ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] Marry me? รักผมก็บอก [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #23 : Marry Me? : END

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 57










    Marry me?


     

    END








     

    ผ่านไป2สัปดาห์



     

         “ไอ้คุณคริสครับบบบ นี่มึงจะได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่เนี่ย” เทาที่มาเยี่ยมคริสอยู่บ่อยๆเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าตัวเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะต้องเข้าออกโรงพยาบาลทุกวัน

     


         “ไม่รู้ว่ะ อีกอาทิตย์นึงมั้ง แต่กูก็รู้สึกปกติดีแล้วนะ”

     


         “โดนยิงไปตั้งไม่รู้นัด โชคดีที่โรงพยาบาลมีเลือดให้มึงไม่งั้นมึงตายไปนานแล้ว อีกอย่างอวัยวะภายในอาจจะยังไม่โอเคมึงเลยต้องนอนจมเตียงนี่ เข้าใจป่ะ” ลู่หานเดินเข้ามาพร้อมกับแอปเปิ้ลในจาน

     


         “เออๆ กูก็พอเข้าใจ กูเบื่อจะแย่แล้วเนี่ย” ร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงบ่นอุบพร้อมกับทำหน้าเซ็งเต็มที

     


         “เอาแอปเปิ้ลกูไปกินก่อน มึงจะได้เป็นสโนไวท์แล้วมีชานยอลมาจุมพิต” ลู่หานว่าพลางยื่นจานแอปเปิ้ลที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆให้เพื่อนของตนเอง

     


         “นี่มึง กูต้องเป็นเจ้าชายสิวะ”

     


         “ช่างเถอะน่า กินๆเข้าไปเถอะ” เทาพูดตัดบท

     


         “เออๆ แล้วคริสตัลเป็นไงบ้าง” คริสเอ่ยขึ้นมา

     


         “ยังจะมาห่วงแฟนเก่าอีกหรอ คนที่มึงควรจะห่วงคือคนที่อยู่ห้องข้างๆไม่ใช่หรอวะ” เทาตอบกลับไปในขณะที่แย่งแอปเปิ้ลในจานไปกิน

     


         “อยากรู้ว่าได้รับโทษอะไรมันผิดมากหรอกวะ” คริสตอบกลับไปแบบหัวเสีย

     


         “โดนหลายคดีเลยมึง อย่างแรก ยัยผู้หญิงนั่นเคยโกงบัญชีบริษัทที่อังกฤษกู อย่างที่สอง โกงบัญชีอู๋กรุ๊ป แล้วก็อีกอย่างนึงคือโดนข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งมึงกับชานยอลนั่นแหละที่เป็นเหยื่อในคดีแต่ว่ามีหลักฐานมัดตัวเยอะคดีเลยปิดง่ายหน่อย” เทาร่ายยาวก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือ

     


         “ดีแล้วที่มึงไม่หลงผิด เฮ้ออออออออ” ลู่หานส่ายหน้า

     


         คนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยได้แต่ยกยิ้มออกมา จริงๆที่เทาพูดมาเมื่อกี้ก็ไม่ได้ฟังเท่าไหร่ ตอนนี้คิดแค่อยากจะออกจากห้องแคบนี่เร็วๆแล้วไปหาชานยอลมากกว่า

     

    ...



     

    ...



     

    ...

     



    Chanyeol’s part



         ชีวิตในโรงพยาบาลมันน่าเบื่อมากครับ น่าเบื่อที่สุด วันๆก็แค่นอน กิน  นอน กิน นอนนนนนนน อาหารของโรงพยาบาลก็ไม่เห็นจะอร่อย ไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำเลย หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมกับคริสยังไม่ได้เจอกันเลยครับ ดูจากสภาพของพวกเราก็พอจะเข้าใจอยู่.. ทำยังไงได้ล่ะ ถ้าไม่ได้คริสวันนั้นป่านนี้ผมอาจจะไปนอนอยู่บนสวรรค์ก็ได้นะ นี่คริสมันจะตายมั้ยเนี่ย T^T ส่วนไคกับดีโอก็ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมาครับ ดีโอหายดีแล้ว ร่างกายหมอนั้นฟื้นเร็วมากเลยครับ ผมล่ะอิจฉาจริงๆ ส่วนแบคฮยอนก็กลับมาจากอังกฤษพร้อมกับแฟนมัน เฮ้อออออ



         “ไอ้ยอลลลล” เสียงของเพื่อนๆของผมที่มาเยี่ยมผมเหมือนทุกวันดังมาจากหน้าประตูอีกแล้วครับ ผมน่าจะชินกับอะไรแบบนี้สักทีนะ แต่เหมือนไม่ได้ยินเสียงเจ้าพวกนี้มานานมาก ฮ่า~

     


         “แท่นแท๊นนนนน มึงดูซิวันนี้กูซื้ออะไรมาเยี่ยมมึง” เจ้ามนุษย์ผิวสีเดินเข้ามาพร้อมกับตระกร้าแบรนด์รังนก...

     


         “มึงไม่มีปัญญาซื้ออย่างอื่นรึไงวะ” ...ทำไมมันต้องซื้อมาเหมือนกันทุกครั้งเลยเนี่ย นี่ผมกินรังนกจนหน้าจะเป็นนกอยู่แล้วนะ!

     


         “อันนี้มันมีส่วนลดว่ะเพื่อน ฮ่าๆๆๆ” ไคเดินเอาตระกร้ารังนกเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะ แบคฮยอน ดีโอ และเซฮุนก็เดินตามๆกันเข้ามาพร้อมกับแบรนด์รังนกคนละตระกร้า ให้ตายสิ...

     


         “นี่พวกมึงก็ไม่คิดจะซื้ออย่างอื่นให้กูเลยใช่มั้ยเนี่ย”


     

    “พอดีมันมีส่วนลดว่ะเพื่อน” สามคนที่เหลือตอบออกมาพร้อมกัน แถมยังทำท่ายังคิ้วเหมือนกันอีกต่างหาก! ไอ้พวกนี้มันไม่มีสำนึกความเป็นเพื่อนอยู่เลยใช่มั้ยครับบบบ


     

    “เออๆๆ ยังไงก็ขอบคุณนะเว่ย” 


     

    “มึงได้ไปเยี่ยมคริสยังวะ” แบคฮยอนว่าพลางหย่อนก้นลงโซฟาตัวโปรด


     

    “สภาพกูเป็นแบบนี้ให้เข็นรถเข็นไปเยี่ยมรึไง มึงจะเข็นให้กูมะ”


     

    “ไม่ล่ะ เดี๋ยวกูมีเดทต่อ” ดูแบคฮยอนมันทำหน้า...น่าถีบออกโรงพยาบาลมากครับบอกเลยยยย


     

    “พรุ่งนี้มึงก็กลับบ้านได้แล้วนี่ ไปเยี่ยมพรุ่งนี้ก็ได้นิ เออมึงช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เซฮุนเอ่ยขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆแบคฮยอน ..อืม..จะว่าไปผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแฮะ


     

    “อืม..วันนั้นกูไม่สบาย คริสก็เลยให้ไอ้ไคกับดีโอมาเฝ้ากูที่บ้านเพราะคริสต้องไปงานเลี้ยงลูกค้าอะไรนี่แหละ แล้วมันจะมีช่วงที่ไอ้สองคนนั้นมันไม่อยู่ในห้อง ตอนนั้นมั้งที่กูโดนโปะยาสลบ หลังจากนั้นกูก็ตื่นขึ้นมาเห็นว่ากูอยู่ในห้องบ้าอะไรสักอย่าง แล้วกูก็โดนยิง...”


     

    “เสร็จแล้วคริสก็โผล่มาจากนั้นพวกมึงสองคนก็เลยแย่งกันรับกระสุนแทนกันอ่ะนะ โหยยย” ดีโอพูดขัดขึ้นมาเมื่อผมเล่าไปได้สักพักหนึ่ง


     

    “มึงพูดอะไรเนี่ย ใช้คำได้ทุเรศมาก” ขอด่ามันทีเถอะ แย่งกันรับกระสุนเนี่ยนะ พูดให้ถูกต้องพูดว่าตายแทนกันต่างหาก หึ่ยยย จะว่าไปคิดแล้วก็อายชะมัด อยู่ๆไปรับกระสุนแทนเขาเนี่ยนะ นี่ตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ใครจะไปยอมตายแทนคริสครับ ไม่มีหรอก โอ้ยยยย นี่มันเท่ากับผมโยนศักดิ์ศรีทิ้งไปต่อหน้าหมอนั่นเลยนะ! คิดแล้วจะเป็นบ้า T____T 


     

    “แล้วมันไม่จริงรึไง มึงเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามรัก(?)ได้นี่โคตรเก่งเลย ให้กูเดานะ แม่งต้องพูดกันแบบนี้แน่ๆ ชานยอล...น..นาย..ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” ไอ้ไคว่าพลางหันไปเล่นละครกับเซฮุน 


     

    นาย..อดทนไว้ก่อนนะ” โอ้ยยยยย ไอ้ฮุนก็รับบทซะดิบดี นี่พวกมันมีกระแสจิตรึไงครับ นี่มันตรงกับคำพูดของผมมากเกินไปแล้วนะ!  อยากจะถีบมันออกจากห้องจริงๆเลยยยย


     

    “กรี๊ดดดดด โรแมนติกมากกกกกกก” แบคฮยอนก็เอากับเขาด้วยหรอ 
     

     

    “พวกมึงหยุดเหอะ กูเห็นแล้วจะอ้วก” ดีโอพูดตัดบท ดีครับดี ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว..


     

    “นี่ไอ้นางเลขานั่นมันใจมารขนาดนี้เลยหรอวะ ดูแม่งทำกับเพื่อนกูแต่ละคน เดี๋ยวกูจะจัดข่าวให้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลย!” เซฮุนว่าพลางตบตักตัวเอง.. ฉลาดมากเซฮุน ผมก็ไม่ชอบขี้หน้าไอ้เลขานั่นเหมือนกัน ทำผมซะขนาดนี้ใครจะให้อภัยได้! 


     

    “จัดเลยไอ้ฮุน กูเป็นสปอนเซอร์ให้” แบคฮยอนกับไคพูดขึ้นมาพร้อมกัน แหม่..ทีเรื่องแบบนี้นี่ร่วมมือกันดีจริงๆเล้ยยยยยยยย


     

    “ชานยอลลูกแม่~~~~~~” โอ๊ะ เสียงหม่อมแม่ของผมเองครับ ยังไม่ทันที่เพื่อนของผมจะเม้ามอยกันเสร็จแม่ของผมก็วิ่งมาหาผมทันที 


     

    “อันยองครับคุณแม่” ทั้งสี่คนกลายเป็นคนเรียบร้อยทันที...


     

    “สวัสดีจ้ะเด็กๆ ชานยอลลลล วันนี้แม่เอาเสื้อผ้ามาให้เหมือนเดิมนะ พรุ่งนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วดีใจใช่มั้ยล่ะ”


     

    “ขอบคุณนะครับบบ แม่น่ารักที่สุดเลยยยยย”


     

    “แหม ทีแบบนี้ชมใหญ่เลยนะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็อย่าลืมมาเยี่ยมคริสล่ะ ห้องก็อยู่ข้างๆกันเนี่ย”


     

    “ครับผม^^” ถึงแม่ไม่บอกผมก็ไปอยู่แล้วน่า..


     

    ....


     

    ....


     

    ....

     

    วันต่อมา
     

    “ไอ้ยอล วันนี้มึงลางานทั้งวันทำไมไม่บอกกูเนี่ย”


     

    “บอกบอสให้หน่อยว่ากูต้องพักฟื้นอีกหนึ่งวัน” ชานยอลหันไปขยิบตาให้เพื่อนตัวเองก่อนจะกระโดดขึ้นรถตัวเอง


     

    “จะไปหาหวานใจทำไมไม่บอกกันตรงๆวะเนี่ย” ไคได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ


     

    ...


     

    โรงพยาบาล

    ประตูห้องผู้ป่วยหมายเลข 2610 ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างโปร่งก้าวเข้ามาแบบเงียบๆก่อนจะใช้สายตาสำรวจคนที่นอนอยู่บนเตียง


     

    “หลับอยู่ก็ดี” ชานยอลเอ่ยกับตัวเองก่อนจะเดินเข้ามาใกล้คนที่นอนอยู่พร้อมกับวางกระเป๋าของตัวเองไว้ที่โซฟาด้านข้าง
     

    ร่างโปร่งมองไปรอบๆห้องก่อนจะมานั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆเตียงผู้ป่วย ตากลมมองคนที่กำลังหลับอยู่ก่อนจะยกแขนขึ้นเท้าคางกับขอบเตียง 


     

         “นายอย่าเพิ่งตื่นขึ้นมานะ ขอฉันพูดอะไรหน่อย ถ้านายตื่นขึ้นมาฉันจะโกรธนาย” ชานยอลเอ่ยออกมาเมื่อแน่ใจว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงยังหลับอยู่


     

    “ฉันไม่เข้าใจตัวเองจริงๆนะ ฉันจะมาหานายทำไมเนี่ย แล้วฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่าทำไมตอนนั้นในใจฉันจะต้องเรียกหาแต่นาย ขอให้เป็นนายคนเดียวที่จะมาช่วยฉัน...แล้วมันก็เป็นเพราะฉันใช่มั้ยที่ทำให้นายต้องมานอนอยู่ในห้องสุดน่าเบื่อนี่”


     

         “ฉันไม่ชอบที่นายชอบแกล้งฉันตั้งแต่เด็ก มันทำให้ฉันรำคาญมากโดยเฉพาะตอนที่นายเอารองเท้าฉันไปซ่อน ฉันไม่ชอบที่นายบุกเข้ามาในบ้านฉันแล้วสร้างภาพต่อหน้าแม่ฉัน ฉันไม่ชอบที่นายชอบเอาผักบุ้งมาใส่จานฉันทุกครั้งที่เราไปกินหม้อไฟด้วยกัน ไม่ชอบที่นายไล่ฉันไปนอนที่โซฟา มันก็เพราะฉันอยากนอนกับนายไง ไม่ชอบที่นายใช้ฉันให้ทำอาหารเช้าให้นายกินแทบทุกวันแล้วก็มาหาว่าอาหารของฉันรสชาติแย่ จริงๆมันอร่อยมากต่างหาก ไม่ชอบที่นายมาถ่ายรูปฉันตอนเผลอๆเหมือนตอนอยู่บนกระเช้านั่น ไม่ชอบที่นายมาเรียกฉันว่าที่รัก เพราะมันจะทำให้ฉันต้องเรียกนายกลับไปว่าดาร์ลิ้งไง ไม่ชอบที่นายมาหอมแก้มฉันบ่อยๆ มันทำให้ฉันเขินนะโว้ย แล้วที่สำคัญ ฉันไม่ชอบเห็นนายอยู่กับเลขานั่น เออ! ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันหึง หึงมากด้วย อีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบที่นายมาเช็ดตัวให้ฉันด้วย! รู้มั้ยว่านอกจากแม่แล้วฉันไม่ให้ใครเช็ดตัวให้ฉันเลยนะโว้ย!” ชานยอลพูดออกมายาวเหยียด ทำไมความในใจที่เก็บมานานมันเยอะมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่ามันมีเยอะกว่านี้แต่เจ้าตัวไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้


     

         “แต่ทุกครั้งที่นายททำเรื่องที่ฉันไม่ชอบ ลึกๆแล้วฉันอยากจะให้นายทำแบบนั้นอีกซ้ำๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”


     

    “เฮ้อ ถ้าฉันตายแทนนายได้ฉันทำไปตั้งนานแล้ว..วินาทีนั้นฉันไม่คิดถึงชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ ไอ้คนนิสัยไม่ดี นี่ฉันจะเป็นบ้าเพราะนายแล้วเนี่ยรู้ตัวมั้ย ไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยรึไง”  


     

    “คนบ้า ฉันเป็นห่วงนะโว้ย รีบๆตื่นขึ้นมาเถียงกับฉันได้แล้ว นี่ฉันพูดคนเดียวมานานแล้วนะโว้ย วันที่ไม่มีนายมากวนฉันมันเหงามากนะ” หลังจากที่พูดมาสักพักเจ้าตัวก็ลุกขึ้นหยิบขวดน้ำที่วางอยู่หัวเตียง


     

    “พูดต่อสิครับ (:” 


     

    “...ไม่พูดแล้วโว้ย! เฮ้ย! นี่นา..นายแอบฟังหรอ!” ชานยอลหันขวับกลับมาหาต้นเสียงก่อนจะกระแทกขวดน้ำลงบนโต๊ะตัวเดิม ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆตีที่หน้าจนชาไปหมด


     

    คริสนอนอมยิ้มอยู่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่ยักคิ้วให้อีกคนเป็นคำตอบก่อนจะเลื่อนมือไปกดปุ่มให้เตียงที่ตัวเองนอนอยู่เอนขึ้น


     

    “ได้ยินอะไรบ้างเนี่ยยยยย โอ๊ะ” ยังไม่ทันที่จะได้สติจะกลับมาครบร่างบางถูกอีกคนดึงเข้ามากอดไว้


     

    “ทั้งหมดที่พูดนั่นแหละ” คริสเอาคางมาเกยไหล่อีกคนไว้พร้อมกับกอดเอวอีกคนไว้หลวมๆ


     

    “นายมันแย่ นายไม่รู้ทันฉันสักเรื่องจะได้มั้ยเนี่ย” อีกคนพูดออกมาเบาๆและได้แต่ก้มหน้างุดๆ รู้สึกตัวเองหน้าร้อนไปหมด 


     

    “ฉันจะบอกให้นะ ฉันชอบแกล้งนายตั้งแต่เด็ก มันทำให้ฉันมีความสุขมากโดยเฉพาะตอนที่ฉันเอารองเท้านายไปซ่อน ฉันชอบที่นายมานอนเตียงเดียวกับฉัน ถึงตอนแรกฉันจะไม่ชอบก็เถอะ ถึงฉันจะไม่ชอบที่นายเอาเต้าหู้มาใส่จานฉันทุกครั้งที่เราไปกินหม้อไฟด้วยกัน แต่รู้มั้ย เพราะนายนั่นแหละ จากที่ฉันไม่ชอบเต้าหู้ เดี๋ยวนี้ฉันเฉยๆกับมันแล้วล่ะ ทำไมฉันถึงฉันชอบไล่นายไปนอนที่โซฟาน่ะเหรอ เพราะฉันรู้ว่ายังไงนายก็ไม่ไปแล้วฉันก็ได้นอนเตียงเดียวกับนายทุกคืนไง” 


     

    “นี่นา..” ยังไม่ทันที่จะพูดออกมาได้สองพยางค์ชานยอลต้องชะงักไปเพราะถูกอีกคนหอมที่แก้มเบาๆ


     

    “เวลาคนกำลังพูดอย่าพูดแทรก” 

     

     

    “-///-”


     

    “ถึงฉันจะหาว่าอาหารนายมันรถชาติแย่ แต่ๆจริงฉันชอบมากนะ แล้วที่ฉันชอบถ่ายรูปนายตอนเผลอๆน่ะ นายรู้มั้ยว่าตอนนายเผลอน่ะมันน่ารักที่สุด ที่ฉันเรียกนายว่าที่รักเพราะฉันอยากได้ยินนายเรียกฉันว่าดาร์ลิ้งบ้างไง ที่ฉันหอมแก้มนายบ่อยๆเพราะฉันชอบเวลานายเขิน ฉันหึงนายทุกครั้งที่เห็นนายอยู่กับคนที่ฉันไม่รู้จัก แล้วรู้มั้ยว่านอกจากแม่แล้วฉันไม่เคยเช็ดตัวให้ใครเลยนอกจากนาย” 


     

    “..นี่นายอย่ามาก๊อปฉันเซ่” ชานยอลได้แต่เอ่ยออกมาเบาๆปกปิดความอายเอาไว้ ประโยคยาวเหยียดที่คริสพูดเมื่อสักครู่ทำให้คำด่าหายไปจากสมองหมด


     

    “รู้อะไรมั้ยชานยอล วันนั้นน่ะ ฉันบอกกับตัวเองว่าถ้านายเป็นอะไรไป ฉันจะไม่อภัยตัวเองเด็ดขาด วินาทีนั้นฉันไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปรับกระสุนแทนนาย” 


     

    “นายทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าถ้านายตายคนอื่นจะเป็นยังไง” ชานยอลใช้เท้าดันรองเท้าที่ตัวเองใส่อยู่ให้ออกจากฝ่าเท้าก่อนจะเปลี่ยนท่านั่งเป็นขัดสมาธิบนเตียงพร้อมกับหันหน้าเข้าหาอีกคน


     

    “...” 


     

    “ไม่ต้องคนอื่นหรอก ฉันนี่แหละจะอยู่ไม่ได้” จบประโยคคนตัวเล็กกว่าก็ดึงอีกคนเข้ามากอดไว้ ศักดิ์ศรีอะไรตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ไหนๆคริสก็ได้ยินไปหมดแล้ว ไม่มีความจำเป็นจะต้องมาฟอร์มเยอะ

    คริสไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่กกอดอีกคนตอบ แค่นี้ก็เป็นการบอกความรู้สึกทั้งหมดได้แล้ว


     

    “ถึงนายจะเจ็บแผลฉันก็ไม่สนแล้ว ชิ” 


     

    “ถึงฉันเจ็บฉันไม่ปล่อยนายหรอก”


     

    “บ้า” ร่างบางตีเข้าที่หลังอีกคนเบาๆแก้เขิน


     

    “โอ้ย นี่ไม่อยากให้ฉันหายรึไง” คริสเลื่อนมือไปกดปุ่มให้เตียงเอนลงไปพร้อมกับดึงร่างอีกคนลงไปนอนพร้อมกัน


     

    “ตีเบาๆเอง อย่ามาทำสำออยหน่อยเลย ..นี่นายจะทำอะไร! อยากนอนโรงพยาบาลต่ออีกใช่มั้ย!” ชานยอลเบะปากใส่แต่ก็ยอมให้อีกคนดึงตัวเองลงไปนอน 


     

    “ผัวเจ็บครับเมีย” ร่างสูงดึงอีกคนมากอดไว้พร้อมกับกระซิบที่ข้างหู 


     

    “ใครเมียนาย” ปากก็พูดไป แขนยังกอดอีกคนไว้ ร่างกายไม่ได้เชื่อฟังสมองสักนิด


     

    “นายไง” คริสเอ่ยก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มเนียนของอีกคน


     

    “วันอื่นอย่าหวังจะได้ทำแบบนี้” 


     

    “วันอื่นนายจะโดนเยอะกว่--” ร่างสูงชะงักไปเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายโดนขโมยแก้มไปบ้าง 


     

    “วันอื่นนายก็จะโดนเยอะกว่านี้เหมือนกัน” ชานยอลอมยิ้มก่อนจะ
    กระชับกอดให้แน่นขึ้น


     

    “ยอล” 


     

    “ฮึ? เดี๋ยวนี้เรียกฉันแบบนี้แล้วหรอ” 


     

    “นายกอดฉันง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คริสพูดแซวอีกคน  


     

    “...”


     

    “แล้วนายยอมให้ฉันกอดง่ายๆแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน”


     

    “ตั้งนานแล้ว แต่นายไม่ทำเอง” ตอบกลับไปพร้อมกับซบลงใต้คางอีกคน


     

    “ถ้ารู้ว่าทำได้ทำไปนานแล้ว” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ คริสกดจมูกลงบนกลุ่มผมของอีกคน


     

    “พอเลย หมดโปรโมชั่นแล้ว” ชานยอลยู่ปากก่อนจะดันตัวเองออก


     

    “เติมโปรได้มั้ยครับ?” 


     

    “ไม่ได้ :P” ร่างบางยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากอีกฝ่ายก่อนที่ตัวเองจะโน้มหน้าเอาจมูกแตะกับสันจมูกโด่งของอีกคนเบาๆ


     

     “อยากได้โปรโมชั่นบ้างรึไง”


     

    "นายให้ได้มั้ยล่ะ คิก"


     

    "ได้ แต่ขออะไรนายอย่างนึงก่อน" คริสโน้มหน้าลงมาใกล้พร้อมกับจับมืออีกคนให้ออกจากริมฝีปากของตัวเอง 


     

    “...”


     

    “ที่รักอย่าทับสายน้ำเกลือได้มั้ยครับ” จบประโยคร่างสูงก็จับอีกคนมานอนอีกฝั่งของเตียง ไม่มีจังหวะให้ชานยอลเถียงกลับ


     

    “นะ..นี่นาย! เจ็บนะโว้ย” ยังไม่ทันที่สมองจะสั่งการชานยอลก็ตีเข้าที่แผลของคริสอีกรอบ


     

    “โอ้ย! บอกว่าเจ็บไง นายนี่จริงๆเลย” คริสรวบแขนอีกคนมาพร้อมกับดึงอีกคนเข้ามาใกล้มากขึ้น


     

    “นายเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย อ๊ะ” ร่างบางต้องหยุดปฏิกิริยาทุกอย่างเมื่อรู้สึกได้ว่าใบหน้าของทั้งสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ 

     


         คริสยกยิ้มก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาจับคางของอีกคนไว้ คนที่โดนรวบข้อมือไว้ขัดขืนเล็กน้อยก่อนที่จะยอมแพ้กับความต้องการลึกๆของตัวเอง  ร่างสูงค่อยๆโน้มหน้าลงมาใกล้จนริมฝีปากของทั้งสองคนแตะกันเบาๆ จากจูบที่บางเบาค่อยๆเปลี่ยนเป็นการลุกล้ำริมฝีปากกันและกันแต่ยังคงความอ่อนโยนเอาไว้ ชานยอลปล่อยให้อีกคนทำตามใจไปก่อน มือที่แตะปลายคางอยู่ย้ายไปประคองท้ายทอยของอีกคนเอาไว้พร้อมกับมือใหญ่ที่ปล่อยให้ข้อมือทั้งสองเป็นอิสระ คริสค่อยๆแทรกลิ้นเข้าไปในช่องปากอีกคนอย่างช้าๆทำให้เส้นความอดทนของชานยอลขาดออก ร่างบางค่อยๆโต้ตอบอีกคนกลับไป มือที่เป็นอิสระยกขึ้นกอดอีกคนไว้ 


         “อือ..” ชานยอลประท้วงออกมาในลำคอเมื่อรู้สึกว่าตนเริ่มขาดอากาศหายใจ 

    คริสค่อยๆถอนจูบออกมาเพื่อให้อีกคนพักหายใจก่อนจะจับศรีษระของอีกคนอย่างเบามือพร้อมกับกดริมฝีปากลงที่หน้าผากมน

    ไม่มีการพูดคุยกันเกิดขึ้น มีแต่สายตาที่มองกันอย่างมีความหมายและรู้ความต้องการของอีกฝ่าย  ชานยอลกดริมฝีปากทับลงบนริมฝีปากอีกคน เป็นจูบที่เต็มไปด้วยความหวานและความจริงใจของทั้งสองฝ่ายที่มอบให้กัน  
     

    กำแพงที่กั้นความรู้สึกของทั้งสองคนถูกทำลายไปทิ้งไป โดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ต้องพูดคำว่ารักออกไปแม้แต่ครั้งเดียวต่างฝ่ายต่างก็รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน หลายครั้งที่ชานยอลรู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น หลายครั้งที่คริสแสดงออกมาให้เขาเห็น ถึงแม้ว่าลึกๆจะรู้สึกดีมากแค่ไหนแต่เป็นเขาเองที่คอยโกหกตัวเองอยู่ตลอด จนถึงวันนี้ ตอนนี้ วินาทีนี้ เขารู้แล้วว่าคนตรงหน้ามีความสำคัญมากแค่ไหน ถึงจะไม่เคยพูดออกมาตรงๆแต่การกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างชัดเจน  

     

     

    เพียงแค่เก็บคำนั้นไว้แล้วบอกมันออกมาผ่านการกระทำ จะพูดคำว่ารักก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป 

    Don’t trust words, trust actions.





     

    We will be together for all times

    เราสองจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา
     

    I'll be on your side never turn again

    ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ทิ้งคุณไปไหน
     

    아껴왔던 나의 순간들을 이제 함께 할

    ฉันจะเก็บทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับคุณในตอนนี้
     

    그대는 영원한 나의 사랑

    คุณจะเป็นสุดที่รักของฉันตลอดไป

     

     

    Younha (윤하) - Man From The Stars 

    [You Who Came From The Stars OST]






     

    THE END




     

     

    Flashback
     

    “เมื่อไหร่จะบอกรักกันวะ” 


     

    “ไอ้ลู่ มึงเงียบๆสิวะ ไม่ได้ยินสักคำ แม่งเอ้ย” จื่อเทาที่กำลังพยายามเอาหูไปแนบประตูตอกกลับไป

     

    “กรี๊ดดดดดดด สวีทททททททททททททททท” แบคฮยอนกระโดดไปเกาะไหล่แฟนตัวเองพร้อมกับร้องออกมาเสียงแหลม


     

    “บอกแฟนมึงด้วยว่าให้เงียบๆ/ไอ้แบคหุบปาก” คู่ฮุนฮานพูดออกมาพร้อมกัน


     

    “สี่คนนั้นเงียบให้หมด กูฟังบ้าง” ไคเดินเข้ามาพร้อมกับดีโอที่เดินขนาบข้าง ไคค่อยๆยื่นหูมาชิดกับประตูห้อง


     

    “ยอโบ เมื่อไหร่คริสจะออกจากโรงพยาบาลเนี่ย”  ไม่นานคู่รักตระกูลอู๋ก็ปรากฎตัวขึ้นท่ามกลางบรรยากาศสอดรู้สอดเห็นของวัยรุ่น


     

    “อาทิตย์หน้าไง ..อ้าวเด็กๆ มาเยี่ยมคริสกันหรอ”


     

    เทากับไคไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยกนิ้วขึ้นอยู่ระหว่างปากเป็นเชิงบอกผู้ใหญ่ที่เพิ่งมาใหม่ให้เงียบๆ

    ผู้ใหญ่ทั้งสองพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับพร้อมกับค่อยๆย่องเข้าไปแอบฟังบ้าง


     

    “นะ..นี่นาย! เจ็บนะโว้ย”


     

    “โอ้ย! บอกว่าเจ็บไง นายนี่จริงๆเลย”


     

    “นายเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะเนี่ย อ๊ะ”


     

    O_____O! O[]O! O.O! !!O__________O!!!! 


     

    “เยเฮ่ด....”


     

    “เด็กสมัยนี้มันอะไรกัน ไม่รู้จักอดใจไว้บ้างเลย ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่โดนหลายกระทงแน่” 



     


    ***************************



    ในที่สุดก็จบแล้วววว ฟิคเรื่องแรกที่แต่งจบ ฮูเร่~~~~ไรท์ขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่เสียสละเวลามาอ่านฟิคเรื่อง Marry me น้า 
    ขอบคุณมากๆเยยยยย รีดเดอร์ทุกคนเป็นกำลังใจให้ไรท์สามารถแต่งจบได้ หลายครั้งก็ท้อนะ แต่ก็แต่งจบจนได้ ขอบคุณขอบคุณขอบคุณณณณณณ <3333333333333 





    อยากถามรีดเดอร์เรื่องรวมเล่มด้วย._.  (ในเล่มจะมีฮันนีมูนรอบสองด้วยนะ)
    ช่วยตอบกันมาด้วยน้า *3*


    สุดท้ายย
    Happy Valentine นะค้าาาา 
    ลาไปกับคริสยอลสุดฟินนนนนน ชานยอลตัวบางร่างน้อยมั่กกกกรี๊ดดดด 






    ปล. มีสเปแน่นอน 555555555

     
    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×