คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เขตแดน
ตอนที่ 2 เขตแดน
“อื้อฮือ น่ารักจังเลย ทำไมลุงสิงหารู้ว่าเราชอบสีชมพู แถมมีน้องตุ๊กตาสีชมพูตั้งหลายตัวแน่ะ”
โอมเพี้ยงรีบวิ่งตรงไปที่เตียงนอน เมื่อเห็นเตียงนอนขนาดสามจุดห้าฟุตปูด้วยผ้าปูลายกระต่ายน้อยสีชมพู แถมยังมีน้องตุ๊กตาวางอยู่อีกสองสามตัว โอมเพี้ยงจึงรีบกระโดดขึ้นเตียงพร้อมกับอุ้มตุ๊กตาขึ้นมากอดแรง ๆ อย่างถูกอกถูกใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“โอม แม่กับลุงสิงหาลงไปข้างล่างแล้วนะลูก เก็บของเสร็จแล้วตามลงไปนะ”
“ครับแม่”
แม่ตะโกนบอกมาจากด้านหน้าห้อง ซึ่งโอมเพี้ยงก็ตอบรับแม่กลับไปทันที ก่อนจะล้มตัวลงนอนเกลือกกลิ้งบนที่นอนพร้อมกับฟัดตุ๊กตานุ่มนิ่มในอ้อมกอดจนหนำใจ จึงลุกเดินไปจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เรียบร้อย
“เสร็จแล้ว ลงไปหาแม่กับลุงสิงหาดีกว่า”
เมื่อจัดข้าวของเรียบร้อย พร้อมกับชื่นชมห้องของตัวเองจนเป็นที่พอใจแล้ว โอมเพี้ยงจึงคิดจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อจะได้พูดคุยกันต่อ เพราะเขากับแม่เองก็ถือว่ามาเป็นผู้อาศัย คงต้องคุยและทำความเข้าใจกันและปรับตัวให้เข้ากับคนที่อยู่ก่อนด้วย
ว่าแล้วโอมเพี้ยงก็หมุนลูกบิดพร้อมกับดึงประตูเปิดเข้ามาด้านใน พอประตูเปิดออก เขากลับพบใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู ผู้ชายตัวสูง อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเขา ร่างกายกำยำตามวัยหนุ่ม สายตาคมกริบหน้าตานิ่งเฉยกำลังจ้องมองมาที่โอมเพี้ยง จมูกโด่งเป็นสันและผมสีดำขลับตัดรับกับใบหน้า ช่างดูหล่อคมและน่าอิจฉาไม่น้อย
“เอ่อ....สวัสดีครับ ผมชะ....”
โอมเพี้ยงทักทายยังไม่ทันจบ พ่อหนุ่มสุดหล่อตาคมหน้านิ่งก็ใช้หางตามองมาที่โอมเพี้ยงก่อนจะเดินผ่านไปยังห้องที่อยู่ติดกับห้องของเขา แล้วเปิดประตูเข้าห้องไปโดยที่ไม่ได้หันมาสนใจเขาอีกแม้แต่น้อย
“อะไรอะ คนอุตส่าห์ทัก จะยิ้มให้สักนิดก็ไม่มี คงจะเป็นลูกชายของลุงสิงหาสินะ”
โอมเพี้ยงยู่หน้ามองประตูหน้าห้องข้าง ๆ ที่อีกคนเดินหายเข้าไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้ หน้าตาก็หล่อดีไม่น้อย แต่นิสัยดูแล้วไม่รู้จะเป็นยังไง จะสามารถเข้ากันและอยู่ด้วยกันได้ไหม คิดแล้วเขาก็ได้แต่ทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันหน้าเดินลงบันไดไปยังชั้นล่าง ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“อ้าว โอมเพี้ยงจัดของเสร็จแล้วเหรอลูก มา ๆ นั่งคุยกันกับลุงก่อน อืม เมื่อกี้พี่เขตแดนกลับมาจากข้างนอกแล้วนะ ขึ้นห้องไปตะกี้นี้เองเลยไม่ได้เจอกัน เดี๋ยวมื้อเย็นลุงจะแนะนำให้รู้จักกันอีกทีนะ”
“เมื่อกี้โอมเปิดประตูออกมาเจอพี่เขาพอดีครับ ยังไม่ได้ทักทายกันเลย พี่เขาก็รีบเดินเข้าห้องไปก่อนแล้วครับ”
โอมเพี้ยงนั่งลงที่โซฟากลางห้องโถงตรงข้ามกับแม่และลุงสิงหาที่นั่งดูทีวีอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะบอกออกไปพร้อมกับยิ้มแหย ๆ
“อ้าว เจอพี่เขาแล้วเหรอ พี่เขตแดนเขาก็เป็นคนแบบนั้นเอง เป็นคนนิ่งเฉย ไม่ค่อยชอบยุ่งหรือคุยกับใครชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ก็จะลักษณะคนโลกส่วนตัวสูงนิดหน่อย แต่ความจริงแล้วพี่เขาก็ไม่ได้เป็นคนนิสัยไม่ดีอะไรหรอกนะลูก แค่จะเป็นคนขี้รำคาญหน่อยนึง ฮ่าๆๆ”
“อ๋อ ครับ ถ้าอย่างนั้นโอมจะระวังไม่ทำให้พี่เขารำคาญนะครับ”
“เออ เอมจะย้ายโรงเรียนให้โอมมาอยู่โรงเรียนเดียวกันกับเจ้าเขตไหมล่ะ โรงเรียนเดิมทางบ้านเอมมันไกลนะสงสารลูกต้องเดินทางไกล ๆ กว่าจะไปกลับถึงบ้าน พี่ว่าย้ายดีกว่านะ อย่างน้อยจะได้มีเพื่อนไปกลับพร้อมกันกับเจ้าเขต”
ลุงสิงหาเอ่ยถามแม่ขึ้นอย่างเป็นห่วงโอมเพี้ยง เพราะโรงเรียนเดิมที่เรียนอยู่ มันคนละทางกับบ้านของลุงสิงหา ซึ่งการจราจรในกรุงเทพก็ต่างรู้ดีว่ามันติดขัดขนาดไหน คงต้องเผื่อเวลาในการเดินทางอีกไม่น้อยกว่าจะถึงโรงเรียน
“โอมบอกว่าอยากขอเรียนที่เดิมให้จบเทอมนี้ก่อนค่ะ ไม่อยากจะย้ายกลางเทอมกลัวเป็นปัญหากับการเรียน อีกแค่สองเดือนเองทนเอาก่อนนะลูก”
แม่พูดกับลุงสิงหาก่อนจะหันหน้ามาบอกโอมเพี้ยง ซึ่งเขาเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเพราะกลัวจะเป็นปัญหาหลาย ๆ อย่าง เอาไว้รอย้ายเข้าเทอมสองทีเดียวดีกว่า จากนั้นลุงสิงหาก็ได้เล่าเกี่ยวกับตัวเขาเองกับลูกชายคนเดียวให้เขากับแม่ฟัง เพื่อที่จะได้เข้าใจกันและปรับตัวใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกันต่อไป
ลุงสิงหาเล่าว่า เขากับแม่ของพี่เขตแดนตัดสินใจเลิกราและแยกทางกันสี่ปีแล้วด้วยเหตุผลส่วนตัวของทั้งสองคน โดยแม่ของพี่เขตแดนได้เดินทางไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่แยกทางกัน
แต่ความเป็นพ่อแม่ของพวกเขาก็ยังคงเหมือนเดิม ลุงสิงหาเป็นคนรับเลี้ยงดูลูกชายเอง เพราะว่าตอนนั้นอดีตภรรยาของเขาจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศและคงไม่สะดวกหากต้องมีลูกไปด้วย พี่เขตแดนจึงอยู่กับพ่อแค่สองคนตั้งแต่นั้นมา
หลังจากนั้น แม่ของพี่เขตแดนพองานเริ่มเข้าที่เข้าทาง เขาก็ส่งค่าใช้จ่ายให้ลูกชายมาโดยตลอด อาจจะไม่ทุกเดือนแต่ก็ส่งมาไม่เคยขาดเพราะรู้ดีว่าเด็กยิ่งโตค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมไปถึงค่าเล่าเรียนก็ต้องเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว
ส่วนพี่เขตแดนเอง เขาก็โทรคุยกับแม่อยู่เป็นระยะ ๆ ถึงจะแยกกันอยู่แต่ความเป็นแม่ลูกก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
โอมเพี้ยงได้รับรู้เรื่องราวของคนพี่ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ครอบครัวที่แยกทางกันดี ตอนนั้นพี่ก็คงจะเป็นแค่เด็กมัธยมต้นอาจจะยังไม่เข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่มากพอ เลยทำให้กลายเป็นคนนิ่งเงียบขรึมไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
“เดี๋ยวแม่เข้าครัวทำอาหารเย็นเลยดีกว่า โอมไปช่วยแม่ไปลูก เสร็จแล้วจะได้ไปเรียกพี่เขตมากินข้าวพร้อมกัน”
“ครับแม่”
ว่าแล้วทั้งเขาและแม่ก็พากันเข้าครัว วันนี้แม่บอกว่าจะทำกับข้าวหลายอย่างเป็นพิเศษหน่อย ถือเป็นการฉลองเริ่มต้นครอบครัวใหม่ และทำความคุ้นเคยกับคนในครอบครัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นกับลุงสิงหาเองหรือแม้แต่กระทั่งกับพี่เขตแดน
จนเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ ทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย โอมเพี้ยงกับแม่ช่วยกันยกกับข้าวมาจัดวางบนโต๊ะจนแทบจะเต็มพื้นที่ โดยมีลุงสิงหาจัดเตรียมเครื่องดื่มไว้สำหรับฉลองมื้อค่ำนี้ด้วย
“โอม ไปตามพี่เขตมาทานข้าวได้แล้วลูก”
พอได้ยินแม่บอกเช่นนั้น เขาเองก็รู้สึกประหม่า นึกถึงสายตาคมกริบเฉยเมยนั้นก็ทำให้นึกขยาดได้ไม่น้อย จะโดนอีกคนดุกลับมาหรือเปล่าก็ไม่รู้
ว่าแล้วโอมเพี้ยงก็ค่อย ๆ ก้าวเดินขึ้นบันไดไปด้วยสีหน้าหวาดหวั่น มือไม้เย็นเฉียบ แต่กระนั้นก็ยังเดินต่อไปจนถึงหน้าห้องของอีกคนก่อนจะหยุดยืนแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ กำมือยกขึ้นกำลังจะเคาะลงไปที่ประตู แต่แล้วจู่ ๆ ประตูก็เปิดออก
แอ๊ดด.......
.....................................
ตายแล้ว อิน้องแทบกลั้นหายใจ กลัวอิพี่มันจะดุเอา มาช่วยเป็นกำลังใจให้น้องกันด้วยนะคะ ส่งแรงใจได้โดยการคอมเมนต์พูดคุยกันด้วยน้า..
ความคิดเห็น