คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : ...Valentine Day...
Chapter 6
Valentine Day
วาเลนไทน์ เทศกาลความรักที่ทุกคนรอคอย
ไม่อยากจะบอกว่าผมก็คือหนึ่งในนั้นเหมือนกัน
แม้ว่า วันที่ 14 กุมภาจะไม่มีความหมายสำหรับผมในหลายๆปีที่ผ่านมา
แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ผมจะได้เดินเคียงข้างคนที่รัก ท่ามกลางหิมะโปรยปราย เป็นครั้งแรก. . .
(Kim Kibum’s Part)
ตอนนี้ผมกำลังสิงสถิตตัวเองอยู่ในห้อง แม้ว่าการปั่นประสาทพี่จงฮยอนจะทำให้บรรยากาศเงียบเหงาในบ้านลดลงไปบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ผมนั่งมองโทรศัพท์ตัวเองเกือบจะพันรอบได้แล้ว แต่ผมไม่กล้า. . . ไม่กล้าที่จะโทรไปถามมินโฮว่า. . . เมื่อคืนนี้. . . นายได้ยินอะไรรึเปล่า ครั้นจะถามตรงๆก็กระดากปาก แต่เพื่อสลัดความค้างคาในใจทิ้ง ผมตัดสินใจโทรหามินโฮ
/“สวัสดีครับ”/
“สวัสดี มินโฮ นายนอนอยู่หรอ”เสียงที่ฟังดูเหมือนกำลังหลับกลางวันอยู่ กลับต้องตื่นมาเพื่อรับโทรศัพท์ ชวนให้ผมเกิดความเกรงใจขึ้นมาทันที
/“อ๋อ คีย์หรอ อืมๆๆ ผมนอนอยู่ ว่าแต่มีธุระอะไรรึเปล่า”/เสียงยังคงสะลึมสะลือเหมือนเดิม แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันเซ็กซี่ล่ะ ผมนี่. . . ท่าจะเป็นเอามาก
“แบบว่าเมื่อวานนี้ นายโทรมาอ่ะ. . .”ผมหยุดคำพูดไว้แค่ตรงนั้น
/“อ๋อ ว่าจะถามคีย์ ว่าถึงบ้านรึยัง แต่เห็นไม่มีคนรับสาย ผมก็ลืมตัดสาย ผมก็ไม่รู้ว่าคีย์จะรับสาย คีย์ก็เลยไม่ได้ยินเสียงคนพูดใช่มั้ย”/กลายเป็นผมที่งงแทน แต่นั่นก็หมายความว่า มินโฮไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสินะ
“อ๋อ อืมๆ ว่าแต่นายไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรอ”
/“คือผมก็วางมือถือไว้ที่โต๊ะด้านนอกแล้วก็เข้านอนเลยอ่ะ ขอโทษนะคีย์ ทำให้คีย์ต้องถือสายรอเกือบครึ่งชั่วโมงน่ะ”/
“อืมๆ ไม่เป็นไรๆ ฉันเองก็น่าจะกดวางสายด้วย นายก็เลยเปลืองค่าโทรแย่น่ะสิ”ผมอดจะรู้สึกผิดไม่ได้จริง ผมนี่แย่ชะมัด
/“ไม่หรอก ผมก็สะเพร่าเองด้วย”/
“อืมๆ โทรมาถามแค่นี้แหละ นายนอนต่อเหอะ”ผมพูดตัดบทเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนที่กำลังนอน
/“อืม สวัสดีครับ”/มินโฮวางสายทันทีที่บอกลา ผมเดาว่าเขาน่าจะนอนต่อนะ คงง่วงมากล่ะ แปลว่าเมื่อคืนนี้. . . นายทำอะไรรึเปล่า ถึงได้เพลีย หึๆๆ
และแล้วพรุ่งนี้ก็คือวันที่ผมรอคอย ผมกะว่าจะซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ให้พี่อนยูซะหน่อย แต่ก็ว่าจะชะแว้บไปตอนดึกๆหน่อย ขี้เกียจฟังพี่จงฮยอนกระแหนะกระแหน ฟังแล้วเหมือนพวกคนแก่ไร้คู่ที่เห็นคนมีความรักไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ
Valentine Day
“นี่ไอ้ฮิตเลอร์ ข้าฟังแล้วขัดจิตว่ะ แบบว่าเอ็งรับโทรศัพท์แกจะทำเสียงเมาเหล้าทำไมวะ”แจจินที่อาศัยอยู่บ้านมินโฮชั่วคราวเอ่ยปากถามเรื่องที่ข้องใจ มันออกจะเสียมารยาทอยู่นิดๆที่แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ แต่ไม่ใช่กับเขาแน่นอน โฮะๆๆ
“เสียงเพิ่งตื่นต่างหากเล่า”มินโฮแก้ไขความข้องใจผิดๆ เป็นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไอ้เพื่อนคนนี้
“เออๆ นั่นแหละ ทำทำไม”
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เอ็งห้ามมาดองตัวอันโสโครกบนเตียงข้านะเว่ย ไปอาบน้ำเลยไป”ว่าแล้วก็เอาเท้าถีบคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงให้ตกลงไปกองที่พื้น
“ไอ้นี่นิ เดี๋ยวเอ็งตาย ย้ากกกกก”แจจินกระโดดเข้าหามินโฮพร้อมกับเอาตัวที่เล็กกว่าของตัวเองทาบทับไว้ เอาหมอนข้างใช้แทนดาบฟาดฟันกันอยู่สักพักก็เริ่มเหนื่อย
“พอก่อนๆ โอ้ยเหนื่อย”คำที่ว่าไม่เจียมสังขารมันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง
“นี่ ไอ้ดื้อ ข้ามีอะไรจะถามเอ็งหน่อย”มินโฮเอ่ยปากถามอย่างไม่แน่ใจ
“มีอะไรถามมา ผู้รู้คนนี้จะตอบให้เอง โฮะๆๆ”แจจินเอามือป้องปากพร้อมกับหัวเราะอย่างเขินอาย (?)
“เอาดีๆนะเว่ย ถ้าเอ็งกำลังแอบรักใครสักคน แต่ฟ้าไม่เป็นใจเพราะเขามีเจ้าของแล้ว เอ็งจำทำไงว่ะ”มินโฮถามด้วยความขับข้องใจ
“เอ็งไปชอบคนมีเจ้าของใช่มั้ย ข้ารู้ ก็ว่าแล้ว มันเหมือนจะเป็นปกติแต่ก็ผิดปกติ เอางี้ข้าจะตอบให้เป็นบุญหูนะเว่ย แต่เอ็งต้องตอบคำถามข้าก่อน คนที่เอ็งรัก เขารักคนๆนั้นอยู่รึเปล่า”แจจินเข้าโหมดจริงจัง
“เออ เขารักอยู่นะ”มินโฮตอบตามที่คิด
“แล้วไอ้ผู้ชายคนนั้นดูแลคนที่เอ็งรักดีรึเปล่า”
“ก็ดีนะ เขาก็มีความสุขดี”พอพูดมินโฮก็นึกถึงภาพที่คีย์คุยโทรศัพท์กับอนยู เขาคงจะทำอย่างนั้นให้คีย์ไม่ได้หรอก
“งั้นก็ฟังคำตอบดีๆนะ. . . ตัดใจซะเถอะ!!!”แจจินพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง มินโฮสบตากับเพื่อนก็พอจะรู้ว่าแจจินไม่ต้องการให้เขาเจ็บปวด แต่ก็ช่างเป็นคำตอบที่ตรงซะเหลือเกิน
“ยากจังเนอะ กับการตัดใจจากใครสักคน”มินโฮพูดพร้อมกับระบายลมหายใจออกมา ฝืนยิ้มให้กับเพื่อนสนิท
“อยากฟังเหตุผลไหม หนึ่ง ถ้าเขารักกันดี อย่างไงก็ไม่มีวันไปแทรกปนในความรักของเขาได้ สอง อันนี้ถ้าเขาดูแลกันไม่ดี เอ็งก็มีโอกาส แต่เอ็งบอกว่าเขาดูแลกันดี เอ็งสมควรจะตัดใจซะเถอะ”แม้จะสงสารเพื่อน ท่าทางที่อ่อนล้าราวกับเดินทางมาไกลของมินโฮ ทำให้แจจินต้องพูดตรงๆ
“นั่นสินะ ฟังๆดูแล้ว ข้าก็ไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว”มินโฮยิ้มเยาะให้กับความรักของตนเอง
“อย่าดูถูกความรัก มันอาจจะทำให้คนมีความสุขมากมาย แต่ก็เต็มไปด้วยพิษร้ายกาจหากพลาดเพียงนิดเดียว”เสียงเรียบเรื่อยของแจจินราวกับคมมีดที่กรีดลงใจ ทำไมตรงอย่างนี้ ฟังดูแล้วเขาก็เหมือนคนที่ถูกพิษความรักเล่นงาน นึกถึงวันเก่าก่อน หากเขาด่วนตัดสินใจ ทำอะไรเร็วกว่านี้ เขาอาจจะเป็นคนที่กำลังมีความสุขก็ได้
“แกเคยได้ยินคำนี้ไหม ไอ้ฮิตเลอร์”แจจินมองเพื่อนที่เงยหน้ามาสบตากับเขาอีกครั้ง
“เพื่ออะไรกับการรอคอยที่ไร้ความหวัง”นั่นสิ เพื่ออะไร. . . ถ้าไม่มีหวังก็น่าจะตัดใจซะ
“เก็บไปคิด เพราะข้ารู้ดีว่าเอ็งจะหาทางที่เหมาะสมสำหรับคำถามของเอ็งได้ดีกว่าฟังคำตอบจากคนอื่น ข้าไปอาบน้ำและ”แจจินว่าแล้วเดินไปคุยตู้เสื้อผ้าราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ทิ้งไว้เพียงมินโฮที่หาคำตอบของตัวเองอยู่ลำพัง
Valentine Day
“พี่อนยู ไหนว่าจะมีคนมาทำความสะอาดครัวให้ผมไงล่ะ ผมหิวข้าวแล้วนะ”แทมินที่นั่งรอบุคคลที่จะมาล้างครัวจนท้องร้องไม่หยุดไม่หย่อน จะเข้าไปทำอาหารทานเองก็ทำไม่ได้ เพราะสภาพครัวราวกับสงครามโลกครั้งที่สามเพิ่งจะจบไป
“อืม เดี๋ยวพี่ลองโทรตามให้”อนยูทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ ฉับพลันก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น
“อ๊ะ สงสัยมาพอดี”อนยูลุกไปเปิดประตูบ้านให้ผู้มาเยือน ทันทีที่แทมินเห็นหน้าแทบจะควันออกหูเลยทีเดียว
“พี่อนยู!!! นี่พี่เรียกพี่จงฮยอนให้มาล้างครัวหรอเนี่ย”แทมินโวยวาย ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นพวกแม่บ้านที่รับจ๊อบทั่วไป ที่ไหนได้ หนอย ไอ้พี่ชายตัวแสบ
“หือ. . .”ผู้มาใหม่อย่างจงฮยอนเกิดภาวะงงกะทันหัน หมายความว่าอย่างไง ให้เขามาช่วยล้างครัว
“เอาน่า แทมินก็. . . จงฮยอนเขาเต็มใจช่วย”อนยูพูดหน้าตาเฉย ก่อนจะปลีกตัวขึ้นห้องไปทันที ทิ้งไว้เพียงจงฮยอน และแทมินสองคน
“เอ่อ. . .”แทมินเกิดอาการพูดไม่ออกทันที จะให้เขาใช้พี่จงฮยอนล้างครัวงั้นหรอ
“ไม่เป็นไรหรอก พี่พอจะช่วยได้นะ”จงฮยอนเสนอตัว ไหนๆพี่อนยูก็เรียกเขามาแล้ว ร่วมด้วยช่วยกันล้างครัวจะเป็นไร
“เอ่อ เอางั้นก็ได้ฮะ”ทั้งๆที่บอกแล้วว่าจะไม่ล้างครัวเองแต่ท้ายที่สุดก็ต้องทำ จะให้พี่จงฮยอนทำคนเดียวก็น่าเกลียดไป
แทมินช่วยล้างพวกเครื่องครัว ส่วนจงฮยอนเป็นคนล้างพื้นครัว การทำงานที่ไร้ซึ่งเสียงพูดคุย อาจจะเป็นเพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีเรื่องที่จะคุยเล่นกัน แทมินก้าวเท้าไปบริเวณตู้เย็นเพื่อตรวจดูสภาพอาหารในตู้เย็น เกรงว่าอนยูจะทำศึกอะไรที่ตู้เย็นรึเปล่า
“โชคดีที่พี่อนยูไม่ก่อสงครามในตู้เย็น ไม่งั้นช็อคโกแลตสำหรับวันพรุ่งนี้อาจจะกลายเป็นแห้วได้”แทมินพูดกับตัวเองเบาๆ แต่กระนั้นสำหรับสถานที่ที่อยู่กันเพียงสองคนอย่างเงียบเชียบแล้ว จงฮยอนก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจนด้วย
“พี่จงฮยอนฮะ ผมว่าพี่ทำตรงนั้นเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมทำต่อเองก็ได้ เหลือนิดเดียวแล้ว”
“ไม่เป็นไร แทมินค่อยๆทำอาหารไปก่อนดีกว่า พี่จะขออาศัยด้วยมื้อนึง”ปากก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทะเล้น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยบาดแผล ถ้ารู้ว่าการรักใครสักคนจะเจ็บถึงเพียงนี้ สู้ว่าไม่มีความรู้สึกใดจะดีกว่า
ถ้าสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” ยังไม่ใช่ของเราในวันนี้
ต่อให้แลกด้วยน้ำตา เราก็ไม่ได้ครอบครองอยู่ดี. . .
Valentine Day
บรรยากาศแทบทั้งเมืองกำลังสื่อให้เห็นกับเทศกาลแห่งความรักครั้งนี้ ร้านค้าประดับประดาไปด้วยรูปหัวใจบ้าง สีชมพูบ้าง ผู้คนเดินขวักไขว่แม้จะมีความเร่งรีบแต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า
“พี่อนยู อยู่ไหนเนี่ย ผมรอนานแล้วนะ”เจ้าของร่างบางที่ยืนแนบโทรศัพท์กับหูกำลังสนทนากับปลายสายด้วยท่าทางหงุดหงิด
“เร็วๆนะ พี่มาช้ากว่านี้อีกสิบนาทีผมกลับบ้านจริงๆด้วย”คีย์กดตัดสายอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่อารมณ์ดีแต่วันนี้กลับมีเรื่องให้อารมณ์เสียจนได้ มองไปยังผู้คนมากมายก็อดเก้อไม่ได้ เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่มาเป็นคู่แต่ตัวเองกลับต้องมารอคนที่นัดไว้วะดิบดี แต่ดันมาสาย เคือง!!!
“แฮ่ๆ คีย์ ขอโทษที่มาช้า”สองมือกุมเข่าไว้ เวียงหอบหายใจแรงเนื่องจากหายใจไม่ทัน เมื่อเห็นสภาพแล้วก็อดสงสารไม่ได้
“ใจเย็นๆพี่ ผม. . .”ไม่มีคำใดจะเอ่ย สาวเท้าไปประคองคนที่วิ่งมาจนหอบตัวโยน
“อะ. . . พี่ให้”เมื่อลมหายใจกลับมาเป็นปกติแล้ว ก็คว้ากระเป๋าเป้ประจำตัวควานหาของข้างใน แล้วก็ยื่นกล่องที่ดำๆให้กับคนตรงหน้า
“อะไรเนี่ย”คีย์รับของก็พลิกดูลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมแบนราบ แต่ตัวกล่องสีดำด้วยผ้ากำมะหยี่ห่อหุ้ม
“เปิดดูดิ”อนยูเร่งเร้าให้อีกฝ่ายเปิดดู คีย์ค่อยเปิดแง้มฝากล่องออกมาก็พบว่าเป็นสร้อยคู่สองเส้นวางคู่กันอยู่
“โห พี่. . . แพงน่าดูเลย”สร้อยสองเส้นที่เส้นสร้อยทำด้วยทองคำขาวเพิ่มความสวยงามแบบมีสไตล์ด้วยการบิดเกลียว ห้องจี้เงินแท้ที่ดีไซน์ตัวเป็นรูปลูกกุญแจวางอยู่บนเต้าหู้ก้อนสี่เหลี่ยมเพิ่มความน่ารัก
“ให้คีย์เส้นนึง ของพี่อีกเส้นนึง มะ. . . เดี๋ยวพี่ใส่ให้”อนยูว่าพลางหยิบสร้อยเส้นนึงมาให้คีย์
“เดี๋ยวผมใส่ให้พี่เอง”คีย์ยื่นแขนไปโอบรอบคออีกฝ่ายก่อนจะติดตะขอสร้อย จบท้ายด้วยการประกบริมฝีปากดูดดุนไปที่ลำคออีกฝ่ายสร้างร่องรอยสีแดงจากการกระทำไว้
“ห้ามให้ใครทับรอยผมนะ”ใบหน้าแดงระเรื่อเขินอายกับสิ่งที่ทำ แต่เพื่อวันๆนี้แล้ว เขายอม!!!
“. . .”อีกฝ่ายยังคงงงๆกับการกระทำ คีย์เห็นแล้วอดที่จะส่ายหน้าระอานิดๆไม่ได้ เห็นเวลาอย่างนั้นล่ะหื่นจัง เจอเขารุกครั้งเดียวถึงกับค้าง เดี๋ยวงวดหน้าจับออนท็อปซะเลย เอ้ย! เขาคิดอะไรเนี่ย
“ไปเร็ว เดี๋ยวมีเวลาเหลือน้อยนะ”เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงจ้องหน้าเขาอย่างเหวอๆอยุ่ก็จัดการลากแขนติดตามมาทันที สถานที่ที่เขาจะไปไม่ใช่ที่ไหนเลย สวนสนุกนั่นเอง. . .
หลายๆคนอาจจะงงว่าทำไมต้องมาที่สวนสนุก แต่ที่นั่นเป็นแหล่งเก็บความทรงจำชั้นยอด ไม่ใช่เพียง ทานข้าว ดูภาพยนตร์ แต่เป็นการกระทำอะไรร่วมกัน ได้จดจำใบหน้าของอีกฝ่าย ได้เห็นรอยยิ้มที่เกิดขึ้น ได้เห็นความห่วงใย นั่นแหละที่เขาอยากจะเก็บมันให้ลึกถึงเซลล์ที่ลึกที่สุดของหัวใจ
แม้จะเคืองที่อีกฝ่ายรักการเดทแบบธรรมดา ต้องทำงอนอยู่หลายวันจนอีกฝ่ายยอมให้เขามาสวนสนุก แต่เขาจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน
‘ขอบคุณนะครับ พี่อนยู ขอบคุณทุกความรู้สึกที่พี่มอบให้กับผม ผมจะไม่มีวันลืมแน่นอน’
Valentine Day
อยากจะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความสดใส แต่กลับมีมารผจญอยู่บนเตียงของเขาซะได้ แม้จะยินยอม(อย่างไม่เต็มใจ)ให้เพื่อนสนิทมานอนร่วมห้อง แต่สภาพที่เกิดขึ้นกับเขาแทบอยากจะย้อนเวลาไปบอกปัดคำขอนั้นเสียจริงๆ
“แจจิน นายช่วยยกข้าขึ้นหน่อยได้มั้ย”มินโฮพยายามกล่าวเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ทำไมนะหรอ เพราะตอนนี้ไอ้เพื่อนตัวดีเอาขาทั้งแข้งมาวางพาดอยู่ตรงหน้าอกเขาพอดี แถมเท้าอีกฝ่ายกำลังจะพยายามยื่นมาให้เขาชิมลิ้มรสอยู่แล้ว
“หือ อือๆๆ”ส่งเสียงครางอย่างรับรู้ แต่. . . ไม่มีการขยับใดๆทั้งสิ้น
“เฮ้ย เอาขาออกไป”มินโฮยื่นมือสะเปะสะปะเลื่อนให้อีกฝ่ายขยับออกไป จนในที่สุดก็สำเร็จสักที
“ให้ตาย วันนี้มันเป็นวันวาเลนไทน์นะ”มินโฮหันมาตะคอกใส่แจจินที่กำลังหลับสบายละไม่อนาทรร้อนใจกับเสียงที่เกิด
มินโฮทำกิจวัตรประจำวันด้วยความไม่เร่งรีบ แถมท้ายด้วยการทำอาหารเช้าไว้เพื่อรอรับเพื่อนอย่างไอ้ดื้อที่หลับอุตุอยู่ในห้องเพียงลำพัง ไม่ทันที่จะได้จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมเสียงออดก็ดังขึ้นบ่งบอกถึงการมีผู้มาเยือนในช่วงเช้านี้
“สักครู่ครับ”แม้จะแปลกใจว่าใครมา แต่ก็ช้าไม่ได้ สาวเท้ายาวๆก้าวไปเปิดประตูเพื่อให้เห็นว่าใครมา
“อ้าว แทมินเองหรอ”เขทำได้เพียงยืนชะงักที่หน้าประตูเท่านั้น ไม่มีคำจะพูดไปมากกว่านี้
“เอ่อ. . . ผมแค่อยากจะเอาของมาให้ครับ”แทมินรู้สึกเก้อนิดๆเมื่อมองเห็นคนที่เขาเฝ้าใจจดใจจ่อรอคอยทำเพียงยืนอยู่เฉยๆ แม้จะเห็นแววประหลาดใจนิดๆจากแววตา แต่กลับไม่เห็นแม้ความรู้สึกดีใจเลยสักนิด
“นี่ฮะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์”แทมินหยิบยื่นกล่องช็อคโกแลตที่ทำขึ้นมาอย่างอุตสาหะให้กับมินโฮ มินโฮเกิดความลังเลใจว่าจะรับดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นใบหน้าอีกฝ่ายค่อยๆเลือนรางซึ่งรอยยิ้มก็รับไว้
“ขอบใจนะ แต่ทีหลังอย่าดีกว่า”มินโฮเลือกที่จะกล่าวให้รับรู้ตรงๆ ไม่อยากแล้ว ที่จะทำให้ใครๆเข้าใจผิดกับคำว่า ความหวัง
“ทะ... ทำไมหรอฮะ”เสียงที่เอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อย
“เพราะว่าพี่มีคนที่ชอบแล้ว แทมินเลิกตามพี่เถอะนะ ถือว่าพี่ขอร้องก็ได้ แต่ขอโทษนะ พี่มีแขกอยู่ในบ้าน”มินโฮทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดกับในคำพูดเขา แต่เพื่อให้นายได้เจอคนที่ดีกว่า ฉันต้องทำ
“งั้นหรอฮะ”ยากเย็นเต็มทีกับการที่จะพูดออกมาโดยไม่ให้มีเสียงสะอื้น น้ำตาเริ่มไหลคลอที่ตา เจ็บหนึบที่หัวใจ ไม่ยักรู้ว่าความรักที่เขามองว่าสวยงามจะร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ นัยน์ตาร้อนผ่าวพยายามกลั้นไม่ให้น้ำหยดใสได้ไหลลง แม้จะไม่เหลือศักดิ์ศรีในความรัก แต่ก็ขอเหลือไว้ซึ่งความเข้มแข็งที่จะยอมรับด้วยเถอะ
“นายลองมองไปที่คนข้างหลังนายบ้างเถอะ บางทีอาจะมีคนที่ดีกว่าพี่ ขอตัวนะ”มินโฮกล่าวจบก็รีบปิดประตูทันที ไม่อยากที่จะจ้องมองอีกฝ่าย ความสงสารมันท่วมล้นหัวใจ แต่เขารู้ดีว่าความสงสารที่ให้มันอาจจะกลายเป็นความหวังลมๆแล้งของอีกฝ่ายได้
แทมินปลดปล่อยให้น้ำตาไหลลงคลอรอบดวงตา แม้จะเจ็บที่อีกฝ่ายบอกปฏิเสธ แต่ทำไมต้องยัดเยียดเขาให้คนอื่น ไม่มีใครห้ามใจที่ตัวเองรักได้หรอก ต่อให้พยายามทั้งชีวิตนี้ก็ตาม
การหันกลับไปมองคนอื่นมันก็คือ เรื่องยาก
แต่การที่จะให้ตัดใจจากคนข้างหน้า มันเป็นเรื่องที่ยากกว่าเรื่องยากซะอีก
แล้วอย่างนี้ เขาจะทำทั้งสองเรื่องที่ยากต่างกันนี้ได้อย่างไร
Valentine Day
End of
Valentine Day
ความคิดเห็น