คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Darling, youre my enemy : 3 (rewrite)
3
“จงอิน แบคฮยอน”
“ครับคุณนาย”
“ไปเฝ้าปาร์ค มินซูที่โรงพยาบาล 24 ชั่วโมง อย่าให้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องพักได้ ถ้ามีคนเข้ามาทำร้ายก็จัดการได้เลย”
---------------------------
Luhan’s part
“คริส วันนี้ตอนเช้านายจะกินอะไร..คริส..คริสได้ยินฉันมั้ยเนี่ย เฮ้ย! หายไปไหนวะ” ไอ้เพื่อนตัวยุ่งของผมมันหายไปไหนเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะตื่นเช้าได้ขนาดนี้ ผมเด้งออกจากเตียงแล้วเข้าไปดูในห้องครัว มีกระดาษแผ่นนึงวางไว้บนโต๊ะ
‘นายไม่ต้องทำข้าวเช้าให้ฉันนะ เดี๋ยวเย็นๆจะกลับมา’
“ชิ ไปไหนของเขาอีกละ”
หลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เข้าครัวไปหยิบขนมปังมาแผ่นหนึ่งแล้วมานั่งหน้าโน๊ตบุ๊คของคริส...
ผมค่อยๆเปิดโน็ตบุ๊คขึ้นก็พบว่ามันไม่ได้ปิด สงสัยเมื่อคืนทำอะไรไว้แล้วหลับคาคอมแน่ๆ จากนั้นผมก็เห็นว่าหน้าอีเมลของคริสเปิดอยู่ แล้วผมก็เห็นอีเมลที่คริสเปิดค้างไว้ มันเป็นอีเมลจากอาเฟิงนี่เอง..
‘ทำได้ดีมาก อีก 1 อาทิตย์จะส่งคนไปจัดการมินซู ส่วนลู่หานกับคริส...ตอนนี้เหลือแค่จัดการกับเรื่องเด็กในคำทำนาย รู้ใช่มั้ยว่ามันสำคัญกับครอบครัวของลู่หาน ไปสืบมาว่าเป็นใคร แล้วส่งข้อมูลกลับมาอีกที’
นี่คริสส่งข้อมูลเกี่ยวกับปาร์ค มินซูไปให้ทางนั้นแล้วหรอเนี่ย..
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นผมหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นอาเฟิงเองที่โทรมา
“ฮะ”
(ลู่หาน กลับจีนด่วน)
“ว่าไงนะฮะ...ให้ผมกลับจีน? กลับไปทำไม”
(พวกนั้นส่งคนมาเป็นสายสืบ แล้วรู้ว่าทางเราส่งนายกับคริสมาเกาหลี รีบกลับมาปิดปากมัน)
“แล้วพวกนั้นรู้ได้ยังไงฮะ”
(อย่าดูถูกบริษัทนี้เด็ดขาด บริษัทนี้มีหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน พูดง่ายๆก็เหมือนกับบริษัทเรานั่นแหละ)
“ทำไมไม่ให้คริสไปล่ะฮะ”
(นายถนัดเรื่องการสะกดรอยมากกว่าคริส และอีกอย่าง คริสก็คงจะต้องอยู่ดูเรื่องเด็กที่จะทำลายครอบครัวนายด้วย รีบหาไฟลท์บินกลับมาให้เร็วที่สุดนะ เดี๋ยวจะส่งข้อมูลของคนที่ต้องจัดการไปให้)
“รับทราบฮะ”
พอวางสายจากอาเฟิงเรียบร้อยผมก็ลุกไปหยิบโน๊ตบุ๊คของตัวเองมาเปิดหาไฟลท์บินกลับปักกิ่งให้เร็วที่สุด ...มีวันนี้ตอนสี่โมงเย็น ผมหันกลับไปดูนาฬิกา ตอนนี้10โมงแล้ว ผมคงไม่ได้อยู่บอกคริสสินะ นี่นายไปไหนก็ไม่บอกฉัน เฮ้อออ อย่าบอกนะว่าไปติดสาวที่ไหนจะถีบให้กระเด็นเลยยยย
พอดูไฟลท์เสร็จเรียบร้อยผมก็จัดการเปิดอีเมลของตัวเองเพื่อดูข้อมูลที่อาเฟิงส่งมาให้
“โอ เซฮุน? ทำไมหน้ามันคุ้นๆนะ เหมือนเคยเจอที่ไหน..”
ผมปล่อยให้ตัวเองสงสัยอยู่อย่างนั้น นึกยังไงก็นึกไม่ออก ผมคงมโนไปเองล่ะมั้ง ผมสลัดความคิดออกไปจากหัวแล้วปริ้นท์ข้อมูลที่เพิ่งได้รับเมื่อกี้ออกมา เก็บใส่ซองสีน้ำตาลแล้วยัดใส่กระเป๋าอีกที
ลู่หาน งานนี้นายถึงตายเลยนะ..
----------------------
Kris’s part
วันนี้ผมต้องยอมตื่นเช้าออกไปซื้ออาหารแล้วไปทำภารกิจที่เพิ่งได้รับมาเมื่อคืนต่อ ผมไม่อยากจะปลุกลู่หานเขาน่ะ เลยวางโน้ตไว้ให้ที่โต๊ะกินข้าว
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆแล้วครับ ผมยังไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับเด็กคำทำนายอะไรนั่นเลย เอาจริงๆนะ มันคงเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องคำทำนายมากน่ะครับ แต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ ยิ่งทำงานแบบนี้ชีวิตเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อ่า ใช่ครับ งานของผมก็เป็นสปายนี่แหละ ผมไม่มีทางเลือกหรอก หลังจากที่พ่อแม่ของผมเสียชีวิตไปผมก็ต้องเข้ามาเป็นหน่วยงานลับของบริษัทแม่ของลู่หานโดยมีหลี่เฟิงเป็นคนควบคุม
ผมกลับมาที่คอนโด วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว ผมหยุดที่หน้าประตูก่อนจะเคาะประตูให้ลู่หานมาเปิด ของมันเต็มมือครับ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ลู่ เปิดประตูหน่อย”
...
..
.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ไอ้ลู่ ได้ยินมั้ยเนี่ย”
...
..
.
ให้ตายสิ ผมไม่ได้พวกคีย์การ์ดไว้ด้วย ลู่มันคงหลับอยู่แน่ๆ เฮ้ออ....เอาไงดี..
ผมเบือนหน้าไปมองประตูห้องข้างๆที่ปิดสนิทอยู่ เฮ้อ ต้องเข้าไปจริงๆหรอเนี่ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
(ครับบบบ) เสียงจากในห้องตะโกนออกมา
ประตูถูกเปิดออกแล้วร่างบางก็โผล่ออกมาจากหลังประตู ก่อนจะเหวอไปนิดหน่อย - -
“มะ.. มาทำอะไรเนี่ย”
“ขอใช้ห้องนายเป็นทางผ่านหน่อย” ผมไม่รอให้มันถามมากกว่านี้หรอกครับ ผมกะว่าจะปีนระเบียงห้องหมอนี่ซึ่งเชื่อมกับระเบียงห้องของผม
“หา?” ทำหน้าเอ๋อไปอีกแล้ว ไม่สนใจหรอกครับ ผมวางของที่ถือเอาไว้หน้าห้องแล้วเดินไปเปิดประตูระเบียงของหมอนั่น เตรียมจะปีนข้าม
“นี่นายยยย ฉันไม่อยากให้มีคนมาตายในห้องฉันนะ ประตูห้องก็มีทำไมไม่เข้า จะมาปีนระเบียงทำไมมมมมมม” ไอ้บ้านั่งแหกปากซะดังลั่น แล้ววิ่งมาดึงแขนผมออกไป โอ้ยยจะอะไรนักหนา แค่นี้ไม่ตกตึกหรอกน่า หล่อขนาดนี้(?)
“ก็ไม่มีคีย์การ์ดไงถึงต้องมาปีนเอา หลบไปได้แล้ว”
“ไม่ได้ ไม่ให้ปีน!” เมื่อกี้หูผมฝาดไปรึเปล่า -0-
“ระเบียงมันติดกันแค่นี้เอง นายอย่ามาบ้าน่า” ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ เลยผลักคนตรงหน้าออกไปให้พ้นกับระยะที่อาจจะโดนขาของผมได้
“โอ้ย”
เวรละไง ผมผลักหมอนั่นไปโดนขอบประตูทางออกระเบียงพอดี หน้าผากเลือดซิบๆด้วย แผลพองเลย
“เป็นอะไรรึเปล่า ฉันขอโทษ”
“เจ็บเซ่ไอ้บ้าเอ๊ยย” ขนาดเจ็บยังด่าได้ เฮ้ออ ดื้อจริงๆ
“มา ทำแผลให้” ผมดึงเขากลับเข้ามาในห้องก่อนแล้วให้ไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะผละออกมาหากล่องยา
“กล่องยาห้องนายอยู่ไหน”
“อยู่ตรงชั้นใกล้ๆทีวี”
ไม่นานร่างสูงก็เดินกลับมาพร้อมกับกล่องยาในมือแล้วนั่งลงๆข้างๆคนที่ทำหน้าบูดอยู่บนโซฟา
คริสวางกล่องยาไว้บนโต๊ะตัวเล็กแล้วหยิบหลอดยาออกมา
“เงยหน้าเร็ว” ชานยอลทำตามอย่างว่าง่าย แต่ปากก็คงยู่อยู่เพราะความวู่วามของอีกคน
“โอ๊ย เบาๆหน่อยได้มั้ย แผลฉันจะอักเสบขึ้นก็เพราะนายนี่แหละ”
“แผลนายจะอักเสบก็เพราะนายหันไปหันมานี่แหละ อยู่นิ่งๆสิ” คริสใช้มืออีกค้างจับหน้าชานยอลให้อยู่เฉยๆ
คนตัวบางเริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเพราะตอนนี้ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เมื่อคริสทายาเสร็จแล้วก็เป่าให้1ครั้ง คริสดูผงะไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าหน้าของเขาอยู่ใกล้กับคนตัวเล็กมากไปแล้ว ทั้งสองจ้องตากันสักพักก่อนที่หน้าของทั้งคู่จะค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันเรื่อยๆ....
To Be Continue
ความคิดเห็น