Behind the maze { Minho x Thomas} - Behind the maze { Minho x Thomas} นิยาย Behind the maze { Minho x Thomas} : Dek-D.com - Writer

    Behind the maze { Minho x Thomas}

    โดย leolighter

    แม่ยกมินโฮ-โทมัส เชิญค่าาา

    ผู้เข้าชมรวม

    1,330

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.33K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    47
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 ต.ค. 57 / 22:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
     สวัสดีค่ะ นักอ่านทั้งหลายยยย
    ตามชื่อนะคะ
    มันเริ่มมาจากเราไปดูหนังเรื่อง เมซ รันเนอร์ มา
    แล้วประทับใจมเม้น มินโฮโทมัส
    พอไปหาฟิคเด็กดี เราไม่เจอใครเขียนคู่นี้เลย
    เราจึงสนองนีท แต่งเองแม่ง เป็นอาหารแก้ขัดสนของสาววายผู้ต้องการฟินกับคู่นี้
    ไรต์ใช้เวลาแต่งสองชั่วโมงตอนดูชิงแชมป์ปิงปอง ขอให้สนุกนะคะ
    เม้นกันด้วยน้า
















    LeoLighter Zeal's photo.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Behind the maze

      Pairing : Minho x Thomas

      From : maze runner



      “โทมัสสส เร็วเข้า!!




      ผมตะโกนสุดเสียงเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ความรคู้สึกเหมือนหัวใจกำลังเต้นจนมันกำลังจะกระเด็นออกมาจากอก พร้อมภาพเหลือเชื่อตรงหน้าที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา



      ผมมินโฮ


      หัวหน้าทีมสำรวจเขาวงกต





      ผมมองภาพโทมัสวิ่งผ่านกำแพงที่กำลังเคลื่อนที่เข้าหากันมันแคบลงลงเรื่อยๆจนพอดีตัวเขา ภาพทุกอย่างเหมือนภาพสโลว์โมชั่น เส้นผมของเขาปลิวไปทิศทางตรงกันข้ามที่เขาวิ่งมาทางผม เรียวขายาวสาวเท้าวิ่งอย่างสุดฝีเท้าโดยมีสัตว์ประหลาดที่พวกผมเรียกมันว่า กรีฟเวอร์ ไล่ตามมาติดๆ  ทุกอย่างมันกระชั้นชิด ทั้งกำแพงที่กำลังจะแนบสนิทกัน ทั้งกรีฟเวอร์ที่วิ่งไล่โทมัสมา มันทำให้ผมไม่สามารถลืมตาได้ต่อ






      “โทมัสสสสสสสส”





      ตัวของผมแข็งถือเกรงไปทุกส่วน หัวใจเต้นพร้อมกับความกลัวในการจะต้องลืมตาขึ้นมา แต่ก่อนที่ผมจะได้ทันทำอะไร เสียงกำแพงก็ปิดตัวลงตามมาก้วยเสียงดังแกรกเหมือนกระดูกหักหรืออะไรหักซักอย่าง มันให้ความรู้สึกผวาและน่าขนลุกมากพอจะทำให้ผมคิดว่า มีใครตายรึเปล่านะ? ขึ้นมาเลยทีเดียว







      ด้วยคำถามนั้น...ผมลืมตาขึ้น





      สิ่งแรกที่ผมเห็นคือซากกรีฟเวอร์ เนื่องจากว่ามันเป็นเมมือนยมฑูตลึกลับที่พรากชีวิตทุกคนที่เห็นมันทำให้ไม่มีใคร
      รอดชีวิตกลับมาเล่า ทำให้นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันแบบชัดๆเต็มตา






      กรีฟเวอร์ที่ผมเห็นตอนนี้เละเทะไม่เหลือเค้าเดิมของอสูรกายที่วิ่งไล่ล่าผมกับโทมัสเลยแม้แต่น้อย สภาพของมันเหมือนกับแมงมุมที่โดนประตูหนีบตายคาที่จนแบนเพียงแต่มันใหญ่กว่ามากและมีเครื่องในและน้ำเมือเหนียวหนืดสีเขียวเอเลี่ยนทะลักออกมาร่วมด้วย

       



       

      ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียน

      แต่ทว่ามีความภูมิใจปะปนอยู่มากกว่า....

       




       

      โทมัส...คนที่ผมเรียกเมื่อกี้ เขาปลอดภัยดี แถมไม่บาดเจ็บด้วย มันฟังเหมือนนิยายที่ว่าเขาพึ่งเข้ามาในค่ายนี้ไม่ถึงเดือนแต่เขากลับเอาตัวรอดได้ขนาดนี้ ผมบอกตามตรงว่าผมทึ่งจนพูดไม่ออก แต่บางทีผมก็นึกสงสัยว่าเขานั้นเป็นคนกล้าหาญ หรือบ้าดีเดือดกันแน่?







      โทมัสไม่พูดอะไร เขาเพียงแต่ยืนหอบตัวโยนพลางมองผลงาน ศพกรีฟเวอร์ที่เขาฆ่าเองกับมือ เสื้อแขนยาวสีฟ้าเทาของเขาเต็มไปด้วยคราบดินโคลนเหมือนกับผม เขาพ่นลมออกทางปากอย่างโล่งอกและสะใจไปพร้อมๆกันแล้วหันมามองหน้าผม ผมเองก็มองเขาตอบ





      “วิ่งเร็วดีนี่ น้องใหม่”ผมยิ้มพลางตบบ่าเขาเบาๆ “สนใจเป็นนักวิ่งมั้ยล่ะ”





      “เรียกฉัยว่าโทมัสเถอะ”โทมัสส่ายหน้าแล้วยิ้มก่อนจะเท้าสะเอวมองผมราวกับต้องการจะย้ำความคิดของเขา



      “แล้วก็หวังว่าที่นายชวนฉัน..จะไม่ได้ล้อเล่นนะ”




      ผมกลอกตาไปทางเขาเป็นเชิงว่าแน่นอนสิ แล้วเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกันก่อนที่ผมจะมองขึ้นไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้วกวาดตามองไปรอบๆ ทั้งกำแพงคอนกรีตสูงเสียดฟ้าที่เต็มไปด้วยวัชพืชใบหนาสีเขียวเข้ม ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นของปูน ความท้าทาย และความตาย






      ต้องดิ้นรน....



      แต่ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งบีบคั่น



      ผมรู้สึกสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก



      มีคนในค่ายเคยบอกผมว่า..ไม่มีใครเคยรอดจากค่ำคืนในเขาวงกต...



      ตอนผมกับโทมัสก็เหมือนตายไปแล้ว..



      นี่ผมต้องมาตายที่นี่อย่างนั้นหรอ?..


       

       

      กึก...กึก

       



       

      ผมหันไปตามเสียงประหลาดนั่นก่อนจะเห็นโทมัสกำลังปีนขึ้นไปตามกำแพง



      “เฮ้”ผมตะโกนเรียกเขาให้ดังพอจะเรียกเขาให้หันมาก่อนจะอ้าแขนออกแล้วย่นคิ้ว "นายทำอะไรน่ะ?"




      “ฉันก็แค่ไม่อยาก...”เขาเว้นคำระหว่างเพ่งสมาธิไปยังเถาวัลย์ที่เขาเกาะแล้วปีนสูงขึ้นไปก่อนจะพูดต่อ“ไม่อยาก
      ระแวงพวกกรีฟเวอร์เวลานอนน่ะ.





      เมื่อเขาพูดจบเขาก็ปีนต่อไป

      พูดได้คำเดียวว่าหมอนี่มันแปลกดีจริงๆ

       
       

      -----------------------------------

      ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่หรือว่าใกล้เช้ารึยัง


      ผมกับโทมัสนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของกำแพงเขาวงกต


      ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้าครอบงำระหว่างเราอยูพักใหญ่จนกระทั้ง...





      “มินโฮ”



      “หืม??”








      โทมัสจ้องหน้าผมแวบนึงก่อนจะพูดต่อ “อัลบี้..จะโอเคมั้ย?”




      ผมกัดริมฝีปากเมื่อได้ยินคำถามนั้น แน่นอนว่าผมเป็นห่วงอัลบี้พอๆกับที่โทมัสเป็นห่วงเขา แต่ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นยังไง






      “ก็หวังว่าเขาจะโอเคนะ”




      โทมัสพ่นลมออกมาเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่เป็นเชิงว่านั่นสินะ ผมมองเขาอีกครั้ง ดวงตาค้นั้นของเขามองขั้นไปบนท้องฟ้า มันเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความกระตือรือร้น





      ไม่รู้ทำไม..แต่เขาทำให้ผมหวัง...




      บางที..พวกเราอาจะรอดออกไปจากที่นี่พรุ่งนี้ก็ได้





      “นี่..โทมัส”




      “ว่างมินโฮ”



      “ถ้าพรุ่งนี้เราไม่รอดไปจากที่นี่...”



      ผมเว้นคำให้เขาได้คิดก่อนจะพูดต่อ“ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต นายจะทำอะไร”



      โทมัสหัวเราะเบาๆก่อนจะส่ายหวัแล้วตบบ่าผม เขามองตาผมแพลางฉีกยิ้มบางๆ



      “พวกเราต้องตาย”เขาว่าด้วยรอยยิ้ม



      รอยยิ้มที่ความกระตือรือร้นฆ่าความกลัวจนหมดสิ้น...



      “แต่ไม่ใช่พรุ่งนี้”  


      มือเล็กๆของเขาบีบไหล่ของผมเบาๆคล้ายกำลังปลอบโยนและปลุกใจไปพร้อมๆกัน





      เราสองคนมองหน้ากันอีกครั้ง ผมมีความรู้สึกมันจะแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ผมรู้ตัวว่ามองหน้าเขานานเกินไปแล้วแต่ผมก็ยังมองเขาอยู่แบบนั้น แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามองหน้ากัน แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าเขาใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย ผมไล่มองใบหน้าของเขาไล่ลงไปเรื่อยๆ..




      ทำไมดวงตาของผู้ชายคนนึถึงน่ามองได้ขนาดนี้?



      ทำไมผิวของเขาถึงได้ขาวเนียนขนาดนี้?



      ทำไมร่างของอรชรของเขาถึงแข็งแกร่งได้เพียงนี้?



       “มินโฮ?”


      เสียงของมินโฮปลุกผมจะภวังค์ความติดทำเอาผมสะดุ้งแบบสุดๆ




      “อ่ะ..หา..ห้ะ?”




      “นายโอเคนะ?.





      “อ่อ..อืม..ฉันโอเค”









      ตึกจัก..ตึกตัก...








      ให้ตายเหอะ..ทำไมมันร้อนขนาดนี้นะ..





      ผมเหล่ไปมองโทมัส เขาเลิ่กคิดขึ้นประมานว่าแน่ใจหรอว่านายโอเค ผมพยายามเมินความร้อนที่ใบหน้าและความรู้สึกหน้าอายนั่นแล้วยิ้มพลางตบที่ต้นแขนเขาอย่างจัง







      “โอ้ย”โทมันร้องลั่นพลางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ผมมองเขาด้วยความตกใจ มือทั้งสองลอยอยู่บนอากาสแต่ทำอะไรไม่ได้ และแล้วผมก็นึกได้ว่าผมหนีกรีฟเวอรืออกมาตอนแรกโดยปล่อยเขาทิ้งไว้ตรงนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาก้ได้





      “เฮ้..โทษทีนะ..นายเจ็บมากรึเปล่า”ผมจับต้นแขนเขาอย่างเบามือแล้วลูบมันเบาๆ พลางมองหน้าเพื่อสังเกตอาการเขาว่าเขาโอเครึเปล่า





      “อืม..นิดหน่อยน่ะ..ช่างมันเถอะ”เขายิ้มก่อนจะพยายามดึงแขนของเขาออกจากผมแต่ว่าผมรั้งเอาไว้ทัน





      ”ไม่เอาน่า..นายอย่าพึ่งดื้อได้มั้ยโทมัส”ผมจ้องหน้าเขาพลางปรามเขาเสียงเข้มก่อนจะก้มดูต้นแขนเขาอีกครั้ง“...ไหนๆดูสิว่าเป็นอะไรรึเปล่า...”




      “เถอะน่ามินโฮ..ฉันโอเค...!!



      โทมัสดิ้นไปมาก่อนที่เขาจะหลุดจากมือผม ร่างเขาเขาเสียสมโดนทำให้หงายไปด้านหลังจนแทบตกจากกำแพง ผมเห็นดังนั้นก็รีบสไลด์ตัวไปรับเขาเอาไว้ในอ้อมแขนในท่าเจ้าชายประคองเจ้าหญิงได้อย่างหวุดหวิด ดวงตาของเราประสาน ณ ตำแน่งของร่างกาย



      ความรู้สึกแปลกๆตอนแรกปะทุขึ้นในอกผมอีกครั้ง..แต่ทว่าแรงกว่าเดิมมาก



      หัวใจมันเต้นเร็วและแรงมากจนผมหายใจลำบาก





      ยิ่งโทมัสเบียดตัวผมแบบนี้มันก็ยิ่งหนักขึ้น



      นี่ผมเป็นอะไรไปนะ...




      “ขอบใจนะมินโฮ”โทมัสยิ้มก่อนจะค่อยๆพาร่างของเขาหันกลับเขามาให้ห่างจากขอบกำแพงคอนกรีต เขาทำท่าจะผละออกจากผมแต่ว่าไม่สำเร็จ นั่นทำให้เขาเงยหน้ามองผมอีกครั้งก่อนจะยิ้มราวกับผมเป็นเด็กเล็กๆ




      “อะไรของนายน่ะมินโฮ..ปล่อยฉันได้แล้ว”





      “โทมัส”




      “อะไรเล่า”เขาเงยหน้าขึนมา เป็นตอนที่จูมกของเราชนกันพอดี ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ใบหน้าของผม มือของผมที่ประคองเอวเขาเปลี่ยนเป็นการโอบแน่นโดยอัติโนมัติ






      ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงทำ..ผมแค่ทำมันไป...





      “โทมัส..ฉันไม่รู้นะว่าความรู้สึกนี้คืออะไรหรือควรทำยังไงกับมัน”









      “......”







      “แต่ฉันจะไม่เก็บมันอีกแล้ว”






      สิ้นคำนั้น ผมก็ค่อยๆโน้มตัวลงไปประกบริมฝีปากกับร่างตรงหน้า ความรู้สึกหวิวๆที่อกก่อตัวขึ้นพร้อมกับเลือดที่สูบฉีดอย่างบ้าคลั่งไปทั่วทั้งร่าง ผมรู้สึกว่าตัวเองขาดสติไปชั่วขณะกอ่นจะรู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป ผมผละออก ก่อนจะเห็นใบหน้าของโทมัสที่ดูจะตกใจไม่น้อยที่ผมทำแบบนั้นลงไป ทำให้ผมรู้สึกเลย






      ว่าผมได้ทำอะไรโง่ๆลงไปเข้าให้แล้ว...



      “โทมัส..ฉันขอโทษนะ..คือฉัน..อือ..แบบว่า..”




      ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรจบ  โทมัสก็ประกบริมฝีปากผมกลับบ้าง ความร้อนของมันทำให้ผมกรหายมันมากกว่าเมื่อกี้จึงเพิ่มความหนักหน่วงเขาไปในจูบของผมมากขึ้น  แขนบางคล้องคอผมเป็นเวลาเดียวกับที่ผมดึงร่างของเขาเขามาใกล้อีก มือเล็กๆอุ่นๆของเขาประคองใบหน้าของผมเอาไว้ ผมหยุดจูบเขาแล้วผละออกเล็กน้อยพลางทาบมือของผมลงบนมือของเขา




      “สัญญากับฉันมินโฮ”เขากระซิบ“สัญญาสิว่าพรุ่งนี้เราจะกลับไปหาทุกคนด้วยกัน”



      ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยด้ยใบหน้าของเขาแล้วยิ้มบางๆ “อืม..ฉันสัญญา..โทมัส”





      เราสองคนจูบกันอีกครั้ง มันเนิ่นนานจนไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เราอยู่กันแบบนี้ จากความแผ่วเบาค่อยๆหนักหน่วงและเพิ่มความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมผละจากริมฝีปากของเขาแล้วเริ่มไซร้ลงมาตามซอกคอขาว เสียงเดียวที่ผมได้ยินคือเสียงโทมัสที่เรียกชื่อผมด้วยเสียงขาดหวง มือของเขาค่อยๆดันผมลงไปนอนกับพื้นคอนกรีตช้าๆแล้วขึ้นคร่อมผม มือเล็กมือเดิทนั้นค่อยๆปลดเข็มขัดผมออกพร้อมกับร่ากเล็กที่ก้มลงมากระซิบข้างหูผมว่า



      “ห้ามทิ้งฉันล่ะ..คุณหัวหน้านักวิ่ง”




      คงรู้นะ...ว่าเราจะทำอะไรกันต่อจากนี้




      ตอนนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าผมจะออกไปจะเขาวงกตนี้ได้รึเปล่า



      เพราะตอนนี้ผมมีเขา


      ตราบใดที่เขาและทุกคนยังอยู่ตรงนี้..


      ผมก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป..


      ถ้านายไม่ทิ้งฉัน..ฉันก็จะไม่ทิ้งนายไปไหนเลย..โทมัส


      จบ...

      .

      .

      .

      แถม


      “มินโฮ”

      “มินโฮ!!!



      เสียงคล้ายคนร้องดังมาจากในเขาวงกตทำเอาชัค เด็กอ้วนผมหยิกเพื่อนของโทมัสสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ครั้งแรกที่ได้ยินเขามั่นใจว่าต้องเป็นเสียงโทมัสแน่ๆ คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบสะกิดนิวต์ เด็กหนุ่มผมทองรองหัวหน้าค่ายที่นอนอยู้ข้างๆเขาทันที


      “นิวต์!! ฉันได้ในเสียงร้องจากเขาวงกต ต้องเป็นโทมัสแน่ๆเลย ตื่นเร็ว นิวต์ ตื่น!!



      “อะไรวะชัค”นิวต์ชันกายลุกขึ้นนั่งมามอง



      “ฉันได้ในเสียงร้องจากเขาวงกตเรียกมินโฮ ต้องเป็นโทมัสแน่ๆเลย แปลว่ามินโฮอาจจะปลอดภัยด้วยก็ได้นะ”




      “นายหูฝาดไปแล้วชัค รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะ”




      นิวต์ตัดบททันทีก่อนจะล้มตัสลงนอนแล้วพลิกตัวไปอีกฝั่งนึง ชัดเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจเบาๆก่อนจะมองไปยังเขาวงกตอีกครั้ง เขารู้ดีว่าคนที่เขาไปในเขาวงกตตอนกลางนั้นชะตากรรมเป็นเช่นไร



      แต่เขามั่นใจ ว่าเสียงที่เขาได้ยินนั้นเป็นเสียงของโทมัสแน่นอน


      บางทีโทมัสกับมินโฮอาจะรอดกลับมาพรุ่งนี้ก็ได้นี่นะ


      ชัคยิ้มให้กับความหวังเล็กๆในใจของเขาก่อนจะล้มตัวลงนอนท่ามกลางความเงียบของทุ่งหญ้ายามค่ำคืน


      แต่หารู้ไม่....ในเขาวงกตคงไม่เงียบจนถึงเช้า-///-


      The End

       //เม้นด้วยน้า ขอบคุณล่วงหน้าค่าา

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×