ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Inazuma: Short Story

    ลำดับตอนที่ #2 : {Hakuryuu}

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 56





    ในความฝันตัวผมกำลังตามหาบางสิ่งบางอย่าง

     

    ดิ้นรน ไขว่คว้า และวิ่งตามสิ่งนั้นโดยไม่คิดชีวิต

     

    และผมก็ได้พบ

     

    ใครบางคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืด

     

    คนๆนั้นหันกลับมาและส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้เหมือนทุกครั้ง

     

    ผมตะโกนเรียกชื่อใครคนนั้นสุดเสียง

     

    สองเท้าออกวิ่ง เอื้อมมือคว้าเงาร่างตรงหน้า

     

    แต่สิ่งที่เอื้อมคว้าได้กลับเป็นเพียงแผ่นหินสลักธรรมดา

     

    ที่สลักชื่อ

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ‘Shuu’

     

     

     

    !!

     

    ฮาคุริวลุกพรวดจากเตียงอย่างรวดเร็วเพราะฝันร้ายที่พบเจอ  หยาดเหงื่อไหลซึมเป็นทางยาวหยดลงบนเสื้อนอนที่เปียกชุ่ม

     

    ฝัน..?

     

    ภาพหลุมศพที่โผล่ขึ้นมาราวกับย้อนเวลากลับไปในวันพิธีทำให้ฮาคุริวกัดริมฝีปากแน่นโดยไม่รู้ตัว  ร่างสูงสะบัดไล่ความคิดฟุ้งซ่านในยามเช้าก่อนเหลือบมองรูปถ่ายที่ตั้งอยู่เหนือเตียงนอนด้วยความเคยชิน

     

    “อรุณสวัสดิ์ชู” ฮาคุริวหลุดพึมพำออกมาพลางยื่นมือหยิบกรอบรูปนั่นขึ้นมา

     

    เด็กหนุ่มผมสีดำขลับกำลังยืนยิ้มให้กับกล้องด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยความสุข  ข้างๆมีตัวเขาเองกำลังยืนทำหน้าเซ็งใส่กล้องโดยมีฉากหลังเป็นอพาร์ตเม้นต์ที่เขาอาศัยอยู่ ยังจำได้ดีเลยว่าอีกฝ่ายตื่นเต้นแค่ไหนกับการย้ายมาอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้

     

    “ฮาคุริว”

     

    น้ำเสียงที่เคยเรียก รอยยิ้มที่เคยได้รับ ความอบอุ่นที่เคยสัมผัส ทุกอย่างในตัวของชูเขายังคงรู้สึกได้เหมือนอีกฝ่ายยังอยู่ใกล้ๆทั้งที่ทุกอย่างมันจบสิ้นลงตั้งแต่เดือนที่แล้ว

     

    จะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของหมอนั่นอีกแล้ว

     

    ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ไม่ต่างจากวันอื่นๆที่มีเพียงความซึมเศร้าและโหยหาเรื่องในอดีต  ฮาคุริวเหม่อมองรูปใบนั้นนานหลายนาทีก่อนนำมันกลับไปวางที่เดิมแล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวสำหรับเช้าวันใหม่

     

    “โอ๊ะ” วินาทีแรกที่ยืนขึ้นราวกับโลกทั้งใบเอนเอียงพลิกกลับไปอีกด้าน ประสาทสัมผัสด้านชาไปหมด ก่อนจะล้มลงบนเตียงโดยไม่รู้สึกตัว

     

    อาการปวดหัวตุบๆในสมองเป็นสิ่งยืนยันได้ดีว่า อาการเมาค้าง จากเมื่อคืนยังส่งผลอยู่ ถ้าชูรู้เข้ามีหวังบ่นจนหูชา

     

    “หืม?” คิดไปแล้วร่างสูงก็ก้มมองเสื้อตัวเองที่ถูกเปลี่ยนสรรพเสร็จโดยที่เจ้าตัวจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนเปลี่ยนให้  แวบนึงที่เผลอคิดไปว่าคงเป็นชูอีกตามเคย แต่เรื่องแบบนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้

     

    “หยุดคิดเพ้อเจ้อซะฮาคุริว” ฮาคุริวเอ่ยสั่งกับตัวเองพลางส่ายหน้าอย่างเอื่อมระอาไล่บรรยากาศอึกครึมที่ปกคลุมออกก่อนตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ แปรงฟันให้เรียบร้อย

     

    กิ๊งก่อง กิ๊งก่อง

     

    คล้ายกับเป็นเรื่องเดจาวูปรากฎขึ้นรอบสอง เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันแต่ต่างกันตรงที่ว่าวันนี้เขาดันตื่นเช้ากว่าเมื่อวานเลยไม่ต้องเสียเวลาทอดด่าคนที่มาปลุกตื่นในตอนเช้าในใจ

     

    ขยันมาไม่เว้นวันจริงนะ

     

    แต่ก็ไม่วายแอบประชดประชัน  เมื่อวานเจ้าสึรุงิก็ดันมาพูดอะไรที่น้ำเน่าจำพวกมิตรงดงาม ความห่วงใยของเพื่อนคนอื่นแต่ขอทีเหอะ!ของแบบนั้นเขาไม่สนสักนิด สิ่งที่เขาแคร์มีแค่ชูเท่านั้น!

     

    แต่หมอนั่นก็ไม่อยู่แล้ว

     

    เลิกยึดติดกับอดีตซะที!!’

     

    เสียงตะโกนของสึรุงิแทรกขึ้นในความทรงจำ  หลังจากนั้นเขาก็ตวาดไล่ไปด้วยความโมโห ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไร  การใช้ชีวิตที่เหมือนว่าอีกฝ่ายยังมีตัวตนแบบนี้ เขารู้ดีว่ากำลังหลอกตัวเอง

     

    ก็แค่ต้องการเวลาทำใจเท่านั้น

     

    แกร๊ก

     

    ประตูหน้าถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้า  คนที่ปรากฏในวันนี้ก็ยังคงเป็นสึรุงิเหมือนเมื่อวาน ร่างโปร่งมองตรงมาไร้ซึ่งความหวาดหวั่นก่อนโชว์ถุงมินิมาร์ตที่บรรจุแซนวิชเต็มถุงที่ใช้เป็นข้ออ้าง

     

    “อาหารเช้า” พูดสั้นๆเพียงแค่นั้นแล้วถือโอกาสแทรกตัวเข้ามาภายในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต

     

    “เฮ้!” ฮาคุริวส่งเสียงไม่พอใจแต่สึรุงิก็ยังหน้าด้านถอดรองเท้าและเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว “อย่าเข้าบ้านคนอื่นตามใจชอบเซ่!

     

    กึก

     

    ร่างโปร่งวางถุงมินิมาร์ตลงบนโต๊ะเล็ก ทำท่าจะเตรียมน้ำดื่มน้ำชาสำหรับมื้อเช้าแสนเรียบง่าย แต่สายตาพลันสะดุดกับถุงซุปเปอร์มาเก็ตที่ตั้งเหี่ยวอยู่ไม่ไกล

     

    “สึรุงิ!” ฮาคุริวเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยความโกรธ อาการเมาค้างสร่างลงในทันใดเมื่อเห็นร่างโปร่งยืนมองกองถุงที่ตั้งบนโต๊ะ  สึรุงิหันกลับมาถามด้วยแววสงสัย

     

    “นายจะทำหม้อไฟ?”

     

    ฉับพลันความรู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่านเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียว  ภาพการใช้ชีวิตเรียบง่ายในครั้งที่ยังมีชูปรากฏขึ้นในความทรงจำ

     

     

     

     

    “หม้อไฟ?” ฮาคุริวคิ้วขมวดเมื่อเห็นหม้อต้มที่ไม่ได้ใช้มานานตั้งอยู่บนโต๊ะข้าว ตามด้วยพวกผักและเนื้อที่วางเรียงอยู่บนจานใหญ่ข้างๆ

     

    “อื้อ เทนมะคุงบอกว่าจะทำต่อเมื่อในโอกาสพิเศษ” ชูอธิบาย ดูท่าทางมีความสุขเสียเต็มประดาจนน่าหมั่นไส้

     

    “แล้ว”ฮาคุริวเว้นช่วง “มันเนื่องในโอกาสอะไรกันล่ะ?” คำถามที่ออกมาทำให้ชูชะงักไปเล็กน้อย  เสเหลือบมองไปทางอื่นด้วยแววมีพิรุธ

     

    จะบอกได้ไงล่ะว่าแค่อยากกินเฉยๆ

     

    “เอ่อ...ก็” คนอยากกินหม้อไฟเถียงนึกหาคำแก้ตัว ฮาคุริวหรี่ตาลงมองคนมีพิรุธด้วยแววจับผิดยิ่งทำให้สมองน้อยๆของชูคิดคำแก้ตัวไม่ออก “เอ่อกะ ก็เนื่องในโอกาสที่ฉันย้ายมาอยู่กับนายไง”

     

    คำแก้ตัวที่โพล่งมาไม่คิดทำให้ฮาคุริวเป็นฝ่ายชะงักก่อนหน้าแดงระเรื่อจางๆจนร่างบางเอียงคอถามด้วยความสงสัย

     

    “ฮาคุริว นายหน้าแดงทำไม?”

     

    “ไม่มีอะไร” ร่างสูงกระแอมกลบเกลื่อนความอาย “เหตุผลน่ะชั่งมันเถอะ ฉันชอบหม้อไฟเหมือนกัน”

     

    “จริงเหรอ!” ชูยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “งั้นวันหลังเรามาทำด้วยกันอีกนะ”

     

     

     

     

    ………”สติกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินสึรุงิพึมพำบางอย่างพลางหยิบของในถุงซุปเปอร์มาเก็ตที่คาดว่าคงถูกตั้งทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมาดมกลิ่นว่าเสียแล้วรึยัง

     

    “เสียหมดแล้ว” คำพูดของสึรุงิทำให้ฮาคุริวรู้สึกหดหู่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “จะให้ทิ้งไหม?” ร่างโปร่งหันกลับมาถาม

     

    ฮาคุริวตัดสินใจอยู่นานก่อนพยักหน้าส่งๆโดยไม่ทันนึกเฉลียวใจว่าของเหล่านั้นมาอยู่ในบ้านตัวเองได้อย่างไร

     

    หลังจากทิ้งของเสียลงขยะเรียบร้อย  สึรุงิเดินเข้าห้องครัวรื้อหาถ้วยชาทำหน้าที่บริการประหนึ่งเป็นเจ้าบ้าน ส่วนเจ้าบ้านตัวจริงที่คุ้นเคยกับการมีคนมาบริการก็เอาแต่นั่งบนโซฟาเงียบๆ ไร้ซึ่งคำพูดระหว่างทั้งสองคน

     

    “วันนี้มีซ้อม” จู่ๆสึรุงิก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ  วางถ้วยชาลงตรงหน้าฮาคุริว ตวัดดวงตาคมขึ้นสบตรงๆราวกับกำลังคาดหวังบางอย่าง

     

    “ฉันไม่ไป” ฮาคุริวตัดบท ยกน้ำชาขึ้นดื่มโดยไม่กลัวว่ามันจะร้อนหรือลวกปาก  สึรุงิกำหมัดแน่นอย่างกลั้นความรู้สึก เค้นเสียงของตัวเองออกมาให้เหมือนเป็นปกติ

     

    “เหรอ...” และบทสนทนาก็จบลง  ความเงียบเริ่มคุกคามเข้ามาอีกครั้ง

     

    ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก

     

    เสียงนาฬิกาที่แขวนบนฝาผนังบอกเวลาเก้าโมงตรง ซึ่งนับว่าเช้ามากสำหรับคนที่พึ่งไปดื่มจนแฮงค์มาเมื่อวาน  ฮาคุริวก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันที่ต้องมานั่งดื่มชาดูทีวีกับคนที่พึ่งตวาดไล่ไปเมื่อวาน

     

    ร่างสูงเหลือบมองคนข้างกายที่กำลังจดจ่อกับการดูทีวีโดยหยิบแซนวิชเข้าปากไปพลาง  ดูเหมือนสึรุงิจะไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรกับเรื่องนั้น ซึ่งแปลว่าเขาไม่จำเป็นต้องเก็บมันมาใส่ใจเช่นกัน

     

    ……” ริมฝีปากคล้ายกับจะเอ่ยบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ในทันที  นัยน์ตาสีส้มจ้องมองเพื่อนคนข้างๆเนินนานจนร่างโปร่งหันกลับมามอง

     

    “มีอะไร?”

     

    “เปล่า” เป็นอีกครั้งที่ฮาคุริวตัดบทไปอย่างรวดเร็ว  แม้จะมีเสียงพูดคุยจากทีวีแต่บรรยากาศโดยรวมก็ยังเงียบจนน่าอึดอัดอยู่ดี

     

    และในที่สุดฮาคุริวก็ทนความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ไหวจึงเอ่ยขึ้น “เมื่อวาน” เว้นช่วงไปเล็กน้อยราวกับกำลังชั่งใจ “นายเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้ฉัน?” ว่าพลางชี้ไปที่เสื้อนอนของตัวเองที่สวมอยู่  สึรุงินิ่งไปก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว

     

    “อืมฉันกับเทนมะช่วยเปลี่ยนให้นายเอง”

     

    “งั้นเหรอ” เมื่อได้คำตอบที่ต้องการ ไม่รู้ทำไมฮาคุริวถึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบางทีเขาอาจต้องการให้อีกฝ่ายตอบว่า เปล่าหรืออะไรสักอย่างเพื่อที่จะได้หวัง

     

    ว่าคนในความฝันยังมีตัวตนอยู่จริง

     

    “ทำไม?”

     

    “แค่สงสัย” ฮาคุริวตอบ เหลือบมองสึรุงิด้วยแววหงุดหงิด “แล้วเมื่อไหร่นายจะกลับ”

     

    งั้นฉันกลับเลยละกัน” สึรุงิตัดสินใจถอยก่อนที่จะลงเอยด้วยการทะเลาะกันเหมือนเมื่อวาน  ร่างโปร่งลุกขึ้นและกลับไปตัวเปล่าโดยบอกลาเพียงสั้นๆ

     

    ฮาคุริวตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองเพียงลำพัง  บรรยากาศเงียบๆทำให้เขารู้สึกตกอยู่ในอารมณ์เศร้าซึมอีกครั้ง

     

    […อย่างที่รู้ๆกันนะคะ วันนี้เป็นวันมงคลอันดีสำหรับคู่บ่าวสาวสุดฮอตที่มาแรงในช่วงนี้ เอาล่ะค่ะท่านผู้ชม ดิฉันมาถึงหน้าห้องเจ้าสาวกันแล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของเธอกันนะคะ]

     

    เสียงของนักข่าวสาวกระตือรือร้นเป็นพิเศษกับการสัมภาษณ์เบื้องหลังก่อนพิธีแต่งงานของดาราสาวชื่อดัง  ภาพหญิงสาวหน้าตาสะสวยสวมชุดพิธีแต่งงานกำลังยิ้มมาให้ทางกล้อง หากเป็นปกติฮาคุริวคงกดเปลี่ยนช่องไปแล้วแต่สิ่งที่เธอสวมอยู่บนศีรษะนั้นทำให้ฮาคุริวฉุดคิดบางอย่างขึ้นมาได้

     

     

     

     

    “ฮาคุริว นี่มันอะไรน่ะ” ชูร้องถามอย่างสงสัยพลางชูผ้าคลุมสีขาวที่ผ่านการทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วให้ร่างสูงได้ดู  ฮาคุริวหันไปมองเหนื่อยๆก่อนเบิกตากว้างกึ่งตกใจ รีบถามกลับแทนที่จะตอบคำถามของชู

     

    “นายไปเอามันมาจากไหน!

     

    “หืม?ในห้องเก็บของน่ะ  ว่าแต่นี่มันใช้ทำอะไรงั้นเหรอ” ร่างบางเอ่ยถาม ดวงตาสีนิลฉายชัดว่าถูกใจในลวดลายลูกไม้ประดับของมัน

     

    “มันเป็นของสำหรับผู้หญิง นายเอามันไปเก็บซะ” ฮาคุริวว่า โบกมือไล่ให้ชูกลับไปทำความสะอาดตามปกติ

     

    “เอ๊ะ หรือจะเป็นผ้าคลุมเจ้าสาว!?” ชูร้องออกมาอย่างตื่นเต้น ใบหน้าหวานฉายแววอ้อนวอนขอร้องเจ้าของบ้าน “ฉันขอใส่ได้ไหม”

     

    “ฟังฉันอีกครั้งนะชู” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ “มันคือของสำ-หรับ-ผู้-หญิง” เน้นชัดๆทีละคำให้เข้าสมองน้อยๆของเด็กบ้านนอกที่ไม่ค่อยจะคิดอะไร

     

    “แล้วผู้ชายใส่ไม่ได้งั้นเหรอ?” ชูถามกลับด้วยใบหน้าใสซื่อแทบทำเอาฮาคุริวยั๊วะขึ้นมาตงิดๆ

     

    ต้องอธิบายยังไงถึงจะเข้าให้ห๊า!!!

     

    “งั้นเหรอในเมืองเขาแยกแยะสิ่งของสำหรับชายหญิงสินะ” ชูพึมพำเบาๆก่อนเล่าถึงเรื่องหมู่บ้านตัวเอง “แต่ที่หมู่บ้านของฉันนะ  จะหญิงหรือชายก็ใส่ได้หมดแหละไม่มีจำกัด  พวกคนในเมืองนี่ยุ่งยากจังแฮะ”

     

    ฮาคุริวมองค้อนเด็กหนุ่มก่อนนึกบางอย่างออก  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเพียงแวบหนึ่งแล้วเลื่อนหายไป “แต่ถ้านายอยากใส่มันก็พอมีวิธีนะ”

     

    “หืม?” ชูหันมามองด้วยความอยากรู้  ฮาคุริวกระแอมเบาๆ เหลือบมองไปนอกหน้าต่างและเอ่ยด้วยใบหน้าที่ติดสีแดงระเรื่อ

     

    “ก็มาเป็นเจ้าสาวของฉันไง”

     

    ชูชะงักไปเล็กน้อย  จ้องตาฮาคุริวเนินนานราวกับเวลาได้ถูกหยุดลงตรงนี้  ฝ่ายฮาคุริวที่ถูกจ้องเป็นคนเบือนหลบไปก่อน เฝ้ารอคำตอบของคนแสนซื่อด้วยแววระทึก แอบกลัวลึกๆว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจในความหมายของสิ่งที่เขาได้เอ่ยออกไป ซึ่งจริงๆแล้วชูในตอนนี้นั้น

     

    เจ้าสาว?

     

    ชูกระพริบตาปริบๆด้วยความงุนงง คำๆนี้เป็นคำที่ยากเกินกว่าเด็กชนบทอย่างเขาจะรู้ได้จึงครุ่นคิดขนานหนักแล้วเอียงคออย่างสงสัยก่อนเอ่ยถามเด็กเมืองกรุงกลับไปว่า

     

    “ถ้าเป็นเจ้าสาวของฮาคุริวก็จะได้สวมไอ้นี่งั้นเหรอ?”

     

    “อะ อืม..” ฮาคุริวตอบ  ชูมองใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดของฝ่ายตรงข้ามสลับกับผ้าสีขาวในมือไปมาก่อนตัดสินใจแล้วตอบกลับไปว่า

     

    “เข้าใจล่ะ  งั้นฉันจะเป็นเจ้าสาวของฮาคุริวนะ!

     

    คำแน่วแน่แทบทำเอาฮาคุริวสำลักความสุขตาย  ร่างสูงยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะและรอยยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถจนตัวสั่น

     

    “ดูนายทำหน้าเข้าสิ” ชูหรี่ตาลงมองอย่างไม่ไว้ใจ “คงไม่ใช่หลอกให้ฉันตกลงอะไรแปลกๆหรอกนะ”

     

    “มะ ไม่ใช่หรอก” ฮาคุริวฝืนพูดให้เป็นเสียงปกติ แต่ก็ยังปกปิดรอยยิ้มบิดเบี้ยวที่เกิดจากการกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่ได้อยู่ดี “มานี่สิ”

     

    ร่างสูงกวักมือเรียกให้ชูไปนั่งลงข้างๆซึ่งร่างบางก็ทำตามอย่างว่าง่ายไม่ท้วงติง  ฮาคุริวเอื้อมหยิบผ้าสีขาวโปร่งในมือและขยับยิ้มบาง เอ่ยกระซิบเสียงเบาจนชูอดใจเต้นด้วยไม่ได้

     

    “หลับตาลง”

     

    ดวงตาสีนิลเงยสบกับนัยน์ตาสีสว่างของร่างสูงอีกครั้งก่อนที่ชูจะยอมปิดตาลงช้าๆ  ในตอนที่ความมืดกำลังปกคลุมโลกของเขานั้นเขาสัมผัสได้ว่าฮาคุริวกำลังทำอะไรบางอย่างกับผมของเขา

     

    ตึกตัก

     

    เสียงหัวใจของตัวเองในตอนนี้เริ่มได้ยินอย่างชัดเจน  ความสุขปริ่มล้นท่วมหัวใจจนอดยิ้มออกมาไม่ได้  เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นอีกครั้งคราวนี้รู้สึกตื่นเต้นกับการรอคอยในคราวนี้

     

    อยากลืมตาเร็วๆจัง

     

    และไม่นานคำภาวนาของชูก็เป็นจริงเมื่อฮาคุริวเลิกยุ่งวุ่นวายกับเส้นผมของเขาแล้วบอกให้ลืมตาขึ้นได้

     

    ผ้าคลุมสีขาวที่คลุมเหนือเส้นผมสีดำสะท้อนอยู่ในดวงตาสีนิลที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย  มือเรียวเอื้อมแตะมันอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวมันบุบสลาย  รอยยิ้มหวานเผยขึ้นอย่างยากจะห้ามอยู่เช่นเดียวกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อจางๆด้วยความตื้นตัน

     

    “สวยจัง”ชูพึมพำด้วยรอยยิ้ม รู้สึกถึงความสุขที่ล้นทะลักออกมาจากดวงใจดวงน้อยๆดวงนี้ “เหมือนในงานพิธีเลยเนอะฮาคุริว”

     

    “อาก็นะ” ฮาคุริวเอ่ยพลางวางกระจกที่ถืออยู่ลงบนโต๊ะใกล้ๆ “เจ้าบ่าวก็มีแล้ว บาทหลวงคงไม่ต้อง ขาดแค่แหวนแล้วก็

     

    “แล้วก็อะไร” ชูตื่นเต้นจนทนไม่ไหวหลุดถามออกไปเรียกรอยยิ้มมีเลศนัยให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮาคุริว

     

    “จูบสาบาน”

     

    สิ้นคำภาพตรงหน้าถูกปดบังโดยใบหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้  เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แม้จะแผ่วเบาแต่ก็อ่อนหวานสื่อถึงความรักแสนบริสุทธิ์ที่มอบให้หมดทั้งหัวใจ

     

    ชูในตอนแรกแสดงอาการตื่นตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่สื่อผ่านทางริมฝีปากร่างบางก็ยอมรับมันแต่โดยดี  ไม่นานจูบสาบานของทั้งสองก็ได้จบลง แต่รสหวานที่ติดอยู่ในริมฝีปากยังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจ

     

    “ฮะๆ ขาดแต่แหวนแต่งงานล่ะนะ” ชูพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเพราะไม่คิดว่าคนอย่างฮาคุริวจะทำอะไรหวานๆแบบนี้เป็นเหมือนกับคนอื่นเขา ฝ่ายคนถูกหัวเราะเพียงแค่เกาศีรษะแก้เขินและลุกเดินหนีไปทางอื่นทิ้งให้ชูนั่งหัวเราะกับนิสัยน่ารักๆของอีกฝ่ายที่ไม่เคยเห็น

     

    “คิกๆ” นิ้วเรียวปาดน้ำตาที่คลอบนดวงตาคู่สวย พลันดวงตาเหลือบเห็นบางอย่างที่ประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย

     

    “ฮาคุริว!” สิ้นความคิดชูรีบลุกพรวดวิ่งตามหาเด็กหนุ่มให้ทั่วบ้าน ก่อนจะพบเจ้าตัวยืนครุ่นคิดบางอย่างอยู่นอกระเบียงทางเดิน  พอร่างสูงหันมาเห็นก็แสดงใบหน้าเหยเกเล็กน้อยก่อนถูกจู่โจมเข้าใส่ด้วยแรงของร่างบางทั้งหมดที่มี

     

    “คิกๆ”ชูหัวเราะออกมาแผ่วเบาด้วยรอยยิ้มที่สดใสกว่าครั้งไหนจนฮาคุริวอดยิ้มตามด้วยไม่ได้  ร่างบางยืดตัวขึ้นให้พอกับระดับความสูงกระซิบถ้อยคำข้างใบหูของอีกฝ่ายแผ่วเบา

     

    “ขอบคุณนะ”

     

     

     

     

    ติ๊ด

     

    รีโมตในมือกดปิดรายการทีวีไร้สาระที่เผลอนั่งดูมาเป็นชั่วโมงก่อนฮาคุริวจะลุกขึ้น ตัดสินใจแต่งตัวให้เป็นเรื่องเป็นราวเตรียมตัวออกจากบ้านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

     

    กึก

     

    ก่อนชะงักลงเล็กน้อยกับแผ่นโน้ตที่ทิ้งไว้เมื่อวาน  ร่างสูงขยำมันทิ้งลงถังขยะใกล้ๆแล้วดึงใบใหม่ขึ้นมาเขียนแปะทับที่เดิมด้วยความเคยชิน

     

    ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังอยากทำ….

     

    ฮาคุริวมองสภาพบ้านที่เงียบเหงาเป็นครั้งสุดท้าย กดล็อกกุญแจและปิดประตูบ้านลงช้าๆโดยไม่ทันสังเกตร่างของใครบางคนที่กำลังยืนมองแสงสว่างเบื้องหน้าที่ค่อยๆริบหรี่ลงด้วยใบหน้าที่เอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตา

     

    “ฮาคุริว

     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    ตอนสองจบลงจนได้  ฟิ้ว!//ปาดเหงื่อ

    ทีแรกกะให้เนื้อเรื่องเป็นเหมือนตอนแรกแต่เปลี่ยนแค่ฮาคุริวเป็นคนดำเนินเรื่อง แต่ไม่เอาดีกว่า!ไม่งั้นมีหวังเรื่องนี้ยืดกว่าเดิมอีกแหงแซ่ะ!

    สารภาพนิดนึงว่าตอนแต่งบทของฮาคุริวจบแล้วอ่านอีกทีเรารู้สึกว่ามันแหม่งๆ ประมาณว่าสำนวนเหมือนไม่ใช่ตอนที่ใช้เขียนในบทของชู  คนอ่านคิดว่ายังไงคะ?เราว่ามันแปลกๆนะอ๊ะ แต่ชั่งมันเถอะ! ที่สำคัญกว่านั้นคือขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^

    Ps.อัพช้าไม่โกรธเรานะ (‘ ^ ’)
     

    อัพ: 04 ส.ค. 56

     



     

     

    Chill Chill

     


     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×