คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [OS] 25 December [krisxchanyeol ft. kyungsoo]
25 December
Kris x Chanyeol [KrisYeol]
Drama , Romantic
25 ธันวาคม ปี 2012
“เมอร์รี่ คริสต์มาสนะทุกคนนนนน” หนุ่มรุ่นพี่มหาวิทยาลัยปีสาม เดินแจกลูกอมคนละหนึ่งห่อให้เป็นของขวัญเล็กๆน้อยๆในวันคริสต์มาสกับรุ่นน้องปีหนึ่งในคลาสเรียน
“ชานยอล ฉันขอแลกรสสตรอว์เบอร์รี่ได้ไหม ?” เด็กหนุ่มร่างบางตาโต เดินเข้ามาขอแลกรสลูกอมกับเพื่อนตัวโย่งที่นั่งเหม่อมองออกไปนอกคลาสอยู่
“เอาไปเลยสิ ฉันไม่ชอบกินเท่าไหร่น่ะ” ยื่นห่อลูกอมให้ไปทั้งห่อ เพื่อนตัวเล็กกระโดดเหยงๆดีใจราวกับได้ของขวัญชิ้นใหญ่โต
“ขอบคุณน้า ชานยอลน่ารักที่สุดเลย” หยิกแก้มขาวๆนั่นไปหนึ่งที ก่อนจะเดินไปนั่งยังโต๊ะเลกเชอร์ของตัวเอง
เวลาผ่านไปจนหมดคลาสเรียนสุดท้ายของวัน และวันนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้าเท่านั้น นักศึกษาตัวโย่งหน้าหวานจึงรีบเก็บข้าวของแล้วบอกกับเพื่อนในกลุ่มว่าวันนี้ขอตัวกลับบ้านเลย ไม่ออกไปเที่ยวด้วยกัน
ขายาวๆเดินมาที่ล็อกเกอร์เก็บของของตัวเอง ยืนยิ้มอยู่หน้าล็อกเกอร์ราวกับลุ้นว่าเปิดมาจะเจออะไรบางอย่างในนั้น ไม่รอช้ามือบางรีบไขกุญแจแล้วเปิดออกทันที
‘메리 크리스마스♥’
มือบางรีบหยิบของขวัญวันคริสต์มาสออกมาทันที ชานยอลมักจะได้ของขวัญเป็นลูกแก้วหิมะเพียงปีละครั้ง จากคนๆหนึ่ง ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายปีสอง ..
25 ธันวาคม ปี 2008
“อุ๊ยย น่าอิจฉาจังมีคนเอาของขวัญมาให้ด้วย อยากรู้จังว่าใครกันน้า” เพื่อนสาวตัวเล็ก ยูนจิน กระทุ้งแขนเพื่อนชายตัวโย่งเบาๆเป็นเชิงแซว
“เขาอาจจะเอามาใส่ผิดล็อกเกอร์ก็ได้มั้งง”
“ไม่น่าจะผิดหรอกนะ เพราะถ้าผิดคงไม่เขียนชื่อเธอลงบนการ์ดหรอก” ชานยอลหันกลับไปมองในล็อกเกอร์อีกครั้ง ก็พบว่ามีการ์ดใบหนึ่ง เขียนว่า
‘ให้ ปาร์คชานยอล เมอร์รี่คริสต์มาส’
25 ธันวาคม ปี 2009
“อีกแล้วหรอ โหยแกก ฉันอยากรู้แล้วนะว่าใครส่งมาให้แกเนี่ย น่าอิจฉาชะมัด” เป็นอีกครั้งที่ชานยอลเปิดล็อกเกอร์มา ต้องมาพบกับลูกแก้วหิมะอย่างเดิมที่มีซานตาครอสอยู่ด้านใน
‘ให้ ปาร์คชานยอล เมอร์รี่คริสต์มาส’
25 ธันวาคม ปี 2012
‘ชานยอลลา วันนี้ไปฉลองกันไหม ?’ เสียงจากปลายสายเอ่ยชวนเพื่อนตัวโย่งไปฉลองวันคริสต์มาสด้วยกัน
“ไม่ดีกว่าคยองซู วันนี้เรากะว่าจะเข้าโบสถ์สักหน่อย ฉันไม่ได้เข้าตั้งแต่อยู่ม.ปลายปีหนึ่งแล้ว” ชานยอลตอบปฏิเสธไป
‘อ่า .. ก็ได้ ถ้างั้นเราไปก่อนนะ แบคฮยอนมันนัดไว้ห้าโมงเย็น บายนะ’ เมื่อปลายสายกดวางไป ชานยอลเก็บมือถือลงในเสื้อโค้ตแล้วออกไปยังโบสถ์ทันที
วันนี้หิมะตกไม่ค่อยหนักมากนัก ทำให้ชานยอลไม่ต้องพกร่มเพียงสวมแค่หมวกไหมพรมธรรมดา ขายาวๆก้าวผ่านเข้ามาจากประตูโบสถ์ ยกข้อมือขึ้นดูเวลาก็พบว่ายังไมถึงเวลาสวดมิซซา ชานยอลจึงเดินเล่นไปรอบๆ
“เอ๋ ..” ร่างสูงโปร่งเพ่งมองไปยังข้างๆโบสถ์ เห็นลางๆว่ามีผู้ชายยืนอยู่ไม่ได้สวมเสื้อโค้ทกำลังมองมาที่ตน แต่ด้วยหิมะที่ตกลงมาถึงจะไม่ค่อยหนักมาก แต่ก็ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงไปบ้าง ชานยอลจึงตัดสินใจเดินไปหาคนๆนั้น
“คุณครับ ..” ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ คนๆนั้นก็ยิ่งเดินห่างออกไป จนเมื่อชานยอลเดินมาถึงจุดที่คนนั้นยืนอยู่ ก็ไม่พบใครเลย ..
“หาผมอยู่หรอครับ ?”
“อ๊ะ! ..”
ร่างโปร่งสะดุ้งโหยงเมื่อหันกลับไปปะกับใบหน้าผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้านั้นขาวเนียนราวกับหิมะที่กำลังร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้าอึมครึม
“ค .. คุณเป็นใคร” เบี่ยงใบหน้าหลบไปทางอื่น ก่อนจะถามออกไป
“ก็ .. คนที่ยืนมองคุณเมื่อกี้ไง” ชายหนุ่มตอบหน้านิ่ง แต่ก็ยังส่งยิ้มน้อยๆมาให้กับคนตัวโย่งแต่เตี้ยกว่า
“ล .. แล้วคุณไม่หนาวหรอ เสื้อโค้ทก็ไม่ใส่ ” ถามออกไปตามนิสัยขี้ห่วงคนอื่น คนหล่อตรงหน้าส่ายหน้าช้าๆแล้วส่งยิ้มให้อย่างเดิม
ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าทางขึ้นโบสถ์ ระหว่างนั้นก็ทำความรู้จักกัน ถามชื่อ อายุ แบะอีกต่างๆมากมาย
“เข้าไปด้วยกันสิครับฮยอง” เป็นชานยอลที่เอ่ยชวนให้อีกคนเข้าไปในโบสถ์ด้วยกัน จะได้ไปสวดมนต์ทำพิธีต่างๆทางศาสนา แต่ร่างสูงกับส่ายหน้าปฏิเสธไป
“ไม่ดีกว่า ฉันรออยู่นี่แหละ พอดีว่าช่วงเช้าฉันมาทำพิธีแล้ว” ชานยอลพยักหน้าเข้าใจ หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในโบสถ์เตรียมสวดมนต์ อธิฐานขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งรออยู่ที่บันไดทางขึ้นโบสถ์ ..
19 .00 น.
ร่างโปร่งเดินออกมาจากโบสถ์อย่างอารมณ์ดี รู้สึกโล่งสบายเพราะไม่ได้เข้าโบสถ์มานานมากๆ หลังจากวันคริสต์มาสปี 2007
“เสร็จแล้วหรอ” ร่างสูงลุกขึ้นเอ่ยทัก เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยตัวโย่งเดินออกมาคนเดียว ใบหน้าหล่อเหลาซีดหมองเพราะอากาศที่หนาวจัดทำให้ชานยอลตกใจไม่น้อย
“คริสฮยอง! ทำไมหน้าซีดแบบนี้เนี่ย หนาวหรอฮะ ?” มือบางยกขึ้นประคองใบหน้าซีดนั้น พบว่าเย็นเฉียบมาก
“เอาเสื้อผมไปใส่ก็ได้นะ” ชานยอเตรียมจะถอดเสื้อโค้ทออก แต่ก็ถูกคนตรงหน้าห้ามไว้ เพราะเขาไม่อยากให้คนตัวเล็กกว่าต้องมาหนาวทั้งๆที่ตัวเองสบาย
“ไม่เป็นไรหรอก ฮยองขอแค่หมวกก็พอนะ” ไม่รอคำตอบรับ มือหนาก็ฉวยดึงหมวกไหมพรมสีเหลืองสดมาสวมทันที
“ฮยองเหมือนเด็กน้อยเลยง่า ฮ่าๆๆ” ยืนขำจนอีกคนต้องผลักศีรษะของชานยอลเบาๆ และนั่นทำให้ชานยอลหยุดขำทันที
“ย่าาาาห์!! เราเพิ่งรู้จักกันเองนะ ฮยองทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ยย” ลูบศีรษะปอยๆ เบ้ปากเล็กน้อยบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“รีบกลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” จูงมืออีกคนออกมาข้างนอกโบสถ์ หิมะที่กำลังตกพอดีๆ บวกกับแสงไฟที่ประดับบนต้นคริสต์มาสใหญ่ๆ ชานยอลมองไปรอบๆแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ยิ้มอะไรครับ หืม ?” คนข้างๆถามออกไป เมื่เห็นว่าคนที่เดินจูงมือมา เดินไปยิ้มไปราวกับคนเสียสติ = =
“ผมชอบวันคริสต์มาสที่สุดเลย .. มันทำให้ผมมีความสุขมากกว่าทุกๆวัน”
“ทำไมหรอ ?”
“เพราะทุกๆวันคริสต์มาส จะมีลูกแก้วหิมะและการ์ดอยู่ในล็อกเกอร์ของผม ตั้งแต่ผมอยู่ม.ปลายปีสอง จนตอนที่ผมอยู่มหา’ลัยปีหนึ่ง แต่หลังจากคริสต์มาสปีนั้นผมก็หลับไปปีกว่า ..” ชานยอลเงียบไปสักพัก จนร่างสูงเริ่มรู้สึกว่าเงียบน่าอึดอัด กำลังจะอ้าปากพูดทำลายบรรยากาศน่าอึดอัด แต่ก็ไม่ทันคนข้างๆ
“ผมอยากรู้นะว่าใครเป็นคนให้ผม ผมอยากรู้จักเค้าจริงๆ ผมอยากรู้ว่าตอนที่ผมเกิดอุบัติเหตุคราวนั้น เขาจะยังให้ลูกแก้วผมอยู่ไหม”
“นายคิดว่าปีหน้า คนนั้นจะยังให้ของขวัญอยู่อีกหรอ ?” ถามออกไปอย่างนึกสงสัย และคำถามนั้นทำให้ชานยอลหุบยิ้มลง
“ถ้าปีหน้าไม่มีขวัญของจากเขาก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็น่าจะมาแสดงตัวให้ผมรู้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร ผมอยากรู้จักเขาจริงๆนะ” ชานยอลยิ้มขึ้นอีกครั้ง เมื่อนึกว่าสักวันต้องได้เจอคนๆนั้นแน่นอน
“แล้วฮยองล่ะฮะ วันคริสต์มาสไม่มีใครให้ของขวัญเลยหรอ ?” ทั้งสองหยุดเดินลง เมื่อมาถึงหน้าบ้านของชานยอล
“มีสิ มีเยอะเลยล่ะนะ ฮ่าๆ”
“ว่าแล้วเชียว หน้าตาดีขนาดนี้สาวๆต้องปลื้มเยอะแน่เลย คึคึ”
“แล้วชานยอลเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่าครับ ?” คนถูกถามหุบยิ้มลง แล้วก้มหน้าลงมองพื้น ไร้คำตอบใดๆ จนคนถามต้องยกมือขึ้นมายีหัว
“พี่ล้อเล่นนะครับ ชานยอลนา เข้าบ้านได้แล้วนะ” ดันหลังให้เดินเข้าบ้านไป แต่ชานยอลก็หันกลับมาหาอีกครั้ง
“ฮยองครับ เราจะได้เจอกันอีกไหม ?” ร่างสูงยืนทำหน้าครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง ก็ให้คำตอบกลับไป
“ได้เจอสิครับ ได้เจอแน่ๆ”
“งั้นผมจะไปที่โบสถ์บ่อยๆนะครับ! ฝันดีนะครับฮยอง กลับบ้านดีๆนะ” โบกมือหยอยๆอำลาคนที่เดินกลับไป เตรียมจะไขกุญแจเข้าบ้าน แต่ก็เพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก ขายาวๆรีบวิ่งตามคนที่เดินจากไปเมื่อครู่
“ฮ .. ฮยองฮะ ผม .. ผมให้ยืมเสื้อโค้ทก่อนนะฮะ เดี๋ยวฮยองจะหนาวตายเอา” ร่างสูงยังไม่ทันจะตอบ ชานยอลก็รีบถอดเสื้อโค้ทแล้วมาสวมให้ทันที
“ขอบคุณนะครับ ถ้าเจอกันเมื่อไหร่ พี่จะคืนให้นะ” หยิกแก้มขาวๆนั่นทีนึง แล้วหันหลังเดินกลับไป ร่างสูงโปร่งก็เดินหันหลังกลับบ้านเช่นเดียวกัน
‘หวังว่าจะได้เจอกันเร็วๆนี้นะ ชานยอล’
“ทำไมถึงหนาวแบบนี้เนี่ย ..” ว่าแล้วก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นมากอดตัวเอง ส่วนอีกข้างก็ยกแก้วโกโก้ร้อนขึ้นมาดื่ม
Rrrrrrrr Rrrrr
“สวัสดีครับ” ไม่ทันได้ดูว่าใครโทรมา ก็รีบกดรับกรอกเสียงลงไปทันที แต่ผลที่ได้คือ ปลายสายเงียบไม่มีเสียงใดๆเลย ..
“อะไรวะ โทรมาก็ไม่พูด” กดตัดสายแล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะกระจกตรงหน้าอย่างเดิม ก่อนจะลุกขึ้นถือแก้วโกโก้ไปล้าง
หลังจากผ่านพ้นเมื่อวานมา ชานยอลก็ลืมนึกถึงผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่หน้าตาดี แล้วนำเสื้อโค้ทเขาไป ชานยอลลืมสนิท
“เอาเสื้อโค้ทไปไว้ไหนน้า ขี้ลืมจริงๆเลย โอ๊ะ ใช่สิ ลืมกินยานี่นา ..” ว่าจบก็เดินลงไปยังห้องครัวดังเดิม
“อยู่ไหนน้า ..” เอื้อมมือควานหายาไปทั่วตู้ มั่วหาทั้งห้องครัวแล้วไม่เจอ ร่างสูงจึงตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักทันที
“คยองซูอา .. ยาของฉันอยู่ไหนหรอ นายจำได้มั้ย?” เมื่อปลายสายรับ ก็รีบถามออกไปทันที
‘ใช่ยา.. อ๋อ จำได้ล่ะๆ ฉันเอาไปเก็บไว้ให้ในลิ้นชักข้างหัวเตียงนอนนายน่ะ’
“ขอบใจมากนะคยองซู”
‘ไม่เป็นไร ว่าแต่นายได้ไปหาหมอมาบ้างหรือเปล่า เผื่อว่า ..’
“อาทิตย์หน้าน่ะ มีนัดกับหมอพอดี ขอบใจมากนะคยองซู อ้อ เมอร์รี่คริสต์มาสย้อนหลังด้วยนะ” พูดจบก็ตัดสายทิ้งไปเสียดื้อๆ แล้วมุ่งขึ้นไปหยิบยาประจำตัวที่อยู่บนห้อง
“ขยะเต็มแล้วหรอ เอาไปทิ้งหน่อยดีกว่า” มัดปากถุงแล้วเดินออกไปนอกบ้าน เตรียมจะนำไปทิ้งที่ถังขยะ
“อ๊ะ นั่นเสื้อโค้ทเนี่ยนา ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ เมื่อกี้เดินออกมาก็ไม่มีนี่นา” พอทิ้งขยะเสร็จกำลังจะเดินเข้าบ้าน ชานยอลก็เหลือบไปเห็นเสื้อโค้ทที่แขวนอยู่บนรั้วหน้าบ้านพอดี
‘เอามาคืนให้แล้วนะ คริสฮยอง’
“คริสฮยอง ? อ๋ออ ทำไมขี้ลืมแบบนี้เนี่ยปาร์คชานยอล เฮ้ออ” ส่ายหัวให้กับความขี้ลืมของตัวเองเบาๆก่อนจะเดินเข้าบ้านดังเดิม
25 ธันวาคม 2013
“เป็นยังไงบ้างครับ ความจำของเขาจะกลับมามั้ย ?” ทันทีที่คุณหมอเดินออกมาจากห้องตรวจ เพื่อนตัวเล็กของชานยอลก็รีบโผเข้าไปหาทันที
“อาการก็เริ่มดีขึ้นแล้วนะ คนไข้เล่าเหตุการ์ณที่พอจำได้ให้ฟังบ้าง แต่ก็ยังไม่ครบสมบูรณ์เท่าไหร่ ยังไงก็ให้เขาทานยาบ่อยๆนะครับ อ้อ อีกเรื่องนึงนะครับ คือว่าช่วงนี้เขาอาจจะหลงๆลืมๆบ้าง เพราะมัวแต่นึกถึงเหตุการ์ณที่หายไป ทำให้สมาธิไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ หมอฝากดูแลด้วยนะครับ”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ” คยองซูโค้งขอบคุณหมอ พอดีกับที่ชานยอลเดินออกมาพอดี
“กลับบ้านเลยมั้ย หรือจะไปหาไรกินก่อน ?” พอออกมาเพื่อนร่างเล็กก็รัวคำถามใส่ เพื่อนตัวโย่งนึกหมั่นเขี้ยวเลยหยิกแก้มขาวๆนั้นไปทีนึง
“งื้ออ ชานยอลลา ฉันเจ็บนะ”
“นิดเดียวเองน่า งั้นไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านดีกว่า” ว่าแล้วก็โอบไหล่คนตัวเล็กเดินออกจากโรงพยาบาล
.
.
“โอ๊ะ ร้านนี้น่ากินดีนะ เข้าไปกันเถอะ” เดินจูงมือบางเข้าไปนั่งในร้านแล้วจัดการสั่งเมนูที่อยากทานทันที
“ทำไม .. ชานยอลถึงเลือกร้านนี้ล่ะ ?”
“คยองซูไม่ชอบหรอ เราเปลี่ยนก็ได้นะ” เตรียมยกมือเรียกพนักงาน เพื่อจะยกเลิกออเดอร์ แต่กลับถูกคยองซูห้าม
“ไม่ต้องหรอกชานยอล เราถามเฉยๆน่ะ”
“อ่าหรอ นึกว่าไม่ชอบซะอีก”
จะไม่สงสัยเลยถ้าชานยอลเลือกร้านอื่น จะไม่สงสัยเลยถ้าชานยอลไม่สั่งเมนูที่ชานยอลไม่ชอบ จะไม่สงสัยเลยจริงๆถ้าเกิดว่าชานยอลลืมเรื่องนั้นไปแล้ว ..
25 ธันวาคม 2010
“พี่คริส ทำไมต้องร้านนี้อ่ะ ชานยอลไม่ชอบ” ร่างโปร่งเผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัด ทำให้คนรักของเขาต้องเขกหัวไปทีนึง
“อย่าเรื่องมาก” พูดจบก็ไม่สนใจคนข้างหลัง เดินนำลิ่วเข้าไปในร้านก่อน ชานยอลจึงต้องจำใจเข้าไปในร้านนั้น
“ผมเอา ...” ร่างโปร่งนั่งมองคนรักของตัวเองสั่งเมนูที่ตัวเขาเองไม่ชอบเลย สักเมนูเดียว
“พี่คริส ชานยอลอยากกลับบ้า..”
“อย่าเรื่องมากได้ไหม กินๆไปเถอะ ไม่ตายหรอก” ยังไม่ทันที่ชานยอลจะพูดจบ ร่างสูงก็ตะคอกกลับใส่หน้าชานยอลทันควัน
“…” มื้อเย็นวันคริสต์มาสเต็มไปด้วยความอึดอัด แทนที่จะเป็นแบบคู่รักคนอื่น แต่ทำไมคริสต์มาสนี้ เป็นคริสต์มาสที่ชานยอลไม่อยากจะเจอมัน ..
“เป็นอะไรทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” ร่างสูงเอ่ยถามคนรักที่นั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างๆในรถ ตอนนี้ก็ห้าทุ่มเศษ ทำให้ไม่ค่อยมีรถมากนัก คริสจึงเหยียบเร่งความเร็วรถตามความชอบของตน
“เมื่อไหร่จะถึงบ้าน” ชานยอลเลี่ยงตอบคำถามนั้น เปลี่ยนมาเป็นถามกลับไปแทน
“พี่ถามว่าเป็นอะไร ตอบพี่มาสิ!” เป็นจังหวะเดียวที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงพอดี ร่างสูงจึงเบรก แล้วหันกลับมาตะคอกใส่อีกครั้ง ชานยอลที่เริ่มทนไม่ไหวกับพฤติกรรมใจร้อน และรุนแรงของคนตรงหน้า ความเสียใจที่เก็บมานานมันเริ่มออกมา เผยความรู้สึก อึดอัดทั้งหมด ผ่านทางน้ำตา ..
“ร้องไห้ทำไม” เมื่อเห็นว่าคนรักกำลังร้องไห้ คริสก็ผ่อนเสียงของตัวเองลง แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา ไร้ความห่วงใยดั่งเดิม
“พี่คริส .. ผมคิดว่าถ้าเรายังคบกันต่อไป เราทั้งสองคนคงจะไม่มีความสุข ผมว่า .. เราเลิกกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีนะฮะ ..” เงยหน้ามามองหน้าคนรัก อย่างกล้าๆกลัวๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว คริสจึงเหยียบคันเร่งเต็มที่
“ต้องการแบบนั้นใช่ไหม ได้สิ” ถนนกลางดึกที่โล่ง ไม่มีรถ ก็ใช่ว่าจะมีรถของคริสคนเดียวที่อยู่บนถนน ..
โครม!!!!
รถสปอร์ตสีขาวคันหรู ถูกรถบรรทุกขนาดสิบล้อพุ่งชนเข้าทางด้านข้างอย่างจัง ส่งผลให้รถคันเล็กกว่า กระเด็นไปไกลกว่ายี่สิบเมตร
“พ .. พี่คริส เจ็บไหมครับ ..” มือบางยื่นออกไปกุมมือคนรักที่ยังคงอยู่บนพวงมาลัยอย่างเจ็บปวด เลือดสีแดงฉาน ไหลเต็มใบหน้าหล่อเหลานั้นเต็มไปหมด ถ้าคนอื่นเห็นคงจำไม่ได้ แต่สำหรับชานยอล จำได้ทุกๆสิ่งที่เกี่ยวกับคริส
ภาพวันเก่าๆโผล่ขึ้นมาในสมองของชานยอล ไม่ว่าจะเป็นวันที่เขากับคริสได้คบกัน วันที่คริสมาสารภาพรักกับตน วันที่คริสปฏิญาณตนเองในโบสถ์ว่าจะรักและดูแลชานยอลตลอดไปพร้อมกับสวมแหวนให้ วันที่เขาทั้งสองคนทะเลาะกัน กอดกัน จูบกัน และจนกระทั่งวันนี้ วันที่เขาทั้งสองเลิกลากัน ..
“ช .. ชานยอลรักพี่คริสนะครับ .. พี่คริสอย่าทิ้งผมไปนะ ..” ทุกๆอย่างดับวูบไป พร้อมกับเสียงสัญญาณไซเรนของรถพยาบาล รถตำรวจที่มาพอดี ..
20 ธันวาคม 2011
“ชานยอลฟื้นแล้วๆ” เปลือกตาบางค่อยๆปรือขึ้นมา กระพริบตาสองถึงสามครั้งก่อนที่ทุกอย่างค่อยๆปรับสภาพเป็นปกติ
“คยองซู .. ฉันหลับในคลาสเรียนหรอ” พอลุกขึ้นมานั่งได้ก็กุมศีรษะตัวเองแล้วถามเพื่อนตัวเล็กไป
“เอ่อ ..” คยองซูและเพื่อนอีกสองคนต่างมองหน้ากัน ว่าจะเอายังไงกันดี
“แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่โรงพยาบา.. โอ๊ย ..” จับศีรษะตัวเองเพราะเกิดอาการเจ็บแปลบๆ เพื่อนทั้งสามที่ยืนอยู่รอบๆเตียงต้องรีบเข้ามาประคอง
“ไว้ให้หายดีก่อนนะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
ปัจจุบัน
ร่างสูงโปร่งนั่งอยู่ในโบสถ์มาร่วมสองชั่วโมงแล้ว หลังจากทานข้าวกับคยองซูเสร็จก็ขอตัวออกมายังโบสถ์ทันที
“ลูกมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ?” บาทหลวงเดินมานั่งข้างๆชานยอล ร่างโปร่งโค้งทำความเคารพทันที
“พ่อครับ .. ความจำของลูกหายไปช่วงระยะหนึ่งเพราะอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ทำให้ลูกจำคนๆนึงไม่ได้ ..” ชานยอลหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ โดยที่มีคุณพ่อ(บาทหลวง)นั่งฟังอยู่
“แต่หลังจากนั้น ลูกก็ทานยา ไปหาหมอ รักษามาเรื่อยๆจนความจำของลูกเกือบจะสมบูรณ์ จนกระทั่งวันนี้ลูกไปหาหมอมาครั้งสุดท้าย ความจำของลูกก็กลับมาสมบูรณ์ ..”
“ลูกรอพ่ออยู่ตรงนี้ก่อนนะ พ่อมีอะไรจะให้” เมื่อฟังชานยอลเล่าจบ คุณพ่อก็ลุกขึ้นเข้าไปหยิบของบางอย่างข้างใน
ร่างโปร่งยกมือข้างซ้ายขึ้นมา แหวนสีเงินเรียบปรากฏอยู่ตรงหน้า แหวนที่ชานยอลนึกสงสัยมาตลอดว่าอยู่บนนิ้วได้อย่างไรตั้งแต่วันที่ตื่นมา จนตอนนี้เขาจำมันได้แล้ว .. ชานยอลหมุนมือดูมันอย่างหลงใหล ภาพใบหน้าของชานยอลสะท้อนอยู่บนแหวนวงนั้น เพียงแต่มันสะท้อนใบหน้าของใครบางคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของชานยอลด้วย ..
ร่างโปร่งรีบหันกลับไปยังเก้าอี้ที่อยู่ข้างหลัง แต่กลับไม่พบใครเลยสักคน .. มองไปรอบๆก็ไม่พบใคร จนกระทั่งหลวงพ่อเดินมาพอดี ท่านเดินมาพร้อมกับกล่องไม้สีเชสนัทที่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก
“ตอนที่เขาเสีย ทางบ้านเขาได้ฝากกล่องนี้ไว้ให้กับลูก” ท่านยื่นกล่องไม้ให้กับชานยอล มือบางยื่นออกไปรับมาไว้บนตักของตัวเอง
“พ่อขอตัวก่อนนะลูก” ชานยอลโน้มศีรษะให้พร้อมกับกล่าวขอบคุณ หลังจากที่หลวงพ่อเดินเข้าไปแล้ว ชานยอลก็นังลงดังเดิม
มือบางลูบกล่องนั้นไปมา ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดกล่องไม้ใบนั้น เมื่อเปิดออกมาก็เจอกับของที่อยู่ข้างใน ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายคู่ของชานยอลกับคนรักที่มีเป็นสิบๆใบ ถุงมือคู่สีแดง สร้อยคอคู่ ซีดีเพลง การ์ดต่างๆ และกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเท่าฝ่ามือ ชานยอลหยิบขึ้นมาแล้วตัดสินใจเปิดดูมัน
แหวนเงินหนึ่งวง โดยบนแหวนทั้งวงสลักว่า ‘kris&yeol forever’ ถึงแม้ว่าจะมองไม่ค่อยเห็นนักเพราะคราบเลือดที่เปื้อนแต่ชานยอลก็พอจะเดาได้ว่าบนแหวนสลักว่าอะไร ..
“พี่คริส .. ผมคิดถึงพี่ ฮึก ..” น้ำตาหยดใส หล่นลงบนแหวน ชานยอลไม่เคยคิดเลยว่าทำไมคนที่อยู่ต่อต้องเป็นเขา ถ้าเป็นคริสก็คงจะดี เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้คริสคงลืมเขาไปแล้วจริงๆ
“ถ้าพี่ยังอยู่ พี่คงลืมผมไปแล้ว ..”
.
.
ท้องฟ้าสดใส พื้นดินขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะสีขาว แท่งปูนที่เป็นรูปกางเขนบ้าง เป็นป้ายบ้าง ทุกอย่างๆกำลังถูกหิมะทับถม บริเวณแถบนี้เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ..
ช่อดอกไฮยาซินท์สีม่วงอ่อน ที่มีความหมายว่า ความรักที่มั่นคง ไม่เคยแปรเปลี่ยน เช่นเดียวกับชานยอลที่มีความรักให้กับคริสตลอดมา ไม่เคยแปรเปลี่ยน แม้ว่าตนเองจะลืมเขาไปชั่วขณะ .. ช่อดอกไม้ถูกวางลงบนแผ่นปูนที่มีชื่อ ‘อู๋อี้ฟาน’สลักอยู่
“เมื่อไหร่ผมจะได้เจอพี่อีกครั้ง ..” มือบางยื่นออกไปนอกเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ หิมะขาวโพลนร่วงหล่นลงมาบนฝ่ามือที่สั่นเทาเพราะความหนาว ภาพวันที่เขาทั้งสองรักกันไหลย้อนกลับมา
“ชานยอล กลับบ้านกันเถอะ” หนุ่มน้อยตัวเล็กตาโตที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะเป็นมากกว่าเพื่อนของชานยอล .. เดินเข้ามาควงแขนแล้วเอ่ยปากชวนกลับบ้าน
“ได้สิ กลับบ้านกันเถอะ” ยีผมด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเดินโอบไหล่คนตัวเล็กออกไปจากสุสานแห่งความเศร้านี้ ..
ดวงตาคมที่มองอดีตคนรักเมื่อสามปีก่อน กำลังเดินจากเขาไปกับคนรักคนใหม่ ริมฝีปากแห้งผาดนั้นได้แต่ยิ้มให้กับตัวเอง ถ้าวันนั้นเขาระวังมากกว่านี้ ชานยอลกับเขาตอนนี้ก็คงแต่งงานกันไปแล้ว ถ้าวันนั้นเขาไม่โมโหชานยอล ไม่เบื่อชานยอล .. เขาก็คงไม่ต้องมานอนหนาวในที่แคบๆใต้ดินแบบนี้
“ปาร์ค ชานยอล .. พี่มีสิ่งหนึ่งอยากจะพูดกับนาย” ร่างสูงพูดกับคนที่เดินจากเขาไป คริสยืนพิงป้ายหลุมศพที่มีชื่อของตัวเองสลักไว้อยู่ท่ามกลางหิมะที่ร่วงหล่นลงมา สายตามองไปยังแผ่นหลังนั้นที่เขาชอบสวมกอดบ่อยๆ
“พี่ขอโทษที่ทำให้นายเสียใจ .. พี่รักนายนะปาร์ค ชานยอล”
กึก ..
ชานยอลหยุดเดินไปชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง หูต้องฝาดไปแน่ๆ คำๆนั้น คำที่ชานยอลรอฟังมาตลอด ..
“มีอะไรหรอชานยอล” คนตัวเล็กเงยหน้าถามคนรัก ชานยอลส่ายปฏิเสธไปว่าไม่มีอะไร คยองซูก็ไม่สงสัยอะไร จึงเดินต่อไปเรื่อยๆ
‘ผมก็รักพี่นะครับ พี่คริส ..’
ถึงแม้ชานยอลจะพูดกับตัวเองในใจ แต่ร่างที่ยืนมองอยู่กลับได้ยินคำนั้น คำที่ปาร์ค ชานยอล พร่ำบอกเขาตลอดเวลาที่พวกเขาคบกัน ..
‘ผมอู๋อี้ฟาน ผมจะรักและซื่อสัตย์ต่อปาร์ค ชานยอลตลอดไป หลังจากนี้ผมจะขอดูแลปาร์ค ชานยอลเอง ถ้าผมผิดต่อคำปฏิญาณ ขอให้พระเจ้าลงโทษผม’
แหวนสีเงินถูกสวมลงบนนิ้วมือสวย เจ้าของนิ้วมือยกมือขึ้นมาเชยชมแหวนสีเงินเรียบๆ รอยยิ้มที่สวยที่สุดในชีวิตถูกเผยออกมา พร้อมกับน้ำตาที่เต็มไปด้วยความดีใจ และความรักที่มีต่อคนตรงหน้า
“Kris & Chanyeol Forever”
The End.
Writer Talk : หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกกกก แล้วพอคัมแบ็คก็คัมแบ็คมาเป็นโอเอส = = ไรท์นี่แย่จุงเร ㅠㅠ
เมอร์รี่คริสต์มาสย้อนหลังนะคะ ฟิคเรื่องนี้เป็นวันช็อทที่ยาวจริงๆ 555555 ยังมีอีกตอนนะคะ แต่ว่าเป็นพาร์ทของคนๆหนึ่งไม่ขอบอกแล้วกันว่าใคร อิ้อิ้ แล้วก็จะเฉลยเรื่องลูกแก้วหิมะด้วย เดี๋ยวจะมาอัพให้ประมาณก่อนปีใหม่นะคะ บุยยย >ㅈ<
ความคิดเห็น