ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] Marry me? รักผมก็บอก [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #21 : Marry Me? : 19 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 57









    Marry me?
     

    19






     

         “ป๊าม๊า ไปรึยังครับ” คริสในชุดสูทสีดำพร้อมด้วยเน็คไทด์สีน้ำเงินแกมขาวเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับควงกุญแจรถไปด้วย


     

         “แหม ทำมาเป็นเรียกป๊าม๊า ชีวิตช่วงนี้แฮ๊ปปี้ดีล่ะสิ” คนเป็นพ่อเอ่ยแซวคนเป็นลูกก่อนจะเดินจูงคุณนายออกไปนอกบ้าน


     

         “ผมมีงานต้องไปทำที่ออฟฟิศก่อนน่ะครับ แล้วจะไปดูที่โรงแรมว่าเตรียมสถานที่ไปถึงไหนแล้ว” คริสเลี่ยงไปประเด็น


     

         “วีดีโอเปิดงานแกเอามาแล้วใช่มั้ย”


     

         “ครับ”

     


         “แล้วชานยอลเป็นไงบ้างล่ะลูก ทิ้งเขาอยู่บ้านคนเดียวจะดีหรอ?” คนเป็นแม่เอ่ยขึ้น

     

         
         “ผมให้เพื่อนเขามาเฝ้าน่ะครับ แล้วก็ให้พ่อบ้านเฉินทำข้าวต้มทิ้งไว้แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงนะ อ้อนั่นไง เหมือนจะมาพอดี” คริสชะเง้อมองรถสปอร์ตสีดำของไคที่เข้ามาจอดภายในบ้าน


     

         “ใครน่ะลูก ไว้ใจได้หรอ”


     

         “นี่เพื่อนที่ทำงานแล้วก็รู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาลัยกับชานยอลน่ะครับ”


     

         “สวัสดีครับ” ไคกับดีโอเดินลงมาจากรถพร้อมกับโค้งให้ผู้อวุโสก่อนจะหันมาโปรยยิ้มให้ทุกคน
     

     

         “หวัดดีจ้ะ ดูแลชานยอลดีๆด้วยนะลูก” คุณนายอู๋เอ่ยขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มกลับไปก่อนจะเดินควงสามีแยกไปขึ้นรถ


     

         “มาไวดีนะ” คริสเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นว่าพ่อกับแม่ของตนเองขึ้นรถไปแล้ว

     


         “ผมก็เป็นห่วงชานยอลพอๆกันนั่นแหละ เผลอๆมากกว่าด้วย อ้อ นี่ดีโอ เพื่อนยอลอีกคนเหมือนกัน” 

     


         “อ่อ ขอบคุณที่มานะ ห้องชานยอลขึ้นไปชั้นสอง อยู่ข้างซ้าย” 

     


         “รับทราบครับ!”

     


         “ฉันไปก่อนนะ” คริสบอกกับดีโอและไคก่อนจะ แยกตัวไปขึ้นรถอีกคัน



     

    ...



     

    ...


     

         “ไอ้ยอลมันไปกินอะไรมาวะถึงได้ไม่สบายลุกจากเตียงไม่ได้ขนาดนี้” ไคพูดขึ้นระหว่างที่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบน

     

         
         “มันอาจจะไม่ค่อยได้นอนด้วยมั้ง ไม่ก็มีเรื่องให้เครียดน่ะ” ดีโอตอบกลับไป

     


         “อย่างมันหนังเหนียวจะตาย” ไคว่าพลางเปิดประตูเข้าไปในห้อง

     


         “อย่างมันนี่โดนฝนไม่ป่วยโดนไฟไม่ไหม้เลยจะโว้ย หนังเหนียวจะตายหรือนี่มันสำออยกันแน่วะ” ดีโอส่ายหน้าก่อนจะเดินตามเข้าไปในห้อง

     


         “ไอ้ยอลลลลล ตื่นโว้ยยยยย”

     


         “อืออ ไม่เอาจะนอน” คนที่นอนอยู่บนเตียงตะแคงหันหลังให้เพื่อนทั้งสองคน

     


         “ตื่นขึ้นมาเร็ว จะได้เช็ดตัวให้” ดีโอเอ่ยพร้อมกับสะกิดไหล่อีกคน

     


         “ไม่เอา นายไม่ต้องมาเช็ดให้แล้ว ฉันจะเช็ดเอง นายมันนิสัยไม่ดี อยู่ๆมาปลดกระดุมเสื้อคนอื่นได้ยังไง ทำไมชอบมาฉวยโอกาสห๊ะไอ้บ้า” คนป่วยพึมพำออกมาและไม่มีทีท่าว่าจะลุกสักนิด

     


         “O___O”



         “O[]O” ทั้งดีโอและไคต่างหันไปมองหน้ากันพักใหญ่ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่นอนจมกองผ้าห่มอยู่บนเตียง

     


         “นี่คุณชานยอลครับ คริสเขาไม่อยู่แล้ว หันมาหาพวกกูนี่!” 

     


         “ห๊ะ O______O!!!” คนที่นอนอยู่บนเตียงเด้งตัวขึ้นมาทันทีก่อนที่สมองจะประมวลผลอย่างต่อเนื่อง

     


         “เมื่อกี้ว่าไงนะ? นายมันนิสัยไม่ดี อยู่ๆมาปลดกระดุมเสื้อคนอื่นได้ยังไง ทำไมชอบมาฉวยโอกาสห๊ะไอ้บ้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ไคพูดล้อเลียนพร้อมกับระเบิดหัวเราะออกมา

     


         “เฮ้ย กูไม่ได้... โอ้ยยยยยยยยยยย” ชานยอลทิ้งตัวลงไปบนหมอนอีกครั้ง

     


         “ฮ่าๆๆๆ หายแล้วหรอมึงอ่ะ” ไคยังคงขำค้างจากเมื่อสักครู่

     


         “ได้ยาอย่างอื่นหายเลยอ่ะดิ” ดีโอแซว

     


         “พวกมึงเงียบไปเลยนะ ทำเป็นไม่ได้ยินได้มั้ย T______T”

     


         “แหม คริสของมึงนี่ดูแลดีเนอะ” ดีโอยังคงอมยิ้มและพูดต่อไป

     


         “พวกมึงมาได้ไงเนี่ย ..โอ๊ะ” ชานยอลกำลังจะดันตัวเองลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องล้มลงไปอีกรอบ

     


         “ไม่มีแรงหรอมึง” ดีโอถาม

     


         “ปวดหัวด้วยอ่ะ” ชานยอลที่ตอนนี้กลับซุกในผ้าห่มเหมือนเดิมตอบกลับเสียงอ่อย

     


         “ลุกขึ้นมานั่งก่อน มา กูช่วย” ดีโอค่อยๆพยุงเพื่อนตัวเองขึ้นมานั่งพิงกับพนักเตียง

     


         “เดี๋ยวกูให้ดีโอเช็ดตัวให้ก่อน แล้วเดี๋ยวกินข้าวต้ม เสร็จแล้วกินยา โอเค้?” ไคร่ายยาวก่อนจะปลีกตัวออกจากห้องลงไปเอาข้าวต้ม

     


         “โด้ คริสเรียกพวกมึงมาหรอ” ชานยอลเอ่ยถามออกไประหว่างที่ดีโอกำลังเตรียมน้ำอุ่นและผ้าขนหนู

     


         “อืม ถ้าไม่มีธุระจำเป็นก็คงจะลางานมาปรนนิบัติมึงอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว” ดีโอตอบกลับไปพร้อมกับยกโถใส่น้ำมาวางไว้หัวเตียง

     


         “บ้า หมอนั่นมันจะมาสนใจฉันทำไม”

     

       
         “ถ้าเขาไม่สนใจมึงเมื่อคืนคงไม่มานั่งเช็ดตัวให้มึงหรอกไอ้โง่” ดีโอยิ้มมุมปากพร้อมกับจ้องเพื่อนตัวเองเป็นเชิงจับผิด

     


         “นี่มึง กูก็ไม่ได้อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่หรอกนะ”

     


         “เอ้อ เมื่อคืนคริสนอนโซฟาหรอ” ดีโอว่าพลางเช็ดตัวให้ชานยอลไปด้วย

     


         “หรอ ไม่รู้อ่ะ อย่างคริสอ่ะนะจะยอมนอนโซฟา เมื่อวานยังพูดอยู่เลยว่าจะให้ฉันไปนอน” 

     


         “แล้วไอ้หมอนกับผ้าห่มที่พับไว้บนโซฟามันหมายความว่าไงวะ”

     


         “....”

     


         “มึง..ไอ้ซื่อบื้อ” ดีโอจิ้มหน้าผากเพื่อนตัวเองแรงๆ

     


         “กูเข้าใจละมึง”

     


         “เข้าใจว่า?”

     


         “ที่คริสมันไปนอนตรงนั้นเพราะไม่อยากติดหวัดไงเล่า - -”

     


         “ไม่ได้อยากให้มึงนอนสบายๆหรอกหรอ” หลังจากที่ดีโอเช็ดตัวเสร็จก็ยื่นเสื้อให้ชานยอลเปลี่ยน

     


         “ไม่รู้โว้ยยย” ...แต่เมื่อคืนนายนอนโซฟาจริงๆหรอ? ชานยอลได้แต่เก็บประโยคนี้อยู่ในใจ ถึงจะสงสัยยังไงก็ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่

     



    ก๊อก ก๊อก ก๊อก



         “ข้าวต้มมาแล้วคร๊าบบบบบบ”

     


         “พวกมึง กูขอบคุณจริงๆนะ”

     


         “จะขอบคุณไปขอบคุณสามีมึงไป” ไคว่าพลางตักข้าวต้มยัดปากคนป่วย

     


         “ไอ้เชี่ยย มึงไม่เป่าก่อนวะมันร้อนนนนน” 

     


         “วันนี้ไอ้เซฮุนจะไปงานเลี้ยงขอบคุณของสามีนาย” ไคไม่ได้สนใจว่าข้าวต้มมันจะลวกปากชานยอลหรือไม่ เจ้าตัวพูดต่อระหว่างที่ตักข้าวต้มจ่อปากชานยอล

     


         “ก็หน้าที่มันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” ชานยอลตอบกลับไปพร้อมกับกินข้าวต้มที่เพื่อนตัวเองป้อน

     


         “ไม่หรอก ไอ้เลขาจอมกระแดะนั่นมันจ้างเซฮุนไปให้เขียนข่าว คราวก่อนกูบอกให้มันปฏิเสธแต่มันบอกว่างานนี้มันสเปเชียลจริงๆ”

     


         “ฮึ? เลขา?” คนป่วยถามทวนอีกรอบ

     


         “เออ เลขาที่มึงเจอที่ร้านอาหารวันนั้นนั่นแหละ”

     


         “นี่มึงจะบอกว่าเลขาคนนั้น...”

     


         “เออ แม่งต้องคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ แล้วไอ้เซฮุนมันจะไปรู้ทันอะไร มึงก็รู้ว่าสมองมันเป็นยังไง”

     


         “เก่งกว่ามึงละกัน” ชานยอลตอบสวนขึ้นมา

     


         “เออ จบ” ดีโอปิดท้ายให้อย่างสวยงาม

     


         “เออ พวกมึงมันแย่!!!!”  ไคทำหน้าเป็นตูดลิงก่อนจะลุกขึ้นไปพร้อมกับชามข้าวต้มแล้วเดินออกจากห้องไปเป็นรอบที่สอง

     


         “ถ้าไอ้เลขาน่าโง่นั่นทำอะไรคริสของมึง มึงจะทำไง” ดีโอถามขึ้น

     


         “กูหรอ?...กูไม่ปล่อยไว้หรอก” 

     


    .....

     



    .....

     



    .....



    17.00 น.


         “ไปถึงไหนกันแล้วครับ” ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเดินเข้ามาในห้องจัดงานภายในโรงแรมหรูหราใจกลางกรุงโซล 

     

     
         “พี่คริส มาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ คือพวกเราหาวีดีโอเปิดงานไม่เจออ่ะค่ะ” คริสที่อยู่ในชุดสาวออฟฟิศธรรมดาแต่ทั้งคอแขนและหูมากมายไปด้วยเครื่องประดับ

     


         “อยู่กับพี่นี่แหละ พี่ให้ชานยอลทำให้น่ะ” ร่างสูงยื่นแฟลชไดรฟ์ให้เลขาสาว

     


         “อ๋อค่ะ ดูท่าทางจะสนิทกันนะคะ”

     


         “อืมใช่ สนิท..มาก” คริสตั้งใจเน้นคำสุดท้ายก่อนจะเดินปลีกตัวออกมาไปดูอีกส่วนของงาน

     


         “นี่ไอ่หล่อ” เสียงใสตะโกนดังไล่หลังมาก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดเกาะไหล่ร่างสูง

     


         “เล่นอะไรเป็นเด็กเนี่ย ทำไมมาไวจังวะ” ไม่ต้องหันหลังกลับไปมองหน้าคริสก็พอจะรู้ว่านั่นคือเพื่อนสนิทตัวติดตังเมของเขาเอง 

     


         “อ่ะ...เอ่อ....มาดูบทพิธีกรน่ะ ว่าต้องพูดอะไรบ้าง” ลู่หานที่อยู่ในชุดสูทสีดำพร้อมด้วยเน็คไทสีน้ำเงินเข้มว่าพลางกระพริบตาปริบๆ

     


         “มีอะไรจะมาขอร้องกูก็บอกมาตรงๆ” คริสพูดเหมือนรู้ทันเพื่อนสนิทตัวเอง


     

    “เฮ้อออ ไปคุยข้างนอกเถอะ กูรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่” ลู่หานว่าพลางเหล่ตาไปทางคริสตัลที่ยืนอ่านเอกสารอยู่ แต่สายตาไม่ได้จดจ่ออยู่กับเอกสารสักนิด


     

    “เออ รีบไป กูมีงานต้องทำ” คริสเอ่ยออกไปก่อนจะลากข้อมือเพื่อนหน้าหวานออกมานอกโรงแรม

     

    ...

     

    ...

     

    “มีอะไรว่ามา” คริสถามเพื่อนของตนหลังจากที่ทั้งสองได้เดินออกมาอยู่ตรงน้ำพุด้านนอกห้องโถงแล้ว 
     

     

    “กูมีเรื่องจะถาม ไม่ได้จะขอร้องอะไรมึงหรอก คิก” ลู่หานฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ


     

    “ถามอะไรวะ”


     

    “มึง...กิ๊กอยู่กับเลขามึงหรอ?” ลู่หานถามออกไปพร้อมกับส่งสายตาจับผิด


     

    “กิ๊กบ้านมึง กูไม่เคยคิดอะไรเกินกว่าคำว่า เลขา ย้ำนะโว้ย เลขา ไม่ใช่เพื่อนไม่ใช่รุ่นน้องด้วยแล้วก็ไม่ใช่...” คริสตอบกลับไปทันทีแบบที่ไม่ต้องคิดหาคำตอบ


     

    “เออๆๆๆๆ กูเชื่อมึงก็ได้ แสดงว่ามึงมีคนในใจแล้วอ่ะดิ” 


     

    “เออ ถามหมดแล้วใช่มั้ย ไปอ่านบทพิธีกรได้ละ นี่มึงมาเร็วเพราะมาถามคำถามไร้สาระพวกนี้เนี่ยนะ เฮ้ออออ” 


     

    “ทำไมมึงต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วยเนี่ย คิก ชอบเขาก็บอกเขาไปดิ นานแล้วนะเว่ยยยยยยยยยย”


     

    “มึงอย่ามาทำตัวเป็นแม่สื่อนะโว้ย กูอยู่เป็นบอดี้การ์ดมึงมันไม่ดีรึไง”


     

    “ขอโทษเถอะ ตอนนี้กูมีบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวแล้ว คิก” ลู่หานยิ้มหน้าบานพร้อมกับยักคิ้วให้เพื่อนตัวเอง


     

    “ห๊ะ”


     

    “หล่อกว่ามึง ทำงานเก่งกว่ามึง สุภาพบุรุษกว่ามึง ที่สำคัญ ไม่แก่เหมือนมึง แบร่”


     

    “นี่มึงทำไมไม่บอกกูบ้างเนี่ย”


     

    “ทีมึงยังไม่บอกกูเลยว่าแต่งงานแล้วอ่ะ กูต้องมานั่งสืบเองเนี่ย”


     

    “ช่างมันเถอะ”


     

    “กูมีอะไรจะเตือนมึงหน่อย” ลู่หานเอ่ยพร้อมกับเปลี่ยนแววตาเป็นแววตาที่จริงจัง


     

    “อะไร?”


     

    “ช่วงนี้มึงดูแลชานยอลดีๆนะ”


     

    “กูรู้ เมื่อวานกูยังเช็ด..เอ่อ เอายาให้กินอยู่เลย”


     

    “กูไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น”


     

    “ฮึ? แล้วมันจะมีเรื่องไหนอีก” คริสหรี่ตาลง ในหัวพยายามตีความสิ่งที่ได้ยิน


     

    “ก็ตามนั้นแหละ กูก็ไม่รู้อะไรมาก แต่เซฮุนบอกกูมา” 


     

    “เซฮุนของมึงไปรู้อะไรมา” 


     

    “กูก็ไม่แน่ใจ แต่วันนี้กูจะช่วยมึงให้พ้นจากวงจรเลขาสาวคนสวยให้นะ” จบประโยคลู่หานก็ขยิบตาให้เพื่อนตัวเองก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องจัดงาน


     

    “พูดอะไรของมึงวะ” คนสูงพึมพำกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมแล้วเดินตามกลับเข้าไปในห้องโถงเพราะเวลานี้งานใกล้จะเริ่มแล้ว
     

    ...


     

    ...
     

    “เซฮุน ฉันบอกเขาไปแล้วอ่ะ ไม่รู้จะเข้าใจรึเปล่า”
     

     

    “บอกไปว่าอะไรล่ะ” เซฮุนที่ยืนจิบไวน์อยู่สบายๆถามกลับไป


     

    “บอกให้ดูแลชานยอลดีๆ” ลู่หานที่ยืนอ่านบทพิธีกรคร่าวๆอยู่ข้างๆคนรักตอบกลับไป


     

    “พูดแบบนั้นใจหมอนั่นก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสิ โธ่” 


     

    “แล้วให้พูดยังไงอ่ะ นายก็ยังไม่แน่ใจไม่ใช่หรอว่าเลขาคนนั้นคิดอะไรอยู่” 


     

    “น่าจะเป็นอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้ไม่ปล่อยให้รอดหรอก” เซฮุนเอ่ยหลังจากที่วางแก้วไวน์ลง


     

    “หืม? นายจะทำอะไรอ่ะ” 


     

    “เดี๋ยวก็รู้น่ะ แต่วันนี้ที่รักต้องเต็มที่นะ อย่าเพิ่งไปหาเรื่องเลขานั่นล่ะ” ร่างสูงยกยิ้มให้คนรักพร้อมกับก้มลงไปหอมแก้มคนข้างๆ


     

    “นี่คือกำลังใจสินะ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปฝังจมูกลงบนแก้มของอีกฝ่ายบ้าง



     

    “น่ารักที่สุด”

     

     

     

    ...


     

    ...


     

    “สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานวันนี้อย่างเป็นทางการนะคะ ดิฉัน จอง ซูจอง หรือคริสตัลค่ะ”


     

    “และผมลู่หานครับ”


     

    “ค่ะ สำหรับงานวันนี้.....” 

    เสียงของสองพิธีกรได้พูดต่อไปเรื่อยๆ คริสที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับคนเป็นพ่อและแม่ยังคงนั่งคิดกับประโยคที่ลู่หานพูดเมื่อสักครู่


     

    “ช่วงนี้มึงดูแลชานยอลดีๆนะ” ประโยคนี้ยังคงดังก้องอยู่หัวของร่างสูงก่อนที่เจ้าตัวจะหมดความอดทนแล้วหันไปสะกิดคนเป็นพ่อเบาๆ


     

    “พ่อครับ”


     

    “มีอะไร”


     

    “ผมขอกลับก่อนได้ไหม” คริสกัดฟันพูดออกไปถึงจะรู้ว่าเปอร์เซ็นต์ที่พ่อตัวเองจะอนุญาตนั้นมีอยู่น้อยมาก


     

    “ทำไมล่ะ นี่แกจะให้ฉันพูดปิดงานแทนหรอ?”


     

    “ไม่ใช่ครับ คือ...”


     

    “อยากกลับไปดูเมีย?”


     

    “...”  คนเป็นลูกพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ


     

    “ถ้าเป็นห่วงก็โทรไปถามสิ แต่อย่าชิ่งกลับล่ะ”


     

    “ครับ”  ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะปลีกตัวออกมาโทรศัพท์ด้านนอก


     

    (เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...)


     

    “เฮ้อออออ นี่ไม่ยอมชาร์จแบตมือถือรึไง ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงเนี่ยไอ้เด็กแสบ” คริสยืนกดโทรศัพท์เพื่อต่อสายหาอีกคนซ้ำแล้วซ้ำอีกแต่ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างเดิม 


     

    “พี่คริส มาทำอะไรข้างนอกคะ”  เสียงของเลขาสาวในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินทำให้อีกคนต้องหันไปตามมารยาท


     

    “พี่ออกมาโทรศัพท์น่ะ ข้างในโอเคใช่ไหม” 


     

    “ปกติดีค่ะ” คริสตัลตอบพลางนั่งลงตรงม้านั่งไม่ห่างจากคริสมากนัก


     

    “ตัลไม่เข้าไปข้างในหรอ?” คริสถามพลางกดโทรออกซ้ำเป็นครั้งที่สิบ


     

    “ไม่อ่ะค่ะ พี่คริสนั่งตรงนี้เป็นเพื่อนตัลหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวเอ่ยออกไปพร้อมกับเขยิบให้อีกคนนั่งได้


     

    “อืม” พูดจบร่างสูงก็นั่งลงข้างๆเลขาสาว มือยังคงวุ่นวายกับโทรศัพท์เครื่องสวยอยู่


     

    “พี่คริสมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” คริสตัลพูดขึ้นพร้อมกับแตะแขนอีกคน


     

    “ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่เป็นห่วงคนที่บ้านน่ะ” คริสตอบกลับไปพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ เขาน่าจะเมมเบอร์ไคเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมากระวนกระวายตอนนี้ ตาคมมองกลับเข้าไปในงานก็เห็นลู่หานกำลังยืนคุยกระหนุงกระหนิงอยู่กับเซฮุน ร่างสูงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง


     

    “เฮ้อ ไอ้ลู่นี่ก็ไม่เคยบอกอะไรเลย” คริสบ่นออกมา คิดแล้วก็หงุดหงิด ตอนนี้ทุกอย่างตีกันไปหมดทั้งเรื่องชานยอลที่ตอนนี้ไม่สบาย แถมยังไม่รับโทรศัพท์อีก 


     

    “คะ?” 


     

    “ลู่หาน ที่เป็นพิธีกรคู่กับตัลไง”


     

    “อ๋อ พี่เค้าน่ารักดีนะคะ” 


     

    “ฮ่ะ ก็งั้นๆ” คริสฝืนยิ้มออกมา อารมณ์ตอนนี้ยากที่จะยิ้มออก


     

    “พี่คริส” คริสสัมผัสน้ำเสียงของหญิงสาวเปลี่ยนไป


     

    “?” ร่างสูงชำเลืองมองเป็นเชิงตอบรับ ช่วงเวลาตอนนี้มันน่าอึดอัดนัก


     

    “พี่เย็นชากับตัลมากนะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย” 


     

    “จะให้พี่กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ยังไง” ร่างสูงเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเสียงที่นิ่งและเต็มไปด้วยความเย็นชา


     

    “...”


     

    “มันก็เป็นปกติ...ของคนที่...เคยคบกันแล้วก็เป็นปกติของคนที่จับได้ว่าผู้หญิงของตัวเองไปมีคนอื่น เอาตรงๆมั้ย ที่พี่ยอมคุย ยอมไปไหนมาไหน ยอมไปกินข้าวกับตัลเพราะพี่เห็นแก่พ่อ รู้ไว้ด้วย” เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยความเย็นชาทำให้อีกฝ่ายต้องหน้าชาไปพร้อมกับร่างสูงที่ลุกจากเก้าอี้


     

    “ตัลขอโทษ ถ้าวันนั้นตัลไม่เอาทำอะไรตามใจก็คงไม่เป็นแบบนี้” หญิงสาวพูดพร้อมกับลุกขึ้นกอดอีกคนจากด้านหลังไว้ 


     

    “พี่ไม่ต้องการคำขอโทษ พี่อยากให้ตัลออกไปจากชีวิตพี่ได้มั้ย รู้มั้ยทุกครั้งที่พี่เห็นตัล ภาพพวกนั้นมันจะกลับเข้ามา รู้มั้ยพี่เคยวาดอนาคตของเราสองคนไว้ไกลขนาดไหน แต่ตัลเป็นคนที่ทำมันพังเอง” ร่างสูงก้มหน้าลงก่อนจะหลับตาเพื่อให้ตัวเองใจเย็น ถึงลึกๆจะคิดถึงสัมผัสนี้แต่ตอนนี้เจ้าตัวไม่ต้องการมันอีกแล้ว


     

    “...”


     

    “ขอร้อง อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้อีก มันจบไปตั้งแต่ก่อนตัลไปอังกฤษแล้ว” ร่างสูงพูดด้วยเสียงแผ่วพร้อมกับแกะมือที่อยู่รอบเอวของตนเองออก


     

    “พี่คริสให้โอกาสตัลอีกครั้งไม่ได้หรอ” 


     

    “ถ้าเป็นเมื่อก่อน..อาจจะได้ แต่ตอนนี้คงไม่แล้วล่ะ” ร่างสูงยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจตอบกลับไป 


     

    “ทำไมล่ะ เพราะชานยอลใช่มั้ย” เสียงของหญิงสาวแข็งขึ้น


     

    “...” คริสไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพียงแต่เดินกลับไปในงาน โดยไม่หันกลับมามองแม้ตาหางตา


     

    “คงใช่สินะ ...แล้วพี่จะเสียใจที่ให้คำตอบแบบนี้”


     

    ...


     

    ...


     

    “ไอ้คริส! แฮ่ก” ลู่หานกับเซฮุนวิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าร่างสูงที่เดินอย่างไร้วิญญาณเข้ามาในงาน สีหน้าของเจ้าของใบหน้าหวานบ่งบอกได้ชัดว่าเขาวิ่งหาคริสทั่วงาน


     

    “มีอะไร” 


     

    “ชานยอล...”


     

    “อะไร...”  


     

    “...” ลู่หานหันกลับมามองหน้าเซฮุนก่อนที่เซฮุนจะหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง


     

    “ไม่ได้อยู่ที่บ้านครับ” 





     

    TBC.

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×