องภรรยาและบุตรีท่าน ท่านทราบ

    ท่านสู้มันไม่ได้   แต่นี่คือหน้าที่ของบุรุษเพศที่ต้องปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า
    อย่าว่าแต่นี่คือภรรยาและบุตรีท่าน

    "เฮอะๆ น่านับถือ น่านับถือ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด 
    ยังบังอาจมาท้าทายความตายต่อหน้าเรา  เฮอะๆๆนับว่าเป็นพระดินจริงๆ
    "
    ไต้อ๋องโจรกล่าววาจาแดกดัน

    "หุบปาก ! เจ้าจะทำอะไรเล่าฮู้ก็เชิญ  เฮอะ รับรองเราไม่ขวัญมุสิกเยี่ยงเจ้าแน่"
    ล่าอ้วนวั่วกล่าวด้วยความโกรธ

    ไต้อ๋องโจรสวนกลับทันที

    "เราหรือขวัญมุสิก ผู้ใดมีขวัญมุสิกกันแน่เดี่ยวก็รู้  ตอนนี้เราจะให้ท่านเห็นฮูหยินท่านตายตำตา เฮอะ ดูซิท่านจะมีขวัญมุสิกมอบม้วนภาพให้บิดาหรือไม่"
    กล่าวจบฟาดฝ่ามือไปที่เล่าฮูหยินทันที ฝ่ามือปะทะหน้าอกอย่างเหมาะเจาะ  ทันทีที่ฝ่ามือสัมผัส  ความรู้สึกที่ไต้อ๋องโจรได้รับไม่ใช่ความอ่อนนุ่มของหน้าอกสตรี แต่เป็นความแข็งแกร่งของบุรุษ!

    สายลมพัดผ่านรูขุมขน  แต่ความรู้สึกได้ชาด้านแล้ว
     ในจิตใจของเล่าฮูหยินมีเพียงความเศร้าเท่านั้น

    ความเศร้าที่สามารถหยุดกาลเวลาได้  
    สายตาของนางผนึกค้างที่ร่างอันไร้วิญญาณของสามีคู่ทุกข์คู่ยากเท่านั้น

    แม้นางได้เตรียมใจแล้ว  แต่มันกลับทำใจไม่ได้
    ความรู้สึกโดดเดี่ยวเริ่มเกาะกุมหัวใจนาง
    น้ำตาแห่งความเจ็บปวด
    รินไหลท่วมดวงใจนาง 
    นางรู้สึกสับสน ไม่มีสิ่งใดเป็นของนางอีกแล้ว
    นางอยากส่งเสียงร่ำไห้ดังๆ  แต่แค้นที่เสียงไม่ยอมทำตามคำสั่ง 
    นางอยากตายตามสามีนาง แต่พอสายตานางเหลือบมองดูบุตรีที่อ้อมอก 
    ความรู้สึกแห่งมารดาได้เข้ามาแทนที่ความรู้สึกเมื่อครู่ 
    นางปรารถนาให้บุตรีนางรอด  แต่น่าเสียดายที่นางไม่มีโอกาสแล้ว
    นางรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างแรงลมหายใจเริ่มขาดห้วง   สุดท้ายก็หยุดลง 
    แม้นางจะไม่ตื่นขึ้นมาตลอดกาลนาน
    แต่ความรู้สึกห่วงใยต่อบุตรีนางจะมีเช่นนี้ชั่วกาลนาน......

    "เปรี้ยง เปรี้ยง" เสียงสายฟ้าฟาดดังก้องออกมาจากโพ้นขอบฟ้าช่วยเรียกสติของ
    จ้อเทียนฮ้ง(เล่าจ้อ) กลับคืนมา  นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่ภาพความหลังหวนกลับ
    คืนมา มันแค้นตนเองที่ไม่มีความสามารถเพียงพอ  หลังจากเหตุการณ์นั้นมันมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ไว้แล้ว  นั่นคือเป็นวีรบุรุษ  นี่เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของบุรุษเยาว์วัยทุกคน  โดยเฉพาะฝ่ายธรรมะ  วีรบุรุษก็คือวีรบุรุษ

    วีรบุรุษไม่ใช่อดีตของมันแต่เป็นปัจจุบันของมัน  วีรบุรุษไม่สามารถพ่ายแพ้ได้ 
    วีรบุรุษไม่สามารถอ่อนแอได้  แต่ท่านคงลืมไปแล้ว
    "วีรบุรุษคือคน  คนที่มีชีวิตจิตใจ"

    "ตั้วกอ ท่านชั่งชาเย็นต่อลั้งยี่นัก  ฮึ...ลั้งยี่โกรธตั้วกอยิ่งนักที่ตัวกอปล่อยให้อยู่คนเดียว  ต่อไป...

    ลั้งยี่จะไม่สนใจตั้วกออีก ฮึ" กล่าวจบพร้อมกับสะบัดหน้าไปทางอื่น

    จ้อเทียนฮ้งเอี้ยวตัวมองตามเสียงที่พูด สายตากระทบถูกร่างๆหนึ่ง  เป็นร่างทาริกาน้อยนางหนึ่ง

    ที่น่ารักน่าเอ็นดูจนไม่อาจตัดใจให้ขัดใจนางได้ ท่าแง่งอนนี่ชั่งเสียดแทงใจจ้อเทียนฮ้งนักจนมันต้องรีบกล่าวอย่างร้อนรนว่า

    " ตั้วกอผิดไปแล้ว ๆๆ ลั้งยี่อย่าโกรธตั้วกอเลย ต่อไปตั้วกอจะอยู่ข้างๆเจ้าไม่จากเจ้าไปไหนอีกแล้ว

    เจ้าก็ทราบว่าตั้วกอมีม่วยๆที่น่ารักคนเดียวเท่านั้น  ถ้าเจ้าไม่พูดกับตั้วกอๆคงต้องเจ็บปวดใจยิ่งนัก"กล่าวจบภาพอดีตก็หวนกลับมาอีกครั้ง

    ทาริกาน้อยดูท่าจะเข้าใจความรู้สึกของตั้วกอบุญธรรม  ฉีกยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า

    ตั้วกอ  ลั้งยี่ยกโทษให้ตั้วกอก็ได้  แต่ตั้วกอต้องสัญญากับลั้งยี่ว่าตั้วกอจะอยู่กับลั้งยี่ตลอดไป ไม่เช่นนั้น ฮึ กล่าวจบพร้อมกับสะบัดหน้าไปทางอื่น

    จ้อเทียนฮ้งใช้มือลูบผมม่วยๆน้อยอย่างแผ่วเบาพร้อมกับกล่าวอย่างเข้าใจว่า

    ได้  ตั้วกอให้สัญญากับเจ้า  ตั้วกอจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไปแน่นอน

    ทาริกาน้อยคว้าแขนจ้อเทียนฮ้งพร้อมทั้งกระโดดไปมาด้วยความดีใจพร้อมกับกล่าวว่า

    ตั้วให้สัญญากับลั้งยี่แล้วนะเท่านี้ลั้งยี่ก็วางใจแล้ว  อา...นี่ตั้วกอท่านว่าตัวหนังสือนี้น่าเล่นหรือไม่  คิกๆๆ ตั้วกอช่วยสอนลั้งยี่ได้หรือไม่ พร้อมกั้บยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้ดู

    ฮา...นับว่าตาเจ้ายังไม่เลว  นี่คืออักษรภาพโบราณหรือที่เรียกกันว่าอักษรกระดองเต่าเกิดขึ้นจากการวาดภาพเพื่อสื่อความหมายของคนโบราณ  ผ่านเวลานับพันปีตัวอักษรก็เริ่มผิดเพี้ยนจนเป็นตัวอักษรในปัจจุบัน  มาๆ ตั้วกอจะสอนเจ้าเอง”พร้อมทั้งคว้าหนังสือไปที่โต๊ะมุมห้อง

    ห้องหนังสือยังเป็นเช่นเดิม  แต่ที่เปลี่ยนไปกลับเป็นเมล็ดพันธุ์ ที่กำลังเจริญเติบโตก้าวทะยานไปข้างหน้าพร้อมๆกับเสียงท่องหนังสือดังกังวาลออกจากตึก

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×