ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic.] SHINEE - In my heart แรงรักในรอยแค้น

    ลำดับตอนที่ #13 : ep.10 up100%บอกชั้นมาสิ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 611
      1
      16 พ.ย. 51

    /> /> />

    ประเทศญี่ปุ่น

     

    ประเทศที่เจริญทั้งเทคโนโลยี  และวัฒนธรรมที่นำมาผสมกับยุคสมัยได้อย่างลงตัว และก็เป็นประเทศที่วุ่นวายแต่ก็ครึกครื้น ทั้งกลางวันและกลางคืนอยู่ทุกวัน

     

    “แต่งงาน !!

     

    ใช่แต่งงาน.....และที่สำคัญมินจินนะที่แต่งงาน

     

    “มินจินเนี่ยนะ!!

     

    อืม จะตกใจทำไมเนี่ย

     

    “มินจินเพิ่งจะ18เองนะ แล้วทำไมถึงได้แต่งงานเร็วนัก”

     

    อันนี้ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ

     

    “แล้วที่สำคัญ...แต่งกับไอ้ตระกูลคิมเนี่ยนะ โว๊ย!! ชั้นอยากจะรู้จริงๆซูมารคิดอะไรอยู่เนี่ย”

     

    เหอะ!! จะอะไรล่ะแกรู้ไรมั๊ยตระกูลเรากำลังจะล้มละลายน่ะ

     

    “รู้!! และก็รู้ด้วยว่าบรรดาญาติ คุณผู้ใหญ่ต่างๆเป็นคนทำ”

     

    ......... ปลายสายเงียบไปซักพักเพราะรู้ว่าตอนนี้ ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็กำลังเครียดไม่แพ้คนที่โทรไปเช่นกัน

     

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหลาน5คนของเราด้วย”

     

    “จะอะไรล่ะ ก็ตระกูลนั้นมันบอกให้แรกกับลูกหลานของตระกูลเราและเน้นว่าต้องเป็นลูกของซูมาร เพราะเหตุผลที่บอกว่าจะดูแล5คนนั้นเป็นอย่างดี และก็จะช่วยให้ตระกูลเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม” ปลายสายตอบกลับมาอย่างละเอียบยิบ

     

    “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ว๊ะ แล้วยอมได้ยังไงลูกหลานตัวเองแท้ๆ ยอมแม้กระทั้งเลหลังขายลูกขายหลาน” แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่าไอ้5คนนั้นมันต้องการตัวลูกสาวของมันอยู่และก็ที่สำคัญแทฮยอนคือความหลังเก่าของคีย์” ร่างสูงสบทออกมาอย่างหัวแต่และต่อว่าออกมาเป็นชุดอย่างที่เขาเคยทำเวลาอารมเสียบ่อยๆ

     

    “ไม่รู้ดิ...ที่สำคัญมากพวกเขาปรึกษากันไว้นานแล้วเหมือนจะรู้ร่วงหน้ายังไงอย่างงั้นเพียงแต่เราสองคนไม่รู้  แต่แกว่างใจเหอะหลานเราดูแลตัวเองได้น่า”

     

    “4คนนั้นน่ะใช่ แต่มินจินอ่ะดิ อ่อนแอ งอแงซะขนาดนั้น”

     

    “อย่างน้อยตระกูลนั้นมันก็ดูและได้แหละน่า แต่แก ไอ้ฮยอกแจ แกรีบกลับมาเกาหลีเพื่อมางานแต่งหลานเดี๋ยวนี้เลย” ปลายสายเรียกชื่อเจ้าของประโยคนั้นทันทีอย่างเอาเรื่องไม่น้อย ก็เพราะว่าโทรทางไกลระหว่าประเทศนะสิแถมคนรับก็กำลังหัวเสียอีกต่างหากเพราะเวลานี้มันเป็นเวลานอนของร่างสูง

     

     

    “อยู่แล้วแหละ....ต้องกลับอยู่แล้วหลานสาวอุตส่าเชิญไปงานแต่งทั้งทีจะไม่ไปได้ไง”  ร่างสูงแต่หุ่นออกบอบบางตอบกลับปลายสายอย่างปลงชีวิตซะเหลือเหลือเกิน

     

    “อืม”

     

    “ที่สำคัญ....คงต้องคุบกับทุกคนในตระกูลอีกยาว”

    “เออ..มาถึงแล้วก็โทรบอกด้วยล่ะจะได้ไปรับ”

     

    “อืมขอบใจมากดงแฮ” ฮยอกแจตอบกลับน้องชายทันที ไม่ต้องบอกหรอดเพราะยังไงเขาก็ต้องให้น้องชายคนนี้ไปรับเขาอยู่ดี

     

    “ไม่เป็นไรไอ้พี่เวร”

     

    “ไอ้น้องเลว!!

     

    ตุ๊ดดดดด.....

     

    ฮยอกแจวางโทรศัพท์จากผู้เป็นน้องชายของเขาทันทีที่เอ่ยชมน้อยชายของเขาจบ จริงแล้ว2คนนี้จะเรียกได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันซะมากกว่าแค่สนิทกันกว่าใครเท่านั้นเอง(อย่าจิ้นไปไกลว่าเป็นอึนเฮ) เขาก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงขนาดคิงไซด์อีกครั้ง พร้อมกับความคิดต่างๆที่เข้ามาในสมองของเขา  หลานสาวสุดที่รักจะแต่งงานมันก็น่าดีใจอยู่หรอกแต่ถ้าไม่ใช่ตระกูลที่ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ รุ่นลูก จนมาถึงรุ่นหลานของเขา ตระกูลคิมนั่นเอง   และที่สำคัญไอ้5คนนี้ใครๆก็รู้ว่าเป็นยังไง ร้ายซะยิ่งกว่าใครในตระกูลนั้นซะอีก  แล้วหลานผมมันยอมไปอยู่ด้วยและยอมแต่งงานด้วยเนี่ยนะ

     

    แต่งเพราะความรักงั้นหรอ

     

    ถ้าไม่ใช่มีหวังช้ำใจตาย..........แล้วทำไมผมถึงไม่รู้มาก่อนล่ะว่ามินจินหลานสาวคนเล็กของผมมีแฟน แต่ผมก็อยากให้มันเป็นไปได้ด้วยดี..........เมื่อไหร่เรื่องเหล่านี้มันจะจบซะทีนะ หวังว่ามันคงจะจบเพียงเท่านี้..........จบเพราะความรักจริงๆ ไม่ใช่ความแค้นระหว่าง2ตระกูลอย่างที่ผ่านมา

     

     

    ท้องฟ้าในยามบ่าย  ในฤดูหนาว ยิ่งดูหนาวนักเมื่อหญิงสาวผมยาวสยายบวกกับตาที่กลมโตหน้าตาสะสวยชวนมองที่อยู่ในชุดเสื้อคลุมที่ดูมีราคาแพง และยิ่งจะดูหนาวเย็นหนักกว่าเดิมเมื่อร่างบางที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลลีนั้นยืนอยู่หน้าหลุมศพแบบคริสต์ของใครบางคนที่เธอรักมากมายซะเหลือเกินที่อยู่ในเขตใจกลางเมือง มือเรียวบางกำลังวางช่อลิลลี่ช่อสวยให้แก่ผู้ที่นอนหลับใหลอยู่ภายในใต้ศิลาแผ่นนั้น  หลับใหลไปตลอดกาล หลับอย่างไม่มีวันตื่นขึ้นมามองพวกเขาอีกแล้ว

     

    “หลับให้สบายนะคะแม่!!” ร่างบางยิ้มบางๆ พร้อมกับลูบเบาๆรูปหน้าหลุมศพของแม่ที่เขารักนักหนา

    เธอไม่ต้องมารับความเจ็บปวดแบบที่ลูกเธอได้รับอีกแล้ว เธอไม่ต้องเจ็บปวดเพราะสามีเธออีกแล้ว

    แต่เธอคงจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเหล่าลูกๆของเธอในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี ถึงเธอจะจากไปแล้วก็ตาม

     

    “แม่จะอยู่เคียงข้างพวกเราใช่มั๊ยคะ”

    “เราไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาบอกลูกมาใช่มั๊ยคะแม่” ฮยอนจาเอ่ยถามออกมาอย่างเลื่อนลอยบอกกับน้ำใสๆที่ล้นเอ่อมาจากตาคู่สวยของเธอ  เธอไม่อยากร้องไห้เลยด้วยซ้ำ เธอไม่อยากให้ใครรู้เลยว่าเธออ่อนแอแค่ไหน แม้แต่แม่ที่จากไปแล้วของเธอ  ไม่อยากเลยจริงๆ ไม่อยากให้ใครต่อใครรู้ว่าเธออ่อนแอเพียงใดในยามนี้

     

     

    “คุณฮยอนจาครับ คุณชายใหญ่ให้มาตามครับบอกว่าต้องไปที่อื่นกันอีก ...หนูจะเข้มแข็งนะค๊ะแม่ หนูรักแม่นะคะ” ชายในชุดคลุมกันหนาวสีดำคลุมทั้งตัวที่หน้าตาโหดๆพูดกับเธออย่างนอบน้อมกว่าเมื่อวานนี้มาก เพราะคำสั่งของคุณชายคนโตของบ้านซะมากกว่าที่สั่งไว้เด็ดขาดว่าพวกเธอเป็นคนของที่นี่ไปแล้ว และต้องพูดกับพวกเธอเหมือนที่พูดกับพวกเขา   แต่การกระทำของอนยูที่สั่งไปนั้นเป็นเพราะไม่อยากให้พวกเธอมองว่าพวกเขาเอาเปรียบพวกเธอถึงขนาดลืมฐานะของพวกเธอต่างหากถึงแม้ที่สั่งนั้นจะเป็นการกระแทกแดกดันก็ตามที

     

    ร่างบางให้มาชำเลืองเล็กน้อยพลางพยักหน้าตอบกลับไปเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะหันมายิ้มให้แกแผ่นศิลาแผ่นนั้น

     

    “แล้วลูกจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ หรือไม่น้องๆก็คงจะมาเยี่ยมแม่ด้วย” ร่างบางยิ้มให้กับรูปมารดาของเธออีกครั้งก่อนจะเดินจากไป ณ จุดที่เธอยืนอยู่ทันที  เพื่อจะตรงไปยังรถเบนซ์สีดำคันหรู ซึ่งภายในรถคันนั้นได้มีบุคคลที่พาเธอมาที่นี่นั่งรออยู่ซักครู่หนึ่งแล้ว  


    50%.......


    /> /> />

    “ชักช้า....รู้หรือเปล่าว่าชั้นรอนานเท่าไหร่” อนยูเอ่ยถามร่างบางทันทีที่เธอมาถึงรถยนต์คันหรูที่ร่างสูงนั่งบ่อยๆ แต่การถามของเขานั้นไม่ได้หันหน้าไปถามฮยอนจาอย่างเอาเรื่องแต่อย่างใด  กลับกลายเป็นนิ่งเฉยและน้ำเสียบที่เรียบๆของเขาซึ่งผิดไปจากเมื่อวานเป็นปริตทิ้ง

    “ขอโทษด้วยค่ะที่ต้องเป็นภาระและต้องรอนานๆ” ตอนนี้เธอดูเหมือนจะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนที่นั่งข้างๆตัวเธอแต่อย่างใดเพราะน้ำเสียงที่ตอบออกไปนั้นเป็นน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าซะเหลือเกิน และก็แน่นอนว่าสำหรับอนยูแล้วคำตอบของฮยอนจาก็ยังคงความที่ประชดประชันและยังเต็มไปด้วยความยิ่งยโสที่อยู่ในตัวเธออยู่ดี

    “เหอะ!   รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องให้ย้ำบ่อยๆ”  คำพูดของชายร่างสูงนั้นไม่ว่าจะพูดอะไรมากมายซักเท่าไหร่ ก็เหมือนกับว่าคำเหล่านั้นกลับกลายเป็นแค่เพียงสายลมที่ผ่านเข้ามาในจุดนั้น เพราะเธอในตอนนี้กลับอยู่แต่ในอาการที่เหม่อลอยและโหวงเหวงใจซะเหลือเกิน   จนทำให้บรรยากาศในรถคันหรูนั้นกลับกลายเป็นความเงียบงันและน่าอัดอึดยิ่งนัก

    อึดอัดมาก.........

     

    อัดอัดจนกระทั่งร่างสูงต้องเป็นฝ่ายทำลายความเงียบซะเอง “กะไอ้แค่ร่างที่มันไร้วิญญาณแค่คนเดียว ถึงกลับต้องไว้อาลัยให้นานเลยรึไงกัน.........ตายไปแล้วแท้ๆยังจะให้ตัวเองมารับภาระเพิ่มอีกอยู่ได้....แม่ก็พ่อเธอนี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยซักนิดเดียว”



    “อย่าเอาพ่อชั้นไปเปรียบเทียบกับแม่ชั้นนะ!!   เขาสองคนไม่ใช่คนนิสัยเหมือนกัน” ฮยอนจาหันมาตวาดอนยูอย่างเหลืออด...เธอไม่ชอบเลยจริงๆที่จะให้ใครต่อใครมาต่อว่าครอบครัวของเธอและยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ที่เป็นผู้ชายคนนี้

     

    “ทำไมจะไม่เมือนกัน!.. ไหนเธอลองบอกมาซิว่าพ่อแม่เธอมันต่างกันตรงไหน” อนยูหันมาตระคอกกลับอย่างคนหัวเสียทันตามนิสัยของเขาที่ไม่ชอบให้ใครมาเถียงหรือตระคอกให้เขาพร้อมกับส่งคำถามให้ฮยอนจาตอบด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยามและพร้อมที่จะขยี้เธอได้ตลอดเวลา

     

    “มีสิอย่างน้อยท่านก็ไม่คิดส่งพวกเราให้มาอยู่กับพวกนาย”

     

    “ฮ่ะฮ่ะ นี่ฮยอนจา นี่เธอโง่หรือแกล้งดง่กันแน่.....หรือว่าเธอไม่รู้จริงๆว่าแม่เธอนั่นแหละที่เห็นดีเห็นงามกับทุกคนในตระกูล  แต่ดันมาทะเลาะกับพ่อของเธอเรื่องที่พ่อเธอแอบมีเมียน้อย แล้วก็หอบผ้าหอบผ่อนพร้อมกับลากพวกเธอมาอยู่อย่างลำบากน่ะหะ! คำพูดของอนยูแต่ละคำแต่ละประโยคเหล่านั้นทำให้เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออกทันที   เพราะแต่ละอย่างที่อนยูกล่าวออกมานั้นล้วนแต่เป็นความจริงทั้งนั้น

     

    ความจริงที่แทงใจของเธอเหลือเกิน.......

     

    พูดออกมาไม่ได้เถียงหรือตอบโต้ไม่ได้  เพราะมีแต่เพียงน้ำตาเท่านั้นที่ออกมาจากดวงตาคู่สวยของเธอ ....

     

    ไหลออกมาอย่างที่ไม่ต้องการให้มันออกมาเสียด้วยซ้ำ.......

     

    “เธอนี่มันบ่อน้ำตาตื้นจริง ๆนะ  แค่นี้ถึงกับร้องไห้ออกมาเลยหรือไง? ...เธอนี่มันไม่กับเป็นพี่สาวคนโตของตระกูลเลยจริงๆนะ” สายตาที่สมเพสถูกส่งไปยังหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าเพื่อที่จะเก็บซ่อนน้ำตาเอาไว้แต่ก็ปิดไม่มิดเอาซะเลย

     

    “ชั้นเจ็บ....ปล่อยข้อมือชั้นได้หรือยังคะ”  ฮยอนจาพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะแรงบีบของอนยูที่ส่งไปยังข้อมือเธอนั้นแรงเหลือเกิน แรงจนร่างสูงเองก็ลืมตัวไปว่าเขากำลังบีบขอมือของฮยอนจาแน่นเกินไป   อนยูจึงรีบเปล่ามือทันทีแต่คำพูดของเขาไม่ได้หยุดตามไปด้วย

    “ยังมีอีกหลายเรื่องนะเกี่ยวกับครอบครัวของเธอที่พวกชั้นรู้แต่พวกเธออาจจะยังไม่รู้ รู้ว่ารู้แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ในความเลวต่าง ๆ ที่ครอบครัวเธอทำเอาไว้”

     

    “....”

     

    “เธออยากจะรู้ไหมล่ะว่ามีอะไรบ้าง”

     

    “...”

     

    “แต่ชั้นว่า...เธออย่าเพิ่งรู้ตอนนี้ดีกว่า....ขืนรู้ไปก็มีแต่จะทำให้ช้ำใจตายซะเปล่าๆ”

     แต่ถ้าเธออยากจะตาย เธอก็ยังตายไม่ได้หรอกฮยอนจา.....

     

    เพราะมันเร็วเกินไปยังไงล่ะ......

     

    ชั้นจะไม่ทำให้เธอตาย....

     

    เพราะสิ่งที่เธอจะต้องรับมันไป...

     

    คือความเจ็บปวดที่ยากเกินจะเยียวยา......

     

    ที่ชั้นกำลังจะหยิบยื่นให้เธอตั้งแต่นี้เป็นต้นไป....

     

    เพราะมันยาวนานกว่าสิ่งไหนๆ.... ลีฮยอนจา

     _____________________________________________________________


    ในที่สุดก็100%แล้วค่ะ ค้างไว้ตั้งแต่ใกล้เปิดเทอมเน๊อะ

    ตอนนี้คงจะงงๆกันเล็กน้อยนะ

    แต่ตอนต่อไปไม่เกินอาทิตย์นี่แน่นอนค่ะ

    และอีกไม่นานงานแต่งของแทมินกับมินจินก็ใกล้จะมาถึงแล้วค่ะ

    แต่ตอนนี้ขอไปปั่นงานกับตอนต่อไปก่อนนะค๊ะ

    ยังไงก้ติดตาม ติชมด้วยค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×