ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (FIC NARUTO) 「月」 THE MOON。

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 60



    ในคืนที่พระจันทร์สีแดงเต็มดวงทอประกายในยามราตรี กลีบดอกซากุระจากต้นไม้ใหญ่พลิกพลิ้วปลิดปลิว โรยตัวลงจากกิ่งสัมผัสลงกับพื้นดิน บัดนี้ความคิดนั้นได้เกิดขึ้นจริง ภัยอันตรายกำลังย่างก้าวเข้ามา มันช่างทำให้จิตใจของซากุระหมองหม่นเสียยิ่งกว่าท้องฟ้าในฤดูฝนเสียอีก 

    ..


     

    เคลื่อนทัพ! เป้าหมายต่อไป หมู่บ้านฮารุโนะ!”

     

    - 1 -


    เสียงรองเท้าเกี๊ยะวิ่งดังกระทบกับพื้นดินเป็นจังหวะ ก้าววิ่งแหวกผ่านแมกไม้ในป่าใหญ่ในยามวิกาลมุ่งหน้าตรงไปยังหมู่บ้านฮารุโนะอย่างร้อนใจ บัดนี้ใจน้อย ๆ เต้นระริกสั่นไหวเต็มไปด้วยความเป็นกังวลต่อลางสังหรณ์จากภัยอันตรายที่มาพร้อมกับเหล่าทหารทัพในเครื่องแบบที่มีลวดลายสลักเป็นรูปพัดสีแดงตัดขาว


    ในขณะที่กำลังลัดเลาะเส้นทางตรงไปยังหมู่บ้านให้ได้เร็วที่สุด ซากุระพลางนึกถึงเจ้าของนัยน์ตาสีดำขลับแฝงเปลวเพลิงเฉียบขาดของชายรูปงามภายใต้ชุดเกราะออกรบที่ดูจะเต็มยศที่สุดในบรรดาเหล่าทหารทั้งหมดผู้นั้น เหตุใดจึงได้เคลื่อนทัพมาในยามวิกาลกันนะ...แล้วทำไมต้องมาที่หมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างฮารุโนะด้วย...


    นกป่าบินกระจายแตกฮือ บ่งบอกถึงสัญญาณเตือนภัย หลังจากที่หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปในตัวหมู่บ้าน ความรู้สึกต่อภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน มันคือความรู้สึกขวัญกระเจิงเข้ามาแทนที่ชั่วขณะ บัดนี้บรรยากาศเบื้องหน้ามันช่างมันแลดูไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย


    เหล่าชาวบ้านพากันตื่นตระหนก หยิบคบเพลินจุดสว่างออกมาจากเรือนนอน โกลาหลกันไปทั้งหมู่บ้าน ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่กองทหารกรูเข้ามา เมื่อเห็น เมบุกิ ผู้เป็นมารดายืนหน้าซีดเผือกอยู่ไม่ไกล ซากุระจึงรีบเดินดิ่งเข้าไปหาหวังจะได้รู้คำตอบของความโกลาหลในยามวิกาลนี้


    ท่านแม่! เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกทหารถึงได้—”


    ซากุระ! เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา! รู้ไหมข้าเป็นห่วงเจ้าจนแทบบ้าอยู่แล้วไม่ทันที่ซากุระจะได้พูดจบประโยค ใบหน้ารวมถึงน้ำเสียงที่สั่นคลอนของเมบุกิก็เอ่ยแทรกทันทีเมื่อเห็นผู้เป็นลูกสาว


    ท่านแม่ ข้า—”


    จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้รีบไปหลบในเรือนเร็วเข้า ซากุระ ไปซะเมบุกิพูดแทรกซากุระอีกครั้ง ก่อนจะรีบใช้มือดันลูกสาวให้ออกห่าง ผลักไล่ซากุระให้เข้าไปอยู่ในเรือนพักของตน ซากุระขมวดคิ้วเข้าหากันมองมารดาพลางสลับกับเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสงสัย นางไม่เข้าใจว่าทำไมเมบุกิรวมไปถึงเหล่าชาวบ้านอาวุโสทั้งหลายถึงได้แสดงสีหน้าที่ดูหวั่นกลัว บ้างก็ชักสีหน้าไม่ต้อนรับกลุ่มทหารแปลกหน้าที่ย่างกายเข้ามาในหมู่บ้าน ทั้ง ๆ ที่หมู่บ้านฮารุโนะเองก็มักจะมีกลุ่มทหารจากแคว้นอื่นไม่ก็พวกซามุไรพเนจรหลงเข้ามาพักอาศัยชั่วคราวที่หมู่บ้านหลายต่อหลายหน แล้วทำไมกับกลุ่มทหารศึกในชุดดำแดงนี้ เราถึงไม่ยอมต้อนรับเขาละ ?


    ท่านแม่ ช้าก่อน! ช่วยบอกข้าที นี่มันเกิดอะไรขึ้นซากุระยังคงดื้อดึง ดวงตาสีเขียวมรกตจับจ้องไปยังดวงตาเฉกสีเดียวกันของมารดาหวังจะให้ไขข้อสงสัยในสถานการณ์ตรงหน้า เมบุกิเห็นเช่นนั้นจึงถอดหายใจดังเฮือก นางรู้ดีว่าลูกสาวเป็นคนนิสัยยังไง หากไม่ยอมเล่าเรื่องราวความจริงให้ฟัง ซากุระก็คงจะยืนกรานที่จะฝังรากลึกจมลงไปกับดิน ไม่ยอมเคลื่อนตัวไปไหนเป็นแน่


    อุจิวะ...พวกทหารจากแคว้นอุจิวะเมบุกิเอ่ยเสียงสั่นคลอน ซากุระขมวดคิ้วชักสีหน้าสงสัยเพิ่มเป็นเท่าตัว ถึงนางจะเคยได้ยินชื่อของแคว้นใหญ่นี้แว่วผ่านหูมาจากพวกทหารของแคว้นอื่นอยู่บ้าง แต่แล้วทำไมเหล่าชาวบ้านถึงได้มีสีหน้าถอดสีกันถึงเพียงนี้


    แต่ก่อนที่หญิงสาวจะได้เอ่ยปากถามผู้เป็นมารดาอีกระลอกให้รำคาญใจ เสียงของเหล่าชาวบ้านต่างพากันตื่นตระหนก ราวกับเจอกับพายุลูกโต ซากุระจึงจับจ้องมองไปที่ต้นปลายเหตุ นั่นเผยให้เห็นถึงชายผู้อยู่บนหลังม้าที่ก้าวนำหน้ากองทัพเข้ามา


    ขาคือชายคนเดียวกับที่ซากุระพบเจอที่ลำธาร... ซากุระที่จริงไม่ได้อยู่ใกล้ หากแต่มันก็ไม่ได้ไกลที่จะไม่เห็นใบหน้างดงามยังคงสงบนิ่ง นัยน์ตาสีนิลขลับแฝงเปลวเพลิงเฉียบขาดของคนที่มองแค่เพียงแวบเดียวก็รู้ว่ามียศเป็นถึงแม่ทัพผู้กล้า บุรุษผู้นั้นกวาดมองเหล่าชาวบ้านอย่างเยือกเย็น ช่างเป็นความงามอันแข็งกร้าวเด็ดเดี่ยว


    ผู้เป็นแม่ทัพในชุดเกราะที่ดูเต็มยศที่สุดเคลื่อนตัวมาพร้อมกับม้าสีดำเข้ามายังตำแหน่งใจกลางของหมู่บ้าน เขายกมือขวาให้สัญญาณแก่เหล่าชุดศึกสีดำแดงที่เคลื่อนม้าตามหลังมาให้หยุดนิ่ง บัดนี้มีเพียงกระแสอำมหิตที่ตีแผ่เข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ


    ข้าต้องการพบหัวหน้าของหมู่บ้านแห่งนี้เสียงทุ้มนั้นเอ่ยประกาศหาตัวหัวหน้าของหมู่บ้านฮารุโนะ หรือก็คือ ฮารุโนะ คิซาชิ ผู้เป็นศักดิ์เป็นบิดาของซากุระ เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ยิ่งทำให้หญิงสาวและมารดาของเธอถึงกับจิตใจไม่สู้ดี


    พวกท่านมีอะไรหนึ่งเสียงดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน คิซาชิเดินก้าวออกมาประจันหน้ากับแม่ทัพที่อยู่บนหลังม้า นั่นเป็นครั้งแรกที่ซากุระได้ยินน้ำเสียงห้วนของผู้เป็นบิดา ปกติแล้วคิซาชิเป็นคนจิตใจดีและเป็นมิตร ยิ่งกับพวกทหารหรือซามูไรพเนจรที่แวะเข้ามาในหมู่บ้านฮารุโนะด้วยแล้ว คิซาชิจะต้อนรับพวกเขาอย่างเป็นมิตรทุกครั้ง แต่ทว่าพอเป็นกับเหล่าทหารในชุดรูปสลักพัดสีแดงตัดขาวนี่แล้ว เป็นครั้งแรกที่ซากุระเห็นบิดามีท่าทีต่อต้านอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่แวบแรกเห็น


    ใบหน้าสง่างามดุดัน ดวงตาเยียบเย็นทำให้เหล่าทหารทั้งหลายพากันถอยหลังไปหนึ่งก้าว ราวกับพร้อมใจกันให้แม่ทัพเป็นผู้เปิดประเด็นบอกถึงจุดประสงค์


    ข้าต้องการให้ฮารุโนะเข้าร่วมสงครามกับอุจิวะชุดศึกสีดำแดงเพิ่มความเหี้ยมโหดแห่งทหารหาญให้แก่เขา และนั่นทำให้เหล่าชาวบ้านพากันหวาดกลัวเช่นกัน ยิ่งอีกฝ่ายพูดคำว่าสงครามขึ้นมา นั่นยิ่งแล้วใหญ่


    หมู่บ้านฮารุโนะเป็นเพียงแค่หมู่บ้านแพทย์เล็ก ๆ ที่มีส่วนใหญ่มีแต่สตรี เด็ก และคนแก่ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงที่รายล้อมไปด้วยสายธารน้อยใหญ่ หากใช่หมู่บ้านที่จับดาบสู้รบไม่ ข้าเกรงว่...


    ข้าไม่สนใจว่าหมู่บ้านกระจอกงอกง่อยแห่งนี้จะเป็นเช่นไร อุจิวะเราต้องการกองกำลังสำหรับศึกกับแคว้นเซ็นจูในภายภาคหน้าที่จะใกล้ไม่ทันที่คิซาชิจะได้พูดจนจบเสียงของท่านแม่ทัพก็ตัดเข้าแทรก


    ข้าอุจิวะ ซาสึเกะ และข้าต้องการให้ฮารุโนะร่วมกับอุจิวะ หากเจ้าไม่ประสงค์ที่จะเข้าร่วมกับพวกข้า ข้าเกรงว่าหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้จะต้องกลายเป็นทะเลสีเพลิงอย่างช่วยไม่ได้เช่นเดียวกับหมู่บ้านก่อนหน้าประโยคดังกล่าวนี้ทำให้ซากุระถึงกับมือไม้สั่น เธอเองก็เห็นถึงความมืดมดที่มีแสงเพลิงอาบฟ้าตามไล่หลังเหล่าทหารมา ที่แท้ก็คือควันเพลิงจากหมู่บ้านข้างเคียงนี้เอง


    นัยน์ตาสีเขียวหยกของซากุระสั่นไหว เธอมุ่งมองไปที่เจ้ารูปงามบนม้าสีดำสวยอย่างไม่เข้าใจ เมื่อครู่หากเธอฟังไม่ผิดเพี้ยนเขาพูดถึงสงครามงั้นหรือ นั่นช่างเป็นความคิดที่วิกลจริตเสียจริง  ใครจะคาดคิดกันว่าหนุ่มรูปงามสง่าที่อยู่ห่างออกไปนั้นเขาคือแม่ทัพผู้กล้า และเทพแห่งสงครามที่ฆ่าคนได้อย่างไม่ลังเลด้วยนัยน์ตาคู่นั้น


    นั่นเป็นเรื่องจริงที่หมู่บ้านของซากุระที่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ส่วนมากมีแต่สตรี เด็ก และคนแก่ แทบจะไม่มีชายชาญฉกาจชาติบุรุษ แถมยังเป็นหมู่บ้านที่ประกอบอาชีพแพทย์สมุนไพรเป็นหลักทำมาหากิน ใช่หมู่บ้านที่จะจับดาบจับไม้ฟาดฟันกับผู้คนเพื่อทำสงครามนองเลือดไม่


    คิซาชิขมวดคิ้วเข้าหากัน ดวงตายังคงสอดประสานกับแม่ทัพแห่งอุจิวะ พวกเขาทั้งสองจับจ้องกันอย่างไร้คำพูดอยู่เพียงครู่หนึ่ง ใบหน้าของคิซาชิยังคงแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านอย่างชัดเจน นั่นช่างถือเป็นความกล้าหาญชาญชัยของหัวหน้าหมู่บ้านฮารุโนะเป็นยิ่งหนัก


    คำตอบคือไม่สินะสีหน้าของซาสึเกะพลันเย็นชา เขาเอ่ยเสียงหนักอย่างชัดถ้อยชัดคำแฝงรังสีอำมหิต เมื่อรู้ว่าการเจรจาอย่างสันติไม่เป็นผล แม่ทัพรูปงามก็เบื่อที่จะเสียเวลาพร่ำเพรื่ออีกต่อไป พวกฮารุโนะตัดสินใจผิดพลาดแล้วจริง ๆ


    ซาสึเกะไม่รีรอที่จะลงมาจากม้าสีดำใหญ่ เขารีบพุ่งตัวเข้าหาคิซาชิที่ยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร แม่ทัพแห่งอุจิวะชักดาบออกมาจากฝักข้างตัวแล้วฟาดตวัดดาบคมลงกลางตัวหัวหน้าหมู่บ้านจนเลือดสาดกระเซ็นในชั่วพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนทุกคนในบริเวณนั้นตั้งตัวไม่ทัน โดยเฉพาะซากุระและเมบุกิ ที่ยืนมองคิซาชิอยู่ห่าง ๆ  ครู่เดียวที่อารมณ์กราดเกรี้ยวพวยพุ่งออกมาทั่วร่าง บรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เลวร้ายกว่าเดิมอย่างสุดขีด เหล่าชาวบ้านต่างผงะกรีดร้องด้วยความตื่นกลัวเมื่อเห็นเลือดของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ที่คอยคุมครองหมู่บ้านของพวกเขามาตลอดหลายสิบปี


    ท่านพ่อ!” ซากุระเบิกตากว้าง กรีดร้องขานชื่อผู้เป็นบิดาอย่างสุดเสียง หญิงสาวไม่รีรอที่จะพุ่งตัวแหวกฝูงชนไปหาคิซาชิพร้อมกับเมบุกิ ซากุระทิ้งตัวลงกับพื้นดินแล้วประคองตัวคิซาชิพร้อม ๆ กับเมบุกิ หญิงสาวรับรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดแทนผู้เป็นบิดา ปวดจนกระดูกแทบหลุดออกจากกัน เจ็บปวดจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่


    ทำใจดี ๆ ไว้ ไม่ต้องห่วงข้าอยู่นี้แล้ว!” เมบุกิเอ่ยพลางจับมือผู้เป็นสามีแน่น


    ไม่เป็นไรเมบุกิ ข้ายังไหวคิซาชิยังมีสติอยู่ แต่บาดแผลตรงกลางตัวแลดูเหมือนจะหนักหนาสาหัส หัวหน้าหมู่บ้านแห่งฮารุโนะกัดฟันแน่นสู้กับความเจ็บปวด


    เลว ! จิตใจอำมหิตเป็นที่สุด!” ซากุระกล่าวอย่างเดือดดาล นัยน์ตาสีเขียวมรกตปะทะเข้ากับนัยน์ตาสีนิลจากใบหน้าไร้ความรู้สึก แม้แต่หางคิ้วของชายผู้นี้ก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย เขาเองก็จ้องนางกลับอย่างเงียบงันก็เห็นไม่ใช่หรือว่าบิดาของข้าสู้รบไม่เป็น ไม่มีใครในหมู่บ้านฮารุโนะที่สู้เป็น ท่านก็เห็นไม่ใช่หรือไง!”  วาจาพรั่งพรูรัวเร็วราวเสียงประทัด เห็นชัดว่าซากุระเกรี้ยวกราดมากจริง ๆ


    หากคิดที่จะต่อต้านอุจิวะก็ต้องจบลงแบบนี้….” ซาสึเกะเว้นจังหวะ ก็แค่ตายก็เท่านั้นนั่นเป็นวาจาเหยียบเย็นถึงขีดสุดหลุดออกจากปาก ยามนี้ความโกรธเกรี้ยวของซากุระเปรียบประหนึ่งดอกไม้ไฟระเบิด ไม่สนว่าจะเผาผลาญบรรยากาศโดยรอบอย่างไร้ความปรานีแค่ไหน ซากุระกล้ำกลืนน้ำตาลง  สบสายตาเปี่ยมเสน่ห์ดั่งปีศาจร้ายของชายหนุ่มตรงหน้า


    ก็ในเมื่อผู้บิดาของเธอตอบปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสงครามกับพวกแคว้นอุจิวะแล้ว หากพวกเขาคิดที่จะทำให้หมู่บ้านที่เธอรักยิ่งกลายเป็นทะเลสีเพลิงเฉกเช่นหมู่บ้านอื่น ๆ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมแล้วล่ะก็เธอก็คิดว่ามันจะถึงเวลาที่เธอจะจับดาบต้องปกป้องหมู่บ้านนี่แล้ว


    เพียงรู้สึกว่าชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ซากุระกำด้ามดาบที่ซ่อนอยู่ไว้ในชุดกิโมโนลำลองข้างตัว นางรอจังหวะให้อีกฝ่ายมีช่องโว่ง ก่อนจะกระแทกปลายเท้าจากพื้นช่วยส่งตัวพุ่งขึ้นเข้าหาแม่ทัพรูปงามเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วดุจดาวตกไล่จันทรา มือบางชักดาบออกจากฝักแล้วเหวี่ยงดาบหวังฟาดตวัด


    ฉัวะ !


    เสียงดาบกระทบกันตามด้วยประกายไฟ ซาสึเกะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ การจู่โจมของสตรีผู้นี้รวดเร็วยิ่ง เพียงครู่เดียวนางก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้ว แต่แน่นอนว่าแม่ทัพแห่งแคว้นอุจิวะนั้นรวดเร็วว่องไวกว่า ซาสึเกะรับการโจมตีของซากุระไว้ได้ ทั้งสองผลัดกันรุกผลัดกันรับคมดาบอยู่สองสามที แล้วจึงถอยกลับมาตั้งหลักใหม่


    ไม่เคยมีสตรีผู้ใดกระทำเช่นนี้ต่อหน้าเขามาก่อน... เวลานี้อย่าว่าแต่ชาวบ้านหรือทหารของอุจิวะพากันตกตะลึง ซาสึเกะเองก็พลอยประหลาดใจไปด้วย ไหนว่าคนหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านประกอบอาชีพแพทย์ธรรมดา น่าประหลาดใจที่ลูกสาวของหมู่บ้านนี้กลับจับดาบเสียเอง


    เชิงดาบของเจ้า...ต่างกับมือใหม่ซาสึเกะกล่าวเสียงเย็นหลังจากพิจารณาการกวัดแกว่งดาบเมื่อครู่ เป็นถึงระดับแม่ทัพแห่งแคว้นอุจิวะแค่มองท่วงท่าในการจับดาบก็รู้ได้ว่าฝีมือเยี่ยงนี้จัดอยู่ในเกณฑ์อะไร สำหรับสตรีนางนี้ฝีมือแลดูคล้ายจะร้ายกาจ แต่ฝีมือนางก็ยังไม่เข้าขั้น ไม่อาจนับให้เทียบเท่ากับฝีมือของเขาหากเขาเอาจริง


    มีข้าเพียงผู้เดียวในหมู่บ้านเท่านั้นที่รู้วิชาการต่อสู้ ดังนั้นจงประลองกับข้าเถิด หากข้าล้มท่านได้ด้วยดาบเล่มนี้ ท่านจะต้องยอมถอยทัพกลับไป!” ซากุระลั่นวาจา มีเพียงโทสะที่คุกรุ่น ทั่วบริเวณเงียบสงัด ชาวบ้านภายใต้การคุมของทหารอุจิวะต่างห้อมล้อมรอบกายบุรุษสตรีคู่นี้อยู่ห่าง ๆ โดยไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าแทรกขัด ทุกคนต่างหวาดกลัวและตกตะลึง โดยเฉพาะคิซาชิและเมบุกิ


    ซาสึเกะไม่พูดอะไรมาก เพียงกล่าวเสียงเย็นขึ้นว่าข้าจะไม่สู้กับสตรีที่ไม่มีชุดเกราะเขามองซากุระด้วยสีหน้าเฉยชา ซากุระประสานสายตาเข้ากับเขา ในแววตาสีเขียวมรกตแฝงด้วยความโกรธเกรี้ยว


    ท่านขี้ขลาดเสียมากกว่า กลัวจะแพ้ให้สตรีไร้ชุดเกราะอย่างข้าหรืออย่างไร ประกายเยือกเย็นพาดผ่านดวงตาสีดำหมึก ซาสึเกะมองใบหน้าที่ไม่ยอมจำนนของซากุระ รู้ว่าพูดไป ก็คงจะไร้ประโยชน์ สตรีเบื้องหน้าดึงดันจะประลองให้จงได้ แม่ทัพหนุ่มเลือกที่จะไม่พยักหน้าและไม่ปฏิเสธ เพียงแต่มองหน้าหญิงเบื้องหน้าอย่างเฉยเมย


    ซากุระ ! อย่าเลยลูกเมบุกิส่งเสียงร้องอ้อนวอนผู้เป็นลูกสาว


    ท่านแม่ สิ่งที่ข้าทำได้... สิ่งที่สำคัญในชีวิตที่ข้าควรปกป้องคือหมู่บ้านแห่งนี้...คือครอบครัวที่ข้าจะปกป้องด้วยด้ามดาบที่ข้ากำอยู่ซากุระหันไปยิ้มให้ผู้เป็นเมบุกิที่กำลังประคองคิซาชิที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ ในฐานะลูกสาวของหมู่บ้าน หญิงสาวรู้ดี การเข้าร่วมสงครามกับแคว้นใหญ่ สำหรับหมู่บ้านเล็ก ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับการตกนรกทั้งเป็น เมื่อเข้าร่วมสงคราม พวกเขาก็คงต้องโดนกดขี่ไม่ต่างอะไรไปกับทาส ซากุระขอเดิมพันศักดิ์ศรีแลกกับอิสรภาพเสียยังดีกว่า


    ซาสึเกะขมวดคิ้ว กวาดมองซากุระอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง ในอากาศมีเพียงเสียงลมโชยเอื่อยพัดผ่านยอดไม้ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปาก มีทหารนายหนึ่งทำท่าทีราวกับจะเสนอตัวจัดการหญิงเบื้องหน้าเอง แต่ซาสึเกะยกมือห้าม เป็นอันรู้กันว่าท่านแม่ทัพจะออกโรงเอง เหล่าทหารรู้นิสัยเอาจริงเอาจังของท่านแม่ทัพของพวกเขาเป็นอย่างดี รู้ว่าไม่อาจจะต่อต้านได้


    ซากุระตั้งหลักเตรียมตัว ดวงตากลับไม่ปรากฏแววตาหวาดกลัวแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับฝ่ายบุรุษผู้มีสีหน้าเย็นชา เส้นผมสีดำของเขาปลิวไสวไปตามแรงลมราตรีที่พัดโหม รอบด้านเงียบกริบ ทุกสายตาจับนิ่งไปยังซาสึเกะกับซากุระ ไม่มีใครพูดอะไร ชาวบ้านแห่งหมู่บ้านฮารุโนะทุกคนฝากความหวังไว้ที่ลูกสาวหมู่บ้าน


    การประชันที่สถานการณ์กลับตาลปัตรไปอย่างสิ้นเชิงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซากุระพุ่งปราดไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งแทบจะเร่งความเร็วไปถึงขีดสุดนางกวัดแกว่งปลายดาบตามาไม่ลดละ ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดผสานกับอานุภาพของดาบ


    ฉัวะ !


    เสียงปะทะดังหนักทึบ ต่างฝ่ายผลัดกันยัดเยียดคมดาบให้กันอย่างดุเดือด ระยะประชิดใกล้ทำให้ซากุระรับรู้ได้ถึงสายตาของซาสึเกะ นัยน์ตาสีดำหมึกงดงามยิ่งคู่นั้น ยามนี้ยิ่งทอประกายเจิดจริสดั่งจะดูดกลืนวิญญาณผู้คน


    ดาบของซากุระชี้ขึ้นวาดเป็นเส้นตรงคล่องแคล่ว ขณะที่ดาบของซาสึเกะวาดตวัดเป็นเส้นแนวนอนว่องไวกว่า หลายรอบที่ซากุระเกือบพลาดท่า แต่นางก็พลบพ้นได้อย่างหวุดหวิด ความประหลาดใจก็ผุดขึ้นในหัวสมองของท่านแม่ทัพ เห็นทีคงเพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ หายากนักสตรีที่จะจับดาบให้ร่ายรำพลิ้วไหวสวยงามได้


    แพขนตาของซากุระสั่นไหวเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากได้มองหน้าชายเบื้องหน้าอย่างชิดใกล้ นางก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวซาสึเกะผู้โหดเหี้ยมเลือดเย็นคนนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นในใจยังมีความรู้สึกอ่อนไหวบางอย่างแอบแฝงอยู่จาง ๆ ทางท่านแม่ทัพเองก็เห็นความนัยที่แฝงอยู่ในส่วนลึกในนัยน์ตาสีเขียวมรกตสวยได้อย่างชัดเจน ศักดิ์ศรี ความกล้าหาญ และความเชื่อมั่นในตนเอง


    สองสายตาสอดประสานเข้าหากันอยู่เนิ่นนาน ราวมันจะคงอยู่ชั่วนิจนิรันดร์ ดวงตาอันคมกริบนั้นของซาสึเกะแทบทำให้ซากุระหายใจไม่สะดวก หญิงสาวได้ยินเสียงชีพจรหัวใจตัวเองเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ สติ ซากุระ สติ หญิงสาวพร่ำบอกกับตัวเองในใจ


    ท้องฟ้ายามราตรีเงียบสงัด หมู่ดาราส่งแสงระยิบระยับอยู่บนม่านฟ้า ซากุระรู้สึกตัวเองเหนื่อยล้าเต็มที มันใกล้จะถึงขีดสุดความสามารถแล้ว หญิงสาวได้ยินเสียงเพียงลมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง ชายเบื้องหน้าเก่งกาจเกินไป ดูก็รู้ว่าท่านแม่ทัพแทบยังไม่ได้เอาจริงกับนางเสียเลยด้วยซ้ำ เมื่อปลายเท้าแตะสัมผัสพื้นดินไม่ถูกต้อง ซากุระก็รีบดีดตัวออกมาตั้งหลักทันที ดาบคมในมือวาดขวางเป็นท่าไว้ป้องกันตัว แต่ซาสึเกะไม่ยอมปล่อยให้นางได้กลับตั้งหลักไปได้ง่าย ๆ ประกายคมกล้าผุดวาบขึ้นมาจากดวงตาเช่นเดียวกับปลายดาบ เขาไม่อยากให้การประลองยืดเยื้อไปมากกว่านี้แล้ว


    จังหวะที่ซากุระมีช่องโหว่ ซาสึเกะเลือกที่จะใช้เท้าของตนถีบเข้าหาหญิงสาวให้ล้มลง แทนที่ซาสึเกะจะเลือกฟาดฟันดาบลงบนตัวของหญิงสาวเบื้องหน้าเพื่อปลิดชีวิตลงได้ แต่เขากลับเลือกที่จะไม่ทำ แม้ในใจจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญสตรีนางนี้แต่เขานับถือในความบ้าบิ่นที่กล้าเอ่ยท้าประลองเพื่อปกป้องหมู่บ้านทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรแท้ ๆ


    สีหน้าของซากุระซีดเผือดลงทันทีที่ขาสวยพลันอ่อนแรงล้มพับลงไปกับพื้นดิน นางได้ยินเสียงร่างของจนกระแทกลงไป จากนั้นไม่มีความรู้สึกใด ๆ ตลอดร่างเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า เลือดในกายฉีดขึ้นสู่สมองจนสมองชาด้านคล้ายกับท่อนไม้


    แพ้...นางแพ้แล้ว...นางปกป้องหมู่บ้านไม่ได้แล้ว... ซากุระรับรู้ว่าน้ำตาไหลอาบแก้ม นางขบกรามด้วยความเจ็บใจและเบือนหน้าหนี ละอายใจที่จะสบสายตาคู่เจ้าของใบหน้าไร้อารมณ์ ซาสึเกะรับรู้ถึงสายตาของซากุระที่มีสีหน้าย่ำแย่เป็นที่สุด เขาเหลือบแลสายตามองนาง แล้วกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาถือว่าเป็นโชคดีของเจ้าที่ข้าไม่ได้เอาจริง


    ซากุระกัดริมฝีปากจนแดงก่ำ จิตใจของนางอ่อนยวบ กลิ่นอายเยียบเย็นที่แผ่กระจายอยู่ทั่วร่าง ท่าทีสูงส่งเหนือผู้คนของแม่ทัพ ปิดกั้นไม่ให้ผู้อื่นกรายใกล้ ไม่มีความอ่อนโยนและรอยยิ้มดุจบุปผาแย้มบานยามราตรี ใบหน้าของเหล่าชาวบ้านล้วนเปลี่ยนเป็นสีซีด บ้างก็กล้ำกลืนน้ำตาแห่งความหวาดกลัว โศกเศร้า และเคียดแค้น


    ซาสึเกะไม่ได้แยแสต่อท่าทางตกตะลึงของเหล่าชาวบ้านที่อยู่รอบกาย แม่ทัพหนุ่มเพียงกล่าวน้ำเสียงเฉียบขาดทรงอำนาจดังขึ้นมาท่ามกลางสายลมเย็นออกมาว่า เผาหมู่บ้านนี้ซะ


    พลันรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวโลหิตที่อยู่ในปาก ซากุระกัดปากแน่น แต่ไม่ทันที่จะได้ชิงตะโกนออกมาก่อน เสียงของคิซาชิก็ดังขึ้น เรายอมแล้วอุจิวะ! เรายอมท่านแล้ว...นั่นเป็นน้ำเสียงปนความเจ็บปวดของบาดแผลดังขึ้นมาจากหัวหน้าหมู่บ้าน


    ซาสึเกะชะงัก เขายกมือขึ้นห้ามปรามทหารอีกรอบ แล้วหยุดฟังคิซาชิ ฮารุโนะจะเข้าร่วมสงรามกับอุจิวะ...คิซาชิกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ตรม


    หากยอมแต่แรกก็คงไม่ต้องโง่เจ็บตัวแบบนี้น้ำเสียงของท่านแม่ทัพบ่งบอกถึงความถืออำนาจและความโอหัง ต่อจากนี้ไป ทุกๆ เดือน ฮารุโนะจงส่งเครื่องราชบรรณาการและเสบียงมายังเมืองหลวงแห่งแคว้นอุจิวะ จะคอยมีทหารรับอยู่หน้าประตูเมืองเอง


    สายลมเย็นยามราตรีพัดกระโชก เส้นผมสีดำปลิวไสวเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งผยอง จริง ๆ แล้วซาสึเกะไม่คิดจะรับฟังคำขอร้องหลังเอ่ยลั่นวาจาไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อนัยน์ตาสีดำยังมองมาที่หญิงสาวเจ้าของเรือนผมยาวสีดอกซากุระสวยที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นเบื้องหน้า ท่านแม่ทัพแห่งอุจิวะกลับนึกคิดต่างออกไปจากทุกที เขารู้สึกสนใจในความสามารถของนาง


    นัยน์ตาดำสนิทของซาสึเกะพลันกระเพื่อมไหว จับจ้องซากุระแล้วโพล่งขึ้น ไปกับข้าเมื่อสิ้นเสียง ใบหน้าก็ซากุระก็เผยถึงความตกใจ เสียงหวานเอ่ยขึ้น ท่านว่าไงนะ?


                “เจ้ามีฝีมือดวงตาของซากุระไหววูบกับน้ำเสียงเย็นชานั้น ซาสึเกะเพียงเดินมากระชากมือหญิงสาวให้ลุกขึ้น ก่อนเหวี่ยงให้ทหารรับตัวนางไว้แทน


    ปล่อยข้านะ!” ซากุระพยายามดิ้น แต่นั้นไม่เป็นผล ทหารของอุจิวะมีเรี่ยวแรงที่เยอะกว่าในตอนนี้ หญิงสาวเพียงหลั่งน้ำตา มองบิดามารดาที่ตัวสั่นนั่งอยู่กับพื้นอยู่ไม่ห่าง


    ได้โปรด ท่านจะเอาอะไรไปก็ได้ แต่ไม่ต้องไม่ใช่ลูกสาวข้าเมบุกิเสียงสั่น แทบจะก้มหน้าผากแนบพื้นขอความเห็นใจ สามีที่อยู่ข้าง ๆ ก็บาดเจ็บ ไหนลูกสาวกำลังจะถูกทหารพาไปอีก แต่ซาสึเกะมีอาการสงบนิ่ง แทบจะไม่สนใจคำอ้อนวอน ท่านแม่ทัพรำคาญหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มทนแล้ว ในเมื่อไม่มีอะไรที่ดูจะเป็นประโยชน์ต่อซาสึเกะอีก เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อ


    ซากุระถูกเหวี่ยงขึ้นกรงขังรถม้ารวมกับพวกผู้หญิงจากหมู่บ้านอื่น หญิงสาวร้องครวญ ท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ...ปล่อยข้าไปเถิด ภายใต้แววตาอ้อนวอนจากนัยน์ตาสีเขียวหยกสวย ซาสึเกะเพียงแค่พูดกับซากุระอย่างเย็นชาเป็นที่สุด


    น่ารำคาญ


    ซาสึเกะทิ้งท้ายไว้เป็นประโยคสุดท้าย ท่านแม่ทัพเดินกลับไปขึ้นคร่อมม้าคู่ใจอีกรอบอยู่บนหลังม้า ขนของมีค่าจากหมู่บ้านนี้ไปให้หมด!” ท้ายที่สุดเหล่าชาวบ้านนั้นยอมจำนน ยกทรัพย์สินเงินทองและหีบข้าวของมีค่ายกให้ทหารอุจิวะ มีเพียงหยาดน้ำตาชาวบ้านที่สิ้นหวัง ต่อไปนี้ตราพัดสีแดงขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลอุจิวะกำลังจะเป็นผู้นำ โดยเฉพาะคิซาชิและเมบุกิที่ใจสลายเป็นที่สุด ทำได้เพียงมองลูกสาวที่ต้องถูกพรากไปอย่างทำอะไรไม่ได้ทั้งน้ำตา


                “เคลื่อนทัพ! กลับสู่แคว้นอุจิวะ!”


    มวลหมู่ดาวส่องแสงระยิบระยับ รัตติกาลงดงามพร่างพราย ดวงตาสีหยกของซากุระหรี่ลงไม่ต่างอะไรจากกลีบดอกซากุระที่ร่วงโรยพัดผ่านดวงจันทรา หญิงสาวเพียงมองหมู่บิดามารดาและหมู่บ้านห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าจากเรือนเหมือนนกที่จากรัง แต่ช่างน่าเศร้าที่นกน้อยตัวนี้ ไม่สามารถล่วงรู้ชะตากรรมภายภาคหน้าของตัวเองได้อีกเสียแล้ว

     

    つづく。



    ______________________________________________________________________

     

    Author’s Note

    สวัสดีค่ะ นักอ่านทุกท่าน 

    มาถึงบทที่ 1 แล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะ?

    นี่แอบรู้สึกว่าตัวเองเขียนซาสึเกะพูดเยอะไปไหม ทหารคนอื่นไม่พูดเลย ท่านแม่ทัพพูดอยู่คนเดียว (หัวเราะ)

    เรื่องนี้ตั้งใจเขียนให้ซากุระเป็นสาวแกร่งจริง ๆ และก็พยายามคงคาแรคเตอร์ความเป็นหนุ่มสุขุมของซาสึเกะไว้ (ซึ่งไม่รู้ว่าทำได้ไหม...)

    หวังว่าจะชอบกันนะคะ สามารถติชมได้เสมอเลยค่ะ ยินดีพร้อมรับฟังและแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น 

    คาดว่าฟิคเรื่องนี้น่าจะได้อัพเกือบทุก 1-2 อาทิตย์ ยังไงก็ขอฝากติดตามด้วยนะคะ 

     

    สามารถเล่นแท็กทวิตเตอร์ได้ที่ #ฟิคSSเดอะมูน

     

    ลงนามวันที่ 23 เมษายน 2017 - ด้วยรักLenavef

     

    ______________________________________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×