คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ครอบครัวใหม่
ตอนที่ 1 ครอบครัวใหม่
แกร๊ก...ปึก
มือเรียวเอื้อมไปที่มือจับประตูด้านในรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของแม่ ก่อนจะดึงและดันมันเปิดออก พร้อมกับยื่นขาเรียวยาวภายใต้กางเกงขายาวผ้าฝ้ายสีครีมทรงลุงที่ชอบใส่แบบสบาย ๆ ก้าวลงจากตัวรถและปิดประตูลงเบา ๆ
ผู้เป็นแม่เปิดประตูก้าวลงไปก่อนแล้ว หลังจากขับรถเข้ามาจอดและหยุดตรงบริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งก็ถือว่าหลังใหญ่กว่าบ้านเดิมที่เคยเช่าอยู่ไม่น้อย โอมเพี้ยง ยืนมองตรงไปยังตัวบ้านที่ตอนนี้มีผู้ชายวัยกลางคนกำลังส่งยิ้มและเดินตรงมายังพวกเขา
“เป็นยังไงบ้างเอม โอมเพี้ยง บ้านลุงพอจะอยู่ด้วยกันได้ไหม”
คุณลุงสิงหาเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มให้แม่ และหันมาถามโอมเพี้ยงที่ได้แต่ยืนยิ้มน้อย ๆ ให้ลุงสิงหา
“สำหรับเอมถือว่ากว้างขวางเลยล่ะค่ะ แต่ความจริงเรื่องนั้นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเอมกับลูกหรอกค่ะ เราเคยอยู่กันง่าย ๆ ขอแค่สบายใจก็พอ”
“โอมเพี้ยงล่ะลูก ลุงหวังว่าเราจะชอบและมีความสุขในการใช้ชีวิตเป็นครอบครัวเดียวกันกับลุงนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะลูก”
ลุงสิงหามองหน้าโอมเพี้ยงด้วยความเอ็นดูประดุจลูกคนหนึ่ง สายตาจริงจังเมื่อยามพูดกับแม่และโอมเพี้ยง เขาสัมผัสได้ว่าลุงสิงหามีความจริงใจให้กับพวกเขาทั้งสองคนจริง ๆ
“ลุงสิงหาไม่ต้องห่วงโอมนะครับ ผมรู้ว่าแม่คิดดีแล้วถึงตัดสินใจเลือกลุงสิงหาเข้ามาในชีวิตพวกเรา ผมดีใจนะครับที่จะมีลุงสิงหาเป็นคนในครอบครัวอีกคนหนึ่ง”
“ใครบอกล่ะว่าจะมีแค่ลุงคนเดียว โอมเพี้ยงยังมีพี่ชายเพิ่มขึ้นอีกคนด้วยนะ”
ลุงสิงหาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง โอมเพี้ยงจึงหันไปมองหน้าแม่พร้อมกับทำ สีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม เรื่องนี้แม่ไม่เคยบอกโอมเพี้ยงมาก่อนว่าลุงสิงหามีลูกชายอยู่ด้วยคนหนึ่ง
“เอาเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ เข้าบ้านกันเถอะลุงเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วลูก”
ทั้งลุงสิงหา แม่ และโอมเพี้ยงจึงช่วยกันขนข้าวของลงจากรถ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวมากกว่า ส่วนข้าวของอื่น ๆ แม่ไม่ได้ขนมาด้วยตัดสินใจขายให้คนเช่าบ้านต่อไปเลยเพราะที่บ้านของลุงสิงหาทุกอย่างก็มีครบอยู่แล้ว
โอมเพี้ยง ภันเต สุทธิสาคร อายุ 16 กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในโรงเรียนรัฐชื่อดังแห่งหนึ่ง เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวซึ่งมีแค่แม่เพียงคนเดียว ส่วนพ่อป่วยและเสียชีวิตไปตั้งแต่โอมเพี้ยงอายุเพียง 12 ปี
ความยากลำบากทุกอย่างจึงตกมาอยู่ที่แม่เพียงคนเดียว พ่อและแม่ต่างไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เนื่องจากต่างคนก็เกิดมาในครอบครัวที่ต้องดิ้นรนขวนขวายเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ พอสิ้นพ่อแม่ทั้งคู่ก็เปรียบเสมือนคนไร้ญาติขาดมิตร มีเพียงแค่สองคนที่ร่วมกันสร้างครอบครัวมาด้วยกัน
ดีว่ายังพอมีความรู้ติดตัว พ่อกับแม่ทำงานหนักตั้งแต่เด็กและพยายามส่งเสียตัวเองให้ได้เรียนสูง ๆ ก็เพื่อหวังว่าอนาคตจะได้มีความรู้ไว้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้สุขสบายบ้าง
พ่อกับแม่ได้เจอกันตั้งแต่ตอนไปฝึกงานในปีสุดท้ายก่อนเรียนจบ ด้วยความที่พวกเขามาจากพื้นฐานทางครอบครัวค่อนข้างคล้ายกัน จึงสามารถเข้าใจกันได้ง่ายในทุก ๆ เรื่องจนกระทั่งกลายเป็นความรัก
พอเรียนจบพวกเขาก็ไปทำงานที่เดียวกันจนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ทั้งสองจึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันท่ามกลางความเรียบง่ายที่ทั้งสองคนคุ้นเคยในชีวิตอยู่แล้ว จนได้ให้กำเนิดลูกชายนั่นก็คือโอมเพี้ยงนั่นเอง
พ่อกับแม่รักและตั้งใจเลี้ยงโอมเพี้ยงมาอย่างดีที่สุดเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ทำให้โอมเพี้ยงเติบโตมาด้วยความรัก ไม่ได้รู้สึกขาดอะไรแม้ครอบครัวจะอยู่ในสภาพที่ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนคนอื่น ๆ เท่าใดนัก
จนกระทั่งโอมเพี้ยงอายุ 11 ปี พ่อเริ่มล้มป่วยด้วยโรคร้าย และต้องทำการรักษาตัว ทำให้ค่าใช้จ่ายต้องเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย แรก ๆ พ่อก็ยังสามารถทำงานได้ และไปพบแพทย์รักษาตัวตามนัด แต่นานวันเข้าร่างกายของพ่อก็เริ่มไม่ไหวจนต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่เพื่อพักรักษาตัว
ภาระทุกอย่างจึงมาตกอยู่ที่แม่ บ้านที่ทั้งคู่ตั้งใจซื้อและผ่อนหวังว่าอนาคตจะได้เป็นสมบัติให้ลูกชายคนเดียว แต่สุดท้ายแม่ก็รับภาระไม่ไหวจึงตัดสินใจขายและพากันไปเช่าบ้านอยู่เพื่อลดภาระลง
แล้วทุกอย่างก็ถึงจุดหักเหของชีวิตอีกครั้ง เมื่อพ่อที่รักษาตัวอยู่เป็นปี อดทนกับโรคที่มันรุมเร้ากัดกินสุขภาพทุกวันไม่ไหว พ่อจึงได้จากแม่และโอมเพี้ยงไปอย่างสงบ กว่าแม่กับเขาจะทำใจเรื่องของพ่อได้ก็ใช้เวลาไม่น้อยเหมือนกัน
จากวันนั้นซึ่งก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แม่และโอมเพี้ยงก็สามารถทำใจได้แล้ว แต่สำหรับพ่อก็ยังจะอยู่ในความทรงจำของแม่และโอมเพี้ยงตลอดไป จนวันนี้แม่ได้เปิดใจรับใครอีกคนเข้ามาในชีวิต เพื่อหวังว่าจะเป็นเพื่อนคู่คิดและดูแลกันเมื่อยามแก่ชรา
“โอมเพี้ยงอยู่ห้องนี้นะลูก ส่วนห้องลุงกับแม่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้ เดี๋ยวเก็บของเสร็จเราลงไปนั่งคุยกันข้างล่างนะลูก”
ลุงสิงหาบอกกับเขา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเปิดประตูฝั่งตรงข้ามแล้วเอากระเป๋าเข้าไปเก็บเช่นกัน โอมเพี้ยงจึงยื่นมือไปบิดลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปข้างในห้องที่ลุงสิงหาบอกว่าห้องนี้เป็นของเขา
“อื้อหือ น่ารักจังเลย ทำไมลุงสิงหารู้ว่าเราชอบสีชมพู แถมมีน้องตุ๊กตาสีชมพูตั้งหลายตัวแน่ะ”
........................................
สวัสดีทักทายกันอีกครั้งนะคะ ไรต์จะลงให้อ่านทุกวันเช่นเดิมนะคะ หากชื่นชอบอย่าลืมกดเข้าชั้น กดสติ๊กเกอร์ กดคอมเมนต์ เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้าาา
ความคิดเห็น