คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ◈ ห้องเรียนศาสตร์มืด ◈
สอน :: วิชาศาสตร์มืดปี 1 เปิดเรียนวันแรก :: 24 ม.ค 2558
วันที่ 24 ม.ค 58
(-คาบเรียนที่ 1-)
โอ๊ะ...คาบเรียนแรกก็ต้องมาแนะนำตัวกันก่อนสินะ
จารย์มีชื่อว่า ฟิลดิ์นอล ไลเวย์เซย์ เรียกสั้นๆก็ อ.ฟิลดิ์ จารย์ฟิลดิ์ อะไรก็ว่าไป
นักเรียนบางคนอาจจะรู้จัก+เคยคุยอะไรต่ออะไรกับอาจารย์มาบ้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะรู้ดีว่าอาจารย์ไม่ค่อยเข้มงวดเท่าไหร่(?)เพราะงั้นคลาส
เรียนนี้ก็สบายๆ แต่เรื่องงานที่ต้องเข้มงวดก็อีกเรื่องนะ = A =
เอาล่ะเข้าเรื่องๆ สำหรับคาบเรียนแรกนั้นจะไม่มีการสอนหรือสั่งงานอะไรทั้งสิ้น
แต่จะมาชี้แจ้งเรื่องเกี่ยวกับการเก็บคะแนน และการส่งชิ้นการต่างๆนะครับ…
สำหรับคะแนนรวมเต็มๆในภาคเรียนที่ 1 นั้นจะเก็บคะแนนทั้งหมด 100 คะแนน
ใน 100 คะแนนนั้นมีอะไรบ้างงั้นเหรอ?
ก็สำหรับในส่วน 100 คะแนนนั้นจะแบ่งออกเป็นพวกคะแนนเก็บจากชิ้นงานและการทำข้อสอบต่างๆที่มอบหมายให้ทำ
ซึ่งโดยเทอมนี้จะแบ่งเก็บคะแนนตามนี้
ชิ้นงานทั่วไป - 20 คะแนน
ชิ้นงานใหญ่ - 50 คะแนน
(จะเป็นพวกงานปฎิบัติที่ยากๆทั้งหลาย)
ข้อสอบกลางภาค - 10 คะแนน
ข้อสอบปลายภาค - 20 คะแนน
ซึ่งถ้าสังเกตุว่าทำไมงานชิ้นใหญ่ถึงจะได้คะแนนเยอะจริงจัง?
นั้นก็เพราะว่า วิชาศาสตร์มืด ของจารย์นั่น ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นภาคปฏิบัติมากกว่าพวกภาคทฤษฏีอะนะ
แต่ก็ไม่ต้องกลัวไปว่าจะทำไม่ได้ เพราะจารย์จะให้ทำแค่เป็นพื้นฐานเบสิกๆเท่านั้นแหละ ไม่ได้ต้องการให้ทำอย่างเชี่ยวชาญเลยซะทีเดียว แต่ถ้าใครอยากจะนำไปประยุกต์ใช้ต่อในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ก่อนจะใช้เวทย์อะไรก็ควรดูสถานที่+สถานการณ์ด้วยล่ะ ถ้าใช้ไม่ถูกที่ถูกทางมันจะไปเป็นการรบกวนผู้อื่นเขาได้นะสิ…
ก็นะ ไม่ค่อยได้แปลกใจอะไรนัก…ก็ศาสตร์มืดมันเป็นวิชาที่มีความอันตรายพอตัวอยู่ แถมพวกเวทย์ต้องห้ามก็เยอะพอกัน เพราะงั้นจะใช้เวทย์อะไรแต่ละทีก็ควรมีสติกันหน่อยล่ะ ขืนถ้าใช้ศาสตร์มืดบ่อยๆไม่รู้ตัวเข้ามันอาจจะเป็นพิษที่ย้อนเข้ามาหาสู่ตัวเองแทน ดีไม่ดีเวทย์มันอาจจะกลืนกินตัวของเธอเองไปด้วยก็ได้นะ
เพราะงั้นถ้าถึงภาคปฏิบัติเมื่อไร ถ้ารู้ตัวเองว่าร่างกายไม่ไหวก็ให้รีบบอกล่ะ อย่าฝืนตัวเอง เคนะ?
คุยกันรู้เรื่อง เพราะงั้นวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้ล่ะกันนะ…
อะไรนะ? เวลายังเหลืองั้นเหรอ?
โอ๊ะ….ช่างเถอะเวลาที่เหลือก็ตามสบายเลยละกัน ปล่อยให้เป็นช่วงฟรีไทม์ไป
ชื่อคงไม่ต้องเช็คเนอะว่าใครเข้าเรียนไม่เข้าเรียน……ถ้างั้นก็….
เอ้า..แยกย้ายได้....เจอกันคาบเรียนหน้า(?)
( -จบคาบเรียนที่ 1- )
◣ คาบเรียนที่ 2 ◥
อ๊ะๆ...มาเริ่มเรียนคาบที่สองกันเลยดีกว่าหลังจากห่างหายไปนาน..=__>=
แทบเรียกได้ว่าให้ทิ้งหน้าที่การเป็นครูผู้สอนไปได้เลย หายไปยิ่งกว่าลับเข้ากลีบเมฆอีก โถ่.....
เอาล่ะๆ...มาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า...
คาบเรียนนี้จะมาอธิบายแหล่งกำเนิดและประวัติความเป็นมาและความหมายของศาสตร์มืดกันนะ
ศาสตร์มืด เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา
ศาสตร์มืด หรือการทำ "คุณไสย" เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายอมิตร เป็นศาสตร์ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และมีคนเชื่อและผู้ปฏิบัติทั่วโลก
ในแต่ละชุมชนจะมีรูปแบบของไสยศาสตร์ที่แตกต่างกันออกไป แต่สรุปแล้วไสยศาสตร์ก็คือการทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น โดยผิดแปลกจากกฎของธรรมชาติ เช่น ทำให้สามีภรรยาที่ดีกันทะเลาะและแยกทางกัน ทำให้สาวหลงรักหนุ่มที่เคยเกลียด ซึ่งปกติแล้วจะใช้ไสยศาสตร์มาใช้ในทางที่ชั่วร้าย โดยเฉพาะการทำ "คุณไสย" ที่เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายผู้ไม่เป็นมิตรด้วยการปลุกเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าไปในตัว หรือฝังรูปฝังรอย หรือการทำเสน่ห์ยาแฝด ลงนะ จากผู้ที่อ้างตัวว่ามีอาคม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกที่ทำมาหากินด้วยการหลอกลวงผู้คน หรือที่เรียกว่า พวกสิบแปดมงกุฎ ถึงกระนั้นก็ตาม“คุณไสย” หรือ “มนต์ดำ” ยังมีผู้หลงงมงายมากมาย
ศาสตร์มืดถือเป็นศาสตร์ที่ลี้ลับมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ และมีทั่วโลกแม้กระทั่งในเวลาปัจจุบัน แม้รูปแบบจะแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การทำอันตรายต่อผู้คนด้วยวิธีที่ลี้ลับ
ลัทธิศาสตร์มืด คือการรวมอำนาจจิต รวมพลังงานทางจิตซึ่งได้ทำการอบรมจิตใจให้มีความยึดมั่น เชื่อถือ อย่างจริงจัง ดำเนินไปตามหลักทางไสยศาสตร์ ตามวิธีการนั้น ๆ ก็จะสามารถแสดงฤทธิ์ปาฎิหารย์ได้ด้วยกระแสคลื่นแห่งพลังอำนาจจิตอันแรงกล้า ของ มโนภาพ สมาธิ จิตตานุภาพ ทั้งสามประการนี้ จึงเป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจที่ประหลาดมหัศจรรย์ขึ้นได้
ลัทธิไสยศาสตร์ ได้เกิดขึ้นมาก่อนพุทธกาล ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ไตรเพท ในลัทธิของพราหมณ์ ได้แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
-------------
『 ใบงาน 』
จงยกตัวอย่างเวทย์มนต์แขนงศาสตร์มืด พร้อมทั้งอธิบายผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่บุคคลนั้นโดนเวทย์มนต์นั้นไป
คนล่ะ 1 อย่างก็พอแล้ว =-=
(10 คะแนน)
-------------
『 ตัวอย่าง 』
การสะกดจิต
มีผลคือ ทำให้ผู้คนที่โดนสะกดจิตนั้น ต้องทำตามคำสั่งของผู้ใช้เวทย์เท่านั้น อะไรต่างๆนาๆก็ว่าไป
-------------
อ๋อเกือบลืมไปแน่ะ...
ขอเช็คชื่อสักนิดน่าาา ใครที่มาเช็ดชื่อก็บวกคะแนนเพิ่ม 2 คะแนน นะครับ -=-
『 แบบฟอร์มการเช็คชื่อ 』
ชื่อ :
ชั้นปี :
ห้องเรียน :
วันที่มาเช็คชื่อ :
คาบเรียนที่ : 2 - ประวัติความเป็นมาและความหมาย
ความคิดเห็น