ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Class Red Fire] ห้องเรียนเปลวเพลิง

    ลำดับตอนที่ #9 : ◈ ห้องเรียนศาสตร์มืด ◈

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6
      0
      19 มี.ค. 58

    © themy  butter
     
    วันที่สอน :: 24 ม.ค 2558

    อาจารย์ประจำวิชา :: อ.ฟิลดิ์นอล ไลเวย์เซย์


      ◣ คาบเรียนที่ 
    โอ๊ะคาบเรียนแรกก็ต้องมาแนะนำตัวกันก่อนสินะ
    จารย์มีชื่อว่า ฟิลด์นอล  ไลเวย์เซย์ เรียกสั้นๆก็ อ.ฟิลด์ จารย์ฟิลด์ อะไรก็ว่าไป
    นักเรียนบางคนอาจจะรู้จัก+เคยคุยอะไรต่ออะไรกับจารย์มาบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะรู้ดีว่าจารย์ไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไร(?)เพราะงั้นคลาสเรียนนี้ก็ตามสบายๆ แต่เรื่องงานที่ต้องเข้มงวดก็อีกเรื่องนะ =A=
     
    เอาล่ะเข้าเรื่องๆ สำหรับคาบเรียนแรกนั้นจะไม่มีการสอนหรือสั่งงานอะไรทั้งสิ้น
    แต่จะมาชี้แจ้งเรื่องเกี่ยวกับการเก็บคะแนน และการส่งชิ้นการต่างๆนะครับ
    สำหรับคะแนนรวมเต็มๆในภาคเรียนที่ 1 นั้นจะเก็บคะแนนทั้งหมด 100 คะแนน
     
    ใน 100 คะแนนนั้นมีอะไรบ้างงั้นเหรอ?
    ก็สำหรับในส่วน 100 คะแนนนั้นจะแบ่งออกเป็นพวกคะแนนเก็บจากชิ้นงานและการทำข้อสอบต่างๆที่มอบหมายให้ทำ
    ซึ่งโดยเทอมนี้จะแบ่งเก็บคะแนนตามนี้

    ชิ้นงานทั่วไป – 20 คะแนน
    ชิ้นงานใหญ่ – 50 คะแนน
    (จะเป็นพวกงานปฏิบัติที่ยากๆทั้งหลาย)
    ข้อสอบกลางภาค – 10 คะแนน
    ข้อสอบปลายภาค – 20 คะแนน
     
    ซึ่งถ้าสังเกตุว่าทำไมชิ้นงานใหญ่ถึงจะได้คะเยอะจริงจัง?
    นั้นก็เพราะว่า วิชาศาสตร์มืด ของจารย์นั่น ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นภาคปฏิบัติมากกว่าพวกภาคทฤษฏีอะนะ แต่ก็ไม่ต้องกลัวไปว่าจะทำไม่ได้ เพราะจารย์จะให้ทำแค่เป็นพื้นฐานเบสิกๆเท่านั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้ทำอย่างเชี่ยวชาญเลยซะทีเดียว แต่ถ้าใครอยากจะนำไปประยุกต์ใช้ต่อในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก่อนจะใช้เวทย์อะไรก็ควรดูสถานที่+สถานการณ์ด้วยล่ะ ถ้าใช้ไม่ถูกที่ถูกทางมันจะไปเป็นการรบกวนผู้อื่นเขาได้นะสิ
    ก็นะ ไม่ค่อยได้แปลกใจอะไรนักก็ศาสตร์มืดมันเป็นวิชาที่มีความอันตรายพอตัวอยู่ แถมพวกเวทย์ต้องห้ามก็เยอะพอกัน เพราะงั้นจะใช้เวทย์อะไรแต่ละทีก็ควรมีสติกันหน่อยล่ะ ขืนถ้าใช้ศาสตร์มืดบ่อยๆไม่รู้ตัวเข้ามันอาจจะเป็นพิษที่ย้อนเข้ามาหาสู่ตัวเองแทน ดีไม่ดีเวทย์มันอาจจะกลืนกินตัวของเธอเองไปด้วยก็ได้นะ
    เพราะงั้นถ้าถึงภาคปฏิบัติเมื่อไร ถ้ารู้ตัวเองว่าร่างกายไม่ไหวก็ให้รีบบอกล่ะ อย่าฝืนตัวเอง เคนะ?
    คุยกันรู้เรื่อง เพราะงั้นวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้ล่ะกันนะ
    อะไรนะ? เวลายังเหลืองั้นเหรอ?
    โอ๊ะ….ช่างเถอะเวลาที่เหลือก็ตามสบายเลยละกัน ปล่อยให้เป็นช่วงฟรีไทม์ไป
    ชื่อคงไม่ต้องเช็คเนอะว่าใครเข้าเรียนไม่เข้าเรียน……ถ้างั้นก็….
    เอ้า..แยกย้ายได้....เจอกันคาบเรียนหน้า(?)
    ◣ จบคาบเรียนที่ 




        คาบเรียนที่ 2 

    อ๊ะๆ...มาเริ่มเรียนคาบที่สองกันเลยดีกว่าหลังจากห่างหายไปนาน..=__>=
    แทบเรียกได้ว่าให้ทิ้งหน้าที่การเป็นครูผู้สอนไปได้เลย หายไปยิ่งกว่าลับเข้ากลีบเมฆอีก โถ่.....

    เอาล่ะๆ...มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า...

    คาบเรียนนี้จะมาอธิบายแหล่งกำเนิดและประวัติความเป็นมาและความหมายของศาสตร์มืดกันนะ


    ศาสตร์มืด เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา

    ศาสตร์มืด หรือการทำ "คุณไสย" เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายอมิตร เป็นศาสตร์ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และมีคนเชื่อและผู้ปฏิบัติทั่วโลก

    ในแต่ละชุมชนจะมีรูปแบบของไสยศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สรุปแล้วไสยศาสตร์ก็คือการทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น โดยผิดแปลกจากกฎของธรรมชาติ เช่น ทำให้สามีภรรยาที่ดีกันทะเลาะและแยกทางกัน ทำให้สาวหลงรักหนุ่มที่เคยเกลียด ซึ่งปกติแล้วจะใช้ไสยศาสตร์มาใช้ในทางที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะการทำ "คุณไสย" ที่เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายผู้ไม่เป็นมิตรด้วยการปลุกเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปในตัว หรือฝังรูปฝังรอย หรือการทำเสน่ห์ยาแฝด ลงนะ จากผู้ที่อ้างตัวว่ามีอาคม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่ทำมาหากินด้วยการหลอกลวงผู้คน หรือที่เรียกว่า พวกสิบแปดมงกุฎ ถึงกระนั้นก็ตาม“คุณไสย” หรือ “มนต์ดำ” ยังมีผู้หลงงมงายมากมาย

    ศาสตร์มืดถือเป็นศาสตร์ที่ลี้ลับมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และมีทั่วโลกแม้กระทั่งในเวลาปัจจุบัน แม้รูปแบบจะแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การทำอันตรายต่อผู้คนด้วยวิธีที่ลี้ลับ

    ลัทธิศาสตร์มืด คือการรวมอำนาจจิต รวมพลังงานทางจิตซึ่งได้ทำการอบรมจิตใจให้มีความยึดมั่น เชื่อถือ อย่างจริงจัง ดำเนินไปตามหลักทางไสยศาสตร์ ตามวิธีการนั้น ๆ ก็จะสามารถแสดงฤทธิ์ปาฎิหารย์ได้ด้วยกระแสคลื่นแห่งพลังอำนาจจิตอันแรงกล้า ของ มโนภาพ สมาธิ จิตตานุภาพ ทั้งสามประการนี้ จึงเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจที่ประหลาดมหัศจรรย์ขึ้นได้

    ลัทธิไสยศาสตร์ ได้เกิดขึ้นมาก่อนพุทธกาล ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไตรเพท ในลัทธิของพราหมณ์ ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

    ฤคเวทย์ เป็นคำฉันท์ใช้สำหรับสวดมนต์และสรรเสริญพระเจ้า
    ยชุรเวทย์ เป็นคำร้อยแก้วให้สำหรับท่องบ่นเวลาบวงสรวงบูชาพระเจ้า
    สามเวทย์ เป็นคำฉันท์ใช้สำหรับสวดมนต์ทำพิธีถวายน้ำโสม
    อาถรรพเวทย์ เป็นคัมภีร์ประกอบด้วยเวทยมนต์คาถาเรียกผีสาง เทวดาให้ช่วยป้องกันอันตรายให้ และให้มีการแก้อาถรรพ์ ทำพิธีสาปแช่งให้เป็นอันตรายได้ด้วย
    เอาล่ะ...ก็จบการอธิบายไปแล้วล่ะนะ ส่วนเรื่องการบ้านสำหรับคาบเรียนนี้ก็เอาเป็นใบงานไปก่อนละกันนะ

    -------------

    『 ใบงาน 

    จงยกตัวอย่างเวทย์มนต์แขนงศาสตร์มืด พร้อมทั้งอธิบายผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่บุคคลนั้นโดนเวทย์มนต์นั้นไป
    คนล่ะ 1 อย่างก็พอแล้ว =-=
    (10 คะแนน)

    -------------
    『 ตัวอย่าง 

    การสะกดจิต
    มีผลคือ ทำให้ผู้คนที่โดนสะกดจิตนั้น ต้องทำตามคำสั่งของผู้ใช้เวทย์เท่านั้น อะไรต่างๆนาๆก็ว่าไป

    -------------
    อ๋อเกือบลืมไปแน่ะ...
    ขอเช็คชื่อสักนิดน่าาา ใครที่มาเช็ดชื่อก็บวกคะแนนเพิ่ม 2 คะแนน นะครับ -=-


    『 แบบฟอร์มการเช็คชื่อ 

    ชื่อ :
    ชั้นปี :
    ห้องเรียน :
    วันที่มาเช็คชื่อ : 

    คาบเรียนที่ : 2 - ประวัติความเป็นมาและความหมาย

     
      จบคาบเรียนที่ 2 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×