คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1
ลมพัดโบกโบยพัดโชยกลิ่นบุปผาหอมชื่นรอบจวนเหลียนเหอภายในจวน จินหนานหลง องค์ชายน้อยผู้มีเรือนผมสีเงินสวมอาภรณ์สีคราม นิ้วเรียวจับคัมภีร์ในมือมั่นเหมาะ นัยน์ตาจ้องมองยังตัวอักษรแน่วแน่
"หลงหลง" เสียงจากเด็กชายอีกคนหนึ่ง ผิงเชิง บุตรบุญธรรมแห่งเทพวารี วิ่งตรงเข้ามายังจวน
" เจ้าช่างขยันมาหาข้าจริง"
"หลงหลง เจ้าทำอะไรอยู่ฤๅ"
"หากเจ้ามีตาก็น่าจะดูออกหนิ"
ืืืื " ฮือๆๆ หลงๆท่านมิรู้รึ ข้าตาบอดตั้งแต่พบเจ้าแล้ว"
"งั้นฤๅ"
" หลงหลง ท่านอ่านหนังสือพวกนี้ทั้งวันไม่เบื่อบ้างรึ" พลางหยิบหนังสือที่กองอยู่มาเปิดเล่น
" ... "
" หลงหลง ท่านไปเล่นกับข้าหน่อยเถิด"
" ... "
" องค์ชายยย โปรดเมตตาเด็กน้อยผู้อาภัพคนนี้ด้วยเถิด"
" หากข้าไปกับเจ้า.... "
" ข้าจะเลิกกวนท่าน 2 วัน" คู่สนทนาของเขายังคงนิ่งเฉย
" งั้น 1 เดือน"
เด็กชายเพียงแย้มรอยยิ้มเยี่ยงผู้ชนะออกมาแล้วเดินนำออกไปจากจวน
ร่างเด็กน้อยทั้งสองเดินมายังสวนพฤกษาชาติรอบจวน
"หลงหลง ท่านอยากทำอันใด"
" เล่นหมาก" พูดไม่ทันจบคำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมมือที่ดึงเขาไปยังท่าเรือ
"พายเรือเล่นกัน" เสียงเสนาะเอ่ย
'เฮ้ออ เจ้านี่นะ'
ร่างเด็กน้อยทั้งสองนั่งลงบนเรือไม้ ในสระปทุมแก้ว เสียงไม้พายกระทบผิวน้ำตวัดเป็นคลื่นผสานกับเสียงแห่งพงไพร ดั่งถูกต้องมนต์สะกด
แววตาของเด็กน้อยเบื้องหน้าสบมองยังดอกปทุมแก้วมิวางตา เรือนผมสีดำขลับของเขาพริ้วไสวตามสายลม
"หลงหลง ท่านดูสิหากกล่าวว่าการผลิบานของพวกมันเป็นดั่งจุดเริ่มต้นแห่งการโรยราเจ้าคิดเห็นเป็นประการใด"
" กล่าวได้ไม่เลว หากการผลิบานเป็นดั่งจุดเริ่มต้นแห่งการโรยรา เจ้าก็สามารถจดจำช่วงเวลาแห่งการผลิบานนี้ได้มิใช่รึ เช่นนั้นแล้วมันก็จะบานอยู่ในใจเจ้านิจนิรันดร์ " พร้อมหยิบปิ่นเล่มงามยื่นไปยังคู่สนทนา " ข้าให้ "
" ปิ่นดอกปทุมแก้ว? ท่าน... ทำเองฤๅ "
" ห้ามให้ใคร"
' เฮ่ออเรื่องราวที่ผ่านมาเจ้ายังจำได้หรือไม่ เสี่ยวเชิง ' บุรุษร่างสูงเลื่อนนิ้วเรียวเสยผมสีเงินยาวที่ปรกหน้าขึ้น ไอน้ำจากอ่างแก้วล่องลอยทั่วบริเวณกระทบผิวกายรวมตัวเป็นหยดน้ำสะท้อนแสงเทียนรอบข้างประกายระยิบระยับ
เสียงสวบ สาบ ดังขึ้นจากพุ่มไม้ประดับในสวนที่อยู่ใกล้เคียง เสียงฝีเท้าเหล่านั้นค่อยดังชัดขึ้นเรื่อยๆ
" เร็ว " เสียงหนึ่งดังขึ้นจากพุ่มไม้
เสียงฝีเท้าค่อยๆดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บุรุษผู้สวมอาภรณ์บางสีขาวในอ่างกว้าง เลื่อนมือจับกระบี่ข้างกายมั่น
'มาแล้วรึ พวกเจ้าช่างรนหาที่ตายดีจริง'
ขณะบุรุษร่างสูงกำลังลุกขึ้นจากอ่างพร้อมจับกระบี่ในมือมั่น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้เขาชะงักไปในทันใด
"พวกเจ้าลากข้ามาทำไมเนี่ย" เสียงดรุณีจากพุ่มไม้เอ่ย
"เจ้าก็ดูนั่นสิ ตรงนั้น" เสียงสตรีอีกคนตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
'เป็นพวกนางงั้นรึ บุรุษรูปงามเยี่ยงข้าช่างน่าเวทนาเสียจริง ถูกจับจ้องอยู่เป็นนิจ'พร้อมวางกระบี่ลงข้างกายแล้วแช่น้ำในอ่างต่ออย่างสบายใจ
"อ่างแก้วงั้นรึ? อ่างช่างกว้างและเงางามยิ่งนัก"
"เจ้าบ้ารึเปล่าเนี่ย ใครจะลากเจ้ามาดูอ่างแก้วยามนี้กัน"
" ลวดลายที่ขอบอ่างช่างปราณีตยิ่ง ยามไอน้ำเกาะตามผิวสะท้อนแสงเทียนช่างงดงามหาใดเปรียบ"
'นางเป็นใครกัน บังอาจมองว่าอ่างแก้วงามกว่าข้างั้นรึ บังอาจ ช่างบังอาจยิ่งนัก!'
" นี่ๆๆ เจ้าดูนั่นสิๆทั้งกล้ามเนื้อ เรือนผมสีเงิน ท่าทางสุขุมนั่น เจ้าเห็นหรือไม่"
บุรุษในอ่างขยับตัวเผยให้เห็นเนื้อผ้าที่แนบผิวยิ่งขึ้น
" อืมมม งดงาม" นางเอ่ย
'เห้ออความงามของข้า ช่างล่มเมืองเสียจริง'
" อ่างแก้วใต้ผิวกายเขานั้นช่างงดงาม งดงามเป็นเลิศเสียจริง" นางเอ่ยต่อ
' เจ้า! ' ทันใดนั้น
" นี่ก็ล่วงเข้ายามซิ่วแล้วข้ากลับหละ "เสียงดรุณีผู้เดิมเอ่ย
" เจ้ามิดูต่อหน่อยรึ"
" ไปเถอะ"
'เรือนกายบุรุษโสภณเพียงนี้เลยรึ เห็นทีข้าจักต้องไปศึกษาเสียแล้ว' นางพลางนึกแล้วเร่งเดินจาก
" รอข้าด้วยยย ฟางหัว "
'ฟางหัว? ฟาง หัว รึ รูปเจ้าจักงามเยี่ยงนามหรือไม่ ข้าใคร่รู้นัก' เขาพลางนึกพร้อมหันหลังสบมองยังร่างสตรีที่กำลังวิ่งห่างออกไป
" องค์ชาย" เสียงแม่ทัพเหม่ยที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยพร้อมคารวะ
" ว่ามา" บุรุษในอ่างแก้วเอ่ย
" หน่วยใต้รายงานมาว่า ค้นหาจนทั่วแล้วมิพบพะยะค่ะ"
"หน่วยอื่นเล่า?"
"ก็มิพบพะยะค่ะ"
"มิพบอีกแล้วรึ! ประกาศออกไปหากใครพบข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม"
" พะยะค่ะ"
' เสี่ยวเชิงเจ้าอยู่แห่งใดกันแน่ เหตุใดเจ้าจึงตระบัดสัตย์เยี่ยงนี้'
~~~~~~~~~~~~~
เช้าวันรุ่งขึ้นแสงทองสาดส่องกระทบสตรีร่างบางที่หลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา แสงสุริยาในยานนี้้นั้นสร้างความลำคาญไม่น้อย
"ฟางหัววว เจ้าตื่นได้แล้ว"
"เจ้าจักรีบร้อนไปใย" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าเพื่อบังแสงอาทิตย์
"เจ้าลืมไปแล้วฤๅ วันนี้เจ้าต้องไปเรียนนะ"
"งั้นฤๅ"
"ข้าได้ยินว่าวันนี้มีอาจารย์คนใหม่มาสอนด้วยหละ"
" เจ้าไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าตามไป"นางเอ่ยด้วยความหงุดหงิด
"เจ้าเอ่ยแล้วนะห้ามคืนคำ งั้นข้าไปก่อนหละ" แล้วนางก็เดินจากไปอย่างร่าเริง
'เฮ้ออ ห้องข้าเงียบเสียที ตอนนี้ยังเช้านักเหลือเวลาอีกกกครึ่งชั่วยาม ยังพอมีเวลา' คิดได้ดังนั้นนางก็นอนหลับต่อดังเดิม
อีกหนึ่งชั่วยามถัดมา เสียงฝีเท้าเเละลมหายใจเหนื่อยหอบเคลื่อนตรงเข้ามายังสำนัก
"ฟางหัวเหตุใดเจ้ามาช้าเพียงนี้! "
"อาจารย์มาหรือยัง?"
"หากข้ายังไม่มาเจ้าจักทำเยี่ยงไรฤๅ" เสียงบุรุษเอ่ยขึ้น
ใบหน้าอันซีดเผือกเริ่มฉายเด่นขึ้นบนใบหน้านางพร้อมดวงตาที่แฝงด้วยความตกใจอย่างเห็นได้ชัด
'เรือนผมสีเงินนี่! รูปร่างเยี่ยงนี้! มิผิดแน่ บุรุษผู้นั้น ข้าช่างซวยซ้ำซวยซ้อนดีจริงๆ'
~~~~~~~~~~~
อธิบายเพิ่มเติม
ยามซิ่ว = เวลา 19.00 น.- 20.59 น.
1ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง
ฟางหัว หมายถึง กลิ่นหอมอันงดงามค่ะ
( ชื่อเติมคือ หลินฟางหัว)
หลงหลง = จินหนานหลง (เป็นการเรียกอย่างสนิทสนม)
เสี่ยวเชิง = ผิงเชิง (เป็นการเรียกอย่างเอ็นดู)
อ่างแก้วในที่นี้คืออ่างขนาดใหญ่ไว้สำหรับแช่ตัวเพื่อฟื้นฟูพลังปราณ ฝังอยู่ใต้ดินบางส่วน รอบข้างอ่างถูกตกแต่งสวนพฤกษาเพื่อความงดงาม ยามกลางวันจะมีหลังคาที่ประดับด้วยสิ่งต่างๆอันงดงาม เพื่อบังแดดเละตกแต่ง แต่เมื่อถึงยามราตรีหลังคาจะแปรเป็นกระจกใสเพื่อให้เห็นดวงดาวบนนภา
ความคิดเห็น