คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : {o n l y u} - `chp2
ONLY YOU
PAST OF LOVE II
ผมนั่งเงียบ พลางก้มหน้าหลบสายตาของอีกคน ชานยอลเองก็ยังคงเงียบเหมือนกันจนตอนนี้รู้สึกอึกอัดไปหมด ผมชำเลืองสายตามองไปที่อีกคน เห็นใบหน้าของชานยอลที่ยังคงนิ่งแต่ก็ขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ชานยอลจะหันมาที่ผมทำให้ผมต้องรีบหลบสายตาลง ซึ่งชานยอลเองก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย ชานยอลจอดรถลงข้างหน้าร้านของผมก่อนที่ผมจะหันไปปลุกจงอินให้ตื่นขึ้นจงอินงัวเงียเล็กน้อย
“อ่าวถึงแล้วหรอครับ”
“อือกลับบ้านนายไปได้แล้ว” ชานยอลตอบจงอินด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะแข็งกระด้างส่งผลให้จงอินมองค้อนไปที่ชานยอลอย่างเอาเรื่องแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป “จงอินกลับไปนอนที่บ้านก่อนไหม” ผมเอ่ยถามอีกคนขึ้นเพราะเริ่มเห็นว่าบรรยากาศชักจะอันตรายซะแล้ว “อืม เดี๋ยวเย็นๆผมมาหานะครับ ตอนนี้ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ซักเท่าไหร่หรอก ขัดหูขัดตา” จงอินพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในซอยบ้านของ จึงทำให้ตอนนี้เหลือผมกับชานยอลแค่สองคนเท่านั้น
“อ่า ..ดอกไม้ของนาย” ผมแสร้งพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะเห็นว่าชานยอลเอาแต่ทำหน้านิ่งมาซักพักใหญ่ๆ ซึ่งมันก็อึดอัดไน้อย เพราะหลังจากที่ได้ยินคำชวนของเขาทำให้ผมสับสนไปหมด ทั้งดีใจทั้งเขินและกลัว กลัวว่าที่เขาเอ่ยมานั้นแค่คำล้อเล่นที่เขาชอบใช้มันแกล้งผมอยู่ตลอด ผมเลยเลือกที่จะเงียบ ไม่พูดอะไรออกไปซะดีกว่า แล้วเพราะผมเงียบนี่เอง ทำให้ชานยอลพลอยเงียบไปด้วย
“เดี๋ยวผมไปเข้าไปเอาให้นะ” ก่อนที่ผมจะทันได้เดินเข้าบ้านตัวเอง มือหนาของชานยอลก็เอื้อมมาฉุดแขนผมเข้าไปหาเขาอย่างแรง
“แบค อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”
“...”
“ทำไมไม่ตอบผม”
“ตอบอะไร” ผมช้อนสายตาขึ้นมองชานยอลเล็กน้อย ตอนนี้ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ชานยอลทำหน้าเซ็งเล็กน้อยแล้วดึงกุญแจบ้านในมือผมไปก่อนจะเปิดประตู้เข้าไปในบ้านของผมอย่าถือวิสาสะ แล้วลากผมเข้าไปด้วย “นี่ นายเป็นอะไร” ผมถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจเพราะใบหน้าของชานยอลเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นแล้ว เขาโกรธผมเรื่องช่อกุหลาบขนาดนั้นเลยหรอ
ชานยอลยังคงเงียบก่อนที่เขาจะดันผมลงนั่งที่โซฟา แล้วตัวเขาเองก็นั่งลงตรงข้ามผมพลางจ้องมาที่หน้าผมด้วยสายตาที่ยังคงโครตจะหงุดหงิดอยู่ “ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวจะคืนช่อกุหลาบให้ ..” ผมบ่นอุบอิบพลางเบนสายตาไปที่อื่น
“นายกำลังทำให้ผมหงุดหงิดนะแบค”
“ผมทำอะไรละ!” นี่เขาคิดว่าเขาหงุดหงิดคนเดียวหรือไง ผมก็หงุดหงิดเหมือนกันแหละ ทำไมเขาต้องทำสายตาแบบนั้นใส่ผมด้วยไม่ชอบเลยจริงๆ
อยู่ดีๆชานยอลก็เอื้อมมือมาจับต้นแขนของผมก่อนจะออกแรงดึงให้ตัวผมไปนั่งอยู่ข้างๆเขา ด้วยความตกใจทำให้ผมเผลอทุบไปที่แผ่นอกของอีกคนอย่างแรง แต่ชานยอลก็ยังไม่หยุดการกระทำของเขา ซ้ำยังบีบต้นแขนผมแน่นจนปวดไปหมด นี่เขาเป็นอะไร ทำไมกลายเป็นคนที่น่ากลัวขนาดนี้นะ
“นายเป็นอะไรหะชานยอล”
“แล้วที่ถามทำไมไม่ตอบ จะเงียบทำไม อ่อหรือนี่กะจะไปเที่ยวกับไอเด็กดำนั่นใช่ปะวะ”
“นายพูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย”
“นายนี่มันเข้าใจอะไรยากจริงๆแบคฮยอน”
“ก็นาย ..!” ก่อนที่ผมจะพูดจบ อยู่ดีๆ ชานยอลก็เอื้อมมือของเขามาปิดปากของผมเอาไว้แน่นราวกับว่าไม่อยากให้ผมเถียงเขายังไงยังงั้น ผมเลยเลือกที่จะหยุด เพราะจริงๆแล้วผมก็ไม่อยากทะเลาะกับเขาซักเท่าไหร่ “แบคครับ” ชานยอลเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงที่เขามักจะชอบใช้อ้อนเวลาที่จะให้ผมไปส่งเขากลับบ้าน น้ำเสียงที่มักจะทำให้ผมใจอ่อนอยู่เสมอ
“นายจะไม่ตอบผมจริงๆหรอ” ชานยอลเอ่ยพลางยื่นหน้าของเขาเข้ามาใกล้ผมเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อของผมไม่หยุด แล้วยิ่งเขาทำน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้แล้ว ผมจึงรู้สึกเหมือนอยู่ในภวังค์ แทนที่ผมจะหลบเขา ผมกลับนั่งอยู่นิ่งๆ จนตอนนี้หน้าผากของเราแตะกันแล้ว
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกับผมนะ”
“...”
ตอนนี้ชานยอลได้เอามือของเขาออกจากปากของผมไปแล้ว แต่กลับแทนที่เข้ามาด้วยริมฝีปากอุ่นๆของเขา ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลงช้าๆเพื่อรับสัมผัสจากอีกคน หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นแล้วยังรู้สึกหวิวๆไปหมด ชานยอลกดจูบเบาๆไม่มีการรุกล้ำใดๆก่อนที่แขนแกร่งของอีกคนจะคว้าหมับเข้าที่เอวของผมแล้วดึงให้เข้าไปแนบชิดทำให้ร่างกายของผมตอนนี้อ่อนปวกเปียกไปหมด
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ก่อนที่ชานยอลจะละริมฝีปากออกไป ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองเห็นชานยอลกำลังยิ้มกริ่มเล็กน้อย ทำเอาผมใจเต้นแรงด้วยความเคอะเขิน ผมรีบก้มหน้าลงหลบสายตาของเขาที่เอาแต่จ้องผมไม่หยุด นี่ผมเขินจนจะบ้าตายอยู่แล้วนะ
“ตกลงว่าไงหืม”
“…”
“ตอบซิครับ”
“อ ..อือ ไปก็ได้”
ชานยอลเมื่อได้ยินแบบนั้นก็เอาแต่ยิ้มไม่หยุด ยิ่งทำให้ผมไม่กล้าจะพูดอะไรกับเขาไปยิ่งกว่าเดิมอีก นี่เขาจูบผมเชียวนะ ยังจะมาทำหน้าระรื่นอยู่ได้ ผมเบะปากไปที่อีกคนเล็กน้อยแล้วลุกออกไป ผมเดินไปหยิบช่อกุหลาบกลับมาพลางยื่นคืนเขา “กลับบ้านนายไปได้แล้ว”
ชานยอลมองมาที่ช่อกุหลาบผมก่อนจะหันหน้าหนีไปที่อื่น โดยไม่สนใจช่อกุหลาบในมือของผมซักนิด เขามักจะทำแบบนี้ตลอดเวลาที่ผมคืนช่อกุหลาบให้กับเขา ซึ่งมันก็บ่งบอกได้อย่างดีว่าเขาไม่เอามันแล้ว แรกๆผมก็สงสัยนะ แต่ตอนนี้ชินแล้วหละ ช่อกุหลาบของชานยอลอยู่ในตู้เก็บของของผมจนมันจะล้นแล้วตอนนี้ แต้ผมก็เลือกที่จะไม่ทิ้งมัน เพราะเผื่อว่าวันดีคืนดีอยู่ๆเขาจะอยากได้มันคืน ผมจะได้คืนเขาได้ทันทีโดยไม่มีปัญหาอะไร
“ไม่กลับ จะอยู่ต่อ”
“ไม่ได้”
“ทำไมละ”
“ก็บอกว่าไม่ได้ไงละ”
เขายงคงทำหน้าทะเล้นอยู่อย่างนั้น ไม่รู้หรอว่ามันทำให้ผมใจสั่นขนาดไหน ถ้าไม่กลับตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ไปด้วยนะ ผมพูดเสียงแข็ง ทำให้ชานยอลชะงักหน้าของเขาลงเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าบูดบึ้งใส่ผม ผมละไม่เข้าใจเขาจริงๆเลย นี่เขาต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าจะแกล้งผมแบบที่เขาชอบทำ แต่แกล้งแรงไปนะ ..
“กลับก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับนะ” ชานยอลเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเซ็งๆ “มาเย็นๆนะ ต้องเฝ้าร้าน” ผมรีบชิงตอบอีกคนไปก่อน เกือบจะลืมไปแล้วว่าพรุ่งนี้ผมต้องอยู่เฝ้าร้าน วันวาเลนไทคนมักจะเยอะกว่าปกติ ถ้าผมไม่อยู่เฝ้าร้านนี่ต้องขาดทุนแน่ๆเลย “ให้ไอดำมานั่นมาเฝ้าแทนดิ น้องรักไม่ใช่หรือไง” ชานยอลยังคงเถียงกลับมา ไอดำที่ว่านั่นเขาคงหมายถึงจงอินซินะ
“อย่าดื้อได้ไหมชานยอล”
“...”
“ผมก็มีการมีงานต้องทำนะ”
“งั้นผมเหมาหมดร้านเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเอาแล้วก็ปิดร้านไปเลยนะ”
หลังจากที่ส่งชานยอลกลับบ้านไปแล้ว ผมก็ยังคงคิดเรื่องของเขาอยู่อย่างงั้น ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้กับผมด้วย ปกติเขาจะแกล้งผมอยู่ตลอด แต่ไม่เคยแกล้งถึงขั้นจูบกันแบบนี้ คำพูดของเขายงคงวนเวียนอยู่ในหัวผม รสจูบของเขาก็เช่นกัน.. ผมนอนไม่หลับเกือบจะทั้งคืน ทั้งที่ปกติแล้วเวลาหัวถึงหมอนผมจะต้องหลับอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ในตอนนี้มันกลับไม่เป็นอย่างงงั้น ขนาดตอนที่จงอินมาหาผม ปกติผมจะคุยกับเขาเกือบทั้งคืน แต่วันนี้ผมกลับโกหกเขาไปว่าผมไม่ค่อยสบาย เพื่อให้จงอินกลับไปที่บ้าน เพราะตอนนี้ผมไม่พร้อมจะคุยกับใครจริงๆ
‘นายเป็นคนยังไงกันนแน่นะปาร์คชานยอล ..’
ตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิด มาก .. ชานยอลมารอผมที่หน้าบ้านตั้งแต่หกโมงเช้า ไม่พอยังตะโกนโหวกเหวกไม่ยอมหยุดอีก เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบจะตีสาม ผมต้องรีบลงไปเปิดประตูรับเขาทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำเลย “แบคเน่า” ทันทีที่เขาเห็นผมในสภาพสวมชุดนอนอยู่เขาก็ขำอย่างชอบใจ “ใครใช้ให้รีบมา บอกแล้วใช่ไหมว่าให้มาเย็นๆ” ผมบอกอีกคนพลางทำหน้าตาหงุดหงิด นี่ยังง่วงอยู่เลย
“หิวไหมครับ” ชานยอลถามขึ้นพลางเขยิบมานั่งใกล้ๆผมในขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวีอยู่เงียบ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เรื่องเมื่อคืนมันยังติดตาผมอยู่เลย อยู่ดีๆผมก็รู้สึกหวิวไปทั้งตัวแค่ได้ยินเสียงทุ้มๆของเขาพูดอยู่ข้างหู แต่เพราะว่าอารม์ยังคงหงุดหงิดอยู่ทำให้ผมเขยิบหนีแต่ชานยอลก็ยังคงดื้อดึง จนสุดท้ายผมก็นั่งติดขอบโซฟาโดยมีชานยอลนั่งเบียดอยู่ข้างๆ ตานี่มันกวนประสาทจริงๆเลย ผมหันไปมองค้อนใส่ชานยอลเล็กน้อย ก่อนจะต้องรีบหันหน้าหนีเมื่ออยู่ๆชานยอลก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผมอย่างรวดเร็วจนผมตกใจ
“ม ..ไม่หิว จะไปอาบน้ำแล้ว”
“เดี๋ยวอาบให้เอามะ”
“ไม่”
ผมรีบลุกหนีอีกคนวิ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ลืมหยิบเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปพร้อม แล้วยังได้ยินเสียงหัวเราะของชานยอลตามมา เขาท่าทางจะอารมณ์ดีทั้งวันเลยนะ ผมรีบชำระล้างร่างกายตัวเอง เพราะวันนี้ต้องไปเฝ้าร้อนก่อน ติดที่ว่าชานยอลอยู่ด้วย ถ้าจงอินมาช่วยเฝ้าร้าน คงได้มีสงครามบ้างเล็กน้อย ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็อาบน้ำเสร็จ วันนี้ผมอาบเร็วกว่าปกติเพราะปกติผมใช้เวลาอาบน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง
ผมออกจากห้องน้ำมา ไม่เห็นชานยอลอยู่ที่โซฟาแล้ว แต่ก็เหลือบไปเห็นมีคนอยู่ในห้องครัวพลางต้มรามยอนอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเดินตามเข้าไปเห็นชานยอลยืนอยู่ในนั้น “หือ นายทำอาหารเป็นด้วยหรอเนี่ย” ผมถามอีกคนด้วยความสงสัย ไม่นึกว่าคนอย่างเขาจะทำอะไรที่มันกินได้ หรือบางทีอาจจะกินไม่ได้ก็ไม่รู้ “ก็ไม่ชอบกินข้าวนอกบ้านอะเลยต้องฝึกทำเองบ้าง” เขาตอบผมโดยที่ยังสายตายังมองไปที่หม้อรามยอน ผมเดินไปนั่งรอเขาที่โต๊ะเพราะไม่อยากจะรบกวนเขาซักเท่าไหร่ พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หน้าชานยอลตอนจริงจังก็ดูดีไปอีกแบบ
“แบคครับ”
“...”
“แบคเหม่ออะไรเนี่ย”
“ห้ะห้ะ” ผมสะดุ้งขึ้นเมื่อชานยอลเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆแล้ว พลางยื่นชามรามมยอนมาตรงหน้าผม หน้าตาของมันดูน่ากินมากเลยกลิ่นก็หอมอย่างไม่น่าเชื่อ เขาทำอาหารเก่งกว่าผมอีกนะเนี่ย “ให้ป้อนไหม” ชานยอลเอ่ยขึ้นพลางใช้ตะเกียบคีบเส้นรามมยอนมาจ่อที่ปากผม “กินเองได้น่า” ผมเอื้อมมือไปดึงตะเกียบมาถือไว้เองพลางคีบรามมยอนเข้าปากตัวเอง รสชาติของมันก็ไม่ได้แย่ ค้อนข้างจะดีด้วยซ้ำ
ซักพักชานยอลก็ลุกขึ้นไปล้างหม้ออยู่ตรงอ่างล้างจาน ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย จะว่าไปเขาแทบจะไม่ทำให้ครัวผมเลอะเลย ต่างจากผมที่เวลาทำอาหารทีไรจงอินต้องคอยเช็ดล้างให้ตลอด ชานยอลนี่รักสะอาดดจัง
“กินเสร็จยังครับ” ชานยอลถามผมขึ้น ผมหันไปมองเขาเล็กน้อย พลางพยักหน้าให้ ตอนแรกก็ว่าไม่หิวนะ ทำไมอยู่ๆผมกินซะเกลี้ยงเลยละนี่ ชานยอลเดินมาหยิบชามรามมยอนไปเพื่อจะล้างมัน “เดี๋ยวผมล้างเองก็ได้” ผมรีบวิ่งตามเขาไปพลางดึงชามกลับมาด้วยความเกรงใจ ทำให้กินแล้วยังจะมาเก็บล้างให้อีกผมรู้สึกไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่หรอกนะแต่ชอนยอลกลับเอ่ยไปไล่ให้ผมรีบไปเปิดร้าน โดยอ้างว่า ให้รีบๆทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จแล้วจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน ผมพยายามเถียงเขาแต่เพราะความดื้อดึงของเขาทำให้ผมต้องจำใจออกมาเปิดร้านตามที่เขาบอก “ออกมาแล้วอย่าลืมล๊อกบ้านให้ด้วยนะ” ผมพูดพลางยื่นกุญแจของผมไว้ให้กับเขา
ผมเดินออกจากบ้านด้วยความกังวล วันนี้ผมเป็นอะไร แทนที่จะเอ่ยปากไล่เขาให้ออกไปจากบ้านเพราะเรารู้จักกันไม่นานพอที่เขาจะเข้ามาในบ้านผม แต่ตั้งแต่เมื่อวานผมกลับใจอ่อนยอมเขาตลอด ทำไมเขามีอิทธิพลกับผมขนาดนี้กันนะ ขณะที่ผมก้าวเท้าเดินเพื่อไปที่ร้านของตัวเองอยู่นั้น ก็เหลือบตาไปเห็นร่างของคนนึงยืนพิงผนังร้านผมอยู่ ผมมองเขาด้วยความสลสัยก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อเขาออกไป
“จงอิน ..”
จงอินหันมามองที่ผมด้วยสายตาแปลกๆ สายตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไมเขาดูเศร้าแบบนี้นะ “พี่อยู่กับใคร” จงอินถามผมนิ่งๆเรียกให้ผมสงสัยไปยิ่งกว่าเดิมแต่ผมเลือกที่จะเงียบ เพราะผมไม่อยากบอกนักหรอกว่าเมื่อเช้าชานยอลมาหาผมที่บ้านแต่เงียบไปก็คงไม่ได้ช่วยอะไร เพราะรถของชานยอลก็จอดเด่นอยู่ที่หน้าบ้านผมแบบนั้น จงอินยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่ผมไม่อยากจะเห็นเลยซักนิด
“ทำไมพี่ไม่ตอบผมละครับ”
“วันนี้ลูกค้าคงจะเยอะรีบเปิดร้านกันเถอะ”
“ผมถามว่าพี่อยู่กับใคร”
“ดอกกุหลาบที่สั่งไว้เมื่อวันก่อนเขามาส่งหรือยังนะ”
อยู่ดีๆจงอินก็เอื้อมมือมากระชากแขนผมไปจับไว้แน่นพลางทำสายตาแข็งกร้าวมาที่ผม ผมหันไปมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ปกติจงอินไม่ใช่คนแบบนี้เขาไม่เคยก้าวร้าวใส่ผมเลยด้วยซ้ำ “พี่เจ็บปล่อยนะ” ตอนนี้ผมเจ็บไปหมดแล้ว เมื่อวานชานยอลก็บีบแขนผมแบบนี้ยังเจ็บไม่หายเลย เขายังจะมาทำมันซ้ำอีก แล้วแรงกว่าที่ชานยอลทำซะด้วย “ตอบผม!” จงอินพูดตะคอกขึ้น ตอนนี้ผมกลัวไปหมดแล้วผมพยายามสะบัดแขนตัวเองออกแต่ก็ไม่เป็นผลแล้วเขายังจะออกแรงบีบเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ผมเงยหน้ามองจงอินตอนนี้น้ำตาคลอไปหมดแล้ว ผมกลัวจริงๆนะจงอินกลายเป็นคนแบบนี้ได้ยังไงกัน จงอินยังคงมองผมไม่หยุดสายตาของเขาน่ากลัวจนผมต้องหลบตาเขา ผมไม่อยากเห็นสายตาแบบนี้เลย ยิ่งมันมาจากจงอิน น้องที่ผมรักเหมือนน้องแท้ๆแล้ว ผมยิ่งไม่อยากจะเห็นมัน
“แบคผมล๊อคบ้านให้แล้วนะ” อยู่ดีๆก็มีเสียงของอีกคนดังขึ้น จงอินกับผมหันไปมองเห็นชานยอลเดินออกจากบ้านมาด้วยท่าทางสบายๆแต่ทันทีที่เขาเห็นผมกับจงอินเขาก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย เมื่อจงอินเห็นชานยอลเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบที่แขนผมให้มันมากไปอีก “โอ้ย .. ” ผมร้องออกมาเบาๆชานยอลที่เห็นแบบนี้ก็รีบวิ่งมาดึงตัวผมออกไปจากจงอิน “ทำบ้าไรวะ” ชานยอลถามขึ้นอย่างเอาเรื่อง
“พี่อยู่กับมันใช่ปะ ที่ไล่ผมกลับบ้านเมื่อคืนก็เพราะมันจะมาหาพี่หรอ!” จงอินตะคอกขึ้นอีกครั้ง ผมชักจะทนไม่ไหวตอนนี้น้ำตามันไหลลงมาจนผมแทบจะมองไม่เห็นอะไรแล้ว ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้แน่น ตอนนี้ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาผมเลยจริงๆ ผมผิดหวังในตัวจงอินมาก ที่เขามาทำตัวงี่เง่าแบบนี้ ทำไมเขากลายเป็นคนแบบนี้ทำไมไม่พูดกันดีๆ “ไอดำเงียบปากไปเลยนะ เห็นไหมว่านายกำลังทำแบคร้องไห้” ชานยอลพูดขึ้นก่อนที่จงอินจะหันไปมองชานยอลด้วยสายตาเอาเรื่อง
“มึงเงียบปากไปเลย” จงอินพูดขึ้นพลางเข้าประกระชากคอเสื้อของชานยอล พอเห็นอย่างงั้นชานยอลก็ต่อยไปที่ใบหน้าของจงอินอย่างแรง จนที่มุมปากของเขามีเลือดออก ตอนนี้ผมตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก จงอินล้มไปแล้วก่อนที่ชานยอลจะเข้าไปซ้ำอีกผมก็รีบดันเขาเอาไว้ “พอแล้วชานยอล ใจเย็นๆก่อนนะ” ทันทีที่ผมเอ่ยปากห้ามชานยอลก็หยุดแต่โดยดี “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง มันไม่จบแค่นี้แน่” จงอินพูดขึ้นแล้วลุกเดินหนีออกไป ผมตะโกนเรียกเขาไว้แต่เขาไม่สนใจผมเลย ทำให้ผมได้แต่ยืนมึนงงอยู่อย่างงั้น
“เป็นอะไรหรือเปล่าแบค เจ็บไหม” เมื่อจงอินไปแล้ว ชานยอลก็เอ่ยถามผมขึ้นมา ก่อนจะจับแขนของผมไปดูอย่างเบามือ ผมเห็นร้อยช้ำที่แขนตัวเองแล้วก็ตกใจอยู่ไม่น้อย ชานยอลเองก็คงตกใจไม่ต่างกัน จงอินแรงเยอะมากพอที่จะทำให้แขนผมหลุดได้เลยด้วยซ้ำ ชานยอลก้มหน้าลงเป่าๆเบาๆที่แขนผม “เพี้ยง .. เดี๋ยวก็หายนะครับคนดี” ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมสับสนไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องชานยอล ทั้งเรื่องจงอิน
ชานยอลเอื้อมมือมาปาดคราบน้ำตาของผมออกเบาๆ “ไม่เอาไม่ร้องแล้วเดี๋ยววันนี้คนหล่อพาตัวเล็กไปกินไอติมนะจะได้อารมณ์ดี” ชานยอลพูดขึ้นพลางยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นพลางเงียบอยู่แบบนั้น ชานยอลเห็นแบบนั้นก็จูงมือผมเดินไปที่ร้านไอติมใกล้ๆกันโดยไม่รอฟังคำตอบจากผมของผมเลยซักนิด
TBC
ความคิดเห็น