ตอนที่ 5 : ✖ EP.3✖
“หวางจื่อเถา!!”
เสียงนั้นกำลังดังก้องไปทั่วโสตประสาตของการรับรู้ที่อยู่ในตัวของร่างที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนอนสีดำขนาดใหญ่ที่ตัดกับสีผิวอันขาวสะอาดพร้อมกับใบหน้าที่ถูกออกมาแบบมาให้ผสมสนานในความหล่อและความสวยอย่างลงตัว โสตประสาตการรับสูงสั่งงานไปยังม่านตาให้เปิดขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาสีเหลืองนวลที่ชวนหลงใหลก่อนจะแปลเปลี่ยนเป็นสีนิล กลิ่นของดอกกุหลาบและไอเย็นตลบอบอวลอยู่โดยรอบของห้องนอนขนาดใหญ่ในประสาตที่ตั้งอยู่ในป่าลึกของ เมืองทรานซิลวาเนียร์
มืออันแข็งแกร่งของร่างสูงยันพื้นที่นอนเพื่อให้ตนเองได้ลุกขึ้นมาพิงกับหัวเตียง สายตาคมไล่มองไปยังบริเวณห้องของตนเองที่ถูกตกแต่งไว้เพียงแค่สีขาวและดำจะมีก็แค่ดอกกุหลาบสีแดงเท่านั้นที่ถูกตกแต่งอยู่ให้ห้องนี้ ถึงแม้มันจะแห้งเหี่ยวไปตามกาลเวลาจนไม่เหลือความสดของสีแดงแล้วก็เถอะ เพราะตั้งแต่ที่คนทรยศคนนั้นหนีไปได้...ดอกไม้ที่ถูกปักลงแจกันสีดำก็ไม่เคยถูกเปลี่ยนอีกเลย...
‘นายจะไม่มีวันหนีไปจากฉันได้
ลองหนีดูสิ ไม่ว่านายจะอยู่ที่ไหน
ฉันก็จะหานายเจอ’
ปากที่สวยได้รูปบ่นพึมพำราวคล้ายบริกรรมคาถาอย่างไงอย่างงั้นกับตัวเองเพียงลำพังพร้อมกับแสยะยิ้มสะใจราวกับได้รับชัยชนะ
“หนีต่อไปสิ...หนีไปเลย..ต่อให้หนีให้ตายยังไงเราก็จะได้เจอกัน หวางจื่อเถา”
เคยบอกไปแล้วนี่ ว่าถ้าใครเรียกชื่อจริงของเด็กนั่นเมื่อไหร่ ตัวเขาก็จะหาเจ้าเด็กหน้าเหวี่ยงนั่นจนเจอ ต้องขอบคุณจริงๆกับผู้ที่เผลอเรียกชื่อจริงๆของสัตว์ขนปุยที่หน้าตาเหวี่ยงๆนั่น คงไม่ต้องตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินหา เพราะตอนนี้เขาเองก็พอจะรู้แล้วว่าสมบัติของเขาอยู่ที่ไหน
“มันไม่หายกันหรอกกับสิ่งที่นายทำเอาไว้ คนดีของฉัน
ต่อให้นายตายไปแล้ว ฉันก็จะทำให้นายฟื้นขึ้นมา แล้วก็ตายไปอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ปลายเท้าสัมผัสกับพื้นเย็นของห้องก่อนจะยืนเต็มความสูง ท่อนบนของร่างกายที่เปล่าเปลือยของร่างสูงเผยให้เห็นกล้ามบริเวณหน้าท้องได้อย่างชัดเจนจวบจนรอยสักที่ไหล่ข้างซ้ายของเขา พร้อมกับขยี้ผมสีบลอนอมน้ำตาลเพื่อสลัดความขี้เกียจและบิดตัวไปมาเล็กน้อยให้ผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่ตนเองนอนหลับมาเป็นเวลานาน จนตนเองเดินมาหยุดที่บริเวณระเบียงขนาดใหญ่ แสงแดดตอนใกล้จะพบค่ำที่วาดมากระทบดวงตาทำให้เขาต้องหรี่ตาเล็กน้อยและปรับให้คุ้นชินกับความสว่าง จริงอยู่ที่สายเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาจะไม่สะทกสะท้านกับแสงแดดหรือไม้กางเขน แต่แสงแดดมันก็เป็นสิ่งที่ชายผู้นี้ก็ไม่ค่อยจะปรารถนาเช่นกัน
เพราะมันทำให้การจู่โจมเป้าหมายของเขาค่อนข้างลำบากและดูเอิกเกริก..........
“โลกถึงคราววินาศแน่ๆ อู๋ฟานตื่นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน” เสียงที่แอบจิกกัดของผู้ที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาให้ห้องนอนโดยไม่ได้ขออนุญาตพลันกับที่เจ้าของห้องใส่สายตาเหล่มาทางด้านหลังเท่านั้น
“ฉันได้ยินเสียงสัตว์เลี้ยงของนายร้อง ก็เลยจะมาดูว่าเจ้านายของมันลดโทษให้หรือยัง เพราะคุกใต้ดินไม่ได้เหมาะที่จะเอาไว้ขังมังกรพ่นไฟตัวใหญ่หรอกนะเจ้าโย่ง” ร่างที่ตัวเล็กกว่ายังคงพูดออกไปโดยตัวเองก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าเจ้าของห้องนี้จะตอบหรือไม่ เพราะว่าจะตอบหรือไม่ตอบมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับเขา เพราะเขาไม่ใช่ผู้รับใช้หรือผู้ที่จะต้องเกรงกลัวอู๋ฟาน
“บ่นเป็นยายป้าแก่ๆทุก3เวลาเลยหรือเปล่าคุณหมอยี่ซิง แพนท่อมมันจะออกมาจากที่นั่นมันก็ทำได้” เจ้าของสัตว์เลี้ยงตัวจริงยังไม่หันมาคุยกับนายแพทย์จอมเหวี่ยงและยังคงให้ความสนใจบริเวณรอบนอกของประสาทที่ตนเองยืนดูจากตรงระเบียงราวกับว่ามันมีอะไรที่น่าสนใจไปมากกว่ามังกรตัวใหญ่ที่เขาสั่งขังอยู่ในคุกใต้ดิน.....ทำผิดมันก็ต้องได้รับโทษ
“โอ๊ย! แกก็รู้ว่ามันจะยอมออกมาก็ต่อเมื่อแกสั่ง มันไม่ออกมาหรอกถ้าแกไม่เรียกมันน่ะไอ้ส่วนสูงเกินมาตรฐาน แล้วนี่!ไม่มีใครสอนแกหรอห๊ะ ว่าอย่าหันหลังคุยกับคนอื่น ให้ตายเหอะ!ทั้งพี่ทั้งน้องเลยจริงๆ!”
เรย์เดินดุ่มๆไปหยิบดอกไม้แห้งๆในแจกันสีดำอย่าพินิจดูถึงความแห้งเหี่ยวตามระยะเวลาแล้วปาใส่แผ่นหลังที่เปลือยเปล่าเจ้าของห้องด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะไม่พึงประสงค์ ไม่ได้หงุดหงิดเพราะคำตอบตายด้านหรอกแต่หงุดหงิดเพราะไอ้เจ้าของปราสาทนี่มันหันหลังคุยกับเขาเนี่ยแหละ นิสัยเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ ทั้งคริสทั้งชานยอล นี่ยังไม่รวมไอ้ฝั่งที่อยู่โรมาเนียนะ มันจะมีอยู่ตนหนึ่งนิสัยพอๆกับไอ้สองโย่งนี่เดะๆ นิสัยตายด้านแต่กวนอวัยวะเบื้องล่าง
“แล้วชานยอลไปไหน?” เมื่อได้ยินคำว่าเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง เจ้าตัวก็หันหันหลังไปถามคนที่ปาดอกไม้เหี่ยวมาให้
ปลายเท้าเหยียบย่ำดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาอย่างไม่ใส่ใจพลางหยิบเสื้อเชิตแขนยาวสีดำมาห่อหุ้มส่วนบนของตนเอง
“ไปหาญาติผู้พี่ของพวกนายที่โรมาเนียโน่น เจ้าเด็กบ้านั่นมันบอกว่าอยากไปเยี่ยมนักบุญปิศาจ”
“ช่วงนี้โรมาเนียมันมีอะไรน่าสนใจ” คนตัวสูงก้มหยิบซากดอกกุหลาบที่เหลือไว้เพียงแค่กิ่งก้านอย่างพินิจพิจารณา ตอนนี้โรมาเนียมันกำลังเป็นที่น่าสนใจ เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาตามหามันกำลังอยู่ที่นั่น นักโทษประหารของเขาอยู่ที่นั่นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
“สงสัยคงต้องไปบ้างซะแล้ว” รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏสู่ใบหน้าหล่อเหลาของชายร่างสูง นิ้วเรียวกวัดแกว่งไปมาบนอากาศผสมกับปากเรียวที่กำลังท่องอะไรซักอย่างก่อนที่มังกรสีดำตัวใหญ่มหึมาจะประกฎอยู่ตรงระเบียงห้อง
“ไม่ต้องทำสายตาดีใจ โทษที่แกสงสารแล้วปล่อยให้เจ้านั่นหนีไปมันยังไม่หมด” น้ำเสียงนิ่งๆที่หน้าเกรงขามของคริสทำให้สัตว์ในตำนานของตนเองหลุบสายตาให้ต่ำลงราวกับสำนึกผิด
“ฉันจะไปโรมาเนีย หน้าที่ของแกคือเฝ้าที่นี่เอาไว้จนกว่าฉันจะสั่งให้แกไปที่นั่น” จมูกที่มีไอร้อนระอุอยู่ถูกพ่นออกมาจนเกิดเปลวเพลิงขนาดเล็กกลางอากาศ แพนท่อมผงกหัวของมันราวกับได้รับคำสั่งของเจ้านายก่อนจะบินทะยานไปรอบปราสาทก่อนจะหายไปในอากาศ
“จะไปด้วยกันไหมคุณหมอ?” คริสเบนหน้ามาถามคุณหมอที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนเตียงนอนของเขา แต่คำตอบที่ได้กลับมาเป็นการส่ายหัวอย่างเอือมๆของเรย์
“เหอะ! ไม่ล่ะฉันต้องทำการวิจัยและหาสิ่งที่จะเอามาแทนเลือด เดี๋ยวจะช่วยเจ้าแพนท่อมเฝ้าปราสาทกับห้องแห่งอดีตของนายไว้ให้ แบบว่าจะดูแลอย่างดีเลยแหละ”
ร่างสูงยิ้มและพยักหน้าให้กับคำตอบและฝีปากที่แอบจิกกัดของเรย์ก่อนจะหันหลังให้กับระเบียง ไม่นานนักร่างทั้งร่างของอู๋ฟานก็ดิ่งลงสู่อากาศชั้นร่างแล้วทะยานขึ้นไปบนอากาศก่อนจะหายไปอย่างรวดเรียว
เพราะเสียงเรียกของหวางจื่อเถาอยู่ที่นั่น.........
เขาเองก็ต้องไปที่นั่น......
ไปทักทายสมบัติของตนเอง.....คงจะไม่ผิด
Painkiller….
ผมรู้สึกเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุด การเดินทางมายังวิหารบริเวณเกือบใจกลางของโรมาเนีย ถึงแม้มันจะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วก็เถอะ แต่สำหรับผมแล้วมันก็เหมือนช่วงเวลาหนึ่งที่แสนสะอิดสะเอียน
ผมไม่ชอบเวลาแบบนี้...เวลาพลบค่ำที่ย่างเข้ายามราตรีแบบนี้
ตลอดเวลาที่เดินทางมาที่นี่ผมไม่ยอมปริปากพูดอะไรซักคำ ซึ่งผิดกับอีกคนที่เอาแต่บ่นเป็นหมีกินผึ้ง บ่นอุบอิบอยู่เรื่องเดียวก็คือไอ้ตำนานดอกฟอเก็ตมีนอตอะไรนั่น เพราะตอนนี้สมองผมไม่ค่อยอยากจะรับรู้อะไรทั้งสิ้น ในนั้นมันเหมือนว่างเปล่าไปหมดจะเหลือก็เพียงความคิดที่ทำให้ตัวเองหวาดระแวง
“ว่าแต่..ที่นายบอกว่า ‘ขออย่าให้เจอพวกของคิมฮิมชานก็พอ’ คิมฮิมชานเป็นใคร?” เดินมาตั้งนานอยู่ดีๆเจ้านั่นก็เกิดอยากรู้ขึ้นมาเมื่อเดินเข้ามายังวิหารศักดิ์สิทธิ์ จริงอยู่ที่ยองแจเป็นคนพื้นที่ของที่นี่แต่ก็ใช่ว่าเด็กตัวอวบๆอย่างเจ้านั่นจะรู้จักใครมากมาย ผิดกลับตัวผมเองที่ไม่ใช่คนพื้นที่แต่กลับรู้ราวกลับเกิดและโตที่นี่ มันดูจะแปลกไปไม่น้อยที่คนอย่างยองแจจะไม่รู้จักชื่อของฝั่งตรงข้ามโดยเฉพาะเจ้าของชื่อนั่นที่ตัวเองเป็นคนถาม ส่วนผมเองก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยว่าทำไม่อยู่ดีๆถึงถามขึ้นมาเพราะเห็นว่าปกติแล้ววันๆจะเอาแต่ทำตัวพองลมแล้วก็เหวี่ยงใส่พี่ยงกุก แต่อย่างที่บอกผมเลือกที่จะไม่ตอบแต่กลับไปให้ความสนใจตรงส่วนของแท่นบูชาที่มีนักบวชกำลังสวดภาวนาอยู่ ซึ่งน่าแปลกตรงที่ว่าทำไมนักบวชผู้นี่ลักษณะไม่ค่อยเหมือนกับพวกบาทหลวงแก่ๆทั่วไป
“ว่าไงนักบวช” ยองแจกล่าวทักทายผู้ที่เป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าที่ยังยืนหันหลังให้กับผมทั้ง2คนอยู่อย่างนั้น ส่วนผมเองก็แค่มองอยู่อย่างเงียบๆ มีบางอย่างมันบอกผมว่าบาทหลวงผู้นี้มีอะไรบางอย่างแปลกๆและไหนจะกลิ่นอายที่ไม่มีความเป็นบาทหลวงเอาเสียเลย
“สวัสดีเหล่าสัมพเวสี” แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่คิดไม่มีผิดเพี้ยน ผมจำเสียงนั้นได้ น้ำเสียงที่เย็นเฉียบไปถึงแนวกระดูกสันหลังนั่น มือของผมจับมือของยองแจไว้แน่นเมื่อบาทหลวงผู้นั้นหันมาประจันหน้ากับเราสองคน รอยยิ้มและสายตาที่เย็นชาและเดาได้ยากนั้นถูกส่งมาทางผมที่กำลังยืนตกใจกับภาพที่ปรากฏอยู่ข้างหน้า แล้วเขาผู้นั้นก็เบนสายตานั้นไปที่อีกคนที่ติดสอยห้อยตามมากับผม....ยูยองแจ
“แกเรียกใครว่าสัมพเวสีห๊ะ!! แกไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นใคร!?” ยองแจตวาดใส่บาทหลวงผู้แสนจะมารยาทเสียที่สุดเท่าที่เคยจะเห็นมา แววตาที่บ่งบอกว่าเจ้านั่นกำลังฉุนกึกเพราะโดนคำพูดสบประมาทว่าพวกเราเป็นเพียงแค่สัมพเวสี
“โอะโอ! ขนาดท่านยังไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นเป็นใคร แล้วเราซึ่งเป็นเพียงแค่นักบวชธรรมดาจะรู้ได้ยังไง”
“เลิกเสแสร้งได้แล้วฮิมชาน! นายเอาบาทหลวงคนเก่าไปไว้ที่ไหน” การกระทำที่แสนเสแสร้งนั้นมันสามารถทำให้ใครต่อใครถึงกับฉุนขาดได้และคนที่เพิ่งจะหายตกใจกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ตรงหน้าอย่างผมก็คือหนึ่งในนั้น สายตารนรานของผมกำลังทำให้บาทหลวงจอมปลอมผู้นี้ชอบใจไม่น้อย ส่วนยองแจน่ะหรอ? เชื่อเถอะว่ากำลังมึนงงกับกิริยาท่าทางของผมที่ทำเหมือนว่ารู้จักบาทหลวงผู้นี้เป็นอย่างดี
“ฮิมชาน? ใครคือฮิมชานหรือเด็กน้อย?” ในใจตอนนี้ผมนึกอยากจะใช้กงเล็บตะปบหน้าของฮิมชานจริงๆเพราะหมอนั่นยังไม่เลิกที่จะโกหกและยังไม่เลิกจ้องคนที่อยู่ข้างกายผมแม้แต่นิดเดียว
“นักบวชคนนี้ท่าทางแปลกๆนะเถา ไม่เหมือนมนุษย์เลย” ยองแจ่หันหน้าตัวเองเพื่อมากระซิบบอกกกับผมในขณะที่สายตาก็ยังมองไปที่นักบวชจอมลวงโลกผู้นั้นอยู่ และนั่นแหละที่ทำให้ผมถึงกับยิ้มแบบเหยียดๆออกมา
“ก็ไม่ใช่มนุษย์น่ะสิ...ยูยองแจ...นี่แหละคิมฮิมชาน” คนที่นายน่าจะรู้จักดีกว่าใครเลยนะเจ้าอ้วน
และจากร่างของชายหนุ่มรูปงามก็กลายเป็นหมาป่าสีเงินตัวใหญ่โตแยกเขี้ยวคำรามเสียงต่ำและกระโจนใส่ผู้ที่ได้ตำแหน่งถึงผู้นำแวมไพร์
“พูดดีๆไม่รู้เรื่องเหมือนที่เจ้านั่นบอกไว้จริงๆด้วย” ฮิมชานแสยะยิ้มให้ยองแจและก็หุบรอยยิ้มนั้นทันที่เหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดาบเงินวาววับถูกดึงออกมาจากเสื้อคลุมพร้อมกับปีกสีดำมหึมานั้นออกมาจากแผ่นหลัง ดวงตาสีดำได้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวลพร้อมด้วยเขี้ยวที่แหลมคมบ่งบอกได้เลยว่าเป็นปิศาจกระหายเลือด
ประโยคล่าสุดที่ฮิมชานพูดออกมานั้นมันทำให้สมาธิของผมแทบจะหายไปทันที เขากำลังทำให้ผมนึกถึงปิศาจอีกตนที่เป็นเช่นเดียวกันกับเขา สิ่งที่กำลังตามหาผมอยู่ ฮิมชานกำลังพูดถึงสิ่งที่ผมกำลังหนีมาตลอด
ผมหลบดาบสีเงินนั่นอย่างหวุดหวิดเพราะเสียงตะโกนของขยองแจที่บอกให้ผมระวังกับสิ่งที่กำลังพุ่งมาหา การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีใครยอมใคร กงเล็บของผมมุ่งเข้าใส่ผู้ที่สวมรอยเปฌ็นบาทหลวงแต่ด้วยปีกกว้างหลายเมาตรนั้นโฉบเฉี่ยวอยู่กลางอากาศ และด้วยวัตถุสีเงินที่ไลแคนท์นั้นจับต้องไม่ได้ เลยทำให้หมอนั่นหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บ เมื่อยองแจกลายร่างเป็นหมาป่าเหมือนกับผม และกระโจนข่วนแข่นขวาของเจ้านั่นอย่างแรงจนเกิดแผลลึกและเป็นทางยาวซึ่งมันทำให้เลือดสีเข้มไหลเต็มพื้นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์
โครม!! ฟึบ!!
เก้าอี้นั่งทั้งด้านหน้าและหลังล้มระเนระนาด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปหมด และก็ดูเหมือนว่าร่างอวบที่ทำร้ายแวมไพร์อย่างฮิมชานนั้นกำลังสร้างความโมโหให้กับผู้ดูแลวิหารนี้เสียแล้ว สายตาเลือดเย็นกำลังเปลี่ยนป้าหมายจากที่เป็นผมไปเป็นอีกคนแทน ฮิมชานถ่มน้ำลายที่เปื้อนเลือดลงบนพื้นหินอ่อน เหยียดยิ้มน่ากลัวโดยที่เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเขาจะทำอะไร
และด้วยสัญชาตญาณ....ฮว๋างจื่อเถาต้องปกป้องยูยองแจ
เมื่อผมและยองแจกำลังจะเข้าไปจัดการบาทหลวงจอมปลอมนั่นให้สิ้นซากก็เหมือนว่ามันจะยากขึ้นกว่าเดิม ได้เกิดมีลมแรงขึ้นมาพร้อมกับบุคคลที่บอกได้เลยว่ามาช่วยคนที่กำลังเหมือนถูกพวกเรารุมอยู่ และดูเหมือนว่าผมและเด็กช่างดื้อจะออกไปจากที่นี่ยากเสียแล้ว
“ช้าจริงๆเลยพ่อคุณ”
“ก็ยังดีกว่าไม่มาแล้วปล่อยให้เจ้าหมาพวกนี้รุมกัดตายนะ” ‘จองแดฮยอน’ เริ่มกวาดสายตามองไปรอบวิหารและมาหยุดสายตาไว้ที่ผมที่ยืนขวางทางเข้าของวิหารอยู่
“สวัสดีไลแคนท์” รอยยิ้มเย็นถูกส่งมาให้ผมแล้วเจ้านั่นที่มาเป็นตัวช่วยของฮิมชานต่อสู้กับผมอีกครั้ง แดฮยอนไล่ต้อนให้ผมออกมาด้านนอกและมันให้ผมห่างจากยองแจเรื่อยๆ แล้วถ้ายองแจอยู่ในนั้นกับฮิมชานแล้วล่ะก็.....ยองแจกำลังตกอยู่ในอันตราย!!
“จะหนีไปก็ได้นะยังไม่สายเท่าไหร่...เพราะคนที่นายขยาดนักหนายังอยู่ที่ทรานซิลวาเนียอยู่เลย”
น้ำเสียงที่ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน ทั้งสายตาที่จดจ้องให้ความสนใจกับมือที่โชว์เล็บยาวๆของตัวเองแล้วจึงเปรยสายตามาให้ความสนใจกับผมที่พยายามเข้าไปหายองแจให้ได้แต่ก็เหมือนยิ่งพยายามก็ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ
จะให้หนีไปทั้งๆที่เพื่อนของเขาตกอยู่ในอันตรายน่ะหรอ? ฝันไปเถอะ...ยังไงยองแจก็ต้องกลับไปกับเขา
“พี่ชายของฉันไม่ฆ่ายองแจให้ตายหรอกฮว๋างจื่อเถา....นายควรจะปล่อยให้สองคนนั้นได้เจอกันบ้างนะ”
“ไม่มีใครอยากอยู่กับคนที่ทำให้เจ็บปวดหรอก!” บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกชื่อจริงของเขา จะเรียกทำไม พวกนี้ต้องการอะไรจากเขา ไม่มีให้หรอกนะ.... ยิ่งเรียกชื่อจริงเท่าไหร่มันก็เหมือนว่าสิ่งนั้นกำลังใกล้เข้ามาๆทุกที มันเหมือนว่าตอนนี้เขากลังจ้องมองผมอยู่จขากที่ไหนซักแห่ง....
“ไม่มีใครอยากทนอยู่กับคนที่สร้างความทรงจำแย่ๆ รวมถึงนายด้วยหรือเปล่า?”
“!!!”
“ไม่อย่างนั้นจะหนีมาจากที่นั่นได้ยังไง”
เหมือนกับโดนคมของมีดบรรจงกรีดลงมาจากผิวหนังให้ลึกลงมาถึงหลอดเลือดหัวใจยังไงยังงั้น ไอ้บ้านี่มันถนัดจริงๆกับการพูดจี้ใจดำคนอื่นหรือไง ทำไมไม่ลองมาตกอยู่ในความรู้สึกที่ไม่เหลือใครแล้วดูสิ....ลองมาเห็นภาพที่พี่น้องของตัวเองโดนฆ่าต่อหน้าต่อตาไหมล่ะ ลองมาเห็นกรรมวิธีการฆ่าแบบที่เขาเห็นไหมล่ะ? ว่ามันรู้สึกยังไง...ลองให้พี่น้องของแกโดนหมุดทิ่มลงที่ขั้วหัวใจแล้วแยกชิ้นส่วนโยนลงกองไฟดูหรือเปล่าว่ามันจะรู้สึกยังไง
“มันก็ดูคุ้มค่ากับสิ่งที่นายทำไม่ใช่หรออาซ้อ? ได้รับคืนมันก็สมน้ำสมเนื้อกันอยู่”
“......”
“อาซ้อก็คิดซะว่าส่วนที่ดูมากไปก็เป็นของแถมที่ลูกพี่ลูกน้องของผมให้คุณไปก็แล้วกัน”
TBC..
รับแลกแบรนเนอร์นะคะ^^
ฝากกระจายกันหน่อยนะคะว่า อ่านเรื่องนี้หน่อยเถ๊อะ ไรเตอร์มันเหงา
เร๊กเก้ฝากฟิคอีกเรื่องที่เป็นเรื่องหลักของเรื่องนี้ด้วยนะเอ้อ
จะอัพตอนต่อไปเมื่อมันประมาณ60เม้นอัพนะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบมาก เมะเลวหันหมดเลย อรั๊งส์
กักขังเทาไว้เพื่ออะไร? เราไม่คิดว่ามันจะเป็นความรัก
เนื่องจากเราไม่ได้อ่านเรื่องโน้น มันก้เลยงงงงอยู่นะถึงความสัมพันธืของยองแจแล้วก็ฮิมชาน
แต่เราก้ไม่มีปัญหาในการอ่านเรื่องนี้ อิอิ
ชอบการบรรยายของไรท์มากตามติดอ่านต่อไปนะคะ
ลองนึกภาพตามนะ อิพี่คริสอย่างหล่ออย่างเท่ ><
เทาเทาอ่า า าาา ระวังตัวไว้ให้ดี อิพี่คริสมันมาแล้ว
อินู๋ยองแจหลุดไปอยู่กับฮิมชานแล้วจะเป็นไงละเนี่ย -0-
แต่จะให้ดีกว่านี้แก้คำผิดหน่อยน๊าาาา เพราะบางครั้งเหมือนกำลังอ่านๆไปแล้วอารมณ์มันสะดุดเพราะเจอคำผิดเนี่ยแหล่ะ
ทำได้ดีมากเลย ฮือออออ พี่คริสมาแล้ววว เย้!
#เริ่มงงลิ่ว 5555+
พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้เดี๋ยวนิคก็จับปล้ำซะหรอก 555555555
แต่ที่เฮียทำคืนมาเนี่ย โหด
ติดตามๆๆๆๆ