NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่แท้อยู่หนใด 1

    ลำดับตอนที่ #3 : เอ็นดู

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 66


    ตอนที่ 3 เอ็นดู

     

    พอกลับมาถึงบ้านหลังจากไปหาซื้อหนังสือกันกับเลโอ เพื่อนสนิทคนเดียวที่เขตแดนมี เขาก็เห็นมีรถแปลก ๆ จอดอยู่ที่โรงรถก็พอจะเดาได้ว่าคงเป็นรถของน้าเอม ภรรยาคนใหม่ของพ่อที่เขตแดนก็เคยเจอกับน้าเอมหลายครั้งก่อนหน้าที่เขาทั้งสองจะตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน

     

    สำหรับเขตแดนเอง เรื่องที่พ่อจะมีครอบครัวใหม่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะเรื่องราวของพ่อกับแม่ตอนนี้เขาก็โตมากพอที่จะเข้าใจอะไรต่าง ๆ ได้ดีแล้ว น้าเอมเองก็เป็นผู้หญิงเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน ดูเป็นคนซื่อและจริงใจ เขาจึงไม่มีปัญหาเมื่อพ่อเอ่ยปากเรื่องของน้าเอม

     

    เขตแดนเดินเข้าประตูบ้านที่เปิดอยู่ตรงไปที่ห้องนั่งเล่นกลางตัวบ้าน ก็เห็นน้าเอมและพ่อนั่งอยู่ก่อนแล้ว

     

    “สวัสดีครับน้าเอม”

     

    เขตแดนกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวอีกคน พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ตามแบบฉบับของเจ้าตัว

     

    “สวัสดีค่ะคุณเขต จากนี้ไปน้าต้องรบกวนคุณเขตกับคุณพ่อแล้วนะคะ”

     

    “ไม่เป็นไรเลยครับน้าเอม ผมยินดีมาก ๆ ต่อไปครอบครัวเราคงไม่ค่อยเงียบเหงาแล้วนะครับพ่อ”

     

    เมื่อเห็นน้าเอมเอ่ยออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจ เขตแดนก็รีบแสดงการต้อนรับอย่างจริงใจออกไปทันทีเพราะกลัวว่าน้าเอมจะเกร็งในการอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน เขาอยากให้ทุกคนใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข หากพ่อจะมีความสุขเขาก็คงจะยินดีด้วยเป็นอย่างยิ่ง

     

    “อ้อ แล้วต่อไปแกก็จะไม่เหงาแล้วเหมือนกันนะ เพราะแกมีน้องชายเพิ่มขึ้นอีกคนด้วย น้องอยู่ข้างบนแน่ะห้องติดกับแกนั่นแหละ”

     

    คุณสิงหาเอ่ยพร้อมกับยิ้มอย่างยินดี วันนี้ดูเหมือนเขาจะแสดงสีหน้ามีความสุขกว่าทุกวันซึ่งอันนี้เขตแดนก็รู้สึกได้ เขาจึงพยักหน้าและยิ้มให้กับพ่อและน้าเอมอีกครั้ง ก่อนจะเดินตรงไปที่บันไดเพื่อขึ้นชั้นบน

     

    “สักหกโมงลงมาทานข้าวนะลูก”

     

    สิงหาตะโกนตามหลังลูกชายไป นี่เป็นเรื่องปกติของเขตแดน หากอยู่บ้านส่วนใหญ่ก็จะขลุกอยู่แต่ในห้องของตัวเอง จะออกมาก็ช่วงเวลาทานข้าวแค่นั้น หรือไม่ก็หากว่าพ่อมีเรื่องจำเป็นที่จะคุยด้วย

     

    พอก้าวเท้าขึ้นชั้นบนเดินไปถึงหน้าห้องที่พ่อบอกว่าลูกชายของน้าเอมอยู่ที่ห้องนี้ ซึ่งเป็นห้องติดกับห้องของเขานั่นเอง เขตแดนจึงหยุดแล้วจ้องมองไปที่ประตู ก่อนที่จะมีใครอีกคนจากด้านในเปิดประตูออกมาพอดิบพอดี

     

    ต่างคนต่างจ้องมองกันนิ่งไปชั่วขณะ เขตแดนเห็นเด็กผู้ชายผิวขาวหน้าเรียวยาว ผมสีน้ำตาลเข้ากับสีผิว ดวงตาคมยาวรีสีน้ำตาลแดงเปล่งประกายวาววับ ขนตายาวงอนเป็นแผง จมูกโด่งเรียวเล็ก ปากบางได้รูปมองโดยรวมหน้าหวานราวกับผู้หญิง ทำให้เขตแดนชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนที่เด็กคนนั้นจะเอ่ยปากทักเขา พอเขตแดนรู้สึกตัวก็รีบเดินตรงเข้าห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว

     

    “บ้าเอ๊ย....ทำไมต้องตกใจรีบเดินหนีวะ”

     

    เขตแดนสบถบ่นตัวเองหลังจากปิดประตูแล้วมายืนอยู่กลางห้อง หมุนไปมาโดยลืมตัวไปชั่วขณะว่าตัวเองบกพร่องกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดีหรือเปล่าที่เสียมารยาทเดินหนีโดยไม่ยอมทักทายอีกคนแม้แต่คำเดียว

     

    ก่อนจะสะบัดหน้าไปมาแล้วเดินเอาหนังสือที่ซื้อมา ไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง จากนั้นจึงทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนเงยหน้ามองความว่างเปล่าบนเพดาน พลางคิดถึงใบหน้าขาวของอีกคนที่พึ่งเจอเมื่อกี้นี้

     

    “พ่อบอกว่าชื่ออะไรนะ....อ๋อ โอมเพี้ยง หึหึ ก็น่าเอ็นดูเข้ากับหน้าดีนะ”

     

    เขตแดนหัวเราะในลำคอเมื่อคิดถึงชื่อและใบหน้าหวาน ๆ ของอีกคน ก่อนจะเผลอหลับไปด้วยความเพลียจากการไปเดินทั่วห้างตามคำขอร้องของเพื่อนรัก รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบห้าโมงครึ่งจึงได้ลุกไปล้างหน้าล้างตา กะว่าจะเดินลงไปข้างล่างน่าจะใกล้ได้เวลาทานมื้อค่ำแล้ว วันนี้มีแขกด้วยก็เลยจะลงไปเร็วหน่อย พอเขาเอื้อมมือดึงประตูเปิดออก ก็เจอเข้ากับหนุ่มน้อยหน้าหวานเข้าอีกครั้ง

     

    “อ๊ะ พี่เขตแดน...มะ แม่ให้มาตามไปกินข้าวครับ”

     

    คนที่ยืนประจันหน้ากัน เอ่ยกับเขตแดนขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก แถมยังไม่กล้าสบตาของเขาอีกด้วย ท่าทางเกร็งจนมือไม้บีบกันแน่น หน้าเริ่มซีดเหมือนไก่ต้มจากที่ขาวอยู่แล้ว เห็นแล้วเขาก็นึกขำคงจะกลัวเขามาก เลยคิดอยากจะแกล้งคนหน้าหวานตรงหน้าสักหน่อย

     

    “ก็ไปสิ แล้วจะยืนขวางทำไม”

     

    เขตแดนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็ง ๆ จนคนน้องรีบเงยหน้ามองด้วยสายตาสั่นระริกด้วยความกลัว

     

    “คะ ครับ ขอโทษครับ”

     

    โอมเพี้ยงละล่ำละลักบอก ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบจากหน้าประตูเพื่อให้เขตแดนเดินนำลงไปก่อน แต่คนพี่พอดึงประตูปิดแล้วกลับยืนนิ่งเฉยไม่ยอมเดินลงไปเสียที ต่างคนต่างนิ่งจนบรรยากาศมันดูเงียบวังเวงพิลึก

     

    “แล้วจะยืนอีกนานมั้ย ทำไมไม่เดินลงไปเสียทีล่ะ”

     

    เขตแดนหันมาทำตาดุเสียงดุใส่โอมเพี้ยงอีกครั้ง ไม่ต้องบอกซ้ำเขารีบเดินจ้ำอ้าวนำหน้าคนพี่ลงไปก่อนจนแทบจะดูเหมือนวิ่ง เขตแดนเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามลงไป

     

    พอเขาเดินไปถึงโต๊ะอาหาร ก็เห็นทุกคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับคนน้องที่พึ่งวิ่งลงมาก่อนหน้าเขาที่ตอนนี้ทำหน้าเบะเหมือนจะร้องไห้ แววตาคลอด้วยน้ำใส ๆ เงยมองหน้าเมื่อเขาเดินมาถึงแล้วก็รีบหลบตาทันที

     

    “อะไรของแกเจ้าเขต นี่แกล้งอะไรน้อง ทำไมน้องดูกลัวลนลานขนาดนี้”

     

    พอเขานั่งลงที่โต๊ะ ผู้เป็นพ่อก็เอ่ยปากถามทันที คงจะเห็นแล้วล่ะว่าอีกคนทำท่าตื่นกลัววิ่งลงมาจากชั้นบน

     

    “พ่อก็พูดไป ผมจะไปแกล้งอะไรเขาทำไม”

     

    เขตแดนพูดพร้อมกับทำหน้านิ่งเฉย แต่สายตาก็ยังแอบชำเลืองมองคนตัวเล็กหน้าหวานที่เอาแต่หลบหน้าไม่ยอมสบตาเขา

     

    “เอาเถอะค่ะพี่สิงหา คุณเขตคงไม่ได้จะแกล้งโอมหรอกค่ะ เขาคงแค่ยังไม่ชินกับคุณเขตเท่านั้นเอง เดี๋ยวก็ค่อยทำความรู้จักกันนะคะ ยังไงน้าฝากเอ็นดูน้องด้วยนะคะคุณเขต”

     

    “ครับน้าเอม ผมคงแค่เสียงดังไปหน่อยน้องเลยกลัว เดี๋ยวต่อไปผมจะพูดเบา ๆ กับน้องก็แล้วกันครับ”

     

    พอได้ยินคนพี่พูดเช่นนั้น โอมเพี้ยงจึงได้ค่อย ๆ ชำเลืองมองหน้าเขตแดน พร้อมกับเม้มปากทำตาปริบ ๆ จนเขารู้สึกว่าแก้มใส ๆ นั่นช่างน่าหยิกแรง ๆ สักทีให้ร้องไห้ คงเหมือนเด็กตัวน้อย ๆ ร้องไห้แง ๆ เลยทีเดียว คิดแล้วก็ได้แต่นึกขำในใจ เมื่อพูดคุยกันเข้าใจแล้ว ทุกคนก็ต่างพากันลงมือทานมื้อเย็นร่วมกันฉลองเล็ก ๆ ในครอบครัวใหม่ไปพร้อมกับพูดและหัวเราะกันอย่างอบอุ่น

     

    .................................

     

    อิพี่เห็นหน้าน้องแล้วคงนึกมันเขี้ยวล่ะสิ ยังไงช่วยเมนต์ให้กำลังใจน้องโอมเพี้ยงหน่อยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×