คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : โรมานอฟ
องค์ประมุขผู้อาภัพพระองค์นี้ ทรงพระนามอย่างเป็นทางการ อย่างที่เรียกขานกันทั่วโลกว่า " แกรนด์ดยุคไมเคิล อเล็กซานโดรวิช แห่งรัสเซีย " หรือพระนามจริงในทะเบียนราษฎร์ ก็คือ มิคาอิล อเล็กซานโดรวิช รามานอฟ ( คนไทยเรียก โรมานอฟ ) แต่ในที่นี้ผมขอเรียกว่าเจ้าชายมิคาอิลก็แล้วกัน เพราะว่าง่ายดี
เจ้านายพระองค์นี้ ประสูติเมื่อ 22 พฤศจิกายน 1878 ที่กรุงเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศในยุคนั้น พระองค์เป็นพระโอรสของพระเจ้าซาร์ อเล็กซานเดอร์ ที่ 3 แห่งรัสเซีย และพระนางดักมาร์ แห่งเดนมาร์ก ต้นตระกูลสายพระราชบิดาลำดับถัดขึ้นไปของพระองค์ หรือสมเด็จปู่สมเด็จย่า ก็คือพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 2 แห่งรัสเซีย กับพระมเหสีพระองค์แรก พระนางแมรี่แห่งเฮสส์และไรน์ ส่วนต้นตระกูลสายพระมารดาลำดับถัดไป หรือสมเด็จตาสมเด็จยาย ก็คือพระเจ้าคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก และพระนางหลุยส์ แห่งเฮสเส - คาสเซิ่ล
เจ้าชายมิคาอิลเป็นพระอนุชาพระเจ้าซาร์ นิโคลาสที่ 2 แห่งรัสเซีย , แกรนด์ดยุค อเล็กซานเดอร์ อเล็กซานโดรวิช , แกรนด์ดยุค จอร์จ ( หรือกิออร์กี้ ) อเล็กซานโดรวิช และแกรนด์ ดัชเชช เซเนีย อเล็กซานดรอฟนา พระองค์เป็นพระเชษฐาของแกรนด์ ดัชเชช โอลก้า อเล็กซานดรอฟนา
ตอนเจ้าชายมิคาอิลประสูติ เป็นรัชสมัยพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ทำให้พระองค์มีตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาทอันดับที่ 4 รองจากพระราชบิดา พระเชษฐา 2 พระองค์คือ เจ้าชายนิโคลัส และเจ้าชายจอร์จ ( ส่วนเจ้าชายอเล็กซานเดอร์นั้น สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระเยาว์ ) ต่อมาเมื่อพระเชษฐาองค์โต ขึ้นเป็นพระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2 เจ้าชายมิคาร์อิล ได้ขยับขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาทอันดับ 2 รองจากเจ้าชายจอร์จ แต่เมื่อปี 1899 เจ้าชายจอร์จ สิ้นพระชนม์ด้วยโรควัณโรค เจ้าชายมิคาอิลจึงขึ้นมาเป็นองค์รัชทายาทอันดับ 1 เพราะในช่วงนั้นพระเชษฐามีแต่พระธิดา และภายใต้ระบบของรัสเซีย แกรนด์ ดัชเชช โอลก้า นิคาลัยเยฟน่า พระธิดาองค์โตของพระเจ้าซาร์จะได้ขึ้นครองราชย์ก็ในกรณีที่ราชตระกูลฝ่ายชายของพระเจ้าซาร์สิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้าแล้วเท่านั้น
แต่หลังจากพระเจ้าซาร์มีพระโอรสในปี 1904 เจ้าชายมิคาอิล จึงกลับไปเป็นองค์รัชทายาทอันดับ 2 อีกครั้ง
แต่ที่สุดแล้ว เจ้าชายมิคาอิล ก็ถูกตัดสิทธิการสืบราชสมบัติ หลังจากที่ไปชอบพอกับนางนาตาเลีย เชเรเมเตฟสกาย่า สามัญชนที่เป็นม่ายมาถึง 2 รอบ ทั้งคู่มีทายาทด้วยกันคนหนึ่งชื่อจอร์จ (กิออร์กี้) เขาเกิดเมื่อปี 1910 และถูกตั้งชื่อตามพระ นามพระเชษฐาพระองค์หนึ่งที่สิ้นพระชนม์ไปของเจ้าชายมิคาอิล
เจ้าชายทรงเข้าพิธีแต่งงานอย่างลับๆกับคู่รักที่กรุงเวียนนา ที่เจ้าชายพำนักอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เจ้าชายถูกพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 ซึ่งก็คือพระเชษฐาของพระองค์เองตัดสิทธิการเป็นองค์รัชทายาทตามระเบียบ เพราะเป็นการสมรสที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากพระเจ้าซาร์
ในส่วนของนาตาเลียนั้น แม้หลังการแต่งงานจะไม่ได้รับการเลื่อนชั้นไปเป็นแกรนด์ ดัชเชช แต่อย่างใด แต่ก็ยังได้เป็น " เค๊าท์เตส " และใช้ชื่อว่า " เค๊าท์เตส บราซอฟว่า "
ต่อมาพระเจ้าซาร์ทรงรับรองจอร์จว่าบุตรของคนทั้งสอง และให้มีศักดินาชั้นเค๊าท์ เท่ากับผู้เป็นแม่ จึงใช้ชื่อว่า " เค้าท์ บราซอฟ " ท่านเค้าท์น้อยรายนี้ เสียชีวิตตั้งแต่ตอนอายุแค่ 21 ปี จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อ 22 กรกฎาคม 1931
และเมื่อ 28 กรกฎาคม 1935 เค๊าท์เตส บราซอฟว่าได้รับการเลื่อนชั้นไปเป็น เจ้าหญิง รามานอฟสกาย่า - บราซอฟว่า จากการแต่งตั้งแกรนด์ดยุค คิริล วลาดิมีโรวิช ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าชายมิคาอิล พระสวามีผู้ล่วงลับไปในปี 1918 โดยเจ้าชายคิริล นั้นทรงถือว่าพระองค์เป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์รามานอฟ
ในช่วงก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เจ้าชายมิคาอิล ทรงทูลขอพระบรมราชานุญาตพระเจ้าซาร์กลับมารัสเซีย และกลับเข้ารับราชการในกองทัพบก พระองค์ได้กลับมารัสเซียโดยมียศทางทหารระดับนายพล รับผิดชอบบังคับบัญชากองพล Savage ซึ่งทหารส่วนใหญ่เป็นชาวเชชเนีย และดาเกสสถาน ( เป็นกองทหารชั้นเลว ซึ่งมองกันว่าเรื่องนี้เป็นการลงโทษพระองค์ )
เวลาบ่าย 3 โมง 5 นาทีของวันที่ 15 มีนาคม 1917 พระเจ้าซาร์ ซึ่งถูกบรรดานายทหาร และนักการเมืองในสภากดดันอย่างหนัก ได้สละราชบัลลังก์ให้กับพระโอรส คือมกุฏราชกุมาร อเล็กเซย์ นิคาลัยเนวิช ที่มีพระชนมายุ 12 พรรษา แต่ต่อมาพระองค์ทรงเปลี่ยนพระทัย ด้วยเกรงว่า พระโอรสที่ไม่ค่อยแข็งแรง อาจจะจะถูกแยกออกไปจากพระองค์ ในเวลา 5 ทุ่ม 15 นาทีของวันเดียวกัน ก็จึงทรงลงพระปรมาภิไทยในเอกสารสละราชสมบัติให้เจ้าชายมิคาอิล พระอนุชาอีกฉบับ แต่ระบุเวลา บ่าย 3 โมง 5 นาที เท่ากับประกาศสละราชสมบัติฉบับแรก
ประกาศสละราชสมบัติและแต่งตั้งผู้สืบทอดราชบัลลังก์ของพระเจ้าซาร์ ได้รับการลงนามสนองพระราชโองการโดยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายอย่างครบถ้วน และตามระเบียบของรัสเซีย เจ้าชายมิคาอิล ได้ขึ้นเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ หรือพระเจ้าซาร์ ในวันที่คำประกาศสละราชบัลลังก์ของพระเชษฐาได้รับการเผยแพร่ออกไปอย่างถูกต้องตามกฏหมาย งานนี้ พระเจ้าซาร์องค์ใหม่ ทรงพระนามว่า พระเจ้าซาร์ มิคาอิลที่ 2
แต่ในวันถัดมา ขณะที่รัฐบาลเฉพาะกาลที่เพิ่งแต่งตั้งขึ้นใหม่ส่วนใหญ่ยอมรับการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าซาร์มิคาอิล แต่ก็มีบางคนในรัฐบาลไม่ยอมรับ และดำเนินการเพื่อไม่ให้ระบบกษัตริย์ของรัสเซียดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเกลี้ยกล่อมให้พระองค์ปฏิเสธที่จะครองราช หรือกำหนดเงื่อนไขการขึ้นครองราช แต่พระเจ้าซาร์พระองค์ใหม่ ก็ไม่ได้สละราชสมบัติ หรือยอมรับราชสมบัติแต่อย่างใด งานนี้พระองค์โยนให้เป็นการตัดสินใจของประเทศ และของประชาชนว่าจะให้มีพระเจ้าซาร์อยู่อีกหรือไม่
แต่ความหวังของพระเจ้าซาร์ ในการขึ้นครองบัลลังก์หลังการเลือกตั้งสภารัฐธรรมนูญ กลับต้องสูญไป เพราะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายตามมาอีกมากมาย ทำให้การประกาศสละราชบัลลังก์แบบมีเงื่อนไขของพระองค์ครั้งนั้น มีความหมายถึงการยุติลงของระบอบกษัตริย์รัสเซียไปโดยปริยาย
และการที่พระองค์ไม่มีโอกาสได้ปกครองรัสเซีย และครองบัลลังก์อยู่ไม่กี่ชั่วโมง ประวัติศาสตร์หลายสำนักจึงไม่ถือว่าพระองค์เป็นพระเจ้าซาร์ของรัสเซีย
สำหรับประวัติศาสตร์ช่วงสุดท้ายของชีวิตพระเจ้าซาร์ผู้อาภัพนี้ค่อนข้างจะสับสน แต่หลักฐานที่พอจะเชื่อได้ บอกว่า ตอนแรก พระองค์ถูกกักบริเวณอยู่ที่เมืองกัตชิน่า ใกล้กับเมืองหลวง แต่ต่อมา มาลี้ภัยอยู่ที่เมืองเปร์ม (ในแถบเทือกเขาอูราล)
ระหว่างนี้ พระองค์ส่งแอบส่งพระโอรสไปอยู่ในวังที่เดนมาร์ก เนื่องจากพระองค์มีเชื้อสายมาจากที่นั่น ต่อมาก็สามารถกล่อมมเหสี ให้หนีออกไปอยู่อังกฤษได้ โดยปลอมตัวเป็นนางพยาบาลกาชาด ถือหนังสือเดินทางเดนมาร์ก
12 มิถุนายน 1918 ชายกลุ่มหนึ่งได้เดินทางไปที่โรงแรมที่ประทับของพระองค์ที่เมืองเปร์ม จากนั้นพระองค์และไบรอัน จอห์นสัน พระสหายสนิทชาวอังกฤษ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการส่วนตัว ถูกพาขึ้นรถยนต์คันหนึ่งไปที่ชานเมือง และที่นี่ทั้งสองถูกสังหาร พระเจ้าซาร์ถูกยิงก่อน แต่ปืนเกิดติดขัด ไบรอัน จึงถูกยิงเป็นคนแรก พระเจ้าซาร์ ได้วิ่งเข้าไปหาพระสหาย จึงถูกยิงในระยะประชิดเข้าที่พระเศียร
ฝ่ายโซเวียตบอกว่า ทั้งสองถูกสังหารโดยกลุ่มคนงานในท้องที่ ที่เกลียดระบอบกษัตริย์ และรำคาญกับการใช้ชีวิตหรูหราของพระองค์ แต่จากเอกสารที่มีอยู่ บอกว่า เรื่องนี้เป็นคำสั่งมาจากทางหน่วยเชกา (เคจีบีในยุคต่อมา) ของเมืองเปร์ม
พระเจ้าซาร์ มิคาอิล ที่ 2 ของรัสเซียจึงกลายเป็นสมาชิกราชวงศ์รามานอฟ พระองค์แรก ที่ถูกพวกคอมมิวนิสต์สังหาร
สำหรับพระศพของพระองค์ และศพของไบรอัน คาดว่าน่าจะถูกฝังอยู่ที่ใดที่หนึ่งในเขตชานเมืองเปร์ม
<style type="text/css">
ปล. ตรง Viner Hand ITC เปลี่ยนฟอนต์ได้นะเออ(ลองแทรกฟอนต์ดู=*=)
ความคิดเห็น