คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I'm your's .WJK
“สวัสดี คิมฮันบินJ” ...
ชายคนนั้นพูดก่อนจะเอาฮู้ดลงนั่นทำให้ผมเห็นว่าเขาคือ จีวอน!! คิมจีวอน ลูกชายเจ้าของสนามซองโดแห่งนี้ ถึงแม้จะไม่เคยคุยกันแต่ผมก็เคยเห็นเขาบ่อยๆตามงานแข่ง อีกอย่างเขาเป็นถึงลูกชายเจ้าของสนามนี้ อย่างน้อยวันอบรมวันแรกทุกคนก็ต้องเคยเห็นเขากันทั้งนั้นแหละ อายุของเขาน่าจะไล่เลี่ยกับผม แต่ทว่าฝีมือเขาอยู่ในระดับโปรเลยทีเดียว และถึงการเป็นนักแข่งจะมีความรู้พอตัวแต่หลายๆคนรวมถึงผมก็อยากถามทริคหรือมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาเหมือนกัน ทั้งนั้น แต่มันไม่ใช่ตอนนี้!! ตอนที่ผมแอบมาใช้สนามเขาแบบนี้น่ะ มันไม่ใช่เวลาที่สมควรเลย ให้ตายเถอะ!
ผมนั่งมองอีกฝ่ายใช้สองมือกุมหัวแล้วฟุบหน้าลงเข้ากับพวงมาลัยรถนั่นแล้วตลกดีจริงๆ ผมไม่ได้คิดว่าจะเห็นรีแอคชั่นแบบนั้นหลังจากที่คิมฮันบิน..ไม่สิ ฮันบิน เห็นผม คิคิคิ เหมือนว่าถ้าเขามุดลงไปแอบข้างใต้รถได้เขาคงทำไปแล้วล่ะมั้ง
“ทึ้งจนผมจะหลุดออกมาเป็นกระจุกแล้วมั้งJ” ผมแหย่เขาเล่นดูซักหน่อย และนั่นก็ได้ผล เขาหยุดและเงยหน้าจากพวงมาลัยซักที
“นะ..นาย เห็นฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมภาวนาให้เขาเพิ่งเห็นผมขับรอบนี้เป็นรอบแรก
“อืม..ก็น่าจะตั้งแต่ต้นปีแล้วJ” พูดบ้าอะไรของเขา
“ต้นปีอะไรของนาย ตอบให้ตรงคำถามหน่อย! ฉันหมายถึงตอนที่ฉันแอบซ้อมไง นี่นายเห็นฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง
“อ้าว รู้ตัวหนิว่าแอบซ้อม งั้นก็คงรู้ว่าผิดกฎป่ะJ” กะ..กวนตีน T^T ผมจะไม่ทน
ฮ่าๆหน้าของคนข้างๆผมเริ่มเบ้บอกบุญไม่รับ ผมไม่ได้จะทำให้เขาหนักใจอะไรเลยนะ ทำไมเขาคิดมากจัง ผมก็แค่ถามตอบธรรมดา ก็เท่านั้นเอง
“นะ..นาย จะบอกคนอื่นใช่ไหม เฮ้อ นายคงบอกอยู่แล้วล่ะ นายเป็นลูกเจ้าของที่นี้หนินะ” ผมว่าเขาต้องเอาไปบอกคนอื่นแน่เลย จบกัน จบเห่แล้วชีวิตของผม ผมล่ะอยากจะบ้าตายจริงๆ
“ดีใจจังเลย ขนาดไม่เคยคุยกัน นายก็ยังรู้จักฉันด้วย แสดงว่าฉันนี่ก็ดังไม่เบาสินะJ” ไอ้!! คนๆนี้มันเคยตอบตรงคำถามผมมั่งมั้ยนะ!
“ย่าห์!!! ตอบฉันมานะ”
“ย่าหรอ? อืม..นายคงรู้ว่าฉันแก่กว่าใช่มั้ย แต่ฉันก็แก่กว่านายแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นเรียกพี่ล่ะกันไม่ต้องไปถึงย่าหรอก ฉันยังฟิตปั๋งJ” แม่ครับ..กวนประสาทกับโง่มีเส้นกั้นบางๆใช่มั้ยครับ บอกผมที
“ย่าห์! นายต้องการอะไร” ผมเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ
“ก็บอกให้เรียกพี่ไงล่ะ ยังจะย่าอีก ช่างเถอะ เดี๋ยวอีกไม่นานนายก็เรียกฉันเอง ไหนขับให้ดูรอบนึงสิคิมฮันบิน” ประโยคงึมงำๆตรงกลางนั่นว่าอะไรนะ
“ทำไมฉันต้องขับ” หมอนี่คิดจะทดสอบผมหรือไง ไม่มีทาง!
“แล้วทำไมฉันจะต้องไม่ฟ้องKSFล่ะJ”
.
.
ผมว่าผมเปลี่ยนใจขับแล้วก็ได้นะ
อันที่จริงผมเฝ้ามองเด็กที่ชื่อ’คิมฮันบิน’นี่มาตั้งนานแล้วนะ นี่ก็ราวๆปีนึง? เมื่อต้นปีผมกับเพื่อนได้รวมตัวกันซักทีหลังจากไม่ได้เจอกันนาน พวกมันผมพาผมไปดู’หลังสนาม’ และเป็นครั้งแรกที่ผมเห็น’ฮันบิน’ภายใต้ชื่อลงแข่ง’บีไอ’ เด็กภายใต้ฮู้ดทหารกับกางเกงขาสั้นสีดำคนนั้นยืนอยู่ข้างรถสีดำรูปร่างเหลี่ยมคร่ำครึแต่เครื่องยนต์ถูกปรับแต่งให้มีแรงกำลังมหาศาลเกินกว่าคู่แข่งจะคาดคิด เขากำลังรอสัญญาณให้ขึ้นรถก่อนที่เร่งเครื่องเตรียมตัวพร้อมจะแข่ง
ผมยอมรับเลยฮันบินมีความรู้เรื่องรถเกินขั้นพื้นฐาน เขามีสามารถล้นเหลือและกำลังทรัพย์เกินกว่าที่เด็กหลังสนามพวกนี้ควรจะมีไปมาก ความใจร้อนและท่าทางหยิ่งยโสที่แสดงให้เห็นทุกสนาม อีกทั้งการใช้ชื่อลงแข่งที่แปลกประหลาดนั่นทำให้ผมสนใจหาตัวตนของเด็กนี่อย่างช่วยไม่ได้ และสืบไปจนเจอว่าเขาคือ ลูกชายของประธานคณะกรรมการบริหาร KSF นั่นเอง
หลังจากนั้นอีกหลายครั้งต่อหลายครั้งที่ผมไปหลังสนาม ก็มักจะเจอฮันบินอยู่ที่นั่น ฝีมือที่พัฒนาขึ้นทุกวันทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคนที่เพียบพร้อมด้วยความรู้ ทุนทรัพย์ และความมั่นใจในฝีมืออย่างเขาไม่ลงแข่งในการแข่งขันที่พ่อเขาเองจัดขึ้นเสียที นั่นทำให้ผมตัดสินใจเขียนโน้ตแล้วฝากสาวหูกระต่าย กรรมการจำเป็นในการแข่งรถหลังสนามไปหาฮันบินในที่สุด และผมก็คิดว่าโน้ตนั่นก็มีผลกับเขาเหมือนกัน ก็เพราะวันนี้เขามาฝึกซ้อมอยู่ที่สนามของผมแล้วยังไงล่ะJ
.
.
.
.
‘ฮันบินอา ลงแข่งKSF ซักที
ฉันจะรอดูนาย แล้วเจอกัน
B.I ? nope, just Be MineJ
.WJK’
เคยแต่เห็นเจ้าตัวแต่ไกลๆ ฮันบินที่เดินท่ามกลางคนรุมล้อมและท่าทางที่ก้าวขึ้นไปอยู่หลังพวงมาลัยอย่างมั่นใจ แต่ตอนนี้ฮันบินอยู่ข้างๆผมและฉายแววตามุ่งมั่นอย่างชัดเจนมันทำให้ผมอดที่จะจ้องหน้าที่มีเสน่ห์เพิ่มเป็นทวีคูณของเขาไม่ได้จริงๆ รถแข่งไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อนั่งสองคน เพราะฉะนั้นที่ของผมตอนนี้ถือว่าเสี่ยงมากถ้าฮันบินไม่มีฝีมือจริง ไม่ทันถึงครึ่งรอบ ผมได้กระเด็นออกนอกหน้าต่างไปแน่นอน ผมอยากลองดูว่าเขาจะรับความกดดันได้ขนาดไหน การแข่งหลังสนามมีเพื่อนพวกพ้องเป็นกำลังใจมากมายและไม่มีกฎเกณฑ์อะไรตายตัว แต่การแข่งของKSF ฮันบินจะไม่รู้จักใครเลย และเข้าไปในฐานะมือใหม่พร้อมกับกฎต่างๆที่เขาต้องเรียนรู้ ผมก็แค่อยากรู้ว่าเด็กใจร้อนของผมจะทำได้ดีแค่ไหน ก็เท่านั้น J
ผมจะบ้าตาย ไม่เคยรู้สึกกดดันอะไรขนาดนี้มาก่อน กดดันเสียยิ่งกว่าพ่อมาสอนผมขับรถครั้งแรกซะอีก จีวอนให้ผมขับรถให้เขานั่ง แล้วที่นั่งเขามันดีซะทีไหนล่ะ นี่ถ้าตะกี้ผมทิ้งโค้งพลาดนั่นหมายถึงเขาอาจจะกระเด็นออกไปเลยนะ เขาไม่อยากมีชีวิตขับแลมโบต่อไปแล้วหรือยังไง ผมลำพังแค่รับผิดชอบชีวิตตัวเองทุกวันในสนามแข่งก็แย่แล้ว ทำไมจีวอนต้องมาเจอผมคืนนี้ ทำไมผมต้องโดนกดดันแบบนี้ ทำไมผมต้องมารับผิดชอบชีวิตคนอื่นด้วยเนี่ย
การเห็นนาฬิกาจับเวลาที่เวลาเดินไปเกินเวลาที่ผมคาดคิดไว้อยู่ข้างหน้าทำผมใจร้อนกดคันเร่งลงไปจนมิดจนลืมว่ามีโค้งสองโค้งติดกันอยู่ตรงหน้าและนั่นทำให้ผมเบารถไม่ทัน เสียงดังของยางที่บดไปกับถนนดังลั่นกว่าที่เคย รถไถลออกนอกเส้นทางไปหยุดอยู่บนทรายที่ถูกเทไว้เพื่อหยุดรถกลายๆ ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วทิศ ยังดีรถถูกหยุดไว้ได้ เพราะอีกนิดก็จะชนเข้ากับที่กั้น และแบบนั้นไม่ดีแน่เพราะหลังที่กั้นเป็นทางลาดลงไปไว้เก็บอะไหล่รถ หากตกลงไปก็คงจะเจ็บหนักและยังทำลายสนามไปอีกหลายขุมเลยทีเดียว เอ่อ..และจีวอนเหมือนจะคิ้วผูกเป็นปมและลูบหัวป้อยๆอยู่ข้างๆผม หัวโขกสินะ..
“ขอโทษ” ระหว่างที่ผมพยายามเอาคิ้วที่ขมวดเป็นปมเพราะความเจ็บปวดบนหัวออก ก็ได้ยินเสียงฮันบินเบาๆ
“นายพูดอะไรนะ” ผมแกล้งถามไปอีกครั้ง
“ฉันขอโทษไงเล่า สงสัยอะไรหนักหนา” ฮันบินตอบผมทั้งๆที่ฟุบหน้าอยู่กับพวงมาลัย
“โอ้ะโอ มีคนเป็นห่วงฉันล่ะ แต่ฉันไม่เป็นไร.. นายรู้ตัวดีว่าสาเหตุมันมาจากอะไร ทีหลังอย่าใจร้อน เวลาไม่ใช่ทุกอย่าง นายมีความสามารถและพื้นฐานนายไม่ใช่เล่นๆเลย การแข่งขันครั้งนี้มากกว่าการวัดเวลาแบบหลังสนาม คือการวัดว่าใครจะอยู่หรือใครจะไปตังหาก นายรู้หรือเปล่าว่าถ้าชนแล้วก็ต้องออกจากการแข่งตามกฎ ไม่ใช่ถูลู่ถูกังขับไปได้ถึงเส้นชัยแล้วจะชนะเหมือนที่ผ่านๆมานะ ถึงเวลานายดีแต่ถ้านายมีตำหนิมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนั่นแหละ อีกอย่างฉันก็แค่ไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้จากนายแค่นั้นเองJ” ผมตอบไปพลางลูบหัวไป เจ็บจริงๆนะ แต่ยังดีที่ผมไม่ปลิวออกไปซะก่อน อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าฮันบินก็ควบคุมรถได้ดีในระดับหนึ่งล่ะ ถึงจะต้องแลกด้วยการเจ็บตัวก็ตาม
.
.
.
.
“ทำไมนายดูรู้จักฉันดีจังนะ หลังสนามงั้นหรอ.. หึ” อยู่ๆฮันบินก็เงยหน้ามามองผมด้วยสายตาแบบนั้น.. สายตาคนหยิ่งยโสที่ไม่ชอบให้ใครรู้จุดอ่อนภายใต้กำบังนั่น
“ไม่แปลก ฉันรู้จักนายดีกว่าที่นายคิดJ ”
“แปลก! เพราะ..”
“ฉันรู้จักนายดีนะ’บีไอ’ เชื่อฉันเถอะJ”
“นาย!!”
“ครับผมJ”
“อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ!”
“ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันกำลังจริงจังกับนายอยู่นะ ฮันบินอา” บทสนทนาถูกตัดลงแค่นี้ หมดเวลาเป็นคนดีแล้ว นี่ผมลงทุนเจ็บตัวขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อมานั่งต่อล้อต่อเถียงเฉยๆหรอกนะ
“อุ้บ..อื้อ..” จริงจังกับผม? แล้วสรรพนามที่เรียกผมแบบนั้นคืออะไร แต่ไม่ทันจะได้ท้วงคนตรงหน้าออกไป เขาก็เอื้อมมาปิดปากผมด้วยปากเขา ลิ้นร้อนชอนไชไปทั่วโพรงปากของผม นั่นทำให้ผมทำอะไรไม่ได้ สองมือไปทุบอกคนข้างๆแต่เหมือนว่าจะไม่มีผลต่อร่างกำยำนั้น ผมจะหมดลมหายใจอยู่รอมร่ออยู่แล้วนะ แต่อยู่ดีๆเขาก็ผละปากออกไป ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า..
.
“ฉันคิดว่านายหายใจไม่ทันนะ ฮันบินJ” เขารู้!!
“ฮื้อ! อย่าทำเป็นมารู้ทุกอย่างหน่อยเลย เราไม่ได้รู้จักกัน” ผมปาดปากเผื่อว่าจะลบรอยเมื่อกี้ได้บ้างแล้วพูดออกไปตามที่คิด
“แต่ฉันรู้จักนาย…นะ” พูดปากเปล่าไม่พอ จีวอนใช้มือขวาไล้มือวนไปมาบนหน้าท้องของผม ส่วนมือซ้ายรวบข้อมือทั้งสองข้างของผมไขว้ไว้ข้างหลังหัวของผม
“แล้วฉันก็รู้ด้วยนะ ว่านายคงไม่อยากกระทืบโดนคันเร่งแล้วส่งเราไปตายหรอกใช่มั้ย ฮันบินอาJ” จีวอนปล่อยมือจากข้อมือผมแล้วพาดแขนแกร่งมาบนหน้าขาผมแทน ผมเลยจะดึงข้อมือจากหลังหัวมาเปิดประตูออกแต่กลับรู้สึกเจ็บจนต้องเงยคอไปดู จีวอนผูกข้อมือผมด้วยเบลท์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มือก็ใช้ไม่ได้ ขาก็ใช้ไม่ได้ บ้าเอ้ย..
-CUT-
//ตัดฉับบบบบบ นี้ตัดของจริง ติดแท็ก #hotracer แล้วจะเห็นเบาะแสให้ไปเสพต่อโดยพลันจ้าา
ฟิคหน้า(?) จะพยายามเขียนให้หื่นกว่านี้ #ผิด ดีกว่านี้จ้า ><
ความคิดเห็น