คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 : ...Come Back...
Chapter 4
Come Back
ถ้าการที่เราโกรธใครสักคน ชั่ววูบแรกไม่อาจจะปฏิเสธได้
อยากจะทำร้ายคนที่ทำให้เราโกรธ ทำให้เราเจ็บ. . .
แต่ถ้าในกรณีที่เป็นคนที่เรารักล่ะ. . .
คนที่เราไม่อาจจะทำอะไรได้ เพราะเรารัก. . . เหตุผลงี่เง่าที่เกิดขึ้นบนความรู้สึกโง่ๆ
(Choi Minho’s Part)
ไม่อาจจะบอกได้ว่าความรู้สึกตอนนี้เป็นอย่างไร ราวกับโลกหยุดหมุนทั้งๆที่ผมกำลังจะก้าวไป บางทีอาจจะเป็นเพราะผมงี่เง่าโทรไปหาเขา โทรไปในช่วงเวลาที่น่าจะรู้ว่าเขากำลังอยู่กับใคร. . .
‘ว่าไง แอบฟังชาวบ้านเล่นหนังสดแล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ’
ถ้อยคำที่ได้ยินสลักแน่นในความคิด รวมทั้งเสียงที่ได้ยิน ไม่อาจจะลบเลือนออกจากความทรงจำ เหมือนกับเป็นรอยแผลที่เกิดขึ้น และไม่นานก็ต้องกลายเป็นแผลเป็น. . . ที่คอยสะกิดให้นึกถึงที่มาของบาดแผล
ผมไม่อาจจะว่ากล่าวพี่อนยูได้เลยแม้แต่นิดเดียว ดังสัจธรรมของโลกที่ว่าโลกใบนี้. . . ไม่มีคนดี. . . หรือ. . . คนเลว สำหรับผมบนโลกนี้แบ่งออกเป็นแค่. . . คนที่คิดได้ คนที่คิดไม่ได้ และคนที่ไม่ได้คิด. . . ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้พี่อนยูจัดอยู่ในสถานะใด แต่อย่างไรแล้ว เขาก็เป็นพี่ชายที่ดีสำหรับผมเสมอ
เฮ้อ. . . ผมนั่งมองไปนอกหน้าต่างนานมากจนผมเริ่มรู้สึกเมื่อยล้าร่างกายอย่างไรก็รุ้ ในหัวก็ยังมีแต่เรื่องนี้มาวนเวียนชวนให้เจ็บช้ำ วันมะรืนนี้ก็จะเป็นวันวาเลนไทน์อยู่รอมร่อ ท่าทางผมคงต้องทำตัวเป็นเหมือนๆทุกปีผ่านไป อยู่คนเดียว ปฏิเสธจากเหล่าสาวๆทั้งหลาย เพียงเพื่อเก็บหัวใจและความรู้สึกโง่ๆไว้ให้คนๆหนึ่ง แค่นั้นจริงๆ. . . ที่ทำได้
ผมเนรเทศตัวเองออกจากเก้าอี้ข้างหน้าต่างมาอยู่บนเตียง เปิดโทรทัศน์ดูเรื่อยเปื่อย เสียงผู้ประกาศข่าวยังคงกล่าวต่อไปเรื่อยๆ
‘ตอนนี้เรามาฟังกันดีกว่าครับ ว่าปีนี้ ใครจะได้ครองแชมป์นักร้องเสียงดีในปีนี้กัน’
‘นั่นสิค่ะ ฉันตื่นเต้นมากเลยค่ะ แถมปีนี้ความสามารถเยอะๆกันทั้งนั้นเลย’
‘ท่าทางปีนี้ท่านคณะกรรมการคงหนักใจกันน่าดู แต่ตอนนี้ผลคะแนนกลับมาอยู่ในมือผมซะแล้ว แย่จังนะครับ ถ้าต้องคัดให้เหลือคนเดียว’
‘ประกาศกันเลยเถอะค่ะ ฉันลุ้นจะแย่แล้ว’
‘ครับ ปีนี้ผู้ที่ได้รางวัลชนะเลิศก็คือ. . . ลีแจจินครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ’
ผมอดที่จะหันไปมองหน้าของคนที่ได้รางวัลนั้นไม่ได้ ไม่ใช่เพราะอะไรแต่เป็นเพราะคนๆนั้นชื่อเหมือนเพื่อนผมเมื่อตอนมัธยมต้นนั่นเอง
“เฮ้ย นั่นมันไอ้ดื้อนี่หว่า”ให้ตาย ผมตกใจจริงๆนะเนี่ย ใครจะไปรู้ว่าไอ้ดื้อเพื่อนเก่าผมมันไปประกวดร้องเพลงมาแถมเวทีเดียวกับผมด้วยซ้ำ เสียงกรีดร้องของแฟนคลับยังคงดังต่อเนื่อง หน้าตาไอ้ดื้อนั้นยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว ดูโตขึ้นมากกว่าแต่ก่อนนี้เยอะเลยนะนายนี่
‘ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้ความสนับสนุนผม รวมทั้งเสียงเชียร์ของทุกๆคน ขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านด้วย แต่. . . จะขาดไม่ได้เลย คนที่ทำให้ผมชื่นชอบเสียงเพลง ทำให้ผมก้าวมาในจุดๆนี้ ขอบใจมากนะ มินโฮ ถ้าไม่มีนายฉันก็คงไม่ทำมันออกมาได้ดีขนาดนี้ ตอนนี้ฉันก้าวมาในจุดๆเดียวกับนายแล้ว รอวันที่ฉันจะไปพบนายนะ รอฉันนะ’
ดวงตาที่สบมองตรงมาที่กล้อง ตอนนี้ราวกับจ้องผมออกมาจากหน้าจอโทรทัศน์เลยทีเดียว ให้ตายวันละหลายๆรอบ สรุปว่าไอ้ดื้อนี่ร้องเพลงตามผมใช่มั้ย นายนี่มันดื้อจริงๆ อุตส่าห์สอนให้ทำในสิ่งที่รักแล้ว แถมใครใช้ให้นายประกาศชื่อของฉันออกโทรทัศน์ห๊ะ. . . ชาวบ้านเขารู้กันหมดแน่ว่านั่นชื่อผม เพราะผมก็เพิ่งได้แชมป์จากเวทีนั้นเมื่อปีที่แล้วเอง
ตาขวากระตุกแปลกๆ หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ. . . หวังว่างั้น
Come Back
“แจจินๆ ทางนี้”เสียงกรี๊ดกร๊าดขงแฟนคลับยังคงดังต่อเนื่องแม้แจจินจะเดินเข้ามาด้านหลังเวทีแล้วก็ตาม หนึ่งในผู้จัดการรายการร้องเพลงกำลังเรียกให้แจจินเดินตามเข้าห้องไป
“ครับๆ ทราบแล้วครับ สักครู่ฮะ ขอผมไปห้องน้ำแล้วเดี๋ยวผมจะตามเข้าไปนะฮะ”แจจินร้องบอกก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำด้านในไป
“โอ้ย ให้ตาย ใครใช้ให้นายบอกชื่อไอ้ฮิตเลอร์เนี่ย ถ้าเกิดไอ้ฮิตเลอร์บ้านั่นนั่งดูทีวีอยู่ล่ะ ตายแน่ๆๆ”แจจินที่มองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นว่ามีคนอื่นใดในห้องน้ำนอกจากตัวเองก็จัดการปราวาสนาตัวเองผ่านกระจกเงาเป็นการใหญ่แถมท้ายด้วยการกระทืบเท้าที่เป็นนิสัยเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ครั้นเมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังขยี้ผมชวนให้นึกถึงภาพสไตลิสต์ที่พยายามลวนลามตัวเองด้วยสายตาจะมาฆ่าเขาด้วยหวี และที่หนีบผมเป็นแน่แท้ นึกภาพแล้วแสลงใจ ส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยว่าทรงผมกลับมาดูดีดังเดิมก็สาวเท้าเดินออกจากห้องน้ำราวกับว่า. . . ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ก็อกๆๆ
“ขอโทษนะครับ”แจจินเคาะประตูเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆแง้มประตูเปิดเข้าไป ที่ปรากฏตรงหน้าเป็นห้องประชุมตามที่เคยเห็นผ่านโทรทัศน์ ไม่เคยได้มาประสบด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เขาพอจะรู้แล้ว ทีหลังห้ามมาสายเด็ดขาด อยากจะร้องไห้จริงๆเวลาที่ทุกคนมองมาทางผม โอ้. . .
“นั่งเลยๆแจจิน”ผู้หญิงคนเดิมที่เรียกเขาเมื่อสักครู่นี่เอง
“เข้าเรื่องเลยนะครับ คือทางค่ายอยากจะให้คุณเป็นนักร้องในสังกัด ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ”หนึ่งในคณะประชุมที่นี้ถามแจจินขึ้นมา แต่นั่นก็ดีกว่าอ้อมไปอ้อมมา ตรงๆแบบนี้ประหยัดเวลาไปเยอะเลย
“ผมหรอฮะ เอ่อ. . . ผมยังไม่มีความคิดในเรื่องนี้น่ะครับ ผมพอใจที่จะได้ร้องไปเรื่อยๆมากกว่า”แจจินบอกอย่างเกรงใจนิดๆ
“ที่คุณพูดไว้บนเวทีน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณกับ เชวมินโฮ แชมป์เมื่อปีที่แล้ว เกี่ยวข้องกันอย่างไรครับ”
“อ๋อ ผมเป็นเพื่อนสนิทกับเขาเมื่อตอนมัธยมต้นฮะ”แจจินตอบตรงๆไม่มีอะไรให้ปิดบัง
“ถ้าเกิดคุณได้เป็นนักร้องดูโอคู่กับเขา คุณยังจะสนใจไหมครับ”แจจินอดจะไขว้เขวนิดๆไม่ได้ นักร้องดูโอคู่กับไอ้ฮิตเลอร์เพื่อนเขาน่ะหรอ มันก็น่าสนใจไม่น้อย
“ว่าไงครับ ปีที่แล้วคุณมินโฮก็ปฏิเสธทางเราเหมือนกัน แต่ถ้าได้ออกร้องเพลงคู่กับคุณก็น่าจะพอใจอยู่นะครับ”ราวกับถ้อยคำขับกล่อมให้คล้อยตามอย่างไม่ยากเย็น แต่จิตใต้สำนึกกลับคอยเตือนไว้เสมอ
“ถ้ามินโฮปฏิเสธที่จะร้องเพลงนั่นก็หมายความว่าเขาได้เลือกแล้ว พวกคุณคงไม่อาจจะไปเปลี่ยนใจเขาได้หรอกครับ ผมรู้ดี. . . และผมก็ร้องเพลงตามที่ใจสั่งการ ไม่อาจจะเปลี่ยนเป็นเพราะสมองสั่งการได้หรอกครับ แต่ผมขอรบกวนนิดหน่อยได้มั้ยครับ ผมขอที่อยู่ของมินโฮได้มั้ยครับ ผมคิดถึงเขามาก”แจจินพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาในมิตรภาพ และมั่นใจในความคิดของเพื่อนด้วยเช่นกัน
“ได้แน่นอนครับ ถ้าคุณยืนยันว่าเป็นเพื่อนเขาจริง”
Come Back
ท่ามกลางอากาศเย็นยะเยือกกลางเดือนกุมภาพันธ์บ่งบอกได้ดีว่าอยู่ในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิที่แตะต้องผิวกายติดลง ไหล่ต้องห่อลงเมื่อลมหนาวมาเยือนให้ตายอีกครั้ง เขากลับต้องมาเดินหาที่อยู่เพื่อนเก่าที่ไม่น่าตามหา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรเหมือนกัน
“อ๊ะ. . . เจอแล้ว”หลังจากเดินหามานาก็พบบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่มีลักษณะทั่วไป ไม่ได้บ่งบอกคุณลักษณะที่พิเศษใดๆของเจ้าของบ้านแม้แต่น้อย
นิ้วเรียวบางเอื้อมไปกดกริ่งเพียงสองครั้งอย่างอัตโนมัติ โดยที่ลืมไปว่าไม่ได้คิดบทสนทนาไว้ล่วงหน้าเลยสักนิดเดียว
“สักครู่ครับ”เสียงที่ดังลอดผ่านประตูพอจะเดาได้ว่าเจ้าของบ้านกำลังจะมาเปิดประตูให้เขาในไม่ช้า แต่ว่า. . . อยากจะวิ่งกลับบ้านเสียเหลือเกินในตอนนี้ เท้าที่ค่อยๆจะขยับถอยหลัง เตรียมหมุนตัววิ่งกลับ แต่ประตูก็เปิดผ่างออกมา. . . อย่างไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ
“อ๊ะ. . .”ไม่มีคำใดจะเอื้อนเอ่ย สิ่งที่เห็นคืออาการประหลาดใจของคนที่มาเปิดประตู
“แฮะๆๆ หวัดดี”แจจินได้แต่เพียงหัวเราะอย่างเขินๆ ก่อนจะทักทายออกไป ดูเหมือนว่าตอนนี้เจ้าของบ้านจะมีสติไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ยังคงมองเขาตาค้างอยู่นานหลายวินาที แจจินยื่นมือไปโบกที่ด้านหน้าของมินโฮ มินโฮจึงค่อยรู้สึกตัว
“อ๊ะ โทษทีๆ เข้ามาดิ”มินโฮเขยิบตัวให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาก่อนจะปิดประตูบ้านไว้ดังเดิม
Come Back
แสงแดดที่มีอยู่น้อยนิดในหน้าหนาวส่องทะลุก้อนเมฆกลุ่มใหญ่กระทบกับร่างบางที่ตอนนี้กำลังหลับสบายบนเตียง ส่งผลให้เจ้าตัวต้องขยุกขยิกตาพยายามจะหลบแสงที่ก่อกวนสายตาในขณะที่กำลังนอนอยู่ มือเรียวคว้าหมอนอีกใบมาปิดตาไว้ก่อนจะจมเข้าสู่ห้วงนิทราดังเดิม อนยูที่นั่งมองคีย์อยู่ที่โซฟาก็อดที่จะยิ้มน้อยๆไม่ได้ สิ่งที่เห็นมันอาจจะขัดใจใครหลายๆคน แต่ที่เขาเห็นกลับเป็นเพียงความน่ารัก และนิสัยที่ไม่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองต่างหาก
ครั้นเมื่อเห็นเวลาอันสมควรที่จะปลุกคนขี้เซาที่นอนอยู่บนเตียงแล้ว ความคิดพิสดารแปลกๆก็ล่านเข้ามา จะปลุกทั้งทีก็น่าจะให้ประทับใจกันหน่อย (?)
“คีย์”อนยูที่ตอนนี้นั่งอยู่บนเตียงใกล้ๆกับร่างบาง กำลังส่งเสียงเรียกให้คนที่หลับใหลอยู่ตื่นขึ้น
“คีย์ ตื่นได้แล้วนะ จะเที่ยงแล้ว”อดจะยอมรับไม่ได้ว่าเมื่อคืนนี้เป็นคืนรอบยอดเลยก็ว่าได้ เล่นเอาเขาปวดเมื่อยสะโพกพอๆกัน แต่ถ้าเทียบกับคีย์แล้ว ท่าทางคนที่เป็นฝ่ายรองรับน่าจะเจ็บกว่าเขามากโข
“คีย์ จะตื่นไหม หือ”เมื่อไม่เห็นการตอบสนองจากคนขี้เซาแล้ว อนยูก็เลือกแผนการที่คิดไว้ในหัวมากมายมาหนึ่งวิธี อนยูค่อยๆเลื่อนริมฝีปากไปกดจูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น
ไม่มีการตอบสนองใดๆเช่นเดิม. . .
“คีย์ ยังไม่ตื่นอีกหรอ”อนยูถามอีกครั้ง เหมือนครั้งนี้ร่างบางจะส่งเสียงผ่านลำคอมา พอจะจับใจความได้ว่า. . .
“อย่ามายุ่งน่า คนจะนอน”อนยูอดจะหัวเราะเบาๆไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่านิสัยของคีย์จะใกล้เคียงกับเด็กสามขวบถึงเพียงนี้
“ได้”ส่งเสียงเหี้ยมเกรียมก่อนจะค่อยเลื่อนผ้าห่มของคีย์ออก เผยให้เห็นอกที่เคยเป็นสีชมพูระเรื่อ ที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงช้ำซึ่งเกิดจากผลพวงการกระทำของเมื่อคนนั่นเอง เสียงน้ำลายที่กลืนเอื้อกลงคอพอจะทำให้รู้ว่าตนเองคิดอะไรกับภาพตรงหน้า ทำไมเมียเขาถึงได้สวยยั่วเหลือร้ายขนาดนี้เนี่ย
นิ้วเรียวที่เกิดอาการสั่นระริกค่อยๆเลื่อนไปสัมผัสยอดอกของอีกฝ่ายเบาๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีอาการตอบสนองใดจึงเลื่อนมือไปสัมผัสยอดอกอีกข้างแทน ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปครอบครองยอดอกอีกข้างแทน
“อืม. . .”ฝ่ายที่นอนหลับอยู่ไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรกับตนเอง เสียงครางผ่านลำคอไม่อาจจะบอกได้ว่ารู้สึกดีหรือว่าหงุดหงิดจากการถูกก่อกวนเวลานอนหลับอันแสนสบายนี้
อนยูเม้มริมฝีปากมากขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็บีบเคล้นยอดอกให้เกิดอาการเจ็บแปลบเป็นระยะ เรียวลิ้นที่คอยตวัดราวกับหยอกล้อยอดยกสลับกับการขบกัดในบางคราส่งผลให้ร่างบางที่กำลังหลับพริ้มขมวดคิ้วน้อยๆไม่ได้ อนยูยังไม่ละความพยายาม สร้างร่องรอยแห่งการกระทำให้มากขึ้น เลื่อนริมฝีปากลัดเลาะขึ้นไปยังลำคอขาวผ่องก่อนจะกดจูบที่ฝากร่องรอยแห่งการกระทำที่ชัดเจน รอยสีแดงเข้มปรากฏเด่นชัดทันที คีย์ที่เกิดอาการหงุดหงิดจากการนอนไม่พอลืมตาตื่นขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ทำความเข้าใจเพียงสามวินาทีก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเองทันที
“เฮ้ย พี่อนยู. . . ทำอะไรเนี่ย ลุกออกจากตัวผมเดี๋ยวนี้เลย”คีย์สะดุ้งพรวดพยายามจะลุกจากที่นอนก็ติดที่ร่างสูงคร่อมเขาไว้ ตอนนี้เสียงจึงเป็นเครื่องมืออย่างเดียวที่ช่วยตัวเองให้พ้นจากสถานการณ์อันล่อแหลม สองมือก็พยายามดันอีกฝ่ายให้พ้นจากร่างกายตนเอง
“รู้แล้วๆ ก็ใครใช้ให้อยากปลุกยากเองนี่ หือ”อนยูเบี่ยงตัวหลบอย่างโดยดี ก่อนจะขยับตัวไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้อีกฝ่ายไปอาบน้ำ แถมยังเตรียมเสื้อผ้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่ขัดเคืองใจแต่อย่างใด
“ไปอาบน้ำได้แล้ว ไปๆ”อนยูส่งผ้าเช็ดตัวให้ก่อนจะจัดวางเสื้อผ้าไว้บนเตียงให้เสร็จสรรพ คีย์ที่รับผ้าเช็ดตัวก็รีบนำมาพันรอบกายตนเองอย่างรวดเร็ว แหม. . . ถึงจะเคยมีอะไรกันหลายครั้งแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชินกับการเปลือยกายด้วยนี่นา
“จะอายอะไรหนักหนา ห๊ะ. . . เห็นมามากกว่านี้ก็แล้ว จับก็ทำแล้ว ยังไม่ชินอีกหรือไง”อนยูที่เห็นท่าทางแบบนั้นของคีย์ก็อดจะกระเซ้าเหย้าแหย่ไม่ได้ คีย์พองลมในปากทำท่างอนเหมือนเด็กๆตามที่อนยูเคยว่า ก่อนจะค่อยๆขยับเขยื้อนร่างกายไปยังห้องน้ำอย่าง. . .ยากเย็น เฮ้อ. . .
“คีย์ พี่รอข้างล่างนะ เดี๋ยวลงไปทานข้าวด้วย”อนยูส่งเสียงบอกคที่กำลังชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ คีย์เพียงแค่ส่งเสียงขานรับก่อนจะเปิดสายฝักบัวให้ทำงานดังเดิม เสียงน้ำที่ตกกระทบพื้นกระเบื้องเป็นไปตามปกติ อนยูจึงวางใจว่าคนรักคงไม่ถึงขนาดกับทรุดไปกองที่พื้นแน่ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะต้องทำก็รีบเร่งสาวเท้าไปยังห้องครัวจัดแจงเตรียมอาหารเช้าในเวลาเที่ยงให้คีย์และตัวเขาเอง ส่วนน้องชายที่น่ารักของเขาก็ไปเรียนพิเศษตั้งแต่เช้า ชีวิตเด็กม.ปลายของน้องเขามองดูแล้วก็เหนื่อยแทนจริงๆ. . . เฮ้อ
Come Back
“ว่าแต่นายเหอะ ไปประกวดร้องเพลงทำไมห๊ะ ไหนบอกว่าชอบเล่นดนตรีมากกว่าไง”มินโฮเปิดประเด็นถามทันทีหลังจากที่ไปเอาน้ำมาให้แขกที่ไม่ได้เตรียมตัวรับเชิญอย่างแจจิน
“ก็. . . พอใจอ่ะ ทำไม”นอกจากไม่ตอบแล้วยังจะกวนโอ้ยอีก ไอ้ดื้อนี่ มินโฮทำเพียงสายตาคาดโทษแต่ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบมากมาย อาจะเป็นเพราะเคยชินแล้วก็ได้กับไอ้นิสัยแบบนี้
“ช่างมัน เรื่องนั้นไม่สำคัญ ไอ้ที่สำคัญ. . . ใครใช้ให้นายไปประกาศชื่อฉันออกโทรทัศน์ว่ะนั่น มีเคืองนะ มีเคือง”
“พอใจอ่ะ มีไรป่ะ”ถามมาเขาก็จะตอบกวนโอ้ยอย่างนี้ต่อไป ไม่ได้จะตั้งใจกวน แต่แก้เก้ออาการเขินนิดๆเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง ไม่ยักจะรู้ว่าผู้ชายก็เขินเป็น
“กวนนะ ไอ้ดื้อ เดี๊ยะเอ็งตาย”สรรพนามเก่าเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง
“แล้วทำไม ไอ้ฮิตเลอร์จอมโหด วันๆคิดแต่จะฆ่าชาวยิวนะเอ็ง”
“พอและๆ เดี๋ยวไม่จบ ว่าแต่ไม่เล่นดนตรีแล้วรึไง”มินโฮถามอย่างสงสัยจริงๆ
“เล่นเว้ย แต่จะให้แบกเบสไปๆมาๆ หาแป๊ะเอ็งรึไง”ไอ้นี่. . . ถามดีๆตอบกวนๆ
“เออ ว่าแต่วาเลนไทน์ นัดเดทไว้กับสาวไหนเปล่าเอ็งอ่ะ”มินโฮถามกระเซ้า ตั้งแต่ตอนมัธยมต้นแล้ว กว่าเขากับแจจินจะได้เป็นเพื่อนกัน เขม่นจนเกือบลงมือกันหลายต่อหลายครั้งแล้ว เพราะสาเหตุเดียวก็คือ. . . หนุ่มป็อปของโรงเรียนจะต้องมีเพียงคนเดียว จนท้ายที่สุดต้องยอมมาเป็นเพื่อนกันเพราะครูฝ่ายปกครองเกิดการระอาจนให้เป็นบัดดีกันหนึ่งปีเต็มๆ เลยได้มาเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ไม่มีว่ะ หาไม่ถูกใจซักที”ก็พอรู้ว่าไอ้เพื่อนคนนี้หัวสูงพอสมควร ใครใช้ให้เอ็งเกิดมาหน้าหวานล่ะ สาวสวยๆที่ไหนจะเอาเป็นแฟน ไอ้บ้านี่. . . วันๆไม่เคยส่องกระจก เพ้อพกว่าตัวเองหล่อเลิศเป็นประจำ
“เฮ้อ. . .”มินโฮทำท่าอิดหนาระอาใจพร้อมกับมองหน้าคนไม่เจียมตัว
“ว่าแต่เอ็งล่ะ หล่อนักพ่อคู้ณ นัดสาวไหนไว้ล่ะ”แจจินอดที่จะแขวะเชิงประชดประชันไม่ได้
“เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยว่ะ ก็เลย. . .”
“เลย?”แจจินถามพลางเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเบิกตากว้างๆ เป็นนิสัยเมื่ออยากรู้อะไร
“เลยไม่เลือกสักคน ฮ่าๆๆ”ว่าแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ก็หน้าตาเพื่อนเขามันชวนฮาเองนี่นา
“โหย ไอ้ฮิตเลอร์ ข้าก็หลงคิดว่าเรื่องจริง ถุ้ย”แจจินด่าว่ามินโฮ ความคุ้นเคยเริ่มกลับมา บทสนทนาสลับการต่อว่าต่อขาน แขวะกันบ้างดำเนินต่อไปเรื่อยๆ นี่แหละนาที่เขาบอกว่าความสัมพันธ์แบบเอนผู้ชาย มันจูนกันง่ายขนาดที่พวกผู้หญิงยังงง (มันไปซี้กันตอนไหนวะ <- - ได้ยินประจำ - -)
Come Back
คีย์เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แม้ในห้องจะเปิดฮีตเตอร์ไว้ ความหนาวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็ไม่เคยลดหย่อนแม้แต่น้อย คีย์ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นมือถือของตนเองวางไว้อยู่บริเวณโต๊ะเล็กๆข้างเตียง คีย์หยิบมาดูเมื่อนึกได้ว่าเมื่อวานนี้น่าจะมีคนโทรมาหาเขาตอนที่. . .เอ่อ. . . ตอนที่เล่นจ้ำจี้อยู่ เฮ้อ. . .
คีย์เปิดเช็คบันทึกการโทรเห็นชื่อที่โทรเข้ามา มินโฮ นั่นเอง แต่ทำไมเป็นสายโทรเข้าทั้งๆที่น่าจะเป็นสายที่ไม่ได้รับซะมากกว่า เมื่อเปิดเช็คดูก็เป็นช่วงเวลานั้นจริงๆ แถมมีบันทึกเวลาการสนทนาด้วย เกือบครึ่งชั่วโมงเลยหรอ คีย์ยิ่งหน้าซีดเข้าไปใหญ่ นี่หมายความว่า. . .
เรื่องนี้ต้องเคลียร์ซะแล้ว
Come Back
End of
Come Back
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ขอโทษนะค่ะ มาอัพช้าไปหนึ่งวัน
เผอิญว่าเมื่อวานไปหาหมอมาอ่ะค่ะ
เลยไม่ได้อัพ
หวังว่าตอนนี้น่าจะเป็นอะไรที่สบายๆไม่เครียดกัน
งวดหน้าไรเตอร์มาอัพวันที่ 9 นะค่ะ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ แล้วอย่าลืมเม้นต์กันนะค่ะ
ทานยาแล้วง่วงนอน แล้วเจอกันนะค่ะ
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ความคิดเห็น