คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : โดดเดี่ยว และเดียวดาย = =^;;
ภายในสตูดิโอที่เป็นโปรแกรมแรกที่กรุ๊ปของฉันมาเยือน เราทั้งหมดถูกจัดให้นั่งในแถบคนดูทั่วไปไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรเลยสักนิด ง่ะ...แล้วแบบนี้ฉันจะไปเตือนพวกเขาได้ยังไง พวกเขาจะโดนแบบที่ใครหลายคนโดนหรือเปล่า ฉันกระวนกระวายมากจนไอพี่ไวกิ้งเริ่มจะสังเกตได้ เลยหันมาจัดการกดฉันให้นั่งนิ่งตัวตรง น่าจะรู้นะว่าคนอย่างฉันน่ะมันสมาธิสั้น อยู่เฉยได้ไม่นานยิ่งมีเรื่องด้วยก็ยิ่งแล้วใหญ่ ฉันชะเง้อแล้วชะเง้ออีกจนในที่สุดก็ถึงคิวซ้อมของชายนี่ พวกเขาโผล่ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับโชว์ที่เท่ห์เอามากๆ แต่จะทำไงถึงจะเข้าถึงตัวเขาได้ล่ะ
“เป็นอะไรของแกฟะไอเติ้ล ปวดท้องหรือไงถึงได้ผุดลุกผุดนั่งอยู่ได้ = =**”พี่ไวกิ้งหันมาเม้งใส่ฉันอย่างหมดความอดทน
“พี่ไม่ต้องมาพูดเลย มันเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายเท่าไหร่ พี่ไม่รู้หรอก >O<!!”ฉันยังคงชะเง้อต่อไป พยายามจะมองหาทางเข้าถึงตัวพวกเขาก่อนจะเกิดอะไรขึ้น
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่แกดูสนิทกับไอพวกนั้นหลังจากโผล่มาพร้อมกันใช่มั้ย_O_**”
“พี่อย่ามาพาลเรียกเขาว่าไอนะ ไอพี่ไม่มีความรับผิดชอบ -0-!!”
“นี่...เธอสองคนน่ะ ช่วยหยุดทะเลาะกันทีได้มั้ย พวกฉันจะดูชายนี่ =O=**”ยัยดาร่าแทรกมากลางวง ฉันรีบหันขวับไปจ้องยัยนั่นตาเขียว
“ยุ่งอะไรด้วยยะ หุบปากเน่าๆของเธอไปเลย ~O~!!”ฉันลุกขึ้นไล่ยัยดาร่าโดยลืมไปว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางบรรดาแฟนคลับของศิลปินเกาหลี
“เอ๊ะ! ยัยนี่ ฉันกับคนอื่นๆรำคาญนี่นา ถ้าอยากทะเลาะกันทำไมไม่ไปทะเลาะที่อื่นล่ะ”
“ทำไม จะทะเลาะที่นี่ ใครจะทำไม!!!”ฉันโวยวายใสหน้ายัยดาร่า เธอลุกขึ้นมาผลักฉันจนล้มลงก้นกระแทกขอบเก้าอี้
“คิดว่ามีชายนี่ปกป้องแล้วจะมาวีนได้เหรอ ฉันเหลืออดเธอแล้วนะ ดูสิว่าถ้าฉันแกล้งเธอคราวนี้ ชายนี่จะเอาคืนให้เธอยังไงอีก”
ยัยดาร่าเงื้อมือเตรียมฟาดมาเต็มที่ แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสหน้าฉันไอพี่ไวกิ้งก็คว้าแขนเธอไว้ ยัยดาร่าตวัดสายตาไปหาพี่ไวกิ้งอย่างเอาเรื่อง ส่วนฉันก็ได้แต่เอ๋อที่จู่ๆยัยดาร่าที่เอาแต่พูดเยาะฉันกลายเป็นฝ่ายมาอาละวาดซะเอง ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรืเปล่าน้อนั่น=__+^
“ไม่ต้องรอให้ถึงชายนี่หรอก ฉันเองก็ไม่ยอมให้เธอทำร้ายน้องสาวฉันเหมือนกัน”พี่ไวกิ้งพูดเสียงเยือกเย็น เล่นเอายัยนั่นหง๋อไปเลย อิอิ~ แบบนี้สิถึงเรียกว่าพี่ชาย
“หง๋อไปเลยดิ โธ่~ ยัยผีดาดา ชิ!”
“นั่งลงเหอะ พวกทีมงานมาโน่นแล้วเดี๋ยวก็โดนเชิญออกไปจากสตูดิโอหรอก”พี่ไวกิ้งดึงแขนฉันให้นั่งลง แต่ด้วยความไม่รู้เรื่องฉันเลยขัดคำสั่งพี่ชายแสนดีไป
เป็นผลให้ฉันโดนทีมงานหนุ่มลากออกมาจากห้องนั้น ฉันโดนเชิญออกมาอยู่อย่างเดียวดายด้านนอก แย่แล้วเราแล้วจะเข้าไปหาชายนี่ได้ยังไงล่ะ ขนาดตอนอยู่ในห้องนั่นยังไม่มีทางจะไปเลย ยิ่งมาอยู่ข้างนอกยิ่งมืดมนเข้าไปอีก โธ่เว้ย!! ฉันมันเป็นยัยบ้าขี้ใจร้อน ขี้โวยวายที่สุดเลย ฉันนึกเจ็บใจตัวเองเตะโน่นเตะนี่ไปเรื่อย ในที่สุดก็สะดุดถังขยะที่อยู่มุมทางเดินล้มก้นจ้ำเบ้าอีกรอบ เอาเข้าไปนี่ตกลงว่าความซวยเป็นญาติสนิทฉันใช่มั้ยเนี่ย _*_;; อยากจะบ้า ฉันนั่งอยู่แบบนั้นโดยไม่คิดจะขยับตัวไปไหน หมดแล้วทางที่จะเตือนพวกเขา
“เป็นไงล่ะ ยัยจอมโวยวาย มานั่งหง๋ออยู่นี่จนได้”จงฮยอนย่อตัวลงนั่งตรงหน้าฉัน เขาออกมาได้ไงหว่า ก่อนโดนลากออกมาฉันยังเห็นเขาเฉิดฉายอยู่หน้ากล้องนี่นา
“นายมาได้ไง ก็ฉันเห็นนายซ้อมอยู่นี่นา ?-__-?”
“ฉันเห็นใครไม่รู้โดนเชิญออกมา พอเลิกซ้อมเลยแอบแวบมาดู เผื่อเธอจะเอ๋อเดินหลงไปไหนอีก แล้วลงมานั่งพื้นทำไมน่ะ+O+;;”
“ฉันสะดุดถังขยะล้มอ่ะดิ แล้วเจ็บก้นมากเลยไม่ลุกมันซะเลย ขี้เกียจจะล้มอีก”
จงฮยอนยิ้มขำอีกคน นี่ตกลงว่าพวกเขาเห็นฉันเป็นตลกหรือไงเจอหน้าทีไรขำทุกที คีย์ก็คนหนึ่งแล้ว นี่ยังมาเป็นจงฮยอนอีก เขาดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาคลี่ให้ฉันดู มีแต่ตัวเลขเต็มไปหมดเลยตาฉันชักจะลายเพราะมองตัวเลขมากไปแล้วสิ แล้วตกลงว่าจะให้ฉันดูทำไมเนี่ย รีบอธิบายมาสิคุณคิมจงฮยอน อย่ามัวแต่ยิ้ม ฉันนึกค่อนคอดเขาที่เอาแต่อมยิ้มอยู่ได้
“นี่เป็นบิลคาซ่อมเน็ตบุ๊คของฉัน ที่เธอบอกจะรับผิดชอบคนละครึ่งกับพี่อนยู แต่...มีคนจ่ายแทนเธอไปแล้วดีใจด้วยนะ ^^=”เขาบอกกับฉันด้วน้ำเสียงมีเสศนัย
“ใคร...อย่าบอกนะว่าเป็นนาย นั่นแน่หลงรักฉันเข้าเหรอ (^^ );;”ฉันล้อเขาขำๆ แต่ดูท่าเขาจะไม่ขำด้วยแหะ จงฮยอนเปลี่ยนท่าทางไปดูลุกลี้ลุกลนพิกล
“พูดจาให้มันรู้สำนึกหน่อยว่าเธอเป็นผู้หญิง หัดเก็บความคิดไว้ข้างในบ้างก็ดี-///-++”
“ฉันมันพวกปากตรงกับใจนี่ คิดยังไงก็พูดแบบนั้น”จงฮยอนยิ้มกริ่มเมื่อฉันพูดจบ เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าเดิม
“คิดยังไงพูดแบบนั้น แสดงว่าเธอก็หลงรักฉันเหมือนกันใช่มั้ยถึงได้คิดว่าฉันหลงรักเธอเข้าแล้ว *^_^*”สายตาของเขาวาววับเป็นประกายจนฉันไม่กล้าจะสบตาเขา
“ใช่ที่ไหน นายอย่ามาอ่านความรู้สึกของฉันหน่อยเลย (-- )///!”ฉันเสมองไปทางอื่น ในขณะที่เขาเอาแต่หัวเราะคิกคักอยู่นั่น
“คนที่จ่ายค่าซ่อมแทนเธอก็คืออนยูน่ะแหล่ะ ดูท่าว่าเขาจะชอบเธอเข้าแล้วจริง เธอกับอนยูเป็นคนที่อ่านง่ายมากเลยนะ”จงฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วพับกระดาษเก็บใส่กระเป๋า
“บอกแล้วไงว่าอย่ามาทำรู้ความคิดคนอื่น ~O~**”ฉันลุกพรวดพราดตามเขาโดยลืมไปว่ากำลังเจ็บสะโพกอยู่ และนั่นก็ทำให้ฉันต้องกลับลงไปนั่งท่าเดิม
“พี่จงฮยอน ได้เวลาอัดรายการแล้วครับ รีบกลับเข้าไปกันเถอะ-__-=”คีย์เดินเข้ามาหาจงฮยอนแล้วดึงแขนจงฮยอนที่กำลังหัวเราะร่าไป ไม่...แม้แต่จะหันมามองฉันเลย น่าเศร้าที่โดนเมิน_^_~
เอ๊ะ...แล้วทำไมฉันถึงไม่พูดเรื่องแอนตี้แฟนกับพวกเขานะ โอยยย~ยัยบ้าลิตเติ้ล ลืมได้ไงเนี่ยอุตส่าห์มีโอกาสแล้วอ่ะ อ๊ะ...จริงสิฉันมีเบอร์เขานี่ทำไมไม่โทร ฉันดึงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่...พวกเขาต้องอัดรายการนี่ จะว่างมารับโทรศัพท์ได้ไงกัน โง่อีกรอบแล้วฉัน (_ _,,) ฉันเขกหัวตัวเองไปทีหนึ่งอย่างแค้นๆ เมื่อไหร่ฉันจะเลิกเอ๋อแบบที่เขาว่ากันซะทีฟะ มือถือของฉันสั่นขึ้นมาดุกดิก เป็นข้อความจากเบอร์เดียวที่ฉันเมมไว้ เบอร์ของอนยูเขายังเล่นโทรศัพท์อยู่อีกเหรอเนี่ย ฉันเปิดอ่านข้อความแล้วต้องอึ้งปนเคือง
...จะเขกหัวตัวเองให้เอ๋อหนักกว่าเดิมเหรอ ยัยโก๊ะ!!!... ชิ...ทำอย่างกับตัวเองไม่โก๊ะไงงั้นล่ะ อีตาโก๊ะกว่า ~ ~* เอ๊ะ!...เขารู้ได้ไงว่าฉันเขกหัวตัวเอง ก็ในเมื่อเขากำลังถ่ายรายการอยู่หรือว่าเขาจะแอบอยู่แถวๆนี้ ฉันหรี่ตาหันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เจอเงาใครเลยสักคน ฉันปิดโทรศัพท์ลงด้วยความโมโห ทั้งโดนเนรเทศ โดนด่าหาว่าเอ๋อ แถมด้วยการถูกเมินเข้าให้อีก ตกลงว่าชีวิตฉันจะไม่มีอะไรดีเลยใช่มั้ยเนี่ย อยากจะบ้าตายอีกหลายๆรอบ _ _**
“เอ่อ...ขอโทษนะ ไม่ทราบว่าพี่เป็นทีมงานหรือเปล่า คือมีคนฝากฉันให้เอานี่มาให้พี่ๆชายนี่ แต่ฉันมาไม่ทันเข้าชม ฝากพี่เอาไปให้ได้มั้ย”หญิงสาวคนหนึ่งยื่นถุงอะไรสักอย่างให้ฉัน
“คือว่า...ฉันไม่...เอิม~ แล้วนี่มันคืออะไรอย่างงั้นเหรอ”ฉันรับถุงใบนั้นมาถือเอาไว้ จ้องหน้าเด็กสาวคนนั้นตาไม่กระพริบ
“อ๋อ...มันเป็นคุกกี้น่ะ คนที่ฝากมาบอกว่าเขาตั้งใจทำมาก เขาอยากเอามาให้เอง แต่ว่าติดธุระสำคัญเลยมาไม่ได้”
“ว้าว...ทำคุกกี้เองเลยเหรอเนี่ย ชายนี่คงปลาบปลื้มมากกก!”ฉันทำตาโตไม่ไว้ใจในสิ่งที่เด็กสาวพูด มันน่าแปลกถ้าหากตั้งใจก็เอามาให้ทีหลังก็ได้
“ขอบคุณมากนะ พี่ต้องให้ชายนี่กับมือเลยนะ คนที่ฝากมาอยากให้พี่ๆชายนี่ได้ชิมฝีมือของเขามากๆ อย่าลืมนะต้องให้กับมือ”เด็กสาวจับมือฉันเขย่า พอฉันพยักหน้ารับก็เดินยิ้มกว้างออกไป
“เรียกฉันพี่ๆอยู่ได้ ฉันกับเธอไม่น่าอายุห่างกันมากหรอกย่ะ *^*++”ฉันพึมพำตามหลังเด็กสาว ก่อนหันกลับมาเพ่งถุงคุกกี้อีกรอบ
มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ ไหนๆก็อุตส่าห์ทำมา เดี๋ยวฉันจะแปลงร่างเป็นเมสเซนเจอร์ไปส่งถึงมือชายนี่เลย ยะฮู้!!! -0-!! เอิม...เลิกบ้าแล้วไปจากตรงนี้ดีกว่าฉัน = __ =^ ฉันถือถุงขนมเดินหลบออกมาทางด้านหน้า เมื่อไหร่พวกเขาจะอัดเสร็จซะทีจะได้ไปที่อื่นต่อ โดนเนรเทศออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้มันวังเวงนะ ฉันเดินไปนั่งขดตัวอยู่ที่โถงทางเข้าสตูดิโอ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงฉันถึงเห็นคนอื่นๆทยอยกันออกมา พี่ไวกิ้งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาฉันทันทีที่เห็นฉัน
“ไม่ต้องมาใกล้ฉันเลยนะไอพี่เฮงซวย =[]=**”ฉันสะบัดหน้าใส่พี่ไวกิ้งงอนๆ แทนที่จะง้อแต่ไอพี่บ้าดันเขกหัวฉันซะแรงเลยT.T
“ไม่ต้องมาทำงอนฉันเลย ฉันเตือนแล้วใช่มั้ยว่าให้ควบคุมอารมณ์น่ะ แล้วเห็นผลของการเป็นคนเจ้าอารมณ์หรือยัง”พี่ไวกิ้งดุฉันฉอดๆ ฉันเองก็ทำได้แค่ฟังเท่านั้น
“โอเค. ฉันผิดก็ได้ แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อเหรอ”
“เราจะไปดูงานแฟชั่นกันต่อในตอนเย็น ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงพวกเราจะไปทานข้าวกันก่อนนะค่ะ เชิญทุกคนไปที่รถค่ะ”คนที่ตอบคำถามของฉันเป็นพี่ทีมงาน พอพูดจบพี่เขาก็เดินนำเราทั้งหมดไปขึ้นรถ
ฉันนั่งเขี่ยข้าวในชามใบเล็กๆเล่นด้วยไม่นึกอยากตักมันเข้าปากสักนิด ท่าทางเย็นชาของใครบางคนมันยังตามมาหลอกหลอนฉันไม่ยอมหยุด ทำไมนายถึงทำท่าทางแบบนั้นนะ คีย์... หรือว่าสิ่งที่พี่ไวกิ้งพูดมันจะจริง และตอนนี้ฉันก็ไม่น่าสนใจสำหรับพวกนายแล้ว พวกนายเบื่อที่จะแกล้งฉันแล้วงั้นเหรอ เอ๊ะ! แล้วฉันกลายเป็นคนที่ชอบให้คนอื่นแกล้งตอนไหนฟะ = =++ ฉันต้องบ้าแน่ๆเลยที่มานั่งคร่ำครวญแบบนี้ ฉันจะไปฝันทำไมกันก็ไม่รู้
หลังทานข้าวเที่ยงเสร็จเราทั้งหมดก็มาต่อกันที่ กรี๊ดดดด>O<!!! นี่มันโซลทาวเวอร์นี่ สถานที่ที่ฉันอยากมาที่สุดเลย ฉันชะเง้อมองอย่างตื่นเต้นคล้ายๆบ้านนอกเข้ากรุงน่ะแหล่ะ (จะอธิบายให้มันดูไม่ดีต่อตัวเองทำไมเนี่ย) แล้วนี่เราต้องทำอะไรหันบ้างเนี่ย ฉันหันรีหันขวางด้วยความทำอะไรไม่ถูก พี่ๆทีมงานพูดอะไรบางอย่างกับพวกเรา แต่ฉันไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่เพราะตอนนี้ ฉันสนใจคนที่กำลังลงจากรถตู้สีขาว พวกเขาก็มาด้วยเหรอไม่มีงานต่อหรือไง ฉันหลบไปซ่อนอยู่ข้างหลังพี่ไวกิ้งเมื่อเห็นใครบางคนกำลังมองมาทางฉัน นายกำลังคิดดพิเรนอยู่ใช่มั้ยล่ะแทมิน (-- );;
“เป็นไรของแกฟะ ลิตเติ้ล ทำตัวบ้าๆบอๆอยู่นั่นล่ะ”พี่ไวกิ้งเอี้ยวตัวมามองฉันด้วยสายตาเอื่อมระอาสุดๆ ช่วยมองน้องสาวตัวเองดีๆหน่อยสิ
“ฉันกำลังหลบตัวป่วนชีวิตอยู่ พี่ก็อย่าหันมาสิ -0-!!”พี่ไวกิ้งขมวดคิ้วงงๆ แต่ก็ยอมหันกลับไปแต่โดยดี ช่างเป็นพี่ที่ว่าง่ายดีแท้ เพราะไอพี่ไวกิ้งไม่หันไปเฉยๆแต่เดินหนีไปซะอย่างนั้นล่ะ
“ไอพี่ไวกิ้ง จะทิ้งฉันหรือไง รอกันก่อนสิ >O<!!!”ฉันแหกปากลั่นพร้อมก้าวตามพี่ไวกิ้งไป โดยมีสายตาคมๆของแทมินมองตาม แถมมาด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
ความคิดเห็น