คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 : ...The Rope...
Chapter 2
The Rope
เชือกในวันที่มันยังต่อกันอยู่ มันย่อมใช้งานได้
แต่ถ้าวันใดมันขาด ก็ต่อไม่ได้ดังเดิม . . .ย่อมใช้งานไม่ได้
ถึงแม้จะผูกให้มันใช้งานได้ดังเดิม เชือกเส้นนั้นก็ยังคงมี . . . ปม
(Kim Jonghyun’s Part)
ตอนนี้ผมกำลังเดินกลับบ้านอยู่ ผมไม่รู้ว่าผมแสดงสีหน้าแบบใดใส่แทมิน หวังว่าคงไม่ใช่หน้าตาที่ผมโมโหหรอกนะ . . . ผมเคยคิดว่า . . . การที่เรารักใครสักคน ไม่จำเป็นที่ต้องครอบครองเสมอ แต่แล้วผมก็รู้ว่า . . . ผมคิดผิด ผมต้องการครอบครองความรัก ไม่รู้ทำไม ผมไม่อาจจะอธิบายได้ แต่พอจะยกตัวอย่างได้ เช่น รอยยิ้มของแทมิน ผมอยากที่จะให้แทมินยิ้มให้ผมคนเดียว ไม่ว่าแทมินจะทำอะไรทาย ผมก็อยากที่จะเป็นผู้ชิมของแทมินคนเดียว ทำไมผมเห็นแก่ตัวขนาดนี้ . . .
รักสามเศร้า . . . ผมว่ามันน้ำเน่านะ แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจอด้วยตัวเอง . . .
ครืด . . . ครืด . . .
ผมมองที่หน้าจอโทรศัพท์ที่มีแสงไฟกระพริบๆ คนที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพี่อนยูนั่นเอง
“สวัสดีครับ”ผมกรอกเสียงไปตามโทรศัพท์มือถือ
/”ว่าไง จง วันนี้นายไม่อยู่ทานข้าวที่บ้านฉันหรอ ตอนนี้น้องนายก็อยู่ด้วยนะ”/
“หรอครับ น้องผม แฟนพี่ ใช่รึเปล่าครับ”ผมไม่ได้โกรธที่เขาเป็นแฟนกันนะ แต่ตอนนี้อารมณ์ผมมันแปรรวนไปหมดเลย ขอโทษจริงๆ
/”เฮ้ย นายรู้งั้นหรอ ไม่พอใจรึเปล่า”/
“เอ่อ ไม่หรอกครับพี่ เผอิญว่าผมกำลังรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ ขอโทษนะครับ วันนี้ทานข้าวให้อร่อยเถอะครับ ผมคงต้องทำรายงานนิดหน่อย สวัสดีครับ”ผมพูดตัดบท และกดตัดสายทันที ผมคงพอจะเดาได้ว่าพี่อนยูคงมองโทรศัพท์ของตัวเองอย่างงงอยู่แน่ๆ
ผมถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยแล้ว ผมทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเดิม ท่าเดิม และ . . . ความรู้สึกเดิมๆ
ผมรู้ตัวเองดี ถึงสั่งให้ตัวเองตัดใจ แต่เยื่อใยก็คงมีเต็มเปี่ยมอยู่ในใจผม ทำไมผมต้องเกิดมาเป็นคนที่ดันเข้าใจตัวเองซะทุกอย่าง บางทีถ้าผมไม่เข้าใจบ้างก็คงดี เพราะอย่างน้อย ตอนนี้ผมก็คงนั่งทานข้าวที่บ้านแทมินแล้ว ทำไมผมไม่เกิดมาเป็นคนที่ทุกๆคนไม่ไว้ใจ ทุกคนจะได้เลิกเอาความลับ ความเศร้า ความเสียใจมาใส่ในตัวผม
และตอนนี้ ผมก็ไม่เข้าใจพระเจ้าด้วย
ทำไมพระองค์ทรงประทานให้ผมเป็นคนแบบนี้ แบบที่ผมไม่ต้องการ . . .
The Rope
“ใครโทรมาหรอ คีย์”มินโฮที่นั่งอยู่ที่ชิงช้าข้างๆคีย์อดที่จะถามไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะมีชื่อของเขาอยู่ในประโยคสนทนาล่ะมั้ง
“อ๋อ พี่อนยูน่ะ มินโฮ . . . สงสัยเราต้องกลับแล้วล่ะ”คีย์ตอบด้วยน้ำเสียงเกรงใจนิดๆ ก็พอจะรู้ว่ามินโฮรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง แต่ถ้าปล่อยไว้ . . . มันจะกลายเป็นแผลเรื้อรังไปเสียเปล่าๆ
“หรอ อืม . . . งั้นผมดินไปส่งก็แล้วกัน”มินโฮพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร รอยยิ้มที่เสแสร้ง ตอนนี้เขาเกลียดตัวเองที่สุด
“เอางั้นหรอ แต่เราต้องไปที่บ้านพี่อนยูนะ มันค่อนข้างไกลอยู่ เอาเป็นว่า นายไปส่งเราที่ป้ายรถเมล์ก็พอ”
“อืม . . .”รู้ว่าคนตรงหน้าลำบากใจพอสมควร และเขาคงยังไม่มีปัญญาไปเคลียร์ปัญหากับพี่อนยูสักเท่าไหร่
เราสองคนเดินเคียงข้างกันเงียบๆ ไม่ รู้ทำไม . . . ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ เหมือนยิ่งถูกผลักไสมากขึ้นเท่านั้น ไม่มีประโยคสนทนาใดเอื้อนเอ่ยมาจากคนทั้งคู่ ยืนรอรถเมล์ ส่งร่างบางขึ้นรถ แล้วก็คอยโบกมือให้
และก็เหลือเขาไว้เพียงคนเดียวเช่นเดิม . . .
ภาพเหตุการณ์เดิมๆที่ย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจที่บอบช้ำของเขา ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานเท่าไหร่ ประโยคสนทนาที่จดจำขึ้นใจ ไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยคำอธิบายได้ จดจำไว้เพียงเขาเป็นผู้ร้ายก็พอ
‘ผมไม่ได้เป็นอะไรกับแทมิน และไม่ได้ขอร้องให้น้องชายพี่มารักผมด้วย ไปหาแทมินเถอะครับ ไม่ว่ายังไงผมก็จะแข่งต่อ’
แม้จะรู้เหตุผลที่ตัวเองทำอยู่เต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่อาจจะลบความรู้สึกผิดในใจได้ ไม่มีวันไหนที่เขาจะมองหน้าคนที่เขาทำร้ายได้อย่างเต็มตา ทั้งๆที่พี่อนยูก็เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ เขากลับทำเช่นนั้นใส่น้องชายของพี่อนยู ไม่ว่าพี่อนยูจะมองเขาด้วยสายตาอย่างไร แต่หัวใจกลับมีความทรงจำที่ดี รอยยิ้มที่พี่ชายมอบให้เสมอ เขาสามารถที่จะก้าวผ่านคืนวันอันเจ็บปวด
‘ให้พี่มองผมให้แย่ที่สุด ไม่คู่ควรกับน้องชายพี่ยิ่งดี ผมไม่อยากให้น้องของพี่อนยูเป็นแบบผม แบบที่ . . . เจ็บปวดระยะยาว ขอโทษที่สร้างบาดแผลไว้ แต่บาดแผลนั่น ผมทำไว้เพื่อให้พี่รู้ว่า ผมรักพี่จริงๆนะ พี่ชาย’
บาดแผลระยะยาว . . . เขาไม่ต้องการสร้างให้กับใคร
ถึงอยากจะกลับไปขอโทษ และอยากให้เป็นเหมือนเดิม
แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็คงเหมือนเชือกที่ขาด
ถ้าจะเอามาผูกกันใหม่ มันก็มีปมอยู่ดี. . .
The Rope
“ว่าไง หนุ่มน้อย วันนี้มีอะไรทานกัน”เสียงของอนยูทักเข้าไปก่อนที่จะได้เข้าไปนั่งภายในบ้านเสียอีก
“พี่อนยู วันนี้กลับช้าจังนะฮะ พี่คีย์รออยู่ที่ห้องนั่งเล่นน่ะครับ”แทมินชะโงกหน้าออกาจากห้องครัวเพื่อพูดคุยกับอนยู
“เข้าใจแล้ว หนุ่มน้อย”แทมินทำหน้ายู่เมื่อได้ยินสรรพนามที่อนยูชอบใช้เรียกเขานั้นอีกครั้ง อนยูทำเพียงหัวเราะเบาๆกับท่าทางนั้น
อนยูสาวเท้าก้าวไปยังห้องนั่งเล่นตามที่แทมินบอก
“อ๊ะ พี่อนยู วันนี้คีย์มาถึงก่อนพี่นะ ห้ามมีบทลงโทษอะไรด้วย”คีย์อดจะหน้าแดงไม่ได้ อันที่จริงไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้ชอบน้า แต่บทลงโทษแต่ละครั้งชวนให้เขาเป็นโรคหัวใจอยู่เรื่อยเลย
“อืม ตอนนี้ยังไม่มี ว่าแต่วันนี้ไม่เห็นอยู่รอพี่เหมือนทุกทีเลย แถมแอบหนีไปเที่ยวกับหนุ่มหล่อด้วย งั้นวันนี้พอจะมีบทลงโทษได้รึยัง”อนยูนั่งลงข้างคีย์พร้อมกับเอาแขนโอบไหล่ไว้เหมือนเดิมในทุกๆครั้ง ถ้อยคำที่กระซิบเคียงข้างหูชวนให้หน้ามีสีเลือดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ว่าไงครับ”อนยูถามย้ำอีกครั้ง ริมฝีปากเริ่มแทะเล็มติ่งหูร่างบางเรื่อยๆ ลมหายใจของร่างบางเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกระชั้นมากขึ้นทุกขณะ ยิ่งร่างคนรักที่นั่งอยู่เคียงข้างเลือกที่จะสอดลิ้นเข้าไป ขนแขนลุกชันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าร้อนผ่าว ราวกับว่าอุณหภูมิของห้องเปลี่ยนไป
“ไม่เอาแล้ว พี่อนยู ไปทานข้าวกันเถอะ น้า”คีย์ตัดสินใจลุกพรวด ก่อนจะเอ่ยบอกคนข้างกายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่ใช้เป็นประจำ และก็ไม่มีครั้งไหนที่จะพลาดด้วย
“หึๆ . . . ก็ได้ๆ”อนยูลุกขึ้นไม่วายทิ้งท้ายด้วยการหอมแก้มร่างบางหนึ่งฟอดก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องไป ทิ้งไว้เพียงร่างบางที่หน้าแดงก่ำมากขึ้นจนลามไปถึงใบหู
“พี่อนยู ! ! !”คีย์กลับทำเพียงกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ อย่างไรเขาก็ตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ดี
The Rope
“แทมิน เหมือนวันนี้คีย์จะมีไข้ หน้าแดงก่ำเชียว ตักซุปให้คีย์เยอะๆล่ะ”อนยูบอกกับแทมินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม คีย์ที่เดินตามมาทีหลังกลับหน้าแดงเพิ่มขึ้น
“เลิกเล่นได้แล้ว พี่อนยู แทมิน. . . วันนี้มีอะไรกินบ้างอ่ะ”คีย์ทำหน้างอนใส่อนยู ก่อนจะหันไปอ้อนแทมิน หลายๆคนอาจจะไม่รู้ แต่ถ้าลองได้อ้อนคนที่เด็กกว่าตัวเองบ้างสิ น่ารักอย่าบอกใคร
“มีของโปรดพี่คีย์ล่ะ”แทมินที่ง่วงอยู่กับการจัดโต๊ะอาหาร เลือกที่จะบอกเพียงเมนูโปรดของคีย์ อนยูขยับไม้ขยับมือคอยช่วยแทมินจัดโต๊ะอาหาร ส่วนคีย์. . . นั่งรอ อืมมม
“คีย์มาทานได้แล้ว โอ้ย!!!”อนยูทำท่าจะเคาะจานข้าวเพื่อเป็นการแกล้งคีย์ กลับถูกน้องตัวเองอย่างแทมินตีมือซะนี่
“สมน้ำหน้า พี่อนยู มามะ แทมิน ทานข้าวกันดีกว่า”ว่าแล้วคีย์ก็ทำตัวเป็นพี่ (สะใภ้) ที่ดีด้วยการขยับเก้าอี้ให้น้อง (สามี) อย่างแทมินนั่ง
“จำไว้ๆ อย่าให้ถึงทีพี่บ้างแล้วกันคีย์”เมื่อถูกน้องตัวเองสกัดกั้นการกลั่นแกล้ง อนยูจึงทำได้เพียงอาฆาตร่างบางไว้ ไม่ว่าอย่างไร คืนนี้นายก็ไม่รอดแน่ คีย์ หึๆๆ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่มีใครจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่นัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ไม่มั่นใจในคนรัก ไม่มั่นใจในเรื่องที่จะบอก ไม่มั่นใจเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว
“เอ่อ. . . พี่อนยู”แทมินส่งเสียงเรียกพี่ชายตัวเองเบาๆ
“หืม ว่าไงแทมิน มีอะไรรึเปล่า”อนยูจ้องมองแทมิน ทั้งๆที่ปกติแทมินจะมีรอยยิ้มแจ่มใสแต่งแต้มไว้บนใบหน้าเสมอ แต่ขณะนี้กลับไม่ใช่ ความกังวลปรากฏชัดบนใบหน้า
“คือ. . . ผมมีเรื่องจะบอก แต่ไม่มั่นใจว่าพี่จะโกรธเปล่า ห้ามพี่โกรธผมน้า”แทมินพูดเสียงอ้อนๆเหมือนเดิมเมื่อคราวที่ต้องการอะไร
“อืม. . . ต้องฟังก่อนว่าเรื่องที่แทมินจะบอกคือเรื่องอะไร”อนยูพูดเสียงนิ่งๆเหมือนกำลังรอให้แทมินสารภาพรับความผิดออกมา
“งั้นผมไม่เล่าแล้ว พี่อนยูโกรธผมแล้วนี่”อารมณ์ที่กำลังงอนส่งผลให้น้ำเสียงติดกระฟัดกระเฟียด ใบหน้าบึ้งตึงมากกว่าเคย
“โอ๋ๆๆ ล้อเล่นน่า คนดี มานี่เร็ว มามะ”อนยูเรียกแทมินที่งอนจะเดินขึ้นห้องนอนไปเสียเฉยๆด้วยน้ำเสียงง้องอนขอคืนดี ไม่รู้ว่าทำไม. . . ถึงใครจะว่าเขาโอ๋น้องมากไปก็เถอะ
“ถ้าพี่อนยูทำหน้าแบบนั้นอีก แทมินจะงอนๆๆๆ แล้วจะไม่พูดกับพี่อนยูเลยด้วย”ฟังแล้วก็รู้ว่าน้องชายเขาไม่โตสักที สงสัยเขาจะโอ๋น้องเกินไปรึเปล่านะ
“ว่าแต่แทมินจะบอกอะไรพี่ล่ะ พี่สัญญาว่าจะไม่โกรธแทมินเลยแม้แต่นิดเดียว”คีย์ที่นั่งฟังสองพี่น้องคู่นี้เถียงกันงอนกันเป็นประจำแต่ก็อดที่จะหัวเราะน้อยๆไม่ได้ เหมือนกับว่าเด็กสองคนกำลังเถียงกันอยู่เลย. . . ถ้ามีคำว่า โป้งแล้ว หรือ ดีกันนะ เขาค้องนึกว่าตัวเองกำลังรับเลี้ยงเด็กสองคนนี้แน่ๆ ไม่โตทั้งคู่จริงๆ
“เดี๋ยวเหอะๆ พี่ก็ยังไม่ได้ลงโทษเราเลยนะคีย์”อนยูหันมาคาดโทษคีย์ก่อนจะหันกลับไปฟังเรื่องที่น้องชายของตัวเองจะเล่า
“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะพี่”คีย์อดที่จะร้อนตัวนิดๆไม่ได้ วันนี้เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ
“ก็แบบว่า. . . วันนี้. . . พี่จงฮยอนมาที่นี่ แล้ว. . .”แทมินพูดติดๆขัดๆไม่มั่นใจว่าจะพูดดีหรือไม่ คีย์เงยหน้าฟังอย่างสนใจมากขึ้นเมื่อมีการกล่าวอ้างอิงถึงพี่ชายของตนเอง
“แล้ว?”อนยูสงสัยว่าทำไมน้องชายของตนกลับไม่พูดต่อ
“แล้วผมก็ เอ่อ. . . หลุดไป บอกพี่จงฮยอนว่า. . .”
“ว่า?”คีย์ถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“อ๋อ พอรู้แล้ว เรื่องของพี่กับคีย์ใช่มั้ย”อนยูถามแทมิน แทมินทำตาโตราวกับเด็กน้อยที่ทำความผิดมหันต์
“เดี๋ยว. . . เรื่องของผมกับพี่งั้นหรอ”คีย์ถามด้วยใบหน้าไร้สีเลือด ถ้าเรื่องระหว่างเขากับพี่อนยูที่ปิดบังจงฮยอนอยู่ก็มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น
“ไม่ต้องคิดมากทั้งคู่นั่นแหละ เคลียร์กันแล้ว”อนยูพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
“หมายความว่าไง”คีย์ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ความสงสัยปรากฏชัดเจนบนใบหน้า
“ก็วันนี้โทรคุยกันแล้ว ไม่มีอะไรให้กังวล อ้อ คีย์ วันนี้โทรไปบอกจงฮยอนได้เลยว่าจะค้างกับพี่ ดึกแล้ว พี่ขี้เกียจไปส่งนะ ค้างที่นี่แล้วกัน”อนยูตาเป็นประกายแปลกๆ แทมินไม่รู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะคีย์ก็มาค้างที่นี่อยู่บ้าง แต่คนที่รู้ดีที่สุดคือ คีย์ นั่นเอง วันนี้เขาจะโดนโทษอะไรอีกล่ะ คิดแล้วอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ
“นี่แทมิน ดูเหมือนจะไม่สบายยังไงไม่รู้นะ เอางี้ เดี๋ยวเราน่ะ ขึ้นไปอาบน้ำนอน แล้วเดี๋ยวพี่เตรียมยาลดไข้ให้”อนยูเริ่มจัดการหมากตัวอื่นทันที คืนนี้ต้องไม่มีใครรบกวนเขาแน่นอน
“งั้นหรอฮะ งั้นเดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ พี่เตรียมน้ำร้อนเผื่อผมด้วยนะ”และแล้วแทมินที่ไม่รู้แผนการของพี่ใหญ่ก็เสร็จเรียบร้อยไปตามแผนการทันที
“พี่อนยู! ผมไม่ค้างแล้ว”คีย์ออกอาการโวยวายทันทีที่แทมินลับสายตาขึ้นไปชั้นบน
“ไม่เอาน่าคีย์ โตๆกันแล้ว โทรไปบอกจงฮยอนเดี๋ยวนี้เลย รึว่าจะให้พี่โทรให้”คำๆนั้นเขาควรจะป็นคนพูดสิ ชิส์ โตๆกันแล้ว พี่อนยูนั่นแหละ ทำอะไรเป็นเด็กๆ เอาแต่ใจตนเองจริงๆ คีย์ทำได้เพียงส่งสายตาอาฆาต แต่ยังไงเขาก็ต้องโทรบอกพี่จงฮยอนใช่มั้ย โอ้ย ยังนี้พี่จงฮยอนก็รู้หมดอ่ะดิ
“รู้แล้วน่า พี่น่ะ แล้วหลอกน้องตัวเองบ่อยๆ ระวังไว้เถอะ ผมจะแฉสักวัน ฮึ่ย”หลอกให้น้องตัวเองกินยาลดไข้ เพราะจะน้องตัวเองหลับสนิท มีพี่ที่ไหนทำแบบนี้กันบ้างเล่า
“พี่จะรอดูนะ ฮ่าๆๆ”อนยูพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินขึ้นไปทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ทิ้งคีย์ไว้อยู่ข้างล่างเพียงลำพัง ท้ายที่สุดคีย์ก็ต้องโทรไปบอกจงฮยอนอยู่ดี เพราะเขารู้นิสัยคีย์ดี คีย์จะไม่ชอบกลับคนเดียวถ้าไม่จำเป็น
‘คืนนี้ นายไม่รอดแน่ คีย์ ฮิๆๆ’
The Rope
End of
The Rope
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
เป็นไงกันบ้างจ้ะ
มาอัพให้อีกตอนแล้วน้า
ขอคอมเม้นต์ด้วยนะค้า
อ่านแล้วยังงงกันอยู่มั้ยอ่า
แล้วจะอัพอีกทีวันที่ 2 นะค่ะ
แล้วเจอกัน ^^
ป.ล. ตอนหน้ามีของดี ฮ่าๆๆ
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
ความคิดเห็น