ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความลับของปีศาจสีรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 จดหมายปีกนางฟ้า(แก้ไขเนื้อเรื่อง 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 53



       

        หากแต่ว่าพี่ของเธอให้เข้าศึกษาในโรงเรียนที่เธอฝักใฝ่อยากศึกษามาตลอดชีวิต เธอคงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เธอคิดว่าแบบนั้น แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ เธอทำตัวเองต่างหาก ในสภาพนี้ที่เธอต้องนอนพาดกับเคาท์เตอร์ที่บาร์แห่งหนึ่งในอาณาจักรกราเซีย หมู่บ้านเกวี่ น้ำเมาทั้งหลายแหล่ถูกตั้งระนาวโต๊ะเต็มไปหมด เธอทั้งดื่มแล้วดื่มอีกจนพี่สาวคนที่ทำงานอยู่ตรงเคาท์เตอร์หันมามองด้วยสายตาระเหี่ยส่วนคนข้างตัวของเธอกลับมองมาด้วยสายตาตกตะลึงแทน เด็กสาวอายุวัยไม่ถึงสิบแปดกำลังดื่มเหล้าหลายขวดภายในเวลาอันรวดเร็วจนน่าใจหาย ขนาดเขาที่นั่งข้างตัวเธอนั้นเป็นถึงคอโปรในบาร์แห่งนี้ยังเทียบเด็กสาวธรรมดาๆไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีสีท่าว่าจะเมาเลยตั้งแต่สิบขวดแรก จนมาถึงขวดที่ยี่สิบหก ตาของเธอเริ่มลายๆไปบ้างแล้ว 

       "พอได้แล้ว มีปัญหาอะไรก็บอกข้าได้นะ"โอเดต...เพื่อนสาวที่เคยถูกพูดถึงปรามขึ้นเมื่อเริ่มเป็นห่วงเพื่อน โอเดตเป็นลูกสาวเจ้าของร้านบาร์แห่งนี้ ดังนั้นเหล้าที่ถูกกระเดือกไปทั้งหมดในร้านนี้ด้วยลำคอของแอลถึงได้ไม่ต้องจ่าย 

       "เจ้าจะมาเข้าใจอะไร เจ้าก็อีกคน...เจ้าก็จะได้เรียนที่เอมีเรียแล้ว พี่ชายของเจ้าก็ด้วย"คนเมาเริ่มคิดเครียดขึ้น ทำไมคนที่มีความสามารถอย่างเธอถึงไม่ได้เข้าเรียนกับเขาทั้งๆที่ทั้งโอเดตและพี่ชายของโอเดตมีความสามารถด้านพลังเวทย์ไม่เท่าเธอเลยด้วยซ้ำไป 

        "จะสอบเข้าได้รึเปล่าข้ายังไม่รู้เลย เฮ้อ...แล้ววันนี้จะนอนที่นี่ใช่ไหม" 

       "วันนี้ข้าไม่อยากไปเจอหน้าพี่เรวิน โอ๊ย...ปวดหัวจริงเชียว"มือเล็กกุมศรีษะตัวเอง ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงงัวเงียและผลอยหลับไปในที่สุด โอเดตที่นั่งข้างตัวถอนหายใจปลงอนิจจาเพื่อนสาวเบาๆก่อนจะกวักมือเรียกใครคนหนึ่งให้ช้อนตัวเพื่อนของเธอขึ้ไปบนห้อง 

       ชายหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลเข้มเดินเข้ามาเมื่อโอเดตกวักมือเรียกเขา นิสัยไม่ค่อยพูดของเขาจึงทำได้แค่พยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจหลังจากที่โอเดตชี้ไปที่ตัวเพื่อนสาวและส่ายหน้าเบาอ่อนใจ ร่างสูงผู้เป็นพี่ชายของโอเดตช้อนตัวของแอลขึ้นและเดินจากไปจากที่ตรงนั้นทันที 

       โอเดตมองตามพี่ชายตัวเองไปแล้วรูสึกอ่อนใจมากจริงๆ เพื่อนสาวของเธอมีนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตามถ้าเธอไม่สบายใจมักจะมานั่งดื่มกินของมึนเมาอยู่ที่นี่ประจำจนโอเดตและพี่ชายของเธอเริ่มเบื่อหน้าแอลขึ้นมาบ้างแล้ว 

       "จดหมายปีกนางฟ้านี่นา!" 

       "เฮ้ย! มันบินเข้ามาในร้านนี้นี่" 

       เสียงตื่นตระหนกของผู้คนมากมายภายในบาร์ทำให้โอเดตต้องหันหลังจากเคาท์เตอร์ไปมองดูสถานการ 

       เธอพบแล้ว...พบกับจดหมายปีกนางฟ้า จดหมายที่มักจะเป็นจดหมายจากจอมเวทย์ มันจะมาส่งถึงผู้รับโดยตรงเสมอโดยไม่ต้องพึ่งบุรุษไปรษณีย์ แล้วทำไมมันถึงมาส่งที่นี่ล่ะ 

       "หลีกหน่อยค่ะๆ"โอเดตแหวกทางฝูงชนที่เดินกันอย่างขวักไขว่และกระโดดเข้าไปคว้าจดหมายมีปีกที่บินขึ้นอยู่เหนือหัวของเธอทันที คว้าได้เธอก็รีบอ่านจ่าหน้าซองจดหมายก่อนจะอุทานออกมาเสียงดัง "อุแม่เจ้า!" 

        หลังจากอ่านจ่าหน้าซองจดหายเธอจึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นสอง มุ่งตรงไปที่ห้องนอนของเธอที่แอลพักผ่อนทันที แต่พบว่าประตูข้างในมันล็อคจนต้องเคาะประตูรัวถี่ ผู้เป็นพี่ชายของโอเดตรำคาญจึงลุกมาเปิดประตูก่อนจะทึ้งผมตัวเองเมื่อเห็นหน้าน้องสาว 

       "มีอะไร" 

       "จดหมายนี่...ของแอลล่า!"เซฟินมีสีหน้าผงะเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของโอเดตก่อนจะรีบดึงตัวน้องสาวเข้าไปในห้อง ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 

       "จดหมายปีกนางฟ้านี่ ถ้าไม่ใช่เวทย์ชั้นสูงคงจะทำไม่ได้ และไหนมันยังจ่าหน้าซองมาถึงแอลอีกล่ะ"เซฟินเหล่ตามองร่างบางบนเตียงที่กำลังหลับตาพริ้ม ทำเสียงแจบๆในลำคอ ไร้ความเป็นกุลสตรีเป็นที่สุด  

       "รู้ไหมเซฟิน มันมาจากที่ไหน...มันมาจากไลน์เซนต์!"เมื่อรู้ตัวว่าพูดเสียงดังไปจนคนที่นอนลุกพรวดขึ้นมา ทำเอาโอเดตต้องรีบเอามือตะครุบปากทันที โชคยังดีที่แอลยังคงเอนตัวลงไปหลับต่อ เสมือนว่าที่ตื่นมาเมื่อครู่นี้เป็นการละเมอ 

       "ไอ้อาณาจักรชั้นสูงที่คอยทำตัวเป็นกลางระหว่างแคนเดียกับกราเซียน่ะเหรอ"น้ำเสียงของเซฟินดูไม่ใส่ใจเท่าไหร่ 

       "อือ...น่าสงสัยนะ ไม่ใช่แค่มาจากไลน์เซนต์ แต่ว่ามันมาจากโรงเรียนฝึกสอนเวทย์มนต์ที่ดีที่สุดในสองดินแดน โรงเรียนฝึกสอนเวทย์มนต์และการต่อสู้ที่มีชื่อว่าบริสตัน" 

       "แล้วไง"น้ำเสียงของเซฟินเรียกฝ่ามือน้องสาวให้ตวัดเข้าที่แขนเขาอย่างรุนแรงดังผัวะ 

      "แล้วไงน่ะเหรอ...ไม่คิดว่ามันน่าสงสัยรึไงที่มันเลือกที่จะบินมาหาแอลล่า" 

        พรึบ! 

        จบประโยคของโอเดต คนเป็นเพื่อนที่ทำเป็นหลับตั้งนานถึงกับเบิกตาโพลงและลุกพรวดขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาสองพี่น้องสะดุ้งโหยงไปตามกัน แอลโคลงหัวไปมาก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ 

       "ถ้ามันเป็นของข้าก็ควรเอามาให้ข้าอ่าน พวกเจ้านี่เสียมารยาทกันจริง"

        ว่าแล้วคนตัวดีก็กระโจนเข้าไปแย่งจดหมายในมือของโอเดต และฉีกหน้าซองออก ช่างเป็นการเปิดซองจดหมายที่ไร้วัฒนธรรม สมกับเป็น แอลล่า ไนน์  ก่อนจะกระแอมเสียงตัวเองและอ่านดังๆให้สองพี่น้องที่ทำหน้าไม่ถูกได้ยินตามกันไปด้วย 

       "จากผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกสอนเวทย์มนต์บริสตันแห่งอาณาจักรไลน์เซนต์..."แอลเกร่นนำก่อนจะหันไปเหลือบมองเพื่อนทั้งสองและอ่านต่อ "พวกเราชาวบริตันมีความประสงค์จะให้ท่านได้รับการศึกษาเรียนรู้ในสถาบันบริสตัน ทางเราทราบมาว่าคนที่มีพลังเวทย์แข็งแกร่งที่สุดคือท่าน และมีความสามารถแต่ไร้การศึกษา เราจึงประสงค์คนที่มีความสามารถอย่างท่านให้ไปศึกษาในสถาบันของเราที่จะเปิดภาคเรียนในเร็วๆนี้ ไม่ต้องมีคนรับรอง ท่านสามารถเข้ามาได้ด้วยตัวเอง"

       "จดหมายอะไร เขียนประหลาดจริง"โอเดตว่าพร้อมเดินไปนั่งที่เตียง

       "ความจริงเนื้อหามีมากกว่านั้น แต่ข้าสรุปรวบยอด"แอลพูดยิ้มกว้างอารมณ์ดีทันที 

       ในที่สุดก็มีคนเห็นถึงความสามารถอันล้ำค่าของข้าซะที เฮ้อ... รอมาตั้งหกปีแล้ว

       "เจ้าอยากเรียนที่เอมีเรียไม่ใช่เหรอ แอล"โอเดตพูด สายตาที่มองมามีความอิจฉาเล็กน้อยแฝงเร้นอยู่ 

       "ในเมื่อบริสตันต้องการข้า ข้าก็จะไป"พูดแล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก"ข้าเองก็เบื่อสงครามระหว่างแคนเดียกับกราเซียเหมือนกัน ไปอยู่บริสตัน ไปเรียนการเมืองท่าจะดีเจ้าว่าไหม โอเดต เซฟิน" 

        "เกี่ยวอะไรกับข้า อยากไปก็ไปสิ แต่ผ่านพี่ของเจ้าให้ได้ก่อนเถอะ"เซฟินพูดเบือนหน้าไปทางประตูที่ข้างนอกมีใครบางคนแอบฟังบทสนมนาอยู่เงียบๆ 

       เรวินที่ฟังอยู่นานรู้สึกหงุดหงิดจึงถีบประตูพังเข้าไปโดยที่มีคนทั้งสามทั้งแอล โอเดต อ้าปากค้างหน้าเหวอ เห็นพี่ชายแล้วแอลจึงรีบปรับสีหน้าให้มาเคร่งเหมือนตอนที่ทพเลาะกันเมื่อครู่ ส่วนโอเดตได้แต่มองสองพี่น้องที่จ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยที่ตนไม่รูจะทำหน้าอย่างไรดีแล้ว เซฟินยังคงมีใบหน้าเฉยเมยต่อสถานการตลอดเวลาตามฉบับคนขี้เกียจมากเครื่องอย่างเขา 

       "พี่เรวิน จะเข้ามาควรเคาะประตูห้องก่อน รู้ไหมว่ามันเสียมารยาท"โอเดตพูดเพื่อหยุดความเงียบ แต่บรรยากาศภายในห้องกลับเครียดยิ่งกว่าเดิม เซฟินผู้ไม่สนใจอะไรเลยจึงลุกเดินออกไปนอกห้องนอนทันที โอเดตที่เห็นดังนั้นรีบลุกตามเซฟินไปด้วย 

       ใครๆต่างก็รู้ พี่น้องคู่นี้ทะเลาะกันทีนึงรุ่นแรงยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิดเสียอีก 

       "ข้าจะไป พี่อย่าห้ามข้า" 
       
       คนเป็นน้องเป้นฝ่ายขยับปากพูดก่อน เรวินฟังดังนั้นถึงกับจ้องน้องสาวตามันวาวก่อนจะแค่นยิ้มหัวเราะออกมาดังๆเหมือนคนเสียสติ ทำเอาแอลผงะจนแทบหงายหลังติดกับเตียง 

       "ใครจะห้ามเจ้าได้เล่า จริงไหมแอลล่า... เพราะอย่างนั้นข้าถึงต้องใช้วิธีเด็ดขาด เดิมทีข้าไม่ควรเก็บเจ้ามาเลี้ยงอยู่แล้ว นังฆาตกร!!"แอลเบิกตาโพลงขึ้นอย่างตกใจขีดสุด ทำไมเธอถึงกลายเป็นฆาตกรได้ล่ะ หรือพี่ชายของเธอโกรธเธอจนพูดกันไม่รู้เรื่องเสียแล้ว  

       แต่เมื่อสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเรวินได้ปรากฏสู่สายตาของเธอ นัยน์ตาสีฟ้าถึงกับสั่นสะเทิ้มไปทั้งตัวเมื่อพบว่าสิ่งนั้นคือกุญแจมือที่สามารถควบคุมพลังเวทย์มนต์ได้ 

       "พี่...พี่จะทำอะไร"เสียงของเธอถามสั่นๆ แอลรีบลุกขึ้นจากเตียงที่เคยนั่งอย่างสบายๆ เธอเดินถอยหลังจนหลังติดกับกำแพง ไม่มีทางหนีอีกแล้ว เรวินกำลังเดินเข้ามาใหกล้เธอเรื่อยๆ...เรื่อยๆ 

       "ก็ไม่ แต่เวลาการเป็น แอลล่า ไนน์ ของเจ้าได้จบลงแล้ว เจ้าควรจะออกไปจากที่นี่ซักที"

       พูดแล้วคนร้ายในคราบพี่ชายที่เคยดีกับเธอมาตลอดหัวเราะหึๆในลำคอ ในเวลานี้แอลรู้สึกอยากจะตะโกนเรียกโอเดตและเซฟินเหลือเกินหากแต่ไม่ติดว่าเรวินใช้มือขวาใหญ่ของเขาปิดปากเธอไว้ก่อนจนต้องส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ มือซ้ายของเรวินจับเข้าที่แขนสองข้างก่อนจะล็อคมันไว้อย่างชำนาญ น้ำตาของแอลเริ่มจะรินไหลออกมา เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เรวินคิดจะทำอะไร มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอได้รู้จากนัยน์ตาของเรวิน ภายใต้หน้ากากของผู้ชายโฉดที่เคยแสนดี สายตาของเขาที่มองมายังเธอดูเจ็บปวดรวดร้าว ถึงอย่างนั้นแอลก็ยังคงกำจดหมายแน่นไม่ยอมปล่อยมัน

       "ฉันคงต้องใชวิธีนี้ เธอจะได้หยุดพูดซักพักและฟังฉัน"เรวินใช้เชือกแข็งคาดปากแอลอย่างโหดร้ายจนคนที่ถูกกระทำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด   

       พี่เรวิน...พี่กำลังทำอะไรกันแน่

           เมื่อมัดเชือกเสร็จ เรวินจึงนำตัวนักโทษที่เคยเป็นน้องสาวออกจากบาร์โดยที่มีสายตาของเซฟินและโอเดตมองตามไปอย่างไม่เข้าใจอยู่หน้าร้าน ครั้นจะไปห้ามก็กระไรอยู่  

       เดี๋ยวคงจะดีกันล่ะมั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างแปลกๆ...

       เซฟินครุ่นคิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบออกตัววิ่งตามสองพี่น้องไปทันทีโดยที่มีสายตาเป็นห่วงของโอเดตตามมา แล้วเจ้าตัวก็วิ่งตามพี่ชายไปอีกที 

        กลางคืนแล้วแต่สองพี่น้องตระกูลไนน์คิดจะไปที่ไหนกัน โอเดตและเซฟินแอบสะกดรอยตามพวกเขาสองคน คิดแล้วก็คิดอีกว่าทำไมสภาพของแอลถึงเป็นแบบนั้นไปได้  ไม่นานนักทั้งสองก็ได้รู้ว่าเรวินนำตัวแอลมาไว้ที่ท่าเรือที่มีเรือจะออกในเที่ยวนี้ และทั้งสองคงจะไม่ตกใจหากแต่เรือเที่ยวนี้ที่จะออกในยามเที่ยงคืนเป็นเรือของพวกค้ามนุษย์! 

       "แย่แล้วเซฟิน ข้าไม่คิดเลยว่าคนอย่างเรวินจะทำอย่างนี้"โอเดตพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ เธอได้แต่รอบมองไกลๆเพียงเท่านั้นเพราะเซฟินไม่ยอมให้เธอไปยุ่งเรื่องของสองพี่น้อง 

       "ข้าเองก็ไม่คิดว่าเรวินจะโหดร้ายถึงขนาดนี้เหมือนกัน แต่มันคงจะเกี่ยวกับเรื่องความแค้นเมื่อสิบปีก่อนที่เรวินเคยเล่าให้พวกเราฟัง บวกกับเรื่องที่พลังของแอลเริ่มตื่นขึ้นมาเรื่อยๆในขณะที่เธออายุใกล้จะสิบแปดเต็มทีแล้ว เรวินเองก็คงคิดว่ามันต้องมีบางอย่าง และบางทีการที่เรวินทำแบบนี้อาจจะเป็นเพราะอยากปกป้องพวกเราและแอล..." 

       "การปกป้องแอล ต้องส่งเธอไปขายอย่างนั้นเหรอ นั่นมันบ้าและบ้าไปกันใหญ่แล้ว พวกเจ้านี่คิดอะไรบ้าๆ นั่นเพื่อนข้าทั้งคนนะ!"โอเดตรั้นที่จะไปแต่เซฟินกํดึงแขนน้องสาวไว้ตลอดเวลา 

       "เธอไม่ใช่เพื่อนของเรา...เธอมันฆาตกร"  

       เซฟินย้ำคำแน่นก่อนจะสะกิดให้โอเดตดูสถานการณ์ต่อไป 



       "โอ้ว....สินค้าดีนี่ไอ้หนุ่ม จะเอาเท่าไหร่ล่ะ พวกขุนนางจะต้องพอใจแน่ หึๆ"ชายฉกรรจ์สองสามคนสาวเท้าเข้ามาใกล้แอลที่กำลังขืนตัวถอยอย่างสุดชีวิต เรวินได้แต่มองเธอด้วยหางตาเหมือนไม่สนใจ

       "ข้าขอสองพันซี"เสียงตอบนิ่งทำให้แอลต้องหันไปถลึงตาให้ชายที่เคยเป็นพี่ซึ่งบัดนี้เสมือนเป็นคนแปลกหน้ากับเธอไปแล้ว 

       "อืม...สินค้าสวย สมราคาดี เฮ้ย ให้มันไปสิ!"ชายผู้เป็นหัวหน้าแก๊งค้ามนุษย์หันไปตะโกนบอกลูกน้องที่กำลังวิ่งขนเงินมาทางเรวินและส่งให้เขาทันที"เฮ้ย กลับ!" ชายหัวหน้าแก๊งผู้มีใบหน้าเหมือนปลาดุกสั่งอีกครั้งแต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยคำพูดของเรวิน 

       "ขอคุยกับสินค้าตัวนี้เป็นครั้งสุดท้ายจะได้ไหม"

       ชายผู้ข้ามนุษย์ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าเนิบๆเป็นการอนุญาต "ห้านาที" 

       เรวินเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบที่หูของเด็กสาวร่างบางเบาๆ เขาไม่ต้องการให้คนในท่าเรือนี้ได้ยินมันซักประโยค "แอล ข้าทำอย่างนี้เพราะมีเหตุจำเป็น ข้ากลัวตัวตนของเจ้ามากกว่าทุกสิ่ง ข้ากลัวว่าสักวันเจ้าอาจจะต้องเสียใจที่อาจจะทำร้ายคนที่เจ้ารักที่นี่ซักคน โอเดต เซฟิน หรือแม้แต่ข้าคงหยุดเจ้าไม่ได้ ใช่...ข้าอาจห็นแก่ตัวอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ทุกอย่างเพราะข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า เจ้าต่างหากที่จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป มีบางอย่างที่เจ้าไม่รู้ แต่ข้าอยากบอกเจ้าไว้...เจ้าเป็นคนที่สังหารพ่อของข้า"ได้ยินดังนั้นเด็กสาวถึงกับเบิกตากว้างจนแทบลอย "ถึงอย่างนั้นยังไงเจ้าก็เป็นน้องสาวของข้า ข้ารักเจ้ามากกนะ..."  

        "..."คนฟังถึงกับตะลึง ทึ่งและเงียบไปพักใหญ่ ใจที่ปวดร้าวกลับร้าวรานยิ่งกว่าเดิม เหมือนมีใครเอาเข็มนับล้านเล่มมาเสียดแทงอกของเธอจนพรุนไม่มีชิ้นดี 

       "โชคดีนะ..."คำกล่าวลาสุดท้ายก่อนที่ผู้เป็นพี่จะหันหลังให้เธอและเดินผละออกไป 

       เธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าที่เห็นแผ่นหลังของเขามีแต่ความปวดร้าวเต็มไปหมด...   


       "เฮ้ย! มานี่นังหนู"ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นผลักร่างเล็กของเธอให้เดินไปข้างหน้าแต่กลับเซจนเกือบล้มลงไปหน้าคะมำอยู่ที่พื้น "เดินดีๆสิวะ เด๊ยวหน้าแกเสียโฉมจะขายไม่ออกอีก ฮู่ว!" 

       ว่าแล้วแอลจึงต้องจำใจเดินตามหลังชายฉกรรจ์เหล่านั้นไปอย่างไม่สามารถขัดขืนด้ นึกแล้วก็เกิดความคับแค้นใจ ทำไมไม่ส่งเธอให้เธอกว่านี้ ทำไมต้องให้มากับพวกเวรๆพวกนี้ด้วย!!  



    -------------


    เอ่อ...อ่านแล้ววิจารณ์หน่อยก็ดีนะครับ แต่อย่าแรงเกินไปนะครับ ผมรู้ตัวว่าแต่งแย่ แต่กำลังพยายามอยู่ T^T

    t em
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×