ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วีระบุรุษสยบมารสะท้านภพ

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มต้นสิ่งใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 49


    เริ่มต้นสิ่งใหม่
    แสงสีทองทอทับผิวน้ำอันเงียบสงบ  สายลมโบกพัดขับไล่หมอกยามเช้า
    ผีเสื้อหยอกเย้าดอกเหมย เสียงน้ำค้างหล่นกระทบศิลาขาว
    ขับเป็นเพลงคะนึงหาให้งมงาย
    ไซโอ้วเอ่ยไซโอ้ว เจ้าช่างงามล้ำสมคำร่ำลือจริงๆ....
    เสียงระรอกน้ำดังซ่าๆท่ามกลางผิวน้ำอันเงียบสงบ  ภายในระรอกน้ำปรากฏศีรษะๆหนึ่ง!  เป็นศีรษะคนเป็นๆ เจ้าของศีรษะมีใบหน้าที่หล่อเหลาแฝงแววไร้เดียงสา
    อายุสิบสองสิบสามปี มันกำลังสนุกกับการแหวกว่ายน้ำเล่น  เฮอะ...นับว่าน่าแปลกมาก
    มันว่ายน้ำยังกับมันไม่ใช่คน  มีแต่ปลาเท่านั้นที่ทำเช่นนี้ได้!

    “อ้วงยี่  อ้วงยี่  ไปเถอะได้เวลาอาหารเช้าแล้ว พอทานอาหารเสร็จแล้วกงกงจะพาเจ้าไปเที่ยวภูเขาดูนกกาและต้นไม้เพื่อประดับความรู้เจ้า”

    เป็นเสียงชราภาพเสียงหนึ่งที่ฟังดูแล้วอบอุ่นไม่เป็นรองบิดามารดา ท่านมีเค้าหน้ามีเมตตา โดยเฉพาะตาคู่นั้น  ไยมิใช่เป็นดวงดาวบนโลกหล้าแล้ว ท่านผู้เฒ่านับว่าแปลกมากแล้ว  เมื่อท่านผู้เฒ่าไม่พูดย่อมไม่เห็นท่านผู้เฒ่าคงอยู่ที่นี้  เนื่องเพราะท่านผู้เฒ่าอยู่ในอ้อมกอดธรรมชาติ
    ….คนที่เป็นไปตามธรรมชาติธรรมชาติย่อมปกป้อง   คนที่ฝืนธรรมชาติไม่ช้าไม่นานธรรมชาติย่อมกำจัด....
    ท่านผู้เฒ่าก็เช่นกัน  ท่านก็เช่นกัน!

    ทารกอ้วงยี่ มันกำลังขึ้นจากน้ำดุจมัจฉาปราดเปรียวพร้อมกับกล่าวว่า
    “กงกง  ฮาฮา... นับว่าน่าเล่นมาก อ้วงยี่จะขึ้นไปเดี่ยวนี้แล้ว ดูสิกงกง อ้วงยี่ได้ปลาตัวโตสองตัว ฮาฮานับว่าน่าทานมาก”พร้อมกับชูมือแสดงปลาที่มันจับได้ นับว่าเป็นปลาที่หนักหลายชั่งทีเดียว

    “ฮาฮา  นับว่าเจ้าเป็นเด็กซุกซนที่น่ารักมาก เราไม่กังวลแล้วว่าจะไม่มีกับแกล้มสุรา ฮาฮา.....” พอกล่าวจบสองตาหลานก็หันกายเดินกลับกระท่อม 
    อ้วงยี่เดินตามหลัง
    ตอนนี้ใบหน้ามันประดับด้วยรอยยิ้ม  รอยยิ้มต้อนรับสิ่งใหม่ๆที่กงกงจะสอนมัน  มันชมชอบคำว่า”ความรู้”ยิ่ง  ก่อนๆมันอาจยังไม่ทราบ”ความรู้”อยู่ที่ไหน  ตอนนี้มันทราบแล้ว
    “ความรู้”อยู่รอบๆตัวนี่เอง!
     .........................................................................................................................................
    อาทิตย์ สนธยาลาลับขอบฟ้าตะวันตก  ขบวนพ่อค้าวาณิชย์เร่หาที่พัก
    แสงไฟจากโคมเริ่มจุดขึ้นจนสว่างไสว  ม่านวิกาลมาเยือนอีกครั้งแล้ว 
    อาชีพหลายอาชีพที่หยุดชะงัก แต่ยังมีอาชีพหนึ่งที่กำลังเริ่มต้นขึ้น  นั้นคือขโมย...
    ที่เมืองโซวจิวและหังจิวมีเศรษฐีมีทรัพย์หรือขุนนางจำจวนมาก
    ชั่งเป็นเรื่องล่อตาล่อใจพวกตีนแมวเป็นยิ่งนัก
    ที่บ้านขุนนางหลังหนึ่งรูปเค้าบ้านชั่งใหญ่โตยิ่งนัก
    ที่ใต้ชายคาบ้านมีเงาดำสายหนึ่งกำลังจ้องมองเหล่าทหารเวรยามที่กำลังเดินตรวจยามผ่านไป 
    ขบวนยามนี้มีจำนวนห้าคน
    แต่ละคนต่างสวมใส่ชุดสีเขียวรัดกุม 
    มีดาบสะพายไว้ที่ด้านขวามือ
    มือขวากุมที่ด้ามดาบ มือซ้ายชูโคมไฟ สายตายสอดส่ายตรวจตรา 
    นับว่ารัดกุมพอใช้ทีเดียว  แต่ยังคงไม่เห็นเงาดำนั้น 
    แสดงให้เห็นผู้มายอดเยี่ยมเพียงใด  ชั่วอึดใจเดียวเงาดำนั้นหายไปแล้ว!
    ..............................................................................................................................................
    เสียงไก่ขันรับแสงตะวัน  ฝูงอีกาบินผ่านน่านฟ้าตะวันออก
    ที่ร้านขายบะหมี่ย่านชุมชนเมืองโซวจิว  โต๊ะทั้งสี่โต๊ะสิบหกม้านั่งถูกจับจองจนเต็ม
    เถ้าแก่ร้านและภรรยาพร้อมลูกมืออีกคนและลูกสาวกำลังวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขกเหรื่อที่มาอุดหนุน ดูท่าคงเหน็ดเหนื่อยน่าดูแต่ก็ดูมีความสุข  ภายในร้านมีเสียงเสวนาพาทีกันจอแจ

    “เฮอะ เล่าจ้อ(ผู้แซ่จ้อ)ท่านว่าลูกสาวเจ้าของร้านสวยหรือไม่ เฮอะๆ เราดูทีไรน้ำลายไหลทุกทีนับว่าเป็นนางฟ้าชัดๆ” เสียงมาจากโต๊ะทางด้านตะวันออก

    เล่าจ้อกล่าวว่า
    “เฮ่ๆ เล่าลัก ท่านพูดเบาๆได้หรือไม่ เดี่ยวก็ลงหม้อกันพอดี นับว่านิสัยสุนัขเด็กน้อยเจ้าไม่มีวันพัฒนาเลย  เฮ่ย”

    เล่าลักกล่าว่า
    “เฮอะ นิสัยบ้าสตรีเช่นบิดา ยังดีกว่านิสัยบ้าตำราเช่นเด็กน้อยเจ้า 
    หึหึมันจะมีความสุขเท่ากับอยู่กับสตรีเช่นไรกัน 
    หากไม่ได้ใกล้ชิดสตรีไยมิใช่เสียชาติเกิดเปล่าๆ”

    เล่าจ้อกล่าวว่า
    “หึ สตรีกลับเรื่องมาก ตำรากลับตามใจบิดา
    ไม่ต้องให้บิดาคอยปรนนิบัติเช่นสตรี
    เราว่าเด็กน้อยเจ้าเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ”
     
    เล่าลักกล่าวว่า
    “ได้ๆ เราไม่พูดก็ได้ เอ้อ เล่าจ้อท่านทราบหรื่อไม่ว่าเมื่อคืนมีข่าวใหญ่”
     
    เล่าจ้อกล่าวว่า
    “เฮอะหวังว่าไม่ใช่ข่าวคาวโลกีย์ของเด็กน้อยเจ้า”

    เล่าลักกล่าวว่า
    “นั่นกลับล้าหลังแล้ว  หึหึ  ข่าวนี้เป็นข่าวบ้านขุนนางโฉดแซ่จิ้นถูกยกเค้า
     เฮอะๆสมใจเราจริงๆ”

    เล่าจ้อกล่าวว่า
    “ หึ เด็กน้อยเจ้าชอบอืดอาดอยู่ได้  มีลมรีบผาย”

    เล่าลักกล่าวว่า
    “เล่าแล้วๆ เฮอะใจร้อนเสียจริง  ข่าวนี้เราได้จากบ้านขุนนางโฉดนั้นเอง 
    โจรนั้นกลับกระจอกยิ่งนัก ขโมยกระไรก็ไม่ขโมยดันขโมยภาพเสียได้”

    เล่าจ้อกล่าวว่า
    “เป็นภาพกระไรกัน”

    เล่าลักกล่าวว่า
    “ภาพเทพยุทธ์พิชิตมารสมัยเลียดก๊ก!”
    เล่าจ้อตาค้างแล้ว เนื่องเพราะมันทราบคุณค่าของภาพแล้ว!
    .......................................................................................................................................


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×