คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
ขอบคุณที่ฟังผมบ่นฮะ อ่านต่อๆ
__________________________________________________________________________________________
“ ก็.....นะ” เซโร่ไม่ได้เจืออะไรไว้ในน้ำเสียง แต่นั่นก็ทำให้ผู้เป็นพี่คนโตไม่ถูกใจบ่อยครั้ง กับนิสัยที่ไม่บ่งบอกสิ่งใดของน้องชาย
“ ก็นะ อะไรของเจ้า ถ้ามีที่ไปแล้วก็บอก จะไปข้าก็ไม่ขัดใจหรอกน่า” ร่างสูงทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจในลำคอ
“ .............” ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากของผู้เป็นน้อง จนทำให้ผู้เป็นพี่อ่อนใจระคนรำคาญ
“ ตามใจเจ้าเถอะ ข้าขอแค่ที่อยู่ของเจ้าก็พอ จะติดต่อมารึไม่ก็ตามใจเจ้า” จิ้งจอกผู้พี่ตัดบทแล้วลากซากกวางไปกินคนเดียวอย่างสบายใจ เซโร่มิได้สนใจเนื้อที่พี่ชายกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยนั้น ได้มุดตัวเข้าไปหลับในมุมเดิมของตนพลางครุ่นคิดอะไรเพียงคนเดียวจนผล็อยหลับไปในที่สุด
ในที่สุดยามเช้าก็มาเยือน ดวงตะวันดวงเดิมส่องแสงจ้า เซโร่ตื่นนอนอย่างรวดเร็วแล้วเช็คข้าวของก่อนออกเดินทางอีกครั้ง กาโร่ซึ่งกำลังงัวเงียตื่น เดินพลางหาวเข้ามาหาเซโร่
“ จะไปแล้วจริงๆสินะ ไปที่ไหนล่ะเจ้า?”
“ อาณาจักรอคาเทเซีย” เซโร่ตอบด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย แต่ในอกนั้นแสนเศร้ามากมายนัก
“ หือ? อาณาจักรอคาเทเซีย?? ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลย เจ้าแน่ใจเหรอว่ามันมีอยู่จริง?” ร่างสูงยีผมสีทองปลั่งที่ฟูยุ่งจากการนอนนั้นเบาๆ เนื่องจากตอนนอนกาโร่จะไม่สวมเสื้อ เมื่อตื่นนอนจึงอาจจะทำให้ใครหลายๆคนมองเห็นรูปร่างที่บึกบึนแต่สมส่วน มัดกล้ามที่ไม่ได้ใหญ่โตแสดงความแข็งแรงมากมายนั้นช่างเย้ายวนให้ใครต่อใครมานอนซบ กับหน้าท้องที่แอบมีร่องซิกแพ็คเล็กๆนั้น ก็อาจจะทำให้สาวๆเลือดกำเดาพุ่งกระจายได้แล้ว
“ ไม่รู้หรอก” เซโร่ตัดบทเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน ก่อนจะงงกับกาโร่ที่ยื่นมือมาตรงหน้าตน จึงมองหน้าพี่ชายแล้วถามทางสายตา
“ ที่อยู่น่ะ เอาที่อยู่มา” แววตาเอาแต่ใจของพี่ชายทำให้เซโร่จึงจำต้องให้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินจากมา
“ คงต้องทิ้งมันไปทั้งหมดแล้วสินะ....วิวแบบนี้......”ตอนนี้ในใจของเซโร่จะเศร้าแค่ไหนไม่มีใครรู้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่ก่อนที่จิ้งจอกหนุ่มจะเริ่มออกเดินทาง เขาก็ทำหูตั้งเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พลางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ ขอหาอะไรกินเป็นการทิ้งท้ายหน่อยละกัน..”
จิ้งจอกหนุ่มผละจากสัมภาระแล้วย่องเข้าไปในพุ่มไม้ เดินหาเหยื่อซึ่งก็อาจเป็นลูกแกะซักตัวที่หลงฝูงออกมา เขาย่องอย่างเงียบกริบและในเวลาไม่นานเขาก็เจอกับลูกแกะน้อยตัวหนึ่ง ซึ่งแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว จิ้งจอกหนุ่มย่องเข้าไปใกล้ๆหวังจะตะครุบกินเสียให้หนำใจ แต่ดูเหมือนแกะน้อยจะรู้ตัวจึงได้เอ่ยออกมาเบาๆ
“ นั่นท่านจิ้งจอกใช่ไหม?” ร่างบอบบางที่ถูกห่อหุ้มด้วยขนนุ่มหนานั้นเอ่ยขึ้นเบาๆท่ามกลางเสียงของสายลมที่กรีดเสียงหวีดหวิว
“
...” จิ้งจอกหนุ่มมิได้ตอบอะไร ราวกับต้องการหยั่งเชิงอีกฝ่าย
“ ช่วย...กินผมทีเถอะ!”
จิ้งจอกหนุ่มเบิกดวงตาขึ้นน้อยๆ เรียวคิ้วขมวดมุ่น คำพูดของแกะน้อยทำให้เซโร่กังขาเป็นยิ่งนัก จึงยอมเอ่ยปากถามอย่างเสียมิได้
“ อะไรของเจ้า? ไม่กลัวข้าเลยรึยังไง เจ้าคิดจะท้าทายข้างั้นเรอะ?” จิ้งจอกหนุ่มเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ พรุ่งนี้....จะมีแขกมาที่บ้านเจ้านายของผม...ผมแอบได้ยินเค้าคุยกันว่า...พรุ่งนี้..จะจับผมเชือด..ทำเป็นอาหารต้อนรับแขกเสีย ผมไม่ได้ปรารถนาที่จะจบชีวิตแบบนั้น ดังนั้น ผมยอมให้ท่านกินเสียจะดีกว่า.....ได้โปรดกินผมทีเถอะ” พอแกะน้อยพูดจบน้ำตาก็พรั่งพรูลงมาเป็นสาย แววตาของแกะน้อยดูรวดร้าวยิ่งนัก เซโร่เห็นแล้วรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ ทันใดนั้น ปากที่ไวกว่าความคิดก็กล่าวออกมาว่า
“ ถ้าอย่างนั้น....ไปกับข้ามั้ยล่ะ?”
คำพูดนั้นทำให้แกะน้อยที่กำลังร้องไห้ถึงกับหยุดสนิท แล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เชื่อหู เซโร่เองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตนพูดอะไรออกไป แต่ก็พูดไปแล้วนี่นะ ช่วยไม่ได้แฮะ
“ ท่านว่ายังไงนะ??”
“ ข้ากำลังจะเดินทางไปหาที่อยู่ใหม่ ไปคนเดียวมันก็กระไรอยู่ ว่ายังไง...ตกลงจะไปมั้ย?”
“ครับ! ผมจะไป ผมไปด้วยนะท่าน” แกะน้อยรีบตอบอย่างไม่ลังเล ดวงตาสวยที่ชุ่มน้ำกลับรื้นด้วยความหวัง เขารู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง ดีใจ.....ดีใจจนไม่รู้จะพูดอะไรดี....................
“ แต่เมืองที่ข้าจะไปน่ะ...มันเป็นเมืองของมนุษย์(ละมั้ง) เพราะฉะนั้น เจ้าต้องกลายเป็นมนุษย์ซะก่อน” จิ้งจอกหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ทำเอาแกะน้อยสีหน้าเปลี่ยนทันที
“ ทำยังไงหรือครับ??” แกะน้อยถามด้วยความงุนงง จิ้งจอกหนุ่มไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่เอื้อมมือไปควานหาของในกระเป๋าของตน ก่อนจะยื่นถุงผ้าใบเล็กๆให้กับแกะน้อย เครื่องหมายคำถามจำนวนมากถูกส่งมาทางสายตา เซโร่จึงจำต้องอธิบายอย่างจำใจ
“ นี่คือ Hide Stone เป็นหนึ่งในหินวิเศษเจ็ดอย่างที่หายากเอามากๆ นักเล่นแร่แปรธาตุต่างตามหามันเลือดตาแทบกระเด็น แต่สำหรับเผ่าพันธุ์ที่มีจมูกดีอย่างพวกเราแล้ว..หาไม่ยากหรอก เพราะเจ้าหินนี่มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ซึ่งมนุษย์ธรรมดาจะไม่มีทางได้กลิ่น เจ้าจะต้องกินมันเข้าไปแล้วเจ้าจะกลายเป็นมนุษย์ตามที่ต้องการ” เซโร่กล่าวจบก็ยื่นหินที่มีสีใสเป็นประกายราวกับคริสตัลนั้นมาตรงหน้าของแกะน้อย
“ หินก้อนแค่นี้...คงกลืนได้ไม่ยากหรอกน่า ให้มันกล้าๆหน่อย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ แกะน้อยจำต้องรับหินในมือของจิ้งจอกหนุ่มมาถือไว้อย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะกลั้นใจแล้วส่งมันเข้าในปาก
“ อุ๊บ!” แกะน้อยกลืนหินนั้นลงคอไปได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงรสหวานที่ปลายลิ้น..... บ้าน่า....ก้อนหินจะมีรสชาติได้ไงกัน...... แต่แกะน้อยก็ต้องเก็บความเคลือบแคลงนั้นไว้ในใจ เมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายเขา..ร่างน้อยฟุบลงกับพื้นราวกับคนหมดเรี่ยวแรง สีหน้าของแกะน้อยนั้นซีดเซียวดูทรมานนัก...แตกต่างกับความรู้สึกที่อยู่ข้างในลิบลับ
‘ สบาย........สบายตัวดีจัง......’ แกะน้อยคิดก่อนจะมีแสงสว่างปกคลุมทั่วร่าง แสงนั้นเย็นและนวลตามาก เซโร่ยืนมองนิ่งๆ ไม่ได้มีที่ท่าตื่นเต้นหรือตกใจอะไร พลันนั้นแสงสว่างก็แตกออกจากกันและหายไปเผยให้เห็นแกะน้อยที่เปลี่ยนแปลง ร่างกายบอบบางน่าทะนุถนอม ผิวขาวผ่องราวกับสีของน้ำนม ดวงตาสีม่วงสด เรียวปากบางสีกุหลาบเจือ เรือนผมสีขาวละเอียดยาวเคลียไหล่ แอบมีเขาของแกะโผล่ให้เห็นจากเรือนผมนุ่มหนานั้นร่างบางนั้นอยู่ในชุดเรียบๆของเด็กผู้ชายสวมกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล แม้จะเป็นเพียงชุดพื้นๆแต่ภาพที่เห็นทำให้เซโร่แทบจะนึกว่าจะต้องหัวใจวายตายเสียแล้ว
ตายเพราะภาพของนางฟ้าในยามเช้าที่งดงาม...............................
แกะน้อยคงจะเห็นว่าเซโร่ยืนนิ่งนานเกินไปจึงไปสะกิดๆจิ้งจอกหนุ่มเบาๆ จนอีกฝ่ายรู้สึกตัว แกะน้อยสำรวจร่างกายของตัวเองอย่างดีใจ ก่อนจะโดดกอดจิ้งจอกหนุ่มอย่างลืมตัว
“ ไชโย! ผมกลายเป็นมนุษย์แล้ว ผมกลายเป็นมนุษย์แล้ว ท่านจิ้งจอก เย้!!!” เซโร่รีบปัดร่างเล็กออกจากตัว แต่รอยยิ้มที่สดใสนั่นทำให้เขาทำอะไรแทบไม่ลง
“ แต่หินนี่น่ะ..ไม่ใช่ว่าใครก็กินแล้วกลายเป็นคนได้ทุกคนหรอกนะ มันต้องถูกลงเวทยมนตร์ไว้ด้วยถึงจะสามารถใช้งานมันได้อย่างใจนึก แต่ข้าขี้เกียจมาลงเวทย์ตอนต้องใช้ อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ใช้งานมันอยู่แล้วก็เลยลงเวทย์กลายเป็นคนเอาไว้มันทุกก้อนซะเลย เจ้าเองก็อย่าเผลอให้หินนั่นมันหลุดออกมาข้างนอกล่ะ ไม่อย่างนั้น..เจ้าจะต้องกลับเป็นแกะเหมือนเดิม และทางที่ดี........อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้ามีหินนั่นอยู่ในตัว....โดยเฉพาะมนุษย์...จำไว้”
เซโร่เน้นหนักที่ประโยคท้าย ทิ้งให้แกะน้อยที่หัวช้านั่งงงกับคำพูดที่ถูกทิ้งท้ายไว้
“ ข้าเองก็คงต้องแปลงเป็นมนุษย์แล้วสินะ...เฮ้อ......ยุ่งยากชะมัด” เซโร่กล่าวจบก็ร่ายเวทย์อะไรบางอย่างในภาษาที่แกะน้อยไม่เข้าใจ แล้วร่างที่มีขนปุกปุยของจิ้งจอกหนุ่มก็กลายมนุษย์รูปงาม ผมสีเงิน ดวงตาคมกริบสีเดียวกับสีของเรือนผม ร่างสูงใหญ่ ดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด แม้จะยังมีหูและหางโผล่ออกมาแต่ก็ทำให้แกะน้อยเคลิบเคลิ้มไปกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
“ นี่ๆ...ท่านส่งกลิ่นหอมแปลกๆออกมาด้วยนะ” แกะน้อยร้องทัก จิ้งจอกหนุ่มนิ่วหน้ากับประโยคนั้น
“ กลิ่นอะไร?” เซโร่ถามด้วยความงุนงง ก็เขาไม่เคยใส่น้ำหอมหรือไปมุดดงดอกไม้มาสักหน่อย
“ ไม่รู้สิ......แต่ว่ารู้สึกดีมากๆเลยนะ ผมได้กลิ่นแล้วรู้สึกแปลกๆ...ท่าน.....มีกลิ่นหอมอย่างรุนแรง....”
“ ช่างมันเถอะ ว่าแต่เจ้าน่ะ.....ชื่ออะไร?”
“ ผมชื่อ.......ชีโปะ....คาเคะ ชีโปะ....แล้วท่านล่ะ?”
“ ข้าชื่อ กินสะ เซโร่”
“ ผมขอเรียกท่านว่าท่านเซโร่ ได้ไหม?” แกะน้อยชีโปะเอ่ยถามพลางยิ้มอย่างเริงร่า ทำเอาจิ้งจอกหนุ่มรู้สึกหวิวในอก
“ ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ เอาล่ะไปกันได้แล้ว ระยะทางจากที่หมู่บ้านนี้ไปถึงอาณาจักรอคาเทเซีย คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3-4เดือนเป็นแน่ ถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็มืดค่ำกันพอดี เอาล่ะรีบเดินทางเถอะ ว่าแต่เจ้าน่ะ.....ไม่มีของที่จะนำติดตัวไปเลยรึ?”
เซโร่ถาม เมื่อเห็นว่าชีโปะไม่มีของติดตัวเลยแม้แต่น้อย
“ ไม่มีหรอก ก็ผมเป็นแกะนี่” ชีโปะบอก เซโร่ก็เลยพึมพำร่ายเวทย์อะไรบางอย่าง แล้วพลันก็มีชุดแบบเดียวกันกับที่ชีโปะใส่อยู่โผล่ออกมา 2-3ชุด เซโร่ยื่นมันให้กับชีโปะที่กำลังงงกับภาพตรงหน้า
“ เอ้า! ถ้าเป็นมนุษย์ก็ต้องมีเสื้อผ้าเป็นของตัวเองซักชุดสองชุดละ รับไปซะ” เซโร่ยื่นเสื้อผ้าเหล่านั้นให้คนตรงหน้า ซึ่งชีโปะก็รับมาอย่างงงๆ
“ นี่ท่านใช้เวทย์มนตร์ได้ด้วยเหรอ????” แกะน้อยถามด้วยความตกใจ เขาไม่ได้สังเกตเลย
“ ก็นิดหน่อยเท่านั้นแหละ”
“ งั้นขนสีเงินนั่น...........ท่านก็ใช้เวทยมนตร์ปิดไว้เหรอ? ถึงว่าสิ..แต่ เพื่ออะไรเหรอ??? ผมว่าไม่ปิดจะดีกว่าละมั้งนะ ผมว่ามันดูดีออก ^^”
______________________________ตอนที่ 3 _____________________________________________________
ความคิดเห็น