ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักวุ่นอลวนใจ ของยัยหน้าใสกับนายสุดฮ็อต

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 52


                    “นายออต้าร์ มาหาฉันเดี๋ยวนี้!!” ฉันลากนายออต้าร์เพื่อนซี้สุดปึ้กของฉันออกมาจากฝูงชะนีมีนอทั้งหลาย..ฮึ่ม กำลังหม้อสาวอยู่สินะ

                    วันนี้ฉันให้นายไปทำอะไร หา! ทำไมมานั่งหม้อสาวอยู่นี่

                    เอ่อ ...คือ...เอ้อ นี่ ยัยองุ่นเน่า ฉันกำลังจะได้เบอร์น้องจูดี้แล้วนะ เธอลากฉันออกมาทำไมวะเนี่ยนายออต้าร์พูดอ้ำๆอึ้งแล้วก็แถเปลี่ยนเรื่องไปซะงั้น เห็นเบอร์พวกแม่ชะนีสำคัญกว่าเรื่องของฉันงั้นเหรอ

                    นี่ คุยกับฉันกรุณาคุยเรื่องฉัน ไม่ใช่คุยเรื่องแม่ชะนีมีนอพวกนั้น และตอนนี้ฉันก็อยากฟังคำตอบแล้ว ว่านายเคซิสว่ายังไง เขาคิดยังไงกับฉัน? ไม่ใช่นายจะได้เบอร์ยัยนั่นหรือเปล่า ฉันหลับหูหลับตาสาธยายคำพูดออกจากปากจนไฟแทบแลบแล้วเนี่ย

                    แล้วเธอล่ะ คุยกับฉันอยู่ ทำไม...ต้องพูดถึงเคซิสมันด้วย ท้ายประโยคเสียงเขาดูอ่อนลงเหมือนไม่อยากให้ฉันได้ยิน

                    ฮะ?..เมื่อกี้นายว่าไงนะ ฉันได้ยินไม่ถนัดอ่ะ ฉันถามซ้ำอีกรอบพลางมองจ้องเข้าในดวงตาของเขา เคยได้ยินมาว่า เวลาจะจับคนโกหกหรือมีความลับ ให้สังเกตที่ดวงตา

                    ป่าวๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า

                    นายออต้าร์นี่ยังไง โกหกฉันแน่เลย พูดแล้วหลบตาอย่างนี้ ฉันเอื้อมมือไปจับหน้าเขาหันมาประจันหน้ากับฉัน ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาคู่สวยนั่นเหมือนกับพยายามบังคับให้เขาพูดออกมา แต่เขากลับถ่ายทอดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างออกมาทางดวงตาคู่นั้น มันเป็นความรู้สึกที่....ไม่รู้สิ มันไม่สามารถบรรยายออกมาได้ แต่แล้ว...ไอ้เพื่อนบ้าก็กลับมาตีหน้าทะเล้นเหมือนเดิม

                    นี่ ยัยองุ่นเน่า อย่าบอกนะว่าเธอหลงใหลในหน้าตาอันหล่อเหลาปานเทพบุตรของฉันน่ะ เล่นจ้องฉันซะอย่างนั้นต้องการอะไรอ่ะ...ฮั่นแน่ อยากจุ๊บก็ไม่บอก มามะ ฉันยอมสละเฟิร์สคิสให้เลยเอ้าเขาพูดพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้แถมยังทำปากจู๋เตรียมจะจุ๊บอีก ฉันเลยกระชากหัวของไอ้บ้านี่แล้วก็ผลักออกไปไกลๆ

                    อี๋ กล้าพูดเนอะ เฟิร์สคิสนายมันคงเสียไปตั้งสิบปีที่แล้วตั้งแต่นายเริ่มควงสาวแล้วล่ะ ฉันยังไม่เคยเห็นนายห่างจากสาวๆในฮาเร็มของนายสักวัน ชิ!”

                    แหม...พูดงี้ฉันเสียหายน้า...เดี๋ยวคืนนี้ฉันโทรหา ไปละ นายออต้าร์บ้าระห่ำทำท่าส่งจูบให้ฉันสองทีอย่างน่ารักน่าถีบ ถ้าสาวเล็กสาวใหญ่ สาวไม่จริงหญิงไม่แท้เห็นท่าทางของมันเมื่อกี้ล่ะก็...คงละลายล้มตายกันเป็นแถบ แต่เผอิญว่าฉันโตมากับมัน อาบน้ำด้วยกันอยู่ทุกวัน (ตอนเด็กๆนะ ตอนนี้ไม่ใช่ อย่าคิดลึก) ท่าทางของมันเลยกลายเป็นน่าถีบไปโดยปริยาย

     

                    พรุ่งนี้ก็อายุสิบแปดแล้วอ่ะ ไวชะมัด ตอนนี้ฉันกำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์อยู่บนโซฟาหน้าทีวีที่บ้าน กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะโทรหรือไม่โทรดี โทรหาใครน่ะเหรอ...ก็นายเคซิสเพื่อนสนิท(ที่ฉันคิดไม่ซื่อ)ของฉันไงล่ะ ก็เมื่อหนึ่งชั่วโมงสิบสามนาทียี่สิบเก้าวินาทีที่แล้วฉันคิดไอเดียดีๆขึ้นมา ฉันควรจะสารภาพรักเขาในวันเกิดของฉันเลยดีกว่า มันก็เข้าท่านะ...เขาคงไม่ทำร้ายจิตใจของฉันในวันเกิดหรอกนะ เอาเป็นว่า โทรนัดเลยดีกว่า

                    (ว่าไง ยัยองุ่นเน่า)

                    ทักทายดีๆไม่เป็นหรือไงยะ

                    (โอเคครับ คุณองุ่นผู้น่ารัก)

                    แล้วทำไมไม่รักล่ะ ฉันตอบกลับไปอย่างนั้น จึงทำให้เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่งระหว่างฉันและเคซิส

                    ล้อเล่นน่ะ...ไอ้เคซิส พรุ่งนี้เจอกันที่ร้านนาย หลังเลิกเรียน โอเค้

                    ที่ๆฉันนัดก็คือร้านเบเกอร์รี่ของนายเคซิสนั่นแหละ เป็นร้านที่เลื่องชื่อลือนามว่าอร่อยที่สุดในประเทศ(เว่อร์ได้อีก) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยไฮโซแห่งหนึ่งของเมืองไทย แต่ก็ไม่ใช่แค่นักศึกษาเท่านั้นที่มาทานนะ ดารา นักร้อง คนเฒ่าคนแก่ เด็กเล็กเด็กน้อยมากมายก็แห่กันมา ส่วนเรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง...กระเป๋าไม่หนักพอก็ไม่ต้องหวังจะเข้ามา แค่คุกกี้ชิ้นเท่าฝาโค้กชิ้นเดียวก็แพงหูฉี่แล้วล่ะ...ก็แหงล่ะ ฝีมือของเชฟระดับโลกนี่นา (เว่อร์บ้าง อะไรบ้าง)

                    (เย้ย! ทำไมเร็วจังอ่ะ หลังเลิกเรียนเลยเหรอ ฉันมีโปรแกรมว่ะ เลื่อนๆหน่อยไม่ได้หรือไง)

                    โปรแกรมบ้าบออะไรของนายฟระ แฟนเฟินก็ไม่เห็นมีต้องไปรับไปส่ง นี่ฉันเป็นเพื่อนนายนะ เพื่อนรักด้วย มีอะไรสำคัญกว่าเพื่อนคนนี้อีกงั้นเหรอ ฉันพูดประโยคท้ายด้วยเสียงสลดนิดนึง เผื่อจะเรียกความสงสารจากคนขี้สงสารและปฏิเสธใครไม่เป็นอย่างนายเคซิสได้ ฉันรู้จักนิสัยนายดีน่า...เคซิส

                    (คิดว่าทำเสียงหงอยๆแล้วจะได้ผลงั้นเหรอ) นายเคซิสพูดอย่างรู้ทัน เป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปีแล้ว ถ้าไม่รู้ก็พิลึกน่าดู ฉันเลยทำเงียบ เงียบ และเงียบเข้าไว้ด้วยคติ เงียบสงบ สยบความเคลื่อนไหว (มีเหรอยะ)

                    ...

                    (เออๆ ก็ได้วะ ฉันจะชนะเธอสักครั้งน่ะมีมั้ย ยัยเน่า)

                    เย้ๆๆๆ ฉันรักนายที่สุดเลยอ่ะ

                    (ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วน่า ฉันไม่ยอมให้เธอรักใครมากกว่าฉันอยู่แล้ว)

                    คำว่ารักที่ฉันพูดกับนายคนละความหมายของคำว่ารักที่นายพูดกับฉันนะ...ฉันอยากจะพูดมันออกไปตอนนี้ และแน่นอน ว่าเก็บไว้ไม่ให้เขารู้เลยจะดีกว่า

                    ย่ะ...งั้นฉันไม่กวนละ

                    (คร้าบบบ หวัดดีคร้าบ)

                    หลังจากวางสายไป ฉันก็นอนครุ่นคิดอยู่บนโซฟาเพื่อนยากตัวนี้นี่แหละ เอายังไงดีว้า จะบอกหรือไม่บอกดีเนี่ย...องุ่นสับสนค่า

                    ~บอกเร็วไปก็ไม่ดี บอกยิ่งเร็วก็ยิ่งดี แต่ละทีที่ได้ยินก็ทำให้คิดหนัก หนึ่งเสียงก็ให้บอกแต่ฟังอีกเสียงก็กลัว ไม่แน่ใจ~ แล้วเพลงของสองสาวดูโอก็เดินทางมากระทบหูของฉันเข้าไปในโสตประสาท ทำให้ฉันยิ่งสับสนกว่าเดิม...ไม่เอาแล้ว นอนดีกว่า

     

    (พิเศษ : เคซิส)

                    หลังจากที่วางสายจากยัยองุ่นเน่าไป ผมก็นั่งคิดบัญชีรายรับรายจ่ายของวันนี้ มือก็กดเครื่องคิดเลขอยู่ยิกๆนะ แต่ใจเจ้ากรรมดั๊นคิดไปถึงเจ้าของใบหน้าเรียวเล็ก ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนๆรับกับใบหน้าที่ขาวเนียนอมชมพูนั่น...จะใครซะอีกล่ะ ในใจผมก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ คนที่เพิ่งโทรมาเมื่อกี้นั่นไง...พรุ่งนี้ก็วันเกิดเธอแล้ว ผมควรจะบอกเธอดีมั้ยนะ บอกออกไปว่าผมรักเธอมาตลอด ไม่ใช่รักแบบที่เพื่อนทั่วไปรักกัน แต่...มันลึกซึ้งมากกว่านั้น แต่อีกใจก็กลัวว่า ถ้าบอกออกไปแล้วมันอาจจะทำลายความสัมพันธ์ของผมและยัยนั่นไม่เหลือชิ้นดีน่ะสิ...อ๊าก!! ไม่คิดแล้วโว้ย ปวดหัว

                    วันนี้ผมปิดร้านเร็วกว่าปกติก็เพราะต้องรีบไปซื้อของมาตกแต่งร้านเนื่องในวันเกิดของยัยองุ่นเน่าเฟะนั่น...คิดถึงยัยนั่นแล้วมีความสุขจัง

                    ผลัก!

                    เสียงคนผลักประตูเข้ามา ได้ข่าวว่าผมพลิกป้ายจากคำว่า Open เป็นคำว่า Close แล้วนะ

                    ไอ้เคซิส อยู่ป่าววะ เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกผมอยู่ที่หน้าร้าน ไอ้ออต้าร์เพื่อสนิทผมนั่นเอง

                    อยู่ว้อย วันนี้ลมอะไรพัดนายมาวะ ปกติไม่เห็นโผล่หัวมา ผมเอ่ยแซวมันเล่นๆขณะที่เดินออกมาหามันที่หน้าร้าน แต่พอเห็นสีหน้ามันก็งงสุดขีด ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันเครียด เป็นอะไรของแม่งฟระ

                    ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนายหน่อยว่ะ ผมนั่งลงบนโต๊ะพลางพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่า มึงก็พูดมาเด้

                    คือ...ฉัน...เอ่อ...ยัยองุ่น... มันอึกๆอักๆไม่ยอมพูดซักทีจนคนฟังอย่างผมชักเริ่มรำคาญ และจากสีหน้าเครียดของมันเมื่อกี้กลับเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเรื่อตั้งแต่แก้มถึงหู เหมือนกับว่ามันเขินอย่างนั้นแหละ มันก้มหน้างุดเหมือนนางเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นตอนที่พระเอกสารภาพรัก แว้ก!!...หรือว่า...มะ มันกำลังจะสารภาพรักกับผม ไม่อาวน้า

                    เฮ้ย นายเขินอะไรวะไอ้ต้าร์ อย่าบอกนะว่าจะมาสารภาพรักกับฉันน่ะ ผมพูดแล้วก็ทำท่าขนลุกขนพองขยะแขยงไอ้ต้าร์เต็มที่

                    ไอ้บ้า...เอาร่องก้นคิดหรือไงวะ ฉันไม่นิยมไม้ป่าเดียวกันว่ะ ที่ฉันมาเนี่ย ก็เพราะมีเรื่องจะปรึกษาว้อย

                    ฟู่! ผมถอนหายใจอย่างแรง ค่อยโล่งอกไปหน่อย ว่าไปแล้ว ไอ้ต้าร์มาก็ดีละ ผมจะได้ปรึกษาเรื่องยัยองุ่นด้วย ว่าจะบอกหรือไม่บอกดี

                    ฉันก็มีเรื่องจะปรึกษานายเหมือนกันว่ะ

                    แล้วบรรยากาศรอบตัวก็เงียบสนิทจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง ทั้งผมและมันไม่ได้พูดอะไรออกมา หน้าตาของไอ้ต้าร์บ่งบอกว่ากำลังชั่งใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี ส่วนผม ที่ไม่พูดก็กำลังชั่งใจอยู่เหมือนกันเนี่ยแหละ

                    เวลาผ่านไปนานพอสมควร ผมเงยหน้าขึ้นมาก็ไปสบตากับมันโดยอัตโนมัติ ทำไมมันบังเอิญจังวะ คงถึงเวลาที่ต้องพูดแล้วล่ะมั้ง

                    ฉันชอบยัยองุ่น/ฉันชอบยัยองุ่น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×