คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ไฟพิโรธที่ก่อเกิด ถ้อยคำที่พรั่งพรู
“ท่านรู้บ้างรึเปล่า?..”
ชายหนุ่มเว้นช่วงไป บาทหลวงหนุ่มมองด้วยความฉงน ก่อนที่มาซารายจะเริ่มพูดต่อ
“ ทุกครั้งที่ท่านพยายามปิดบังโดยแสร้งทำเป็นไม่มีอะไร มันทำให้คนรอบข้างของท่านยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นกว่าเดิมซะอีกนะ ท่านคิดถึงคนอื่นมากเกินไป จนไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง การปิดบังหรือโกหกไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ท่านไม่ควรจะเก็บมันไว้คนเดียว ท่านทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว จง...ให้อิสระกับตัวเองบ้างเถิด.......”
ประโยคหลังทำให้น้ำเสียงของมาซารายันแผ่วเบาลง ไม่รู้เพราะเหตุใดที่จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยของคนตรงหน้า ทำเอามาซารายตกใจจนทำอะไรไม่ถูกอีกตามเคย
“เฮ้ย! ขะๆๆๆ ขอโทษ เป็นอะไรน่ะ ข้าพูดแรงไปเหรอ??”
จัสตินส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่ ก่อนจะซุกหน้าลงกับอกกว้างของอีกฝ่าย
“อย่างนี้จะดีแล้วเหรอ............”
ริมฝีปากบางเปล่งเสียงครางเครือเพราะร้องไห้ ทำให้ชายหนุ่มชะงักไป ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาเบาๆ แล้วลูบหัวอีกฝ่ายอย่างจะปลอบ
“ท่านทำดีที่สุดแล้ว”
จัสตินเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่ามาซรายกำลังส่งยิ้มกว้างมาให้ รอยยิ้มที่อ่อนโยนและสว่างไสวเหมือนพระจันทร์ทำให้กำแพงทุกอย่างพังทลายลง เรื่องราวต่างๆค่อยๆออกมาจากปากของบาทหลวงหนุ่มทีละเรื่องๆ มาซารายคิ้วขมวดมุ่น เขาขบกรามกรอดด้วยความโกรธแค้น บาทหลวงบอบบางที่แสนบริสุทธ์และล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งใดของเขาต้องเจออะไรมาบ้าง ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้รู้ นี่น่ะรึ...เหตุผลที่ทำให้ท่านไม่สามารถยิ้มได้อย่างมีความสุขโดยแท้จริง.....นี่น่ะรึคือเหตุผลที่ทำให้ร่างบางตรงหน้าเขาต้องมีสภาพอย่างนี้...เหตุผลที่ทำให้ท่านต้องมีน้ำตา....ต้องร้องไห้อยู่คนเดียวเพียงลำพังโดยไม่มีใครช่วยได้......
“ข้าอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะพลังของข้ามันจวนจะหมดเต็มที ดูจากสภาพของข้าตอนนี้เจ้าคงจะเข้าใจ ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องมารับรู้เรื่องเลวร้ายแบบนี้”
แววตาสีทองสลดลง มาซารายเม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามออกมาเบาๆ
“ไม่มีวิธีที่จะช่วยท่านจากปิศาจตนนั้นเลยรึ?”
มาซารายถามเสียงเรียบ เหมือนดังจะกลัวว่าหากส่งเสียงดังมากเกินไปจะเก็บความโกรธไว้ไม่อยู่ เขากำลังพยายามอดกลั้นมัน อดกลั้นความโกรธที่มันมีมากมายอย่างที่ไม่เคยมี แรงอาฆาตอันมหาศาลที่พร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ
“น่าเสียดายที่ต้องบอกว่าไม่มี เพราะร่างกายข้าถูกคุโรสิงนานเกินไปจนวิญญาณของเขาเริ่มหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกับร่างกายของข้าแล้ว วันดีคืนดีเขาจะโผล่ออกมาในร่างของข้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ว่านะ ข้าน่ะไม่เป็นไรหรอก ”
ยิ่งได้ฟังมาซารายยิ่งเดือดดาล ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพลางเค้นเสียงลอดไรฟัน จนจัสตินเองก็ยังตกใจมาซารายันในตอนนี้ ไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อนเลย.......
“ไม่เป็นไรงั้นเหรอ...สภาพแบบนี้ท่านยังจะบอกว่าท่านไม่เป็นไรอีกงั้นเหรอ......”
น้ำเสียงที่เคยฟังดูเคียดขึ้งกลับแผ่วเบาลงจนเริ่มกลายเป็นเสียงสะอื้นไห้ จัสตินตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายดึงตัวเข้าไปกอด
“ท่านคิดจะทิ้งข้าไปอีกเหรอ....ถ้าหากท่านเป็นอะไรไปข้าจะเหลือใคร....ทำไมท่านไม่คิดถึงคนที่รักท่าน...มากขนาดนี้บ้างนะ.....”
ผิวที่ขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาดน้อยๆเมื่อได้ยินประโยคหลัง
“ร...รักเหรอ...มาซารายคุงเนี่ยนะ...”
“ก็ใช่น่ะสิ รักมาตลอดเลย รักมาก มากกว่าใครทั้งนั้น...”
น้ำตาของมาซารายยังไม่หยุดไหลซึ่งจัสตินก็ได้บรรจงเช็ดมันออกให้อย่างนุ่มนวล ก่อนจะกอดตอบอีกฝ่ายไว้แล้วคลี่ยิ้มออกมาบางๆ บาทหลวงหนุ่มซุกหน้าลงกับอกกว้างก่อนจะหลับตาลงปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาเป็นสายพร้อมๆกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมายมากมาย
“เจ้าเนี่ยน้า......บ้าจริงๆเลย.....”
ร่างบางกล่าวจบก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น จากฝ่ายถูกปลอบอย่างมาซารายจึงกลายเป็นฝ่ายปลอบแทนไปโดยปริยาย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาเลย เพียงแค่นั่งกอดอีกฝ่ายอยู่เงียบๆเท่านั้น
ทำได้แค่กอดอยู่เงียบๆ....เท่านั้น.......
ความคิดเห็น