ในค่ำคืนอันเงียบเหงาจันทราสาดส่อง สายลมพัดผ่านหุบเขา ของเมืองไผ่หลิวเมืองแห่งตลาดค้าของเก่าและสุราดี ยามกลางวันผู้คนคลาคล่ำ ต่างจับจ่ายซื้อหาสุราดีเลิศรส บางคนซื้อหาของเก่าหายาก แต่ในเวลากลางคืนนั้นเงียบสนิท มีแค่แสงจันทร์และหมู่ดาวเท่านั้น มันเป็นอย่างนี้มานานหลายปีแล้ว นับตั้งแต่มีงานชุมนุมเหล่าผู้กล้าเมื่อสิบปีก่อน
ใต้หุบผามีข้ากับสุรา บนนภามีจันทรากับหมู่ดาว เป็นคำพูดของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่นั่งดื่มสุราอยู่ใต้หุบเขาเดียวดาย ชายหนุ่มผู้นั่งรำพึงบทกลอนอันสะท้อนให้เห็นถึงความอ้างว้างและหว้าเหว่ในจิตใจของเขา
เฮ้อหลายปีมานี้ข้ามิอาจลืมนางได้เลยสักครั้ง
รุ่งเช้าแสงอรุณสาดส่องแทนจันทรา พืชพันธุ์ธัญญาหารที่ชาวบ้านปลูกไว้ได้ถูกทำนุบำรุงกันตามกิจวัตร ร้านค้า โรงเตี๊ยม ตลาด ได้เปิดให้ผู้คนจับจ่ายกันตามปกติ ที่เมืองไผ่หลิวแห่งนี้นั้นมี โรงเตี๊ยมมากมาย มีอาหารที่แปลกใหม่ทำให้ดึงดูดผู้คนมายังเมืองนี้ได้ไม่ยากนัก
ที่โรงเตี๊ยมซอมซ่อแห่งหนึ่งกลับมีคนแต่งตัวดูมีฐานะร่ำรวยนั่งอยู่ ชายผู้นี้มีผิวขาวราวหยก มีคิ้วที่เข้ม บนใบหน้าของชายผู้นี้จะมองไปตรงไหนก็ดูเหมาะสมไปทุกอย่าง แต่กลับมีสีหน้าที่เป็นทุกข์ยิ่งเหมือนกับว่ากำลังแบกรับเรื่องราวที่ใหญ่หลวงอยู่ก็มิปาน เขามองออกไปยังถนนชานเมืองบ่อยๆแล้วทอดถอนใจทุกครั้งที่มองแม้แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมเองก็ไม่ทราบสาเหตุว่าชายผู้นี้มีเรื่องรีบร้อนอันใดทำถึงดูร้อนใจยิ่งนัก
รอคอยใยมิได้พบที่ได้พบมิได้รอ เสียงของชายหนุ่มที่แต่งตัวซอมซ่อ เนื้อผ้าธรรมดาสามัญ
ใบหน้าที่คม มีคิ้วที่โค้งงอดั่งธนู ผิวพรรณที่ไม่ว่าใครก็คงจะมองออกว่ามันได้รับการบำรุงเป็นอย่างดี มีดวงตาที่เหมาะสมกับใบหน้ายิ่งนักและกระบี่หนึ่งเล่มข้างกาย
ชายหนุ่มผู้แต่งตัวดูมีฐานะร่ำรวยนั้นพอได้ยินประโยคนั้นกลับแสดงสีหน้าที่ให้ความรู้สึกหดหู่และเป็นทุกข์เข้าไปยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
คนตายมิอาจฟื้นข้ายังรอ.. เสียงของชายหนุ่มผู้แต่งตัวดูดีมีฐานะเปล่งออกมานั้น ดูโศกเศร้า อ้างว้าง เจ็บปวด เป็นอย่างมาก
คุณชายผิง..ท่านมานั่งรอแม่นางรึ ชายหนุ่มซอมซ่อถามออกไปอย่างเปิดเผย
ข้า. ทันใดนั้นชายหนุ่มที่แต่งตัวดูมีฐานะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าโรงเตี๊ยมแล้วหายไปกับผู้คนบนถนนของเมืองไผ่หลิวอย่างไร้ร่องรอย แต่ว่าคนธรรมดาคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้มีเพียงชายหนุ่มซอมซ่อเท่านั้นที่สามารถมองออกได้
ที่รอใยมิได้พบที่พบใยมิได้รอ เรื่องราวมันเป็นเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว แต่กลับยังมีผู้คนมิอาจลืมเรื่องเล่านั้นได้อยู่อีกรึ นึกว่ามีเพียงข้าที่ยังลืมความหลังครั้งนั้นไม่ได้..มันช่าง.. ชายหนุ่มซอมซ่อเทเหล้าแล้วกระดกกินด้วยความขมขื่นอยู่พักหนึ่ง ไม่นานได้มีเสียงฝีเท้าที่มีพลังยิ่งนักเดินเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้
สุราแม้จะมีรสชาติดีเลิศเพียงใดหากผู้ที่ดื่มมันอยู่ มีจิตใจ อารมณ์ ที่ทุกข์และขมขื่น ต่อให้ดื่มกับนารีที่สวยงามเพียงใดก็ไร้ซึ่งความสุข เสียงของชายหนุ่มร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมนั้นคำพูดของเขาจงใจให้มันไปสะกิดแผลใจของชายหลายๆคนรวมถึง ชายหนุ่มที่แต่งตัวซอมซ่อนั้นด้วย
ฟางยี้เหมินกระบี่พเนจรใยท่านถึงทำตัวเช่นนี้เล่า ท่านนึกถึงแต่อดีต เรื่องราวเมื่อสิบปีก่อนท่านเองไม่ใช่รึที่ทำให้.. ชายหนุ่มซอมซ่อพูดแทรกขึ้น
เรื่องราวผ่านพ้นคนลืมเลือนใยต้องรื้อฟื้นกันอีกมิสู้ดื่มสุราหาความสุขให้ชีวิตไม่ดีกว่ารึหรือท่านคิดว่าอย่างไร ฝ่ามือเก้าพิษ เอี๋ยฟง ฟางยี้เหมินถามกลับไปอย่างเปิดเผย
ความคิดเห็น