คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Who are you?
OS: [iKon] DoubleB
Rate: PG-17
อีกไม่กี่วันแล้วที่การแข่งขัน Korean Speed Festival หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า KSF จะมาถึง แน่นอนว่าสปอนเซอร์หลักในการแข่งขันครั้งนี้ก็หนีไม่พ้นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในประเทศอย่าง Hyundai นั่นเอง. การแข่งขันครั้งนี้เรียกกระแสตอบรับจากสื่อ ประชาชน รวมไปถึงค่ายคู่แข่งได้อย่างมากมาย เพราะครั้งนี้ สำหรับนักแข่งหน้าใหม่ พวกเขาจะได้จับรถยนต์น้องใหม่ล่าสุดจากทางค่ายอย่าง Hyundai Veloster 1.6 GDI Turbo ซึ่งนี่ถือเป็นการท้ายทายต่อผู้เข้าแข่งขันอย่างมากและอีกทั้งเป็นการตัดสินใจที่แลดูเสี่ยงเกินความจำเป็นในการที่เอาขุมกำลังที่ไม่เคยถูกแตะต้องมาก่อนลงแข่งเป็นครั้งแรก
เสียงล้อยางบนเอี๊ยดอ๊าดไปกับพื้นถนนทวีความดังขึ้นทุกวันๆเช่นเดียวกันกับเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอยู่ภายในนั้นพื้นที่นี้อย่างไม่หยุดหย่อน รอยยางสีดำที่ถูกตราไว้ทุกมุมโค้งจากรถยนต์คันแล้วคันเล่าหากแต่มีคันสีดำเงาคันหนึ่งในฝูงที่บดยางลงบนพื้นเป็นรอยยาวมากกว่าใครเพื่อนและนั่นเป็นเครื่องบอกได้อย่างดีว่านักแข่งคนนี้ไม่ได้เบากำลังรถลงเท่าที่ควรและพร้อมที่จะเสี่ยงกับทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะคว้ารางวัลกลับมา
‘คิมฮันบิน’ ลูกชายของประธานคณะกรรมการบริหาร KSF กำลังฝึกฝนอย่างหนักในการแข่งครั้งนี้ ปีแล้วปีเล่าที่พ่อของเขาคัดค้านการลงแข่งอย่างเป็นทางการทั้งที่ฝีมือ’หลังสนาม’เขามีมากมายพอและถูกยอมรับจากคลับรถต่างๆมากมาย เขาจึงแอบลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าเขาทำได้อย่างที่พูด และหวังว่าพ่อจะยอมรับในตัวเขาสักที และนอกจากนี้เขายังจะใช้โอกาสนี้ตามหาบุคคลคนนึงที่ผลักดันเขาให้มาถึงจุดนี้ด้วยเช่นกัน
สนามแข่งซองโดถูกใช้เป็นสนามฝึกสำหรับนักแข่ง KSF ทุกคลาส ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่นักแข่งระดับสูงจนไปถึงนักแข่งมือใหม่ ดังนั้นเป็นเวลาเกือบหกเดือนที่สนามนี้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและถูกใช้ให้เป็นสนามฝึกสุดท้ายก่อนจะถึงวันแข่งขันจริง อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นบ้างประปรายเมื่อนักแข่งประมาทเลินเล่อ ซึ่งทางสนามก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานจำนวนมากพอที่จะจัดการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว หากแต่ช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา นักแข่งหน้าใหม่คนนึงได้แหกโค้งและพลิกคว่ำอย่างแรง สอบถามได้ความว่าเพราะความตื่นเต้นที่ใกล้จะถึงวันแข่งและบวกกับทัศนียภาพท้องฟ้าในหน้าหนาวที่มืดกว่าปกติทำให้เขาตัดสินใจผิดพลาดจนเกิดอุบัติเหตุ ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้สนามต้องปิดทำความสะอาดครั้งใหญ่
การเก็บเศษซากป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นซ้ำรอยถูกทำอย่างละเอียดจนเวลาผ่านไปร่วมสามชั่วโมงการเก็บกวาดครั้งนี้ก็ไม่มีท่าทางว่าจะเสร็จ เพราะเศษกระจก เครื่องยนต์ และอิฐปูนยังเกลื่อนอยู่อีกมาก นั่นทำให้ผู้ควบคุมสนามที่เฝ้าคอยมองเหตุการณ์และความเคลื่อนไหวทั้งสนามเป็นประจำทุกวันจากหอคอยสั่งการสูงตระหง่านสั่งให้เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้เข้าแข่งขันกลับไปพักกันที่บ้านเสียก่อน แล้วสนามจะพร้อมเปิดใช้อีกทีตอนเจ็ดโมงเช้า นักแข่งจึงพากันทยอยกลับบ้าน แต่มีคนอยู่หนึ่งคนที่ยังไม่กลับอยู่ดี…
ฮันบินเข้าไปหลบภายในห้องแต่งตัวของนักแข่งแล้วปิดไฟหลังจากที่เจ้าหน้าที่เริ่มเดินมาแจ้งให้นักแข่งคนอื่นๆกลับบ้าน เขารู้ว่าการเก็บกวาดมันไม่นานจนถึงเช้าขนาดนั้น ถ้าเขาหลบอยู่ในนี้แล้วใช้สนามฝึกได้เป็นคนแรกนั่นจะเป็นอะไรที่ผลประโยชน์กับเขามาก ทั้งสนามที่โล่งไม่เบียดกับใครอีกทั้งโอกาสในการฝึกมากกว่าคนอื่น.. อย่างน้อยซักสองหรือสามรอบก็ยังดี
ภายในห้องแต่งตัวมีจอมอนิเตอร์ฉายไปยังจุดต่างๆบนสนามให้สำหรับนักแข่งได้สังเกตการณ์ และคราวนี้ฮันบินก็ได้ใช้ประโยชน์จากมันมากกว่าคนอื่น เขาเห็นพนักงานกำลังเริ่มเก็บของหลังจากการทำความสะอาดที่ใกล้จะเสร็จสิ้น และนั่นหมายถึงเขาจะได้ออกไปจากห้องนี้หลังจากที่ซ่อนตัวมาหลายชั่วโมงเสียที
หลังจากทางสะดวก ฮันบินย่องออกไปที่โรงจอดรถที่มีรถเรียงรายมากมายภายใต้ประตูใหญ่ที่มีเลขกำกับอย่างชัดเจน สองขาเดินไล่ตามโรงรถอย่างแข็งขัน
โรงจอดรถที่ 1..
โรงจอดที่ 2..
โรงที่ 3..
ที่ 4..
ที่ 5..
ที่ 6..
กึก.
.
ที่7 ‘อ่า อยู่นี่นี้เอง J’ เจ้ารถสปอร์ตสีดำเงา ทำให้ฮันบินต้องเงยหน้าขึ้นไปดูที่ป้ายโรงจอดรถเลขเจ็ดบนแผ่นป้ายสีเหลืองนั่น เขาต้องมั่นใจว่าจะจำเลขโรงจอดให้ได้จะได้เอามาจอดถูกที่และไม่มีใครสงสัยเขาในวันรุ่งขึ้น หากมีคนภายในซักคนรู้ว่าเขาแอบฝึกซ้อมคนเดียวที่นี้บางทีเขาอาจจะโดนตัดสิทธิ์เลยก็ได้ ..และนี่คือจุดเริ่มต้น
รปภ.ที่อยู่ป้อมที่ไกลลิบอีกทั้งยังเล่นเกมซ่อนตาดำไม่ทันได้ยินถึงเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังกระหึ่มที่เกิดขึ้น การลงสนามรอบแรกของฮันบินเขายังประหม่าและไม่ได้เร่งเครื่องแรกมานัก และเมื่อรอบที่สามเขาสังเกตุได้ว่าแทบไม่มีใครอยู่ภายในสนามเลย ดังนั้นฮันบินจึงวางใจและเริ่มที่จะลงมือครอบครองสนามแต่เพียงผู้เดียวอย่างเต็มตัว รอบที่สี่..ห้า..หก..เจ็ด ผ่านไปและกำลังเข้าสู่รอบที่แปด
.
.
.
.
.
.
“รถหมายเลข21 ที่อยู่บนสนาม หยุดรถด้วยครับ” เสียงๆหนึ่งหลุดมาจากวิทยุสื่อสารที่ติดอยู่ภายในรถ ทำให้ฮันบินตกใจแทบบ้า เขาเพิ่งทิ้งโค้งมาได้ไม่กี่วิแล้วเสียงนี้ก็ดังขึ้นมา ถ้าไม่ระลึกที่มาของเสียงว่ามาจากวิทยุสั่งการที่ถูกติดตั้งไว้เพื่อการติดต่อกับนักแข่งขณะอยู่ในสนาม มีหวังเขาได้คิดบ้าบอว่าเป็นเสียงผีแน่นอน
ขาซ้ายยังคงเลี้ยงคลัทช์ไปเรื่อยควบคู่กับขาขวาที่ยังเหยียบอยู่บนคันเร่ง ฮันบินหมายจะถึงที่จุดพักรถให้เร็วที่สุด เขาต้องหนี!
“คิมฮันบิน รถหมายเลข21 หยุดรถอยู่กับที่ด้วยครับ”
.
“รถหมายเลข21 ถ้าไม่ทำตาม คุณก็รู้ดีว่าผลคืออะไร” สิ้นเสียงนี้ฮันบินจอดนิ่งอยู่กลางถนนใกล้กับหัวโค้งที่มีคนแหกโค้งไปเมื่อต้นคืนทันที ใจนึงก็สับสนอีกใจก็ปนหงุดหงิด คนๆนี้จะย้ำเลขข้างรถเขาทำไมหนักหนา เลขบ้าๆที่ได้มาอย่างไม่รู้สาเหตุทั้งที่เขากรอกเลขยี่สิบสองที่เป็นวันเกิดของเขาไปแท้ๆแต่กลับได้ยี่สิบเอ็ดมาแทน ไม่ว่าเขาจะมองเลขนี้กี่ทีมันก็ชวนหงุดหงิดจริงๆ แถมตอนนี้เขาเหมือนโดนจับได้ก็ยิ่งหงุดหงิดเขาไปใหญ่ หงุดหงิด หงุดหงิด และหงุดหงิด
หลังจากนั้นไม่นานฮันบินเห็นรถสีแดงเพลิงตรงมาทางเขาจากกระจกมองหลัง ไฟหน้า LED รูปตัววีคู่ ทั้งสองข้างทำให้ฮันบินรู้ดีว่านั่นคือแลมโบกินีตัวใหม่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้เลยว่าเจ้าของกระทิงดุคันนี้คือใครและต้องการอะไรถึงให้เขาจอดตรงนี้แทนที่จะให้เข้าจุดพักรถไปคุยกันดีๆ รถคันนั้นถูกจอดหลบก่อนหัวโค้ง ประตูข้างคนขับถูกเปิดขึ้นเห็นถึงเจ้าของ ชายหนุ่มผิวขาวภายใต้ฮู้ดมีซิปสีดำกับกางเกงยีนส์ขายาวกำลังก้าวลงมาจากรถและมุ่งมาทางเขา ชายคนนี้สูงกว่าเขาไม่มาก และนั่นทำให้ฮันบินโล่งใจได้นิดนึง เพราะถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยเขาก็ยังพอจะสู้กับชายคนนี้ได้บ้างล่ะ
ชายคนนั้นเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วขึ้นมานั่งข้างเขาหน้าตาเฉย
“สวัสดี คิมฮันบินJ”
//แอบตัดเพื่อให้เม้น #ผิด เพื่อให้รีดเดอร์ลุ้นนิดๆแจ้ แต่ลงไว้แล้วตามไปกันโลดดด
ความคิดเห็น