ตอนที่ 48 : ✖ EP.45 ✖ 100%
Mighty Long Fall - ONE OK ROCK
ถูกผูกไว้ด้วยรอยยิ้ม แสนว่างเปล่า
เรานั้นหวาดกลัวกับสงครามจนลืมไปเลยว่าเรานั้นเป็นใคร
เราเฝ้าภาวนาหวังเพียงความปลอดภัย
เราถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควัน
....ยืนยันว่าเรานั้นเหนื่อยล้ากับแสงจากกองเพลิงนั้นเต็มที่....
..คุณจะหนีไปที่ไหนในเมื่อมันไม่เหลือที่ให้คุณซ่อน?..
เวลาเพียงวินาทีเท่านั้นที่คริสแบกร่างเพียวที่บาดบ่าเข่ามาอยู่ในห้องส่วนตัว ครั้นว่าจะพาไปที่ห้องสมุดก็คงจะไม่ไหว รู้ว่ายังไงจื่อเทาก็คงไม่ยอมไปแน่ ๆ เพราะ ในนั้นมีแต่เลือดเดียวกับคริสทั้งนั้นถึงแม้ว่าจะรู้จักมักจี่กับจื่อเทาดีก็ตามเลยพาหนีมาหลบความวุ่นวาย
คริสวางเด็กหนุ่มลงบนเก้าอี้นวมสีแดงเลือดนกแทนที่จะเป็นเตียงนอนอย่างทุกทีโดยที่อีกคนก็ว่าง่ายไม่ออกฤทธิ์เดทอะไรเหมือนก่อน ๆ เขาย่อตัวนั่งลงโดยเข่าข้างหนึ่งยันพื้นไว้จึงกลายเป็นว่าคริสอยู่ในระดับที่เตี้ยก็คนที่นั่งอยู่ในเก้าอี้
“ไหวไหม?”
จื่อเทาพยักหน้าตอบช้า ๆ นัยน์ตาหม่นแสงลง ตอนนี้จื่อเทาของร่างสูงเหมือนเพียงแค่หุ่นขี้ผึ้งที่ไร้ชีวิตชีวา คริสยื่นมือแกร่งลูบไล้ดวงหน้าสวยคมของเด็กหนุ่ม แววตาแสดงความรักใคร่ ยิ้มเจือความเอ็นดูที่จื่อเทาเป็นเด็กที่รู้สึกอย่างไรก็ตอบออกมาแบบนั้น
“พักผ่อนซะ นึกถึงมันมากก็ปวดหัวเสียเปล่า ๆ”
“คืนนี้นอนเย๊อะแล้ว ให้นอนอีกก็คงนอนไม่หลับ” เทาตอบไปตามความจริง ตาของเขาสว่างพอจนไม่สามารถข่มให้หลับได้อีก
ดวงตาสั่นระริกเพราะสับสนและถูกกระสุนความจริงยิงเข้าใส่จนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูก จื่อเทาค่อย ๆ สบตากับดวงตาแข็งแกร่งแต่มันก็ได้แค่แป๊บเดียวแล้วต้องหลบตาสายนั้นต่อ ไม่รู้ว่าทำไมต้องหลบ จื่อเทาไม่สามารถจ้องดวงตานั้นได้นาน ถึงไม่ได้มุทะลุดุดันแล้ว แต่จื่อเทาก็ไม่กล้าที่จะจ้องกลับไปเสียจริง ๆ เพราะคำพูดทุกอย่างของแทคฮยอนและซูยอนมันกำลังตีรวนอยู่ในหัว
‘ฉันอุตส่าห์ฝากความหวังไว้ที่ไอ้อี้ฟานว่ามันจะลงมือฆ่าเทาทันทีที่เห็นเธอตาย’
‘ดูมันจะเจ็บแค้นแค่แป๊บเดียวนะมันถึงไม่ฆ่าจื่อเทาทิ้งซะ แต่กลับยกขโยงพวกมันมาฆ่าพวกพ้องของฉันไปเกือบหมด’
‘น้องชายอิท่าไหนล่ะถึงกล้าส่งให้มาเป็นหนอนแล้วโดยหวังให้คริสรู้แล้วจะได้ฆ่าทิ้งน่ะ อ๊คแทคฮยอน’
จื่อเทาปิดตาลงช้า ๆ สลับกับเหลือบลืมตามาคนที่นั่งชันเข้าอยู่ตรงหน้าเขา คริสยังคงจ้องเขาอยู่แบบนั้น ไม่พูดหรือถามอะไรต่อ และเทาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร
“อย่าอ่านใจผม อย่าอ่านแม้แต่ความคิด” ตาที่หม่นแสงจ้องตอบผู้ที่กำลังทำในสิ่งที่เขาห้ามอย่าเหนื่อยล้าเต็มทน
“รู้ทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้วทำไมไม่กำจัดกันไปตั้งแต่แรก” จื่อเทาถาม เขาเพิ่งมารู้แจงและเข้าใจว่าฝ่ายที่นั่งอยู่ตรงหน้านั้นรู้มาตั้งแต่แรก คริสมองสีหน้าและแววตาที่จ้องมองเขามาอย่างสับสนในตัวเขา
“แล้วทำไมต้องทำตามอย่างที่แทคฮยอนมันต้องการ? มันต้องการอะไรพี่แค่ทำให้มันไม่บรรลุในสิ่งที่มันประสงค์ไว้”
“รู้ต้องแต่แรกแล้วว่าผมคือคนที่พี่แทคฮยอนส่งเข้ามา”
“อืม”
จื่อเทานิ่งไปชั่วขณะที่ได้ยินคำตอบสั้น ๆ เพียงพยางค์เดียวที่มันบอกทุกอย่างไว้เกือบหมด น้ำเสียงหายไปชั่วคราวอย่างและพยายามที่จะหาเสียงเพื่อจะพูดอะไรต่อ แต่มันก็ยากลำบาก
“แต่ก็ไม่ได้รู้ทั้งหมด ขนาดว่าพี่หลอกล่อให้เราพิสูจว่าเราบริสุทธิ์ใจจนยอมทำพันธะด้วยแล้ว เทายังปิดเรื่องของซูยอนไว้เสียมิดจนพี่เชื่อสนิทว่าเทาฆ่าคู่หมั้นของพี่ได้เลย”
“พี่หลอกผม”
“ไม่เลยจื่อเทา” คริสปฏิเสธอย่างแผ่วเบา ดวงตาของเขาไม่ได้บอกว่าโกรธกรุ่นเด็กเลือดผสม
“อย่าลืมสีว่าเทาเองต่างหากที่หลอกพี่ก่อน”
“...”
“เราต่างก็หลอกลวงกันตั้งแต่แรก”
อย่างที่คริสบอก คือเรื่องจริงที่เราต่างก็หลอกลวงกันทั้งคู่ เขารู้มาตั้งแต่แรกอย่างที่บอกกับจื่อเทาไป เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นของตัวตนที่จื่อเทาแสดงออกในสายเลือดของมนุษย์ครึ่งหนึ่งที่พรุ่งพร่านปกปิดไว้ว่าตนไม่มีเลือดของอสูรกายมาปะปน และเทาก็ทำมันได้แนบเนียนและดีเยี่ยม นั่นคือข้อดีที่เขาอยากจะกล่าวชมเพราะในตอนแรกเขาไม่สามรถอ่านความคิดหรือจิตใจเด็กตรงหน้านี่ได้เลย คริสถึงต้องทำตัวเป็นสงสัยในตัวของเด็กที่ชอบใช้สายตาและวาจาเย็นชานั่นบ้าง ใช้กุศโลบายล่อหลอกจนอีกฝ่ายยอมผูกพันธะเอาไว้ด้วยกัน
‘ถ้าพี่ไม่เชื่อใจผม ไม่เชื่อว่าผมเป็นมนุษย์จริง ๆ จะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อ’ คริสยังคงจำน้ำเสียงเย็นชาและแฝงถึงความถือดีนั้นได้ดี
‘ทำพันธะสิ...กล้าผูกจิตของนายไว้กับฉันหรือเปล่า?’
‘ไม่เป็นไรนะหวงจื่อเทา ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจก็ไม่ต้องทำ’
‘ก็ได้...ผมจะทำ’
บอกตามตรงว่าตอนนั้นเขาเองก็นับถือใจของจื่อเทาไม่น้อยที่ตบปากรับคำของเขาไป ถ้าไม่ทำแบบนั้นเขาเองก็คงไม่สามารถรู้ความคิดของเด็กตรงหน้าได้นัก อย่าแต่ตอนยังไม่ผูกจิตรด้วยกันยังว่าอ่านลำบากแล้วเลย ขนาดว่าผูกพันธะทางจิตรด้วยกันแล้ว เด็กคนนี้ก็ยังปกปิดความรู้สึกนึกคิดเสียแนบเนียน แต่เพราะการผูกพันธะมันก็ไม่ได้สมบูรณ์ครบถ้วนนั่นแหละ
การผูกสัญญาเข้าด้วยกันในตอนนั้นคริสทำแค่กรีดเลือดของเขากับจื่อเทามาหยดรวมกันแล้วมีแค่คริสที่ดื่มมันผู้เดียวเท่านั้น นั่นคือว่าจื่อเทาผูกจิตรไว้กับเขาแด่เพียงผู้เดียว แต่มันก็ไม่ได้เสร็จสมบูรณ์เพราะเขาไม่ได้กัดจื่อเทา มันเสี่ยงเกินไปที่จื่อเทาอาจจะตาย
เขาผูกจื่อเทาไว้ด้วยจิต ผูกไว้ด้วยร่างกาย แต่คริสไม่ได้ผูกจื่อเทาด้วยการดื่มกินด้วยการกัด
คริสรู้แค่ว่าเด็กคนนี้แทคฮยอนต้องการส่งมาให้เขากำจัดทิ้งซะ แต่เรื่องของจองซูยอนนั่นคือเรื่องจริงที่เขาไม่รู้มาก่อน จื่อเทาหรือแม้แต่ชานยอลก็ปิดปากเงียบ ไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างแนบเนียนและเขาก็เชื่อมันสนิทใจ
“เทาหลอกเข้ามาที่นี่ โกหกว่าฆ่าเจสสิก้าซึ่งพี่ก็เชื่อ” ด้วยสัจจริงว่าอู๋อี้ฟานเชื่อเสียสุดใจก็ภาพมันเห็นชัดอย่างเต็มตา “พี่ก็แค่หลอกว่าเชื่อสนิทใจว่าเทาไม่ใช่ไรแคนท์”
“ผมเองก็ไม่ได้ขอให้พี่เชื่อ”
น้ำเสียงบางบางจนแทบจะกระซิบ ไร้ซึ่งดวงตาและน้ำเสียงถือดีแต่ประโยคที่พูดก็ยังแฝงของความดื้อเงียบอยู่ คริสพยักหน้าตอบ ฝ่ามือยังคงลูบไล้ใบหน้าของจื่อเทาอยู่ ปักผมที่เริ่มจะปรกหน้าเพราะลมที่พัดผ่านมาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มเอาไว้
“ใช่...เพราะเถาเป็นไฮบริดจ์...เลือดผสม”
“...”
“แต่เทารู้ไว้เถอะว่าพวกที่โดนพี่ฆ่าไปน่ะ ตายไปก็ดีแล้ว”
และนั่นมันก็ทำให้เขารู้ถึงจุดประสงค์จริง ๆ ของแทคฮยอนว่าทำไมมันถึงต้องการจะกำจัดจื่อเทาทิ้งแต่ไม่ต้องการให้มือของมันเปื้อนเลือด ไม่มีไรแคนท์เลือดบริสุทธิ์ที่ไหนจะยอมรับพวกเลือกผสม เรื่องนั้นเขาคาดว่าจื่อเทารับรู้เป็นอย่างดี แต่ที่แทคฮยอนมันไม่ฆ่าเองเพราะมันเองไม่อยากมีมลทิลที่ไปฆ่าลูกชายคนเล็กของผู้นำคนเก่า ส่วนคนโตที่เป็นเลือดบริสุทธิ์ที่เกิดจากคนละแม่กันน่ะหรอ เห็นมันบอกว่าหายสาปสูญ แต่ล่าสุดเขาก็เห็นว่ายงกุกเจอตัวแล้วนี่...อ่า..ป่านนี้ท่านบาทหลวงคงพามาแล้ว
ที่บอกว่าหายสาบสูญก็คงเพราะฝีมือของคนที่มักมากอยากเป็นใหญ่อย่างแทคฮยอนนั่นแหละ อยากกำจัดเสี้ยนหนามเพื่อขึ้นครองบัลลังเพียงผู้เดียว แต่ก็ได้แค่ไม่นานแล้วยงกุกก็ขึ้นกุมบังเหียนผู้นำแทน
วัฏจัครนรกพวกนี้นี่...น่าเบื่อจริง ๆ
ผู้ที่อยากเป็นกลับมาครอบครองมันได้ไม่นาน แต่ผู้ที่วิ่งหนีไม่รับไม่เอากลับต้องมาเป็นแทนเสีย
อย่างนั้น....พวกเราก็เช่นกัน
“แต่ที่พี่รู้สึกกับเทามันคือเรื่องจริง”
ร่างสูงพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน ดวงตาคมแกร่งจ้องมองที่ดวงตาของเจ้าขนฟูอย่างอยากให้อีกฝ่ายเชื่อมันว่าเขาพูดมันจริง สายตาของคริสไม่มีทีท่าว่ากำลังหลอกลวง เฉกเช่นเดียวกันที่เขาเห็นแววตาของจื่อเทาที่มีเขาอยู่ในนั้น
“ดั่งที่พี่รู้สึกกับผม..มันก็คือเรื่องจริง”
คริสยิ้มตอบอย่างไม่ปิดบัง เช็ดเม็ดเหงื่อตรงไรผมของจื่อเทาอย่างบรรจง อากาศมันไม่ได้ร้อนแต่เขาเข้าใจว่าที่จื่อเทาได้รู้ได้เจอนั่นคือสาเหตุ ยกตัวเองขึ้นให้เสมอกับร่างเพียว บรรจงจูบลงที่หน้าผากอย่างรักใคร่ คริสไม่เคยได้ยินคำว่ารักกันหรือไม่จากปากของหวงจื่อเทา เช่นเดียวกันที่เขาเองก็ไม่เคยพูดคำนั้นให้ได้ยินเพียงแต่กระทำให้เห็นเสียมากกว่าถึงแม้มันจะดูสวนทางไปบ้างก็ตาม แต่ประโยคนั้นมันมันก็ทำให้คริสรู้สึกว่าได้ยินคำว่า ‘รัก’ จากปากของเด็กเลือดผสมที่เขาหวงแหนไม่ต่างกัน
“แต่..ซูยอน” จื่อเทาพยายามพละร่างกายออกแล้วท้วงติงเมื่อนึกถึงผู้หญิงนางนั้นขึ้นมาได้
“ซูยอนก็คือซูยอนพี่เคยบอกไปแล้วว่าเทาแทนซูยอนไม่ได้หรอก” คริสหลับตานิ่งในขณะที่จมูกก็ยังคลอเครียกับหน้าผากมน
“!!”
“ซูยอนอาจจะเป็นของรัก...ใช่เขาถูกวางให้เป็นของรักและหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กเพื่อดำรงเผ่าพันธ์เอาไว้” คริสตอบอย่างช้า ๆ รู้สึกได้ว่าจื่อเทากำลังจะมีฤทธิ์เดชอีกรอบจึงค่อย ๆ แทรกตัวเองลงไปนั่งโซฟาเดี่ยวที่จื่อเทานั่งอยู่ แล้วช้อนตัวให้ร่างที่เล็กกว่ามานั่งที่ตักแล้วคล้องเอวขอดไว้ คางแหลมพาดไว้กับหัวไหล่มน
“มันเป็นแค่หน้าที่ที่เราต่างต้องแบกรับเอาไว้”
นั่นคือเรื่องจริงอีกหนึ่งเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ผิดแต่ร่างบางที่ไม่มีใครบอก คริสเองก็ไม่ต่างกับชานยอลที่มีคู่หมั้นเป็นของตัวเองเพื่อที่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์เลือดบริสุทธิ์เอาไว้ แต่เขายังต่างกับชานยอลที่ขานั้นไม่รับอะไรก็ตอบโต้และทำทุกวิถีทางอย่างสุดโต่งและสามารถกำจัดทิ้งได้โดยไม่สนว่าใครขวางทางแม้จะเป็นคู่หมั้นแต่ถ้าไม่ใช่ตัวเองเลือกเองขานั้นก็ไม่รับถึงแม้จะหมั้นแล้วก็ตาม แต่สำหรับคริสเขายังมีความเกรงใจกับผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงและยังเห็นใจในตัวซูยอนอยู่ คริสไม่ได้รักซูยอนอะไรมากจนถึงขั้นเชิงชู้สาว และเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายก็น่าจะรู้ดีที่สุด เพราะความเกรงใจที่ยังมีอยู่ต่อบรรพชน
รู้ดีและเหมือนว่าจะทำเกินหน้าที่..
ทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน คริสเปล่าให้ห้วงเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ราวกับยื้อคนที่อยู่ในอ้อมแขนเอาไว้ไม่ต้องการให้รับรู้ว่าข้างนอกนั้นอาจจะเกิดอะไรขึ้น ในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่มือก็เกลี่ยปลายผมของเจ้าขนฟูเล่นไปด้วย ตอนนี้เขากำลังรับรู้ความคิดที่ยังตีรวนไปมาของจื่อเทา
“อย่าเพิ่งไปนึกถึงเรื่องอื่น ไม่นึกถึงคนอื่นตอนที่อยู่กับพี่สิ” แกล้งเย้าไปแบบนั้นให้อีกฝ่ายดูคายใจเสีย
“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง” จื่อเทาบอกเสียงเบา อ่าใช่คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง คริสเองก็เห็นว่าเป็นแบบนั้น
ก้มลงจรดจมูกดอมดมที่กลุ่มผมที่หอมเพราะแชมพูที่ร่างบางใช้ ค่อย ๆ เคลื่อนย้ายไปที่ใบหูค่อย ๆ กระซิบในสิ่งที่ต้องการจะบอก
“จบเรื่องนี้เถอะจื่อเทา เทาไม่เหมาะที่จะมาอยู่ในสงครามที่มันยาวนานมาเป็นร้อยปี”
ไม่สิ...หวงจื่อเทาไม่ควรยื่นมือยื่นขาเข้ามาให้ที่แห่งนี้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาติดกับดักของแทคฮยอนที่คิดค้นขึ้นมา...นั่นคือหวงจื่อเทา
ติดบ่วงนั้นจนไม่สามารถหลุดผ้นหรือถ้าตรงกันข้ามคือเขาไม่คิดจะปล่อยให้หลุดออกไป
เพราะถ้าเขาปล่อยให้จื่อเทาไป....หวงจื่อเทาก็ต้องโดนแทคฮยอนกำจัดอยู่ดี
คิดว่าอู๋อี้ฟานจะยอมไหมล่ะ?
“ถ้ารู้ว่ามันดูแลน้องฉันได้แค่นี้ ฉันจะไม่ให้ยงกุกยอมให้มันแบกน้องฉันกลับมาหรอก!”
ขาวยาวตวัดไปที่เก้าอี้อย่างแรง ส่งผลให้ฮิมชานที่เพิ่งได้นั่งแทบจะตกเก้าอี้แล้วลงนั่งแอ้งแม้งกับพื้นห้องแทน ถลึงตามองจุนยองที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อได้ยินว่าไอ้ร่างสูงชะลูดคนละเผ่าพันธ์ดูแลน้องเขาด้วยลำแข้งแทบจะตลอด ที่ถ้าทรงตัวไม่ทันนีได้ลงไปนั่งกับพื้นแล้วนะ!
“แต่พี่ชายผมก็เลี้ยงดูปูเสื่อจื่อเทาอย่างดีเลยนะ” เด็กตาโตทำปากยื่นปากยาวท้วงอย่างติด ๆ ก็คนที่กำลังโดนก่นด่านั่นเป็นชายเขานะ ไม่ได้หรอกถึงที่ผ่านมาพี่คริสจะแทบเลี้ยงดูอาซ้อด้วยลำแข้งยังไงเราก็ต้องเข้าข้างพี่เราไว้ก่อน
ไรแคนท์หนุ่มมองเด็กหนุ่มตัวเย็นที่อายุอานามเทียบ ๆ กับน้องชายเขาก็คงจะไล่เลี่ยกันด้วยหางตาก่อนจะส่งเสียงดัง “หึ!” อย่างไม่สนหรอกว่าตัวเองอยู่ถิ่นของใคร “หัวอกคนเป็นพี่ถ้ารู้ว่าน้องเจ็บคงไม่มีใครยิ้มล่าอารมณ์ดีหรอกมั้ง”
“ชานยอลไง!” คยองซูเถียงขึ้นทันควันขนิดที่ว่าไม่ต้องไตร่ตรองอะไรเลย จนอี้ชิงกลั้นขำส่ายหัวเต็มที่
“การแสดงออกแต่ละคนมันเหมือนกันที่ไหนล่ะคยองซู เห็นมันเป็นแบบนั้นรู้ได้ยังว่ามันไม่รักไม่ห่วงน้อง..หึ๊?” อี้ชิงเหล่ตามองคุณคนเล็กของบ้าน ถึงชานยอลมันจะชอบทำตัวเหมือนพวกโรคจิตไปหน่อย การแสดงออกดูขัดแย้งยังไงใคร ๆ เขาก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าลึก ๆ ชานยอลก็รักก็หวงน้อง...ก็ดูจากตอนกับชับจงอินดูแล้วกัน
เหอะ! มันก็หวงน้องนั่นแหละ!
“แต่จะว่าไป อาเทาเองก็คงจะไม่หยอกด้วยล่ะมั้ง” จุนยองว่าพรางกับกระเถิบตัวเองขึ้นไปนั่งห้องขาบนโต๊ะตัวยาวที่คุณหมอผีดิบกำลังใช้อยู่นั่นแหละ นั่งเอามือทั้งสองค้ำโต๊ะห้อยขาต่องแต่งอย่างไม่กลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะเอาโลหะเงินมาฆ่าเขาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จุนยองรู้จักนิสัยน้องชายของตัวเองดีถึงแม้ว่าช่วงชีวิตที่จะได้อยู่ด้วยกันตามประสาพี่น้องมันไม่ได้ยาวนานเหมือนกับที่จื่อเทาอยู่อาศัยกับบังยงกุกหรือพี่น้องตัวอื่น ๆ ก็เถอะ แต่จุนยองก็รู้นิสัยของจื่อเทาเป็นอย่างไร ทั้งดื้อทั้งรั้น “ถ้าไม่ติดว่าน้องฉันก็รักไม่ต่างกับที่มันรักเทาก็อย่าหวังว่ามันจะได้เห็นแม้แต่เงา”
บ่นอุบเข้าให้อีกที ฮิมชานหัวเราะเสียงขึ้นจมูกให้กับความหวงน้องแถมดูว่าจะไม่ค่อยชอบน้องเขยของตัวเองเสียเท่าไหร่ “นี่ดูว่าจะไม่ค่อยอยากจะยอมรับคริสเป็นน้องเขยนะ”
“ก็เหมือนกับที่ยงกุกมันก็ไม่ค่อยอยากจะรับไอ้ผีดิบจอมตอแหลที่มันทำร้ายยองแจที่มันรักเหมือนน้องแท้ ๆ ไว้เป็นน้องเขยเหมือนกันนั่นแหละ”
จุนยองยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับบาทหลวงปิศาจที่ไปพาเขามาจากรังของยงกุก จนทำเอาฮิมชานเองอ้าปากข้างอย่างขำไม่ต่อไม่ออก พอเห็นดังนั้นจุนยองถึงได้แสยะยิ้มอย่างชัยชนะ ส่วนคยองซูกับอี้ชิงก็มองแค่เป็นระยะ ๆ ยืนฟังอยู่ยังต้องเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก….เล่นผิดคนแล้วคิมฮิมชาน!
ก็ไม่คิดเอะใจสงสัยแล้วว่าหวงจื่อเทาปากคอเลาะร้ายเหมือนใคร...เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องไม่มีผิด นี่ยังแอบคิดอยู่ว่าท่านอู๋อี้ฟานจะทำยังไงดีหนอเมื่อไปฉุดกระชากลากถูน้องเขามาปู้ยี้ปู้ยำมากกมากอดแม้ว่าจะเลี้ยงดูปู่เสื้อหวงอย่างกับจงอางหวงไข่ก็เถอะ แล้วดูพี่เขาจะไม่ยอมรับแกเป็นน้องเขยง่าย ๆ เสียด้วยท่านลอร์ดอู๋อี้ฟานเอ๊ย
“แต่ผมเข้าใจคุณนะครับ ก็คนละเผ่าพันธุ์กันด้วยล่ะมั้งคุณเลยไม่ค่อยชอบพี่ คริสเท่าไหร่” แบคฮยอนแสดงความเห็นบ้างกับรอยยิ้มที่บางเบา แบคฮยอนดูจะเข้าใจในจุดนี้ดีว่าระหว่างสองเผ่าพันธ์นี้ไม่ถูกและลงลอยกันอยู่แล้ว คงไม่แปลกที่เรื่องรักข้ามเผ่าพันธุ์ที่เป็นที่ยอมรับโดยง่าย
“อ๊า...พูดได้ดี ฉันชอบเธอนะอ่า....” จุนยองทำท่านึกชื่อเด็กหนุ่มที่พูดจาได้ถูกใจจนแบคฮยอนต้องบอกชื่อ “แบคฮยอนครับ”
“อ่อ แบคฮยอน แต่ก็นะ...ก็เด็กมันรักกันให้ทำยังไงได้ จะให้ไปขวางก็เหมือนว่าทำบาป แค่เกิดเป็นพวกที่ก่ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตายต้องฆ่าเหยื่อเพื่อกินเป็นอาหารก็บาปจะแย่แล้ว” จุนยองยิ้มมุมปาก “แล้วอีกอย่างนึงฉันก็ไม่ใช่พวกหัวโบราณมองว่ารักระหว่างเผ่าพันธุ์มันเลวร้ายอยู่แล้ว คนมันจะรักกันมันห้ามได้ที่ไหน”
“ก็ถือว่าเป็นการดีนะจุนยอง นายมีน้องเขยที่น่ารัก” อี้ชิงพูดอย่างติดตลกจนจุนยองก็ขำตาม
“น้องเขยที่น่ารัก หน้าตาดีด้วยนิ่” เขากล่าวเบา ๆ เสียงยานคาง “แต่ไม่ค่อยฉลาด”
อี้ชิงตบโต๊ะดังปัง! ไม่ได้อารมณ์ขึ้นที่ไรแคนท์หน้าเหมือนเมียเพื่อนมันแขวะเพื่อนเขาอยู่หรอกแต่แค่เห็นด้วยอย่างสุด ๆ ก็คิดดูเถอะแม้แต่น้องเล็กอย่างคยองซูที่รักพี่ชายสุด ๆ ยังพยักหน้าเห็นด้วยเลย
“ถ้าพี่คริสได้ยินคงได้จุดไฟเผาพี่ชายจื่อเทาแน่ ๆ” แต่ก็ยังคงรักพี่ชายบังเกิดกล้าวอยู่ดี
“ที่จริงคริสมันฉลาดเป็นกรดนั่นแหละแต่มาโง่เรื่องเมีย ต้องรอให้เขาหนีก่อนมันถึงจะฉลาด” อี้ชิงว่าต่อ...นี่นินทาเจ้าของบ้านให้คนอื่นฟังอี้ชิงจะโดนมันตัดเพื่อนไหมนะ? ไม่ผิดหรอกเนอะปกติอี้ฟานมันก็โดนเขาบ่นเรื่องนี้จนมันน่าจะชิน ๆ ได้แล้ว
จุนยองกลั้นขำแต่ก็ได้ไม่นานก็ต้องชะงักขึ้นมากลางครัน ด้วยกรรมพันธุ์และสายเลือดของเขามันเป็นจุดเด่นในการที่รับรู้กลิ่นได้อย่างดีเยี่ยมรวมทั้งการได้ยิน ถ้าเอาจริง ๆ แล้วระหว่างสายพันธ์ของเขากับพวกแวมไพร์ความสามารถก็แทบจะเสมอภาคกัน เจ้าของใบหน้าคมเหลือบสายตามองบาทหลวงที่นั่งไกว่ห้างอยู่ตรงของระเบียง
“เหตการณ์ร่วงหน้าจะเป็นยังไง” เขาถามบาทหลวง พวกลิ่วล้อของแทคฮยอนกำลังมา เขาสัมผัทถึงกลิ่นสาปเดียวกันในระยะที่อยู่นอกกำแพง ถึงจำนวนจะไม่ถึงร้อยแต่ก็ประมาทไม่ได้ซักตัว
“รู้แค่ว่าถ้าเดาอะไรไม่ได้ซักอย่าง” ฮิมชานบอกตามความจริงอย่างสีหน้าคิดไม่ตก เขาทำนายเหตุการณ์ร่วงหน้าได้อย่างแม่นยำก็จริงแต่มันก็ไม่ใช่เสมอไป
“รู้สึกว่าสตรีนางเดียวกำลังสร้างปัญหาเสียแล้ว....ผู้หญิงนี่น่ากลัวชะมัด”
จุนยองส่ายหัวระอาในอีกขณะหนึ่งท่าแบคฮยอนกำลังจ้องมองคัมภีร์อย่างควบคุมก็ต้องผงะขึ้น จากดวงตาที่น่าเอ็นดูของใครต่อใครกลับมาเป็นนิ่งเฉยแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอีกครั้ง สีแดงฉานเหมือนเลือดกำลังเต็มไปทั่วนัยน์ตาสีน้ำตาล เขี้ยวคมที่งอกขึ้นมากัดที่นิ้วชี้ของตนจนของเหลวสีแดงขึ้นไหลออกมา กลิ่นเลือดของคุณหมอตัวน้อยลอยคลุ้งไปทั่วห้องมันหอมมากเสียจนผู้ที่อยู่ในห้องยังต้องสูดดมแต่ก็ได้แค่ไม่นาน แบคฮยอนร้องฮึในลำคอ
“แบคฮยอน” คยองซูร้องเรียก
แบคฮยอนไม่ได้สนใจเสียงร้องเรียกจากคยองซู เขากลับสนใจคัมภีร์ที่ลอยกลางอากาศตรงหน้าเท่านั้น นิ้วที่มีโลหิตไหลเป็นทางบรรจงทาบลงหน้ากระดาษที่ปากอ้าออก ลากเป็นทางยาวจนเกือบจะเต็มหน้ากระดาษ ปากพูดพึมในภาษาที่อี้ชิงและฮิมชานรู้จักและเข้าใจอย่างคล่องแคล่วแล้วค่อยออกเสียงสั่งอีกครั้ง
“อยู่อย่างนี้จนกว่าจะสำเร็จ” แบคฮยอนสั่งอย่างเสียงเหี้ยมดวงตาแดงฉานจ้องราวกับจะสูบเลือดกินเนื้อ สายตาสบัดไปมองที่หน้าประตูอีกครั้งความรู้สึกของแบคฮยอนมันทะลุทะลวงไปที่นอกห้องปรุงยา หลับตาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลืมตายิ้มหยันอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมัน
“แบคฮยอนตั้งสติหน่อย” คยองซูเป็นผู้เดียวที่กระวนกระวายใจต่างจากอีกสามตนที่มองกันอย่างนิ่ง ๆ จนร่างเล็กสุดหันไปขอความช่วยเหลือจากอี้ชิง “พี่อี้ชิง Plasma fruit อยู่ไหน”
ไม่ทันที่อี้ชิงกำลังจะอ้าปากตอบแบคฮยอนก็หายไปเสียแล้ว เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นคยองซูแทบจะหายตัวตามด้วยความห่วงเพื่อนแต่เสียงของบาทหลวงกลับรั้งเอาไว้
“ไม่ต้องตามไปหรอกคยองซู!!” ฮิมชานพูดเสียงนิ่ง “แบคฮยอนปลอดภัยอยู่แล้ว”
“พี่รู้ได้ยังไงว่าแบคอยอนจะปลอดภัย อยู่ดี ๆ ก็หายไปแบบนั้นอ่ะ” รั้นเหมือนเด็กงอแง
“คิดว่าชานยอลมันจะปล่อยให้แบคฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าล่ะ” เป็นอี้ชิงเสียเองที่พูด คุณหมอบอกอย่างนิ่งเฉยสายตาจับจ้องไปที่อ่างน้ำโบราณที่กำลังปรากฏภาพที่อยู่ภายนอกห้องทำงานของเขา “ไม่ต้องห่วงหรอก อ่าพี่ฮิมชานข้างนอกเป็นไงบ้างน่ะ”
“ชานยอลกับซูโฮดูอยู่ ถ้าไม่ถูกใจชานยอลเดี๋ยวมันก็สั่งฟินิกซ์เผาเองนั่นแหละ โชคดีที่ไม่มีพวกฮันเตอร์มาเกี่ยวหมอกที่สร้างมามันบดบังการมีอยู่ของอาณาเขตของเรา”
“แล้วจงอินไปไหน” คยองซูถาม ปกติจงอินก็ต้องอยู่กับพี่ชายของเขาด้วยสิ
“อยู่นี่” บ่นถึงไม่ถึงวินาทีเสียงทุ้มที่เขาถามถึงก็ดังมาจากด้านหลังโดยพูดซะแทบจะแนบหูของร่างเล็ก เจ้าของผิวสีแทนยืนแทบจะชิดกับคู่หมั้นเอามือไขว่หลัง เจ้าตัวเล็กหันขวับไปมองทันควัน
“แหม เดี๋ยวนี้คิดถึงฉันมากจนต้องถามหากันเลยหรอ” จิงอินแซวแถมยังยิ้มกริ่ม ถ้าเป็นปกติแบบตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนคยองซูคยองบ่นงึมงำใส่หรือไม่ก็กั้นยิ้มเขินไปแล้วแต่ตอนนี้มันใช่เวลาเสียที่ไหนล่ะ
จงอินยิ้มขำครู่เดียวแล้วก็กลับมาตีหน้ามึนใส่ต่อ มันเป็นนิสัยของจงอินไปแล้วที่มักจะแกล้งคู่หมั้นของตัวเองเสมอจนคยองซูโวยวายจนนิสัยเสีย สายตาคมเบี่ยงไปมองผู้มาใหม่เพราะกลิ่นที่ไม่ใช่พวกตัวเย็น ด้วยดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับไรแคนท์เลือดผสมจนต้องอืออาออกมาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก “เหมือนอาซ้อที่ชานยอลมันชอบเรียกชะมัด”
“จะไม่คล้ายได้ไงก็นั่นมันพี่เขา” คยองซูแหวตอบ จงอินก็ได้แค่พยักหน้ารับรู้แต่ก็ไม่ใส่ใจ...มันไม่ใช่เรื่องของเขา เรื่องของจงอินจริง ๆ มีก็แค่ไอ้ตัวกระเปี๊ยกที่เขากำลังกุมข้อมืออยู่นี่ต่างหาก “ป่ะ!”
“ป่ะ..ไปไหน?” คยองซูหน้าเหวอ อะไรล่ะ! อยู่ดีๆก็โผล่มาแล้วก็มาจับไม้จับมือแล้วจะพาไปไหนก็ไม่รู้็
“พาไปหาแบคฮยอน ไปไหม?” จงอินทำหน้าตาเหนื่อยใส่ ที่จริงเขาไม่ได้จะพาไปหาแบคฮยอนอย่างที่บอกหรอก แค่มารับออกไปจากตรงนี้เฉย ๆ ไม่รอให้คยองซูตอบว่าตกลงหรือไม่จงอินก็พาคู่หมั้นของตัวเองหายออกไปจากห้องปรุงยาของอี้ชิงเสียเฉย ๆ ส่วนเจ้าของห้องจะให้มาทำหน้าเหรอหราตกใจว่าน้องชายเพื่อนโดนคู่หมั้นลักพาตัวก้ใช่เรื่องเพราะมันดูเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“เอาล่ะยื่นแขนมาจุนยอง” อี้ชิงถอนหายใจออกมาเสียเต้มแรง แบมือขอแขนจากไรแคนท์หนุ่มที่นุ่งห้องขาอยู่บนโต๊ะที่เขากำลังใช้งานอยู่ จุนยองพยักหน้าช้า ๆ ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะยื่นแขนให้อี้ชิงได้กรีดเอาเลือดของเขาอย่างไม่อิดออดซักนักก่อนจะพูดมุขตลกร้าย
“อย่าเอาพวกโลหะเงินฝังลงไปในแขนล่ะ ฉันยังไม่อยากตายก่อนได้เห็นหน้าน้อง”
จุนยองเอ่ยอย่างติดตลกอย่างร้ายกาจ เลือดสีเข้มไหลจากท้องแขนหยดลงสู่ภาชนะลวดลายโบราณอย่างช้า ๆ เขาจ้องมันอย่างนิ่งงันราวกับมองฝูงปลาที่กำลังแหวกไหว้อยู่ในสระพร้อมยกรอยยิ้มมุมปากขึ้น
โดยปกติจุนยองเป็นพวกที่ผิดแปลกไปจากพวกไลแคนท์ทั่วไปที่มันจะกระหายอยากในการเป็นจ่าฝูงดั่งที่แทคฮยอนเป็นอยู่ เขารักสงบและเยือกเย็นโดยไม่ชอบไปก้าวก่ายวุ่นวายกับสิ่งใดผิดจากวิสัยของสัตว์ที่ต้องรวมอยู่กันเป็นฝูง จวบจนช่วงเวลาหนึ่ง ข่าวของเขาถูกแผร่กระจายรวดเร็วเหมือนโรคระบาดจากแทคฮยอนว่าเขาหายสาบสูญ โดยปั้นแต่งโยนความฟอนเฟะให้ฝั่งอริของเผ่าพันธ์ แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาเลือกจะปล่อยผ่านมันไปแล้วหายเข้ากลีบเมฆทำเหมือนว่าหายไปจากโลกนี้แล้วจริง ๆ จวบจนไม่กี่วันที่ยงกุกหาตัวเขาเจอ จุงยองไม่ลังเลใจที่จะลงเรือลำเดียวกับฝั่งตรงข้ามเมื่อได้ฟังเรื่องที่ยงกุกเล่าให้ฟัง...พวกเลือดบริสุทธิ์หัวโบราณไม่ยอมรับเด็กเลือดผสมที่เป็กว่าที่ผู้นำรุ่นต่อไป กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นใหญ่เพราะมีคนที่แกร่งกว่า....เอาเด็กหัวรั้นที่คิดว่าตัวเองเป็นจุดบกพร่องของเผ่าพันธ์มาเป็นเครื่องมือ สร้างสงครามแล้วให้เขากำจัดทิ้งเสียแล้วมันจะขึ้นเป็นใหญ่แทน
บางทีเราก็ต้องสละเลือดในการจ่อจลาจลบ้าง....
พระจันทร์เต็มดวงทรงกลดลอยเด่นแสงเต็มท้องฟ้าที่ดำมืด มันเป็นเรื่องได้เปรียบของพวกไลแคนท์เมื่อพระจันทร์เต็มดวง พลังของพวกมันนั้นจะมหาศาลกว่าคืนใดใด แทคฮยอนฉลาดเลือกที่จะใช้คืนนี้บุกเข้ามา แต่เหมือนแทคฮยอนคงหลงลืมไปแล้วในบางสิ่ง....
รองเท้าส้นเข็มลงน้ำหนักกับพื้นปราสาทจนเสียงดังก้องเป็นจังหวะด้วยความเงียบที่ผิดปกติราวกับไม่มีสิ่งใดอาศัยอยู่ เจสสิก้าไม่เห็นแม้แต่เหล่าไพร่พลดูแลรักษาที่ต้องเห็นอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของพื้นที่หรือตามทางเดินที่หมู่นี้ดูเหมือนจะถูกเรียกเข้ามาเพื่อรักษาความปลอยภัยภายในตั้งแต่เธอไม่อยู่เสียนาน หญิงสาวไม่สำผัสถึงการมีอยู่ของสิ่งไร้ชีวิตสายเลือดเดียวกับตนในพื้นที่ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะใส่ใจมันนักเพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่มันต้องเงียบเชียบเพราะเวลากลางคืนคือเวลาที่ต้องออกหาเหยื่อ
เจสสิก้าเข้ามาในปราสาทโดยปล่อยให้แทคฮยอนยังอยู่ในสุสานเหมือนเก่า เข้ามาโดยทำเหมือนกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใดและทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือเรียวกำชุดเดรสสีแดงสดเสียแน่นเมื่อสำผัสถึงกลิ่นสาปที่ในนี้ไม่ควรมีมากกว่าหนึ่งนอกจากกลิ่นของจื่อเทา โดยลำพังแล้วตัดกลิ่นของเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นทิ้งไปได้เลยในเมื่อเด็กนั่นมันอำพรางกลิ่นเสียไม่รู้ว่ามันเป็นหมาป่า
“บ้าจริง” ซูยอนสบทออกมาไม่เต็มเสียง กลิ่นของมันแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่เธอรู้สึกได้เลยว่านั้นไม่ใช่กลิ่นสาปที่มาจากร่างกายแต่มันเป็นกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคลุ้งมาจากทางห้องปรุงยาของคุณหมอประจำปราสาท
“อ๊คแทคฮยอน” กร่นเสียงในลำคออย่างเจ็บใจเมื่อเจ้าหล่อนคิดว่าอีกฝ่ายคงจะตลบหลังเธอเสียแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเข้ามาในนี้ถ้าไม่ใช่แทคฮยอนจะผลีผลามเข้ามา ได้แต่ข่มอารมณ์ก่อนจะค่อย ๆ คลายมือที่กำจนแน่นออก ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่รู้ไม่เห็นสิ่งใด อยากทำอะไรก็เรื่องของมันเถอะเพราะเธอเองมีสิ่งที่สำคัญต้องจัดการกว่านั้น
เธอกลับมาที่นี่อีกครั้งไม่ได้กลับมาเพื่อที่จะทวงความเป็นเจ้าของเจ้าของอู๋อี้ฟานจากเด็กเลือดผสมนั่นเพียงอย่างเดียว เพราะยังไงเสียคริสก็ต้องเข้าขางและเกรงใจเธออยู่วันยังค่ำ แต่ที่เธอกลับมาคราวนี้ก็เพราะมนุษย์ที่ชื่อบยอนแบคฮยอนนั่นแหละ
“เคยเตือนแล้วนี่..ว่าอย่าสร้างศัตรูเพิ่ม” นึกถึงคำเตือนจากชานยอลถึงกำต้องยิ้มเยาะ คิดว่าต้องฟังหรือไง!
“ตายยากตายเย็นเหลือเกิน”
“ใครที่ตายยากตายเย็นหรอ?”
เสียงทุ้มกังวานแทรกตอบเข้ามากลางความเงียบที่ควรจะมีเพียงเธอคนเดียวจนเจสสิก้าสะดุ้งตกใจเล็กน้อย หันหลังกลับมาหายังต้นเสียงจากด้านหลังก็พบกับเจ้าของคำถามนั้น
“คุณลุง” ซูยอนค้อมตัวลงต่ำทำความเคารพยูชอนทันทีจนชายสูงวัยที่เป็นอดีตประมุขและเป็นพ่อของคู่หมั้นแต่หน้าตาไม่มีความชราด้วยอายุไขเพียงยกยิ้มตอบ ยิ้มเสียจนรู้สึกว่ายิ้มนั้นไม่น่าไว้ใจ
ปกติเคยยิ้มกับเขาเสียที่ไหน?
“อื้อ” ยูชอนขานตอบ หลิ่วตามองหญิงสาวคล้ายสงสัย “ว่าแต่ออกไปไหนมาล่ะ”
“คะ?”
“ออกไปหาเหยื่อจากข้างนอกหรอ ฉันได้กลิ่นไอไม่ค่อยสักเท่าไหร่จากข้างนอกที่ไม่ใช่ที่นี่”
ยูชอนใช้ประโยคกำกวมชวนให้งงในคำถามแต่เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจมันนักเพราะโดยปกติอดีตประมุขก็มักจะเป็นคนแบบนี้เสมอ คำพูดเหมือนจะวกวนชอบให้ตีความหมายอะไรไปเองต่าง ๆนานา
“อ่อ..ค่ะ ฉันเพิ่งออกในเมืองมา ลำพังจะให้ดื่มให้กินแต่ผลไม้รสเลือดของอี้ชิงก็ยงไม่ชินนัก” เธอตอบไปตามน้ำ ทำให้ทุกอย่างเป็นปกติและไหลลื่นไม่ให้ยูชอนจับไต๋ได้ เธอยิ้มอ่อนให้ยูชอนที่พยักหน้างึกงักขอไปทีจากคำตอบที่เธอเออออออกไป
“อืม ก็จริงล่ะนะ ลำพังจะให้ดื่มแต่เจ้าน้ำปฏิชีวนะของเจ้าอี้ชิงกับตาหนูทุกวี่ทุกวันแทนสิ่งที่พวกเราใช้ดำรงชีวิตอยู่ทุกวันก็ดูจะทำใจยากไปสักหน่อย” ร่างสูงโปร่งสมส่วนทิ้งตัวลงนั่งโซฟาหลุยส์สีแดงไกว่ห้างอย่างสบายใจ นั่งฟังเสียงโครมครามที่แว่วออกมาจากที่ใดที่หนึ่งกับกลิ่นที่ผสมปนเปรที่เขาก็คุ้นเคยดีเพียงแต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งที่มีสะใภ้ใหญ่อยู่ด้วย
“ฮ๊า กลิ่นพวกสี่ขานี่แรงจริง ๆ” ทำเสียงฮึกฮัดอย่างขัดใจในกลิ่นสาปที่เขาเผ่าพันธุ์ตัวเย็นไม่สนิทชิดเชื้อที่ยูชอนสัมผัสถึง เจสสิก้าได้เพียงแค่ยิ้มอ่อนเหลือบสายตาขึ้นไปชั้นบนของปราสาทใหญ่สีหน้าไม่พอใจเด่นชัดไม่เก็บซ่อนให้ใครต้องเดาหาสาเหตุกันเอาเอง
“ก็คงจะมาจากห้องของอี้ฟานนั่นล่ะมั้งคะคุณลุง” ใช้โอกาสของการมีอยู่ของเด็กเลือดผสมที่คงขรุกอยู่ในห้องของอี้ฟานกับเจ้าของห้องที่วันคืนก็คงจะอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
“ไม่ ๆ กลิ่นของตาหนูใหญ่แทบจะไม่มีให้ได้รู้ว่ามีอยู่หรอกซูยอน” ยูชอนปฏิเสธเล่นเสียจนหญิงสาวหน้าตึงกับคำที่ผู้มีอายุมากว่าเรียกเด็กนั่นว่าว่าตาหนูใหญ่ เหอะ! ตาหนูใหญ่ ? พูดเหมือนกับเด็กนั่นมันเป็นลูกสะใภ้ทั้ง ๆ ที่ตัวจริงอยู่ตรงนี้เนี่ยนะ!
หญิงสาวแทบจะกักเก็บความง้ำงอที่ปรากฏบนใบหน้าไม่อยู่ เม้มปากแน่นเหมือนว่าโดนต่อว่าทางอ้อมทั้งที่คำเหล่านั้นมันไม่มี ยูชอนไม่ได้ว่าเธอด้วยประโยคไหนเลยสักคำเพียงแค่ยูชอนพูดเหมือนยกหางเจ้าเด็กนั่นที่ฆ่าเธอเท่านั้นเอง
“ถ้าฉันจะบอกว่าส่วนหนึ่งมันก็ติดมาจากตัวเธอก็ดูเหมือนว่าฉันจะใส่ร้าย คู่หมั้นของอี้ฟานมัน”
“ก็คงจะเป็นแบบนั้นมั้งคะ ในตัวเมืองผู้ก็พลุกพล่านไปหมดก็คงจะมีพวกนั้นที่ออกล่าเหยื่อยปะปนอยู่ด้วย” ซูยอนยังเลือกเดินหน้าแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ไปเลื่อย ถึงแม้ตัวเองจะรู้ว่าแล้วผู้อาวุโสกว่าเริ่มจะไม่เชื่อในน้ำคำของเธอแล้ว แต่ถ้าเธอยังยืนกระต่ายขาเดียวอยู่แบบนี้ซะอย่างยังไงมันก็อาจพลิกแพลงทุกอย่างได้
แต่ทว่ามันกับไม่เป็นแบบนั้น
“จองซูยอน..เธอคงจะลืมไปว่าฉันไม่ใช่อู๋อี้ฟานที่เธอพูดอะไรทั้ง ๆ ที่หลักฐานมันก็อาจจะกองอยู่ตรงหน้าแต่ก็ทำเป็นเลยผ่านไม่สนใจหรอกนะ”
ยูชอนปล่อยประโยคเหล่านั้นที่หยุดวาจามุสาของหญิงสาวทั้ง ๆ ที่ใบหน้าของผู้อาวุโสยังยิ้มแย้มเหมือนกับที่ลูกชายคนรองได้ถอดแบบมา
ปาร์คยูชอนเคยบอกไปแล้วหรืออาจจะยังก็ไม่ทราบว่าเขานั้นรับรู้ทุกอย่างเพียงแต่แค่จะพูดมันออกมาหรือไม่ แล้วประสาอะไรกับเหตุการณ์ที่ผ่านหูผ่านตาเขามาอย่างสดร้อน ๆ ด้วยฝีมือของเด็กหญิงที่เธอเคยเห็นมาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ที่กำลังก่อเรื่องวุ่นวายที่มันกำลังวิ่งตรงเข้ามาในอีกไม่ช้าก็เร็ว
“ในความจริงเธอไม่ควรจะกลับมาอีกแล้วนะจองซูยอน เมื่อเธอเลือกที่จะทำสิ่งที่ไม่ควรทำ”
“แต่ฉันยังเป็นคู่หมั้นของอี้ฟานอยู่ ฉันต้องการจะทวงทุกอย่างคืน” เธอแย้งอย่างขึ้นเสียงอจย่างลืมตัว
“แน่ใจหรือว่าเธอกลับมาทวงอี้ฟานเพราะว่าเป็นคู่หมั้น? เธอรู้ใจตัวเองดีจองซูยอน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เลือกทำแบบนั้น”
หญิงสาวหน้าชาไปชั่วขณะเหมือนโดนกระแสไปช็อตร่างกายจนมันชาไปชั่วขณะ ดวงตาที่เคยมั่นคงเริ่วไหวแล้วนิด ๆ ที่ผู้มีอายุมากกว่าพูดจี้ใจดำใส่ แต่อย่างเธอคงไม่มีวันยอม ยังคงที่จะดึงดันเถียงต่อไป
“แต่...” ยังไม่ได้แม้แต่จะพูดอะไรให้มากกว่านี้
“เธอเองไม่ได้กลับมาที่นี่เพราะต้องการจะทวงคริส จื่อเทาไม่ได้แย่งคู่หมั้นของเธอไปเลยสาวน้อย เธอเองไม่ใช่หรือที่พาเด็กลูกผสมนั่นเข้ามาให้อยู่ในมือของคริสมัน จะมาบอกว่าจะมาทวงคู่หมั้นก็คงไม่ได้ในเมื่อเธอเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นคู่ครองกับอี้ฟานมันนัก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ร่วมมือกับไอ้เจ้าของกลิ่นสาปนั่น ฉันพูดถูกหรือเปล่า”
“...” ซูยอนเงียบเม้มปากแน่น
“อย่าคิดว่าคริสมันไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรลงไป” ยูชอนว่าเตือนสติของหญิงสาวอีกครั้ง อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เคยขึ้นชื่อว่าถูกว่าวางให้เป็นคู่หมั้นของลูกชายคนโตของเขาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงอดีตไปแล้วก็ตามสำหรับยูชอนและเขาเองก็คิดว่าลูกชายเขาก็คงคิดแบบนั้นเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่หมกตัวอยู่แต่กับเมียเด็กเลือดผสมที่รอวันจะตะปบให้ลูกชายเขามันหมอบคามือเมื่อไหร่
“ส่วนอีกเรื่องหนึ่งซึ่งฉันว่ามันสำคัญกว่าเรื่องอี้ฟานแน่ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เสี่ยงให้โดนสงสัยถึงการมีอยู่ของเธอแน่ ๆ” สายตานิ่งเฉยฉายชัดจนหญิงสาวแทบจะตัวสั่น แต่ยูชอนกลับยกยิ้มอ่อนให้แล้วพูดต่อให้เธอคลายกังวล “อย่ากลัวแบบนั้นสิ” แต่มันกลับยิ่งทำให้เธอกลัวในประโยคต่อไปของบิดาของคู่หมั้นเหลือเกิน
“ฉันไม่ใส่ใจว่าเธอเป็นอะไรกันแน่กับคิมแทยอนที่ชานยอลมันฆ่าโดยไม่ใส่ใจว่าเป็นคู่หมั้นที่แม่มันเลือกไว้ระหว่างเพื่อนรักกับที่รักมันถึงได้เป็นปัจจัยหลักที่เธอกลับมาครั้งนี้”
“!!!”
“แต่ถ้าเธอแตะต้องอะไรตาหนูสักนิดเดียวเหมือนตอนที่ตาหนูยังเป็นมนุษย์ล่ะก็ เธอฉลาดพอที่จะรู้ว่าชานยอลมันไม่ปล่อยไว้แน่เหมือนกับพวกเศษเดนที่จงรักพักดีกับแม่ของมัน”
ยูชอนไม่มีทีท่าว่าล้อเล่นจนบรรยากาศตรงนั้นเย็นยะเยือกไปหมด เขาไม่ทนยืนมองซูยอนที่กำลังตกอยู่ในวิตกที่เขาสร้างขึ้นมาให้นานนัก ค่อย ๆ หายไปตามความมืดที่เหมือนคลืบคลานเข้ามารับให้เขาหายไปโดยที่คำเตือนสุดท้ายไว้
“คิดดูให้ดีเจสสิก้าจอง ตาหนูตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ทำร้ายได้”
เขาทิ้งหมายเตือนครั้งสุดท้ายเอาไว้ให้แล้ว ก็อยู่เพียงแค่ว่าจะรับฟังหรือว่ารั้นที่จะสร้างเรื่องต่อแล้วทำลายตัวเองต่อไป..
ถ้าเป็นมนุษย์ทั่วไปป่านนี้อู๋อี้ฟานคงจะปวดหลังเพราะว่านั่งหลังขดหลังแข็งให้เด็กตัวสูงที่เขาจับขึ้นมานั่งตักกำลังเอาหน้าซุกอกเขาโดยไม่ขยับเขยื้อนแล้วครู่ใหญ่ สองมือแข็งแรงยังคงทำหน้าที่ค้องเอวขอดได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จื่อเทาไม่ได้หลับไหลไปเลยเพียงแค่หลับพักสายตาเท่านั้นโดยที่เขารู้ดีเพราะเคยลองแกล้งขยับตัวดันให้เจ้าขนปุยที่ดูแล้วใกล้จะกลายเป็นลูกแมวออกห่างก็โดยเจ้าตัวดีหยิกแขนเกือบจะลงเล็บไปด้วยแล้วก็ซุกเขาแน่นกว่าเดิมเสียอย่างนั้น
ไม่มีการช้อนตามาทำหน้าง้ำหน้างอใส่ พอลองพูดว่าลุกขึ้นไปได้แล้วร่างน้อยก็ทำเสียงอืออาแล้วก็หลับต่อ ถ้าเป็นเด็กเป็นเล็กมันก็ดูน่ารักอยู่หรอก แต่นี่จื่อเทาก็ใช่จะตัวเล็กเสียเมื่อไหร่ มันดูน่ารักก็จริงแต่มันก็ไม่สุด ใครจะไปเข้าใจอู๋อี้ฟานกันเล่า ก็ถ้าเด็กมันอ้อนเป็นแมวไม่ดื้อไม่ซนจนเขาต้องตีบ่อย ๆ แบบนี้ตลอดมันจะดีมากกว่านี้
จะว่าเขาได้คืยจะเอาศอกก็เถอะ ก็แล้วยังไง? หรือว่าที่พูดมามันไม่ใช่ความจริงกันล่ะ?
ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปตลอดราตรีมันก็จะดี แต่มันติดตรงที่เสียงโครมครามที่แว่วเข้าที่มาจากด้านล่างมาให้ท่านผู้นำรู้สึกระคายหูและไม่ชอบใจจนชักสีหน้าจิ๊ปากแต่ก็ไม่ได้เสียงดังให้เด็กที่หลับซุกอกได้ยิน คริสไม่สบอารมณ์นักที่เสียงโครมครามนั้นมาจากการทำลายข้าวของ ก็คงจะเป็นจองซูยอนที่ทำมันหลังจากที่บิดาของตนเล่นจัดให้เสียชุดใหญ่ ไม่เข้าใจนักไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่หรือแม้แต่พวกเราทำไมเวลาที่โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้นั้นต้องไปลงกับข้าวของ
“หึหึ” แต่ยังไงจื่อเทาก็ได้ยินมันอยู่ดีไม่ว่าจะเสียงโครมครามที่อยู่ไกลออกไปหรือเสียงจิ๊ปากอย่างรำคาญของเขา
ก็เป็นหมานิ่ ไม่แปลกที่หูจะดี
“หัวเราะอะไรคะ? ตาหนูใหญ่” แกล้งใช้คำที่พ่อเขาใช้สรรพนามน่าเอ็นดูเสียเหลือเกินแทนชื่อของน้อง ก้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยคมที่ติดจะเหวี่ยงตลอดเวลาจนแทบชิดแก้มนวลแต่ก็โดนมือนุ่มยื่นมาผลักใบหน้าให้ออกห่างแล้วทำเสียงอืออาใส่
“อื้ออออ เอาหน้าออกไปห่าง ๆ เลย”
นี่ถ้ากลายเป็นหมาป่าเขาคงโดนขาหน้าตะปบให้หน้าแหกแน่ ๆ ดูจากทรงแล้วล่ะนะ ... ได้ทีก็เอาใหญ่
“ที่ก่อนหน้านี้ล่ะอ้อนเสียดิบดี พี่คริสอย่างนั้น ฝานอย่างนี้”
“อะไรเล่า!”
“แล้วอะไรล่ะ แล้วเมื่อกี้น่ะขำอะไรหึหึ หึ๊” ยังไม่เลิกยื่นหน้าเข้าไปหาอย่างหมั่นไส้ ก็มีอย่างที่ไหนกัน เพิ่งจะชมกับตัวเองไม่ให้เจ้าตัวได้ยินไปแหม็บ ๆ เห็นไหมล่ะก็เขาไปแล้วว่ามันน่ารักน่าชังได้ไม่สุดเลยจริง ๆ พอว่าให้เข้าอย่างนั้นแทนที่สลด ไม่มีหรอก! แม่คุณผละใบหน้าออกจากอกแล้วมานั่งตัวตรงทั้ง ๆ ที่ยังอยู่บนตักเขาเอาขาพาดอยู่กับพนักพิงทำหน้ายุ่งใส่
“ก็หัวเราะไม่ได้หรือไงล่ะ”
“ก็หัวเราะทำไมล่ะ” คริสย้อนกลับ จื่อเทาก็ยิ่งค้อนใส่ยิ่งกว่าเดิม
“ทีตอนตัวเองอัดคนอื่นติดกับกำแพง ทำลายข้าวของทำได้ทำดี ที่คนอื่นทำบ้างมาทำเสียงไม่พอใจ เสียดายนักทำไมไม่ลงไปเลยล่ะ”
เด็กตัวเล็กกว่าพูดเสียยาวเยียด จิกตาใส่กับเสียงที่แสดงว่าแต่หนูใหญ่ของพ่อเริ่มจะหงุดหงิดเข้าให้เสียแล้ว ร่างเพียวเริ่มขลุกขลักดันตัวจะลุกขึ้นแสดงทีท่าดื้อดึงขึ้นมาอีกครั้งจนคริสถอยหายใจทิ้ง นี่ก็ไม่รู้ว่าแล้วตัวเองถอยหายใจทิ้งเพราะแม่ตัวดีไปกี่ครั้งกี่คราแล้ว อะไรจะดื้อได้ขนาดนี้นักวะ ดุไปก็เท่านั้น ดุไปก็มีแต่ต่อต้านเหมือนอย่างเคย ๆ พอยิ่งคนบนตักดิ้นมากเท่าไหร่คริสเองก็ใช้แขนที่ยังคล้องเอวขอดอยู่รัดแน่นมากเท่านั้น
เอาสิ ก็จะดูเหมือนกันจะทำอะไรได้บ้างนอกจากดิ้นทำเสียงแง้ว ๆ เหมือนลูกแมวอยู่แบบนี้
“ปล่อยเลย จะลุกแล้ว!” สั่งอีกฝ่ายให้ทำตามโดยชักสีหน้าบึ้งตึงใส่แต่คิดว่าอีกฝ่ายจะฟัง?
เจ้าของมือปลาหมึกกอดรัดไว้เสียยากที่ดิ้นให้สะดวก ทำหน้าตึงตังใส่จนเด็กตัวสูงเกือบจะเท่าเขาที่ขลุกขลักสะบัดสะบิ้งหยุดกระทำการต่อต้านแต่สีหน้าไม่ได้หยุดแสดงความไม่พอใจ
“ที่โมโหใส่นั่นน่ะ” พอเห็นว่าน้องหยุดแล้วจากสายตาดุเริ่มเปลี่ยนเป็นทำสายตาเจ้าชู้ใส่ “หึงพี่อยู่หรอคะ”
ปึก !
“ที่ไหนกันเล่า!” แรงทุบเข้าที่หน้าอกเล่นเอาคนพี่ที่พูดหยอกให้น้องเขินต้องสะดุ้ง ไม่ได้ระดมทุบตีเหมือนพวกสาวน้อยในนิยายโบราณพื้นบ้านที่เวลาเขินหรือโกรธก็เอาแต่ระดมทุบ แต่ของจื่อเทาเนี่ยสิ ครั้งเดียวเล่นเอาระบมไปทั้งอก
“แล้วทำไมต้องมาทุบพี่ด้วยล่ะคะ ถ้าพี่ตายขึ้นมาเรานั่นแหละที่จะเป็นหม้ายเพราะตีผัวตายนะรู้ไหม”
“มาคะขาอะไร ปล่อยเลย! อย่าให้หลุดนะอู๋อี้ฟาน!” จื่อเทาหน้าแดงแปร๊ด ปากกร่นด่าพรางใช้มือทั้งสองงัดแงะมือปลาหมึกที่กำลังรัดเขาหนึบอย่างกาว
“ทำไมคะ?” ยังไม่เลิกจะหยอกน้อง แถมยังถามด้วยสีหน้าไขสือ
“ถ้าหลุดไปได้จะไปเอาเลือดคนตายมากรอกปาก!” จากแพนด้าน้อยกลายร่างเป็นแม่เสือเสียแล้วสิ
“โถว เห็นใจพี่หน่อยเถอะ แค่นี้พี่ก็จะตายคาอกเราอยู่แล้ว”
“อู๋อี้ฟาน!”
แต่ท่านลอร์ทก็ไม่ได้โกรธ มีแต่จะชอบใจที่เห็นน้องหน้าแดงโดยไม่รู้ว่านั่นคือความโกรธหรือว่าเขิน แรงหยิกข่วนทั้งงัดและแงะให้หลุดจากอ้อมแขนของเขาไม่ได้สะเทือนอะไรแวมไพร์หนุ่มเลย มีแต่จะขำแล้วก็ทำสำออยใส่ให้จื่อเทาทุบตีเล่น
ที่จริงจะเขาก็คลายให้หลวมแล้วนะแต่พอเจ้าขนปุยจะดันตัวหนีเขาก็แค่ตะคุบไว้ต่อแล้วหยิกเอวร่างเพียว พอน้องโวยวายตัวเองก็ขำลั่น ไม่ใช่แค่อี้ฟานที่ขำหรอก ไอ้เด็กที่ฟาดงวงฟาดงาใส่ที่โดนเขาแกล้งถึงจะโกรธแต่ก็ยังหลุดยิ้มหลุดขำไปกับร่างสูงด้วยแต่มือไม้ก็ยังไม่เลิกระดมหยิกข่วนทำร้ายประมุขใหญ่ของบ้าน
ก็เอาเถอะยอมเจ็บนิดหน่อย อย่างน้อยก็ยังเบี่ยงเบนความสนใจจากนอกห้องนอนนี้ให้จื่อเทาสนใจจะต่อล้อต่อเถียงกับเขานาน ๆ ไม่ใช่ว่าคริสไม่สนใจรอบข้าง แต่นาน ๆ ที่เขาจะได้อยู่กับของรักของหวงนานขนาดนี้โดยไม่ได้ทะเลาะกันเหมือนแต่ก่อน อย่างอื่นก็ช่างมันเถอะไปก่อนแล้วกัน
ปึง!
แต่ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของอี้ฟานก็มักจะผ่านไปเร็วเสมอเหมือนกับไม่ได้สนใจจุดประสงค์ที่เขาอยู่ในกับในปัจจุบันเลยสักนิด ครั้นที่บานประตูห้องถูกกระชากออกอย่างแรงจากท่านบาทหลวงปิศาจด้วยหน้าตายับยู่ยี่ที่มากับคำก่นด่าไม่รักษาภาพพจน์ผู้เผยแพร่ความดีให้กับมนุษย์แล้ว
“ข้างนอกเขาจะฆ่ากันตาย แม่งไม่มีใครสนใจซักตัว แล้วไอ้เจ้าของบ้านมึงมานั่งจู๋จี๋กับเมีย คู่หมั้นมึงกำลังจะฆ่าเมียน้องมึงแล้วอี้ฟาน!!”
TBC..
เอาฮิมชานไปเก็บบบบบบบบ
หนีไปปั่นไฟนอลโปรเจคอีก5ชิ้น
PS. จงเสพเรื่องนี้ต่อไปอีกยาวนาน และเม้นรอกันอย่างต่อเนื่องไปเถิด เพราะเราจะหายไปอีกนาน ไม่ได้หมดกำลังใจแต่ง แต่ต้องไปเคลียร์งาน
อย่าลืมไปสกรีมกันที่แทค #พคล นะคะ ใกล้จบแล้วนะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เดี๋ยวก็โดนแบคจับกินเห้ยยยยยยยยย
นางไม่ได้ปวกเปียกเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ
แล้วอิชานหายไปไหน
ปล่อยให้สุดที่รักโดนทำร้ายได้เหรอ
หรือรุ้อยุ่แล้วว่าสบาย 555555555
#สู้ๆนะค้าา
#ทีมพี่จุนยอง ค่ะ ชอบมากๆ
ร้ายน่าดู 555 ไม่แปลกใจกับนิสัยจื่อเทาเลย
ท่านหญิงนี่รนหาที่นะคะ อยู่ดีๆไม่ชอบ อยากตายอีกรอบว่างั้น
แอบอึ้งกับแบคฮยอน พอเป็นเเวมไพร์แล้วน่ากลัวใช่ย่อย
ไม่เสียแรงที่ชานยอลอุตส่าห์บ่มเพาะความร้ายกาจมาเป็นอย่างดี
ฮาฮิมชานมากอ่ะ ผีดิบจอมตอแหล 5555 อยากอ่าน war of love กันเลยที่เดียว
ไคโด้เขาดูมากันแบบ งงๆ รักกันแบบ มึนๆ เนอะ
สงสารเทาจัง โดนเขาหลอกมาให้ตาย แต่ไมเป็นไร มีพี่ที่น่ารัก(?)
กับ อ่า เขาเป็นไรกันนะ ช่างเหหอะ ถถถถถ คือจะหมายถึงพี่คริสอ่ะ
แต่นึกไม่ออก ว่าเขาเป็นไรกันวะ 5555555555555
พอเหอะ เป็นกำลังใจให้นะครัชชชชชชชช
เอิ่ม แพคฮยอนเปลี้ยนไป๋ = [ ] =! เปลี้ยนไป๋จนน่าต๊กใจ๋