คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4
ตอนนี้แอบเซอร์ไพรส์คนอ่านเล้กน้อย กระผมแอบเอารูปที่ตัวเองวาดมาประกอบด้วย อาจจะไม่สวยเท่าไหร่นะ
=/////= อย่าไปสนใจมากละกัน
________________________________________________________________________________________
“ หึหึหึหึ เจ้านี่ตลกชะมัด” เสียงหัวเราะเบาๆนั่นทำให้ชีโปะหยุดชะงัก พลางมองหน้าคนตัวสูงกว่าราวกับไม่เชื่อหู
“ เมื่อกี้ท่านหัวเราะเหรอ??”
“
” เซโร่เองก็หยุดเหมือนกัน หยุดเพราะอึ้งกับตัวเอง.....เขาหัวเราะเหรอ????........
“ เมื่อกี้ท่านหัวเราะเหรอ? ........ยิ้มด้วยนี่......ท่านยิ้มด้วย.......ท่านยิ้มด้วยๆๆๆ” แกะน้อยคงจะตื่นเต้นที่เห็นใบหน้าไร้อารมณ์กลับมามีชีวิตชีวาได้ เพราะตั้งแต่เขาเดินทางมากับเซโร่ เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายยิ้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงกระโดดจับมืออีกฝ่ายแล้วหมุนไปรอบๆราวกับเห็นคนสูงกว่าเป็นเด็กอย่างไรอย่างนั้น เซโร่เองก็อายจนพูดไม่ออกจึงแกะมืออีกฝ่ายออก
“ รีบเดินทางต่อเถอะน่า...เดี๋ยวไปช้าก็อดได้งานเอาหรอก”จิ้งจอกหนุ่มรีบตัดบทก่อนจะเดินงุดไปไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น..........
ก็เขายิ้มนี่นา.....................
ทั้งๆที่ไม่เคยยิ้มเลยนี่นะ............................
แบบนี้จะมีความหมายว่ายังไง??? ................ชีโปะน่ะเหรอที่ทำให้เขายิ้ม
หรือชีโปะจะเป็นคนพิเศษของเขาอย่างนั้นหรือ??...................
ทั้งสองคนเดินทางต่อไปเรื่อยๆ เซโร่กับชีโปะก็ต้องปวดหัวอีกจนได้ เมื่อพบอุปสรรคชิ้นใหญ่ นั่นก็คือบ่อโคลนขนาดใหญ่แถมยังกินอาณาเขตกว้างจนไม่สามารถเดินอ้อมได้ ชีโปะมองบ่อโคลนตรงหน้าด้วยสายตาสุดสยอง หลายร้อยหลายพันเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ เซโร่ถอนหายใจเบาๆ พลางมองด้วยสายตายุ่งยาก
“ ท...ทำยังไงดีล่ะท่านเซโร่ บ่อโคลนใหญ่ขนาดนี้..เราจะข้ามไปยังไงอ่ะ?” ชีโปะถามด้วยน้ำเสียงละห้อย เซโร่ที่เงียบไปเสียนานก็ทำหูตั้งเหมือนนึกอะไรออก เอ่ยขึ้นเบาๆ
“ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะร่ายเวทสร้างสะพานสายลมเพื่อใช้เป็นทางข้ามก็แล้วกัน แต่...” ใบหน้าที่เริ่มเจือด้วยความหวังเริ่มห่อเหี่ยวลง แกะน้อยไม่ได้พูดอะไรแล้วตั้งใจฟัง เหงื่อเริ่มซึมขึ้นมา
“ เวทสายลมเป็นเวทที่ข้าไม่ถนัดมากที่สุด คงสร้างได้ไม่นานเพราะฉะนั้นเจ้าจะต้อง.....”
“ เพราะฉะนั้นผมจะต้อง.....” แกะน้อยพูดตาม ลางสังหรณ์ของเขากำลังบอกว่าเขาจะต้อง...
“ วิ่ง ” นั่นไง....ว่าแล้วเชียว......แกะน้อยอยากจะปล่อยโฮออกมาดังๆ ชีโปะนึกจะคัดค้านแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เซโร่ร่ายเวทจนจบ แล้วพลันก็เกิดสายลมอันรุนแรงพัดวนอยู่ตรงหน้าก่อนที่สายลมนั้นจะอัดกันเป็นก้อนแน่น เซโร่ขึ้นไปยืนอยู่บนอากาศที่ว่างเปล่านั้นอย่างมั่นคง เขาสูดลมหายใจช้าๆ แล้วตะโกนลั่น
“ วิ่ง!!!!!!!!!!!!!!!” ประสาทของชีโปะไม่รับรู้อะไรอีก เขาวิ่ง วิ่งจนแทบลืมหายใจ เซโร่ทิ้งห่างออกไปประมาณช่วงตัว จนข้ามไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ประสาทหูของเซโร่และชีโปะก็รับรู้ได้ถึงการคลายตัวของเวทสะพานสายลม ทั้งคู่จึงเร่งความเร็วขึ้นอีกแต่ด้วยความยาวของขาของทั้งคู่ไม่เท่ากันทำให้เซโร่ทิ้งห่างจากชีโปะอย่างรวดเร็ว บวกกับความเหนื่อยล้าที่ได้จากการวิ่งไม่หยุด ทำให้ความเร็วของชีโปะตกลงอย่างน่าตกใจ แกะน้อยหอบหายใจถี่ขึ้น ในขณะที่ฝ่าเท้าก็สัมผัสได้ถึงการคลายตัวของสายลมที่อัดแน่นที่ไล่ตามเข้ามาอย่างกระชั้นชิด ทันใดนั้นพื้นอากาศที่เคยแข็งก็กลับหายไปต่อหน้า ร่างบางลอยละลิ่วลงสู่บ่อโคลนเบื้องล่าง
“ อ๊า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้น พร้อมๆกับร่างบางนั่นตกลงสู่บ่อโคลน ในขณะที่เซโร่ร่ายเวทย์อีกบทเสร็จพอดี ร่างสูงกล่าวชื่อเวทออกมาอย่างรวดเร็ว
“ มหาเวทย์สายน้ำแข็ง พายุน้ำแข็ง!!” พลันสายลมที่นิ่งสงบก็เริ่มแปรปรวน อากาศที่อุ่นน้อยๆนั้นก็เย็นเฉียบขึ้นมาในบัดดล! มหาเวทย์พายุนั้นพัดขยายอาณาเขตไกลออกไปเรื่อยๆ จนโคลนในบ่อนั้นแข็งจนหมด รอบๆบ่อโคลนนั้นก็กลายเป็นขั้วโลกเหนือไปในพริบตา ! ร่างบางลอยละลิ่วลงมาเกือบจะกระทบกับพื้นน้ำแข็งอันเย็นเฉียบนั้นแล้ว แต่ด้วยความที่ไวกว่าทำให้จิ้งจอกหนุ่มดึงตัวอีกฝ่ายได้ทันพอดี
“ เฮ้! เป็นอะไรรึเปล่า? เจ้าลูกแกะ” ไร้ซึ่งเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากปากของอีกฝ่าย ทำให้จิ้งจอกหนุ่มเริ่มใจเสีย คงจะเป็นเพราะความกลัวที่เกิดขึ้นในขณะที่เจ้าแกะน้อยตกลงสู่พื้นนั่นเอง ที่ทำให้แกะน้อยหมดสติไป
จิ้งจอกหนุ่มชักสีหน้ายุ่งยาก แล้วก็ตัดสินใจสร้างที่พักอยู่ไม่ไกลจากบ่อโคลนนั่นเอง
จิ้งจอกหนุ่มนั่งลงข้างๆร่างของแกะน้อย พลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ด้วยความที่สูญเสียพลังเวทย์จำนวนมากทำให้เซโร่กังวลยิ่งนักว่าอาจจะมีอันตรายใดๆเข้ามาหาในช่วงที่เขาอ่อนแออยู่เช่นนี้ เพราะนอกจากเขาจะสูญเสียพลังเวทย์จำนวนมากไปกับมหาเวทย์แล้ว เขายังต้องรักษาชีโปะอีกด้วย
“ ชิ! บ้าฉิบ.....” จิ้งจอกหนุ่มสถบเบาๆ ในเวลาแบบนี้มันทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าตัวเองนั้นอ่อนแอแค่ไหน แค่ใช้พลังนิดๆหน่อยก็ต้องมานั่งหอบอยู่แบบนี้ เขาชำเลืองมองคนที่นอนอยู่ข้างๆนิดๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของชีโปะมันยิ่งทำให้เขาเจ็บใจมากขึ้น ร่างสูงกำมือแน่น
“ เพราะความอ่อนแอของข้า......แล้วอย่างนี้จะไปปกป้องใครได้.....แล้วอย่างนี้...” น้ำเสียงที่ดุดันเริ่มผ่อนคลายลงในประโยคท้าย
“ ข้า.....จะปกป้องเจ้าได้อย่างไรกัน...ชีโปะ......” แม้ในเวลานี้จิ้งจอกหนุ่มแทบจะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าทุกคำพูดนั้น........
มันมาจากใจจริงๆ..................
หลายวันผ่านไป แม้อาการของชีโปะจะดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่จิ้งจอกหนุ่มก็ยังคงดูถูกตัวเองอยู่เหมือนเดิม เขาพยายามที่จะเพิ่มพูนพลังเวทย์ของตนให้สูงขึ้น แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความเครียด เนื่องจากเซโร่เกิดอาการหงุดหงิดที่ไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจ แกะน้อยมองดูอย่างแหยงๆอยู่ห่างๆ เขาอยากจะทำให้เซโร่หายเครียด จึงพยายามที่จะหาทางผ่อนคลายให้จิ้งจอกหนุ่ม ที่กำลังทำหน้านิ่วอยู่ในตอนนี้ จึงพยายามที่จะลองชวนคุยดู
“ ท่านเซโร่ อีกกี่เดือนจะถึงที่หมายเหรอ??” ชีโปะพยายามปั้นหน้ายิ้ม ร่างบางฝืนทำตัวร่าเริงอย่างสุดชีวิต เซโร่ปรายตามองน้อยๆ ดวงตาสีเงินคมนั้นวาวโรจน์ จนแกะน้อยรู้สึกเย็นไปจนถึงไขสันหลัง ความจริงแล้วการมองแบบนั้น เจ้าตัวก็ไม่ได้แฝงอะไรเอาไว้ ก็แค่มองเฉยๆเท่านั้น แต่ก็ทำให้แกะน้อยต้องเขยิบออกห่างอย่างช่วยไม่ได้
“ ประมาณ 2-3 เดือน” กล่าวจบเขาก็หันหน้ากลับไปทางเดิม ทำเอาชีโปะลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่
คนอะไร......ช่างเข้าใจยากเหลือเกิน........
ทั้งสองคนเงียบไปอึดใจ แล้วจู่ๆเซโร่ก็สัมผัสการมีอยู่ของชีโปะไม่ได้
ชีโปะหายไป???!!!!
จิ้งจอกหนุ่มเริ่มใจเสีย เขาเริ่มออกค้นหาอีกฝ่าย ด้วยกลิ่นกายที่เขาคุ้นเคย เซโร่สูดลมหายใจช้าๆเพื่อควานหาอีกฝ่ายที่อาจจะอยู่ไม่ไกล แต่เนื่องจากลมที่พัดแรงพัดเอาละอองเกสรดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่งอยู่แถวนั้นมาด้วย รบกวนการตามกลิ่นของเซโร่เอามากๆ ทำให้การตามหาด้วยการดมกลิ่นแทบจะเป็นไปไม่ได้.................
ในขณะที่เซโร่กำลังกุมขมับเพราะประสาทการรับรู้โดนรบกวนนั้น ร่างบางที่หายตัวไปเมื่อครู่ก็มุดออกมาจากพุ่มไม้ ทำเอาเซโร่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในขณะที่ร่างบางกำลังปัดเศษหญ้าและละอองเกสรดอกไม้ออกจากตัวนั้น แกะน้อยก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารระดับเทพที่บ่งบอกว่าผู้ที่ปล่อยมันออกมากำลังหงุดหงิดขนาดไหน แต่แกะน้อยก็ไม่สู้ใส่ใจก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่แสนร่าเริง
“ เซโร่ ผม..”
“ นี่เจ้ารู้รึเปล่าว่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงขนาดไหนน่ะ หา...............” จิ้งจอกหนุ่มกดเสียงลงต่ำ จนแกะน้อยรู้สึกหนาวๆร้อนๆ เซโร่มองร่างที่สั่นน้อยๆข้างหน้าตนแล้วถอนหายใจ เขาหยิบของบางสิ่งออกมาจากเป้ แล้วกล่าวกับชีโปะด้วยเสียงเรียบๆ
“ แบมือมา..” เหมือนคำสั่งของเพชรฆาต แกะน้อยก้มหน้างุด น้ำตาคลอเบ้าจวนจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ แต่ก็ยอมแบมือตามคำสั่งของเซโร่โดยดี จิ้งจอกหนุ่มจึงประทับไม้เรียวลงไปบนมือบางนั้นนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาตี ชีโปะ ดังนั้นเขาจึงทำใจได้พอสมควร แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาใจอ่อนอยู่ร่ำไป เช่นครั้งนี้
“ เอ้า! หยุดร้องไห้ได้แล้ว ข้าไม่ได้ตีแรงขนาดนั้นซะหน่อย” ร่างสูงนั่งยองๆ แล้วถูฝ่ามือบางข้างที่เขาตีเบาๆจนความเจ็บทุเลาลง ชีโปะเช็ดน้ำตาด้วยหลังมืออย่างลวกๆ พลันนัยน์ตาสีม่วงสดก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีเงินคมอย่างช่วยไม่ได้
“ แล้วไปทำอะไรมา?” เซโร่ถามเสียงเข้ม ชีโปะจึงเอามือที่แอบซ่อนไว้ข้างหลังอีกข้างชูให้อีกฝ่ายเห็น สิ่งที่ปรากฏแก่สายตานั้นทำให้เซโร่เบิกนัยน์ตาขึ้นน้อยๆ
“ ข้าเห็นท่านอารมณ์ไม่ค่อยดี....ก็..ก็เลย คิดว่ากลิ่นหอมของดอกไม้น่าจะช่วยได้
” ในมือของ ชีโปะที่ชูอยู่ข้างหน้าของเซโร่นั้น มีดอกไม้ป่าช่อใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมหวน ชีโปะก้มหน้างุด ดวงหน้าขึ้นสีเรื่อ เรียกรอยยิ้มบางๆจากคนตัวสูงกว่าให้ออกมา จิ้งจอกหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเกือบติด ส่งผลให้คนตัวเล็กกว่าโวยวายออกมา
“ อ๊ะ! ท่านเซโร่จะทำอะไ...”
“ ขอบคุณ”
เซโร่ยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วออกเดินไป เพียงคำสองคำก็เรียกหัวใจของแกะน้อยให้เต้นรัว...
ความรู้สึกนี้มันอะไร???...
วันเวลาล่วงเลยเข้าสู่เดือนใหม่ เดือนแล้ว เดือนเล่า ทั้งคู่ยังคงเดินทางต่อไปเรื่อยๆ ความผูกพันที่ก่อกำเนิดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้นั้น นานวันมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในวันหนึ่งทั้งคู่เดินทางไปเรื่อยๆจนค่ำมืดก็หยุดพัก เซโร่นอนดูดาวอยู่เพียงคนเดียวพลางคิดอะไรเงียบๆ ชีโปะที่กำลังหาฟืนมาเติมนั้นเห็นเข้าก็นึกสนุกจึงถือวิสาสะเข้าไปนอนอยู่ข้างจิ้งจอกหนุ่มซะเลย
“ ขอผมดูด้วยคนนะ ^^” ชีโปะพูดเพียงแค่นั้นแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้ แล้วนอนลงข้างๆจิ้งจอกหนุ่มที่ทำหน้านิ่วส่งให้อีกแล้ว กลิ่นหอมของหญ้าและดอกไม้ป่าทำให้ชีโปะรู้สึกสบายนัก ร่างบางกวาดสายตาไปทั่วผืนฟ้า ดวงดาวนับร้อยนับพันส่องแสงระยิบระยับ
“ นี่...ท่านเซโร่....”
“
.”
“ ผมคิดเสมอเลยนะ.........”
“ อะไร?” แม้จะฟังดูห้วนๆ แต่เซโร่ก็มิได้เจืออารมณ์อะไรเอาไว้ในน้ำเสียง พลางหันไปมองอีกฝ่ายที่นอนอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่เขาแอบเห็นว่าดวงตาสีม่วงสดนั้นแอบแฝงความอ้างว้างเอาไว้..
ความอ้างว้างเหมือนที่เขามี....
“ ผมคิดว่าหนึ่งในดวงดาวนับร้อยนับพันนั่น..จะมีพ่อกับแม่ของผมคอยมองดูผมอยู่..พ่อกับแม่ของผมน่ะ...ตายไปก่อนที่ผมจะจำหน้าพวกเค้าได้..แม้แต่ชื่อ..ผมยังไม่รู้เลย ตอนเด็กๆ ผมไม่เคยจะกลัวความตาย ได้แต่รอว่าซักวันหมาจิ้งจอกที่ดุร้ายที่อาศัยอยู่ในป่าข้างๆทุ่งหญ้าจะมาจับผมกินซะ ให้ผมได้เจอพ่อ....ได้เจอแม่............ผมคิดเสมอว่าถ้าผมตาย ผมจะไปที่นั่น.....” แกะน้อยหยุดพูดแล้วอมยิ้มพลางชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีหมู่มวลดวงดาวพร่างพราย จิ้งจอกหนุ่มมองตามอย่างเลื่อนลอย ความเงียบถูกขัดขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างบางกล่าวต่อ
“ที่ใจกลางของเหล่าดวงดาวเหล่านั้นนั่นไง.....ผมจะท่องเที่ยวไปทั่วท้องฟ้าในยามค่ำคืน.....กับครอบครัวของผม......แต่...........ในตอนนี้ผมไม่คิดอย่างนั้นแล้วล่ะ...”
_______________________________________ตอนที่ 5 __________________________________________
(รูปนั่นน่ะ แต่งกันสุดฤทธิ์เพราะคำว่าขอบคุณมันไม่ชัด แต่งไปแต่งมาจนต้อแต้ ก้เลยออกมาอย่างที่เห็น )
ความคิดเห็น