ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทปีศาจสีรัตติกาล
ซ่า...
เสียงสายฝนโปรยปรายมาอย่างกระหน่ำ สงครามของกราเซียและแคนเดียยังไม่จบ เบื้องหน้ายังคงสู้กันต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้ ผู้คนนับพันเริ่มล้มตายไร้ลมหายใจไปทีละนิด โลหิตสาดกระเด็นไปทั่วผืนธรณีอันไพศาล ท่ามกลางสายฝนและเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ยังมีเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของผู้คนในสงครามลอยมาตามลม กลิ่นเลือดแตะจมูกของเด็กชายผู้เห็นเหตุการณ์อยู่ไกลๆทำเอาเด็กชายแทบจะอาเจียนด้วยความสะอิดสะเอียน
เรวิน...เด็กชายผู้โดดเดี่ยวท่ามกลางสงคราม เขาวิ่งออกมาดูพ่อของเขาที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนในสงครามนี้ด้วย ทั้งๆที่เหล่าผู้ใหญ่ในกองทหารที่รักเขากำชับไว้แล้วว่าห้ามออกไปไหน แต่เด็กชายดื้อเกินไปจนไม่สามารถยื้อเขาไว้ได้ แต่เพียงแค่สบภาพตรงหน้าทำเอาน้ำในตาของเด็กชายแทบปริออกมาเป็นสาย
เขาเห็นเหล่าคนในกองทหารของกราเซียที่รักเขา...ตายไปต่อหน้าต่อตา
แน่นอนว่าเด็กชายไม่สามารถทนดูได้อีกแล้ว ใจหนึ่งก็นึกห่วงพ่อที่รัก แต่ใจหนึ่งก็อยากจะไปให้พ้นจากที่ตรงนี้ แต่ใจก็ตัดสินใจจะวิ่งกลับไปที่อาณาจักรใหญ่เพื่อจะบอกกองทหารกำลังเสริมให้มาช่วย การต่อสู้ของพวกกราเซียและแคนเดียเลวร้ายเกินกว่าที่จะเรียกว่าการต่อสู้ของมนุษย์ทั่วไป พวกแคนเดียไม่เหมือนมนุษย์ พวกเขาสามารถคืนชีพได้ภายในห้านาที !
มันแปลก!
วิ่งไปได้ไม่นานก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เสียงบางอย่างเกิดขึ้นภายในสงคราม เพียงแค่เด็กชายหันไปสบตากับสิ่งนั้นเขาแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ ใจของเด็กวัยสิบขวบไม่สามารถรับได้กับภาพปีศาจสีรัตติกาลนัยน์ตาสีโลหิตตรงหน้า จนร่างเล็กต้องสลบไปในที่สุดก่อนที่ปีศาจสีรัตติกาลจะกรีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา สติของเขาได้ดับวูบไปเสียแล้ว
แปะ...แปะ
หยดน้ำค้างบนยอดใบไม้ต้นหนึ่งตกลงมากระทบแก้มใสๆของเด็กชายเรวินราวกับว่าเตือนสติของเขาให้ลุกขึ้น เรวินเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆก่อนจะประคองร่างเล็กของตัวเองให้ลุกขึ้นตาม เมื่อมโนภาพความคิดประมวลผลจากเรื่องเมื่อครู่ทำเอาเด็กชายนึกอยากจะสลบหลับไหลไปอีกรอบ
แต่เมื่อมองไปรอบๆบัดนี้พบแต่เพียง...ศพ
เขาขยี้ตาอีกครั้ง อยากให้มันเป็นความฝันตลอดไปแต่ไม่ใช่ กลิ่นคาวของเลือดเหล่าซากศพตรงหน้าเรียกสติสัมปชัญญะของเด็กชายให้ตื่นขึ้นเต็มร้อย
"ฮึก...ท่าน...พ่อ"เรวินเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อทนเห็นสภาพตรงหน้าไม่ได้
ทำไมทุกคนถึงได้ตายในสภาพเหมือนถูกสัตว์ร้ายฉีกออกเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่สภาพเหมือนที่สู้กันไปเมื่อครู่ ทำไมในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เขาหลับไปการต่อสู้ถึงสิ้นสุดลงด้วยความตาย ไม่ใช่เพียงแค่เหล่ากราเซียเท่านั้นที่ตาย แต่แคนเดียเองก็ด้วย พวกเขาตายกันไปหมดแล้ว!
เด็กชายเรวินเริ่มเดินสะเปะสะปะหาซากศพพ่อของตนไปเรื่อยๆ แต่แค่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ต้องหยุดเดินเมื่อเห็นใครบางคนอยู่ตรงหน้า...
เด็กผู้หญิงอายุสักหกขวบผู้มีเรือนผมสีบลอนด์ทองกับนัยน์ตาสีโลหิต เธอกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ในมือของเธอถือวัตถุบางอย่างแต่กลับกำไว้แน่นจนมองไม่ถนัดตา เรวินเดินเตร่ตรงเข้าไปใกล้เธออย่างนึกสงสัย
ในขณะที่คนอื่นไม่รอด มีเพียงเด็กน้อยคนนี้ที่รอดอย่างนั้นเหรอ
ดวงตาที่เคยมีน้ำตาลไหลเป็นทางของเรวินได้หยุดลงแล้ว เพียงแค่สบตากับเด็กน้อยตรงหน้ามีบางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัวสมองของเขาจนเจ็บปวดนิดๆแต่ยังพอทนมองภาพตรงหน้าได้
เธอสบตาเขานิ่งในขณะที่เรวินมองเธออย่างสงสัย แตสิ่งที่น่าสงสัยคือสิ่งที่อยู่ในมือของเธอมากกว่า
"เธอ...ในมือนั่นคืออะไร..." เรวินถามสั่นๆ
"ของข้า" เสียงเรียบเอ่ยกลับมาก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงไปถ้าไม่ถูกเรวินกระชากมือมาเพื่อดูสิ่งนั้นเสียก่อนแต่กลับไม่ทันเห็น
ร่างของเรวินกระเด็นไปเมื่อเด็กหญิงเพียงแค่สะบัดแขนเบาๆแต่กลับสร้างแรงมหาศาล
เรวินเริ่มสงสัยมากขึ้น สิ่งนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในคืนฝนสีเลือดแน่ เขาจึงรีบกระโจนตัวไปเพื่อมองดูว่าสิ่งนั้นมันคือสิ่งใดกันแน่
แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเด็กหญิงตรงหน้าได้กลืนมันเข้าไป...
"เฮ้ย! เธอกินอะไรเข้าไปน่ะ คายออกมานะ"
"คายไม่ได้ กินไปแล้ว อ๊ะ..."
อยู่ๆร่างของเด็กหญิงตรงหน้าได้ล้มลงไป เธอจับอกซ้ายแน่นเริ่มร้องด้วยเสียงเจ็บปวดแสนสาหัสก่อนที่จะหลับไหลไปโดยที่เรวินได้แต่มองเธอด้วยความฉงนปนตกใจไม่มากก็น้อย
สิบปีผ่านไป...
"ไปเร็ว เดี่ยวยัยศาตราจารย์นั่นหวดฉันเหมือนเทอมที่แล้วอีก ฮึ่ย!"
เสียงรบกวนโหวกเหวกของคนข้างบ้านทำเอาเด็กสาวอายุสิบต้องรีบเด้งตัวตื่นขึ้นด้วยความตกใจ เธอมองไปยังนาฬิกาที่แขวนเอาไว้ในห้องก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอลืมตัวไปว่าเธอไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ เธอไม่ได้เรียนหนังสือ
"แอล ตื่นมาทานข้าวเช้าเร็วๆสิ"
เสียงเร่งจากคนด้านล่างทำให้แอลต้องรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว ลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว พบว่ามีใครบางคนกำลังทำขนมปังเนยให้เธอทานอยู่ในครัว พี่ชายของเธอ...เรวิน
"เรวิน พี่ทำอะไรน่ะ"
"ขนมปัง"
"เฮ้อ..."
เสียงถอนหายใจของแอลทำเอาผู้เป็นพี่ชายหันมามองด้วยสายตาขุ่นเคืองปนน้อยอกน้อยใจ จนแอลต้องยิ้มแหยๆส่งกลับไปใหผู้เป็นพี่ชาย
"น่าๆพี่เรวิน บางคร้งข้าก็อยากกินข้าวเหมือนคนทั่วไปนี่นา แต่ช่วยไม่ได้ เรามันจน"ยิ่งย้ำยิ่งเจ็บใจที่เกิดมาจน
"รวมทั้งเรื่องที่เจ้าไม่ได้ไปโรงเรียนด้วยใช่ไหม"เรวินหลอกถาม
"ใช่..เอ๊ย! เปล่าเลยพี่ ข้าไม่ได้อยากไปที่นั่นเท่าไหร่เหรอ ก็แหม..."คนเป็นน้องได้แต่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆทั้งที่มีสายตาอิจฉาเด็กที่ได้ไปโรงเรียนนิด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออีกครั้ง "พี่เก็บข้ามาเลี้ยงก็บุญแค่ไหนแล้ว เรื่องไปโรงเรียนอะไรนั่นข้าไม่ต้องการเลยซักนิด"
ว่าไปนั่น...
"ขอให้มันจริงก็แล้วกัน เร็วๆเดี๋ยวต้องไปขายผักขายปลาที่ตลาดอีก หวังว่าแซลม่อนที่ตกมาได้เมื่อวานจะไม่ได้หายไปเพราะแมวขโมยแถวนี้เอาไปแทะเล่นใช่ไหม"เรวินเหล่ตามาที่น้องสาวตัวยุ่งก่อนที่แอลจะส่งยิ้มเจื่อนไปให้และโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่
"ข้าไม่ทำแล้วน่า พี่ก็ว่าข้าอยู่นั่นแหละ"
เรวินหัวเราะในลำคอก่อนจะเสริฟขนมปังให้แอลงับเล่นเป็นอาหารเช้า สายตาของเรวินจับจ้องไปยังเด็กสาวที่กำลังแทะขนมปังกินเล่นอย่างเอร็ดอร่อยในใจนึกสงสาร
ทั้งที่เธอเป็นปีศาจที่สังหารพ่อของเขาแต่ทำไมเขาถึงต้องช่วยเธอจากทหารใจร้ายเมื่อสิบปีก่อนด้วย น่าจะปล่อยให้ถูกฆ่าไปตั้งแต่แรก แต่ช่างมันเถอะ สำหรับเขาในตอนนี้แอลเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆของเขา เขาจะปกป้องเธอโดยที่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น รู้แต่เพียงว่าสังเวช...
หลังจากที่เธอกลืนบางสิ่งเข้าในเมื่อสิบปีก่อน เธอก็สลบไปแต่เมื่อตื่นมาอีกที ตาของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้ากระจ่าง ดูใสซื่อบริสุทธิ์ไม่เหมือนครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ซ้ำเธอยังจำเรื่องของตัวเองไม่ได้เลยซักอย่าง ทหารของกราเซียที่โผล่มากันตอนหลังกลับจะจับเธอฆ่าเพราะเป็นบุคคลต้องสงสัย แต่เขากลับออกปากว่าเป็นน้องสาวของเขา โชคดีแค่ไหนที่ทหารกราเซียพวกนั้นรู้จักเขาจึงปล่อยแอลให้เป็นอิสระไป
เขารู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากับแอลเมื่อสิบปีก่อนแล้ว...แอลไม่ใช่มนุษย์ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่อยากให้แอลเรียนโรงเรียนเวทย์มนต์เอมีเรียทั้งๆที่เขาก็มีเงินพอจะส่งเธอ
แต่เขากลัวเธอมากเกินไป...กลัวพลังบางอย่างที่จะตื่นขึ้นมา
"วิน...เรวิน!"แอลตะเบงเสียงสูงเมื่อคนเป็นพี่มัวแต่เหม่อใจลอยคิดเรื่องอื่นไปถึงไหนต่อไหน
"ฮะ"เรวินขานรับเสียงเบาแล้วหันมามองแอลที่กำลังทำหน้าบูดบึ้ง
"ข้าเรียกพี่ไปกว่าสิบรอบ ทำไมไม่หันมาซักที แต่ช่าเงถอะ ข้าแค่จะบอกว่าตอนนี้ข้าทำงานเก็บเงินพอจะไปเรียนที่เอมีเรียได้แล้ว พี่จะให้ข้าไปไหม"
"ไม่ได้!"เสียงตอบกลับแทบจะทันทีของเรวินทำเอาแอลสะดุ้งโหยง ก่อนที่เรวินจะเริ่มชี้แจงเหตุผลมั่วๆออกไป "เจ้าไปไม่ได้ งานของข้ามันหนักเกินไป เจ้าต้องอยู่ช่วยข้าสิแอล"
"ให้พี่โอเดตช่วยก็ได้นี่"แอลทำปากเบ้ใส่พี่ชายอย่างขุ่นเคือง
"โอเดตเขามีงานของเขา เจ้านี่ล่ะน้า ยังไงก็ไม่ให้ไป ถ้าไม่มีคนรับรองเจ้าก็จะไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ"
ได้ยินคำพูดดังนั้นแล้วแอลจึงหัวเราะออกมาเสียงดังจนนเป็นพี่หันมาส่งสายตาสงสัยใส่
"พี่บอกช้าไปแล้วล่ะ ข้าจะไปเรียน แล้วข้าก็ลงสมัครไปแล้วด้วย ฮ่าๆๆ"
โครม!!
เสียงหัวเราะของแอลหยุดไปเมื่อเรวินทุ่มโต๊ะจนคว่ำ อาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะได้ลงไปเกลื่อนกลาดที่พื้นเรี่ยราดไปหมด แอลมองภาพพี่ชายอย่างตกตะลึงก่อนจะกระพริบตาปริบ ดวงตาของเรวินฉายแววความโกรธาจนดูน่ากลัว
"พี่ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย! ข้าแค่อยากจะไปเรียนเองนะ"
"บอกว่าไม่ให้ไปก็ไม่ต้องไปสิ ถ้าข้าเห็นเจ้าไปเสนอหน้าอยู่ในโรงเรียนนั่นในชุดเครื่องแบบบ้าๆนั่น อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะแอลล่า..."เสียงกดเข้มของเรวินบวกกับที่เขาเรียกชื่อเต็มของแอลทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่นๆ แต่แอลก็ยังดื้อดึงที่จะไปเรียนให้ได้จึงได้ตวาดกลับไปบ้าง
"ข้าจะไป...ได้ยินไหมว่าข้าอยากเรียน!!"
เพียะ!!
ความเงียบงันเกิดขึ้นในห้องอาหารของบ้านเล็กๆ เมื่อฝ่ามือหนาของเรวินเข้าปะทะใบแก้มใสของแอลจนหันไปอีกทาง แอลเลียริมฝีปากของตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเหลวสีแดงที่ติดมากับลิ้น ถึงกับหันไปจ้องพี่ชายด้วยแววตาวาวโรจน์ลุกโชน ฝ่าเรวินเองก็แอบรู้สึกผิดที่ทำรุนแรงเกินไป แต่ถ้าจะไม่ให้เกิดหายนะขึ้นกับวันข้างหน้าเขาต้องจัดการแอลด้วยวิธีเด็ดขาดเสียบ้าง
แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เมื่อแอลไม่หันมามองหน้าเรวินอีกแต่กลับวิ่งออกไปข้างนอกบ้านทันทีพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย เรวินเองก็อยากจะวิ่งตามไปห้ามน้องสาวแต่เขาคิดว่าไม่มีประโยชน์ก่อนจะตะโกนออกไปที่ประตูบ้านอย่างเดือดดาลไม่แพ้แอล
"เออ!! อยากทำอะไรก็ทำไป ถ้าวันหน้าเสียใจที่ได้ทำร้ายใครก็อย่ามาโทษข้านะโว้ยยย!!"
----------------------------
อาจจะบรรยายได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่จะพยายามนะครับ ^^
t em
เสียงสายฝนโปรยปรายมาอย่างกระหน่ำ สงครามของกราเซียและแคนเดียยังไม่จบ เบื้องหน้ายังคงสู้กันต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้ ผู้คนนับพันเริ่มล้มตายไร้ลมหายใจไปทีละนิด โลหิตสาดกระเด็นไปทั่วผืนธรณีอันไพศาล ท่ามกลางสายฝนและเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ยังมีเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของผู้คนในสงครามลอยมาตามลม กลิ่นเลือดแตะจมูกของเด็กชายผู้เห็นเหตุการณ์อยู่ไกลๆทำเอาเด็กชายแทบจะอาเจียนด้วยความสะอิดสะเอียน
เรวิน...เด็กชายผู้โดดเดี่ยวท่ามกลางสงคราม เขาวิ่งออกมาดูพ่อของเขาที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนในสงครามนี้ด้วย ทั้งๆที่เหล่าผู้ใหญ่ในกองทหารที่รักเขากำชับไว้แล้วว่าห้ามออกไปไหน แต่เด็กชายดื้อเกินไปจนไม่สามารถยื้อเขาไว้ได้ แต่เพียงแค่สบภาพตรงหน้าทำเอาน้ำในตาของเด็กชายแทบปริออกมาเป็นสาย
เขาเห็นเหล่าคนในกองทหารของกราเซียที่รักเขา...ตายไปต่อหน้าต่อตา
แน่นอนว่าเด็กชายไม่สามารถทนดูได้อีกแล้ว ใจหนึ่งก็นึกห่วงพ่อที่รัก แต่ใจหนึ่งก็อยากจะไปให้พ้นจากที่ตรงนี้ แต่ใจก็ตัดสินใจจะวิ่งกลับไปที่อาณาจักรใหญ่เพื่อจะบอกกองทหารกำลังเสริมให้มาช่วย การต่อสู้ของพวกกราเซียและแคนเดียเลวร้ายเกินกว่าที่จะเรียกว่าการต่อสู้ของมนุษย์ทั่วไป พวกแคนเดียไม่เหมือนมนุษย์ พวกเขาสามารถคืนชีพได้ภายในห้านาที !
มันแปลก!
วิ่งไปได้ไม่นานก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เสียงบางอย่างเกิดขึ้นภายในสงคราม เพียงแค่เด็กชายหันไปสบตากับสิ่งนั้นเขาแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ ใจของเด็กวัยสิบขวบไม่สามารถรับได้กับภาพปีศาจสีรัตติกาลนัยน์ตาสีโลหิตตรงหน้า จนร่างเล็กต้องสลบไปในที่สุดก่อนที่ปีศาจสีรัตติกาลจะกรีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา สติของเขาได้ดับวูบไปเสียแล้ว
แปะ...แปะ
หยดน้ำค้างบนยอดใบไม้ต้นหนึ่งตกลงมากระทบแก้มใสๆของเด็กชายเรวินราวกับว่าเตือนสติของเขาให้ลุกขึ้น เรวินเริ่มเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆก่อนจะประคองร่างเล็กของตัวเองให้ลุกขึ้นตาม เมื่อมโนภาพความคิดประมวลผลจากเรื่องเมื่อครู่ทำเอาเด็กชายนึกอยากจะสลบหลับไหลไปอีกรอบ
แต่เมื่อมองไปรอบๆบัดนี้พบแต่เพียง...ศพ
เขาขยี้ตาอีกครั้ง อยากให้มันเป็นความฝันตลอดไปแต่ไม่ใช่ กลิ่นคาวของเลือดเหล่าซากศพตรงหน้าเรียกสติสัมปชัญญะของเด็กชายให้ตื่นขึ้นเต็มร้อย
"ฮึก...ท่าน...พ่อ"เรวินเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อทนเห็นสภาพตรงหน้าไม่ได้
ทำไมทุกคนถึงได้ตายในสภาพเหมือนถูกสัตว์ร้ายฉีกออกเป็นชิ้นๆ ไม่ใช่สภาพเหมือนที่สู้กันไปเมื่อครู่ ทำไมในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่เขาหลับไปการต่อสู้ถึงสิ้นสุดลงด้วยความตาย ไม่ใช่เพียงแค่เหล่ากราเซียเท่านั้นที่ตาย แต่แคนเดียเองก็ด้วย พวกเขาตายกันไปหมดแล้ว!
เด็กชายเรวินเริ่มเดินสะเปะสะปะหาซากศพพ่อของตนไปเรื่อยๆ แต่แค่เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็ต้องหยุดเดินเมื่อเห็นใครบางคนอยู่ตรงหน้า...
เด็กผู้หญิงอายุสักหกขวบผู้มีเรือนผมสีบลอนด์ทองกับนัยน์ตาสีโลหิต เธอกำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต ในมือของเธอถือวัตถุบางอย่างแต่กลับกำไว้แน่นจนมองไม่ถนัดตา เรวินเดินเตร่ตรงเข้าไปใกล้เธออย่างนึกสงสัย
ในขณะที่คนอื่นไม่รอด มีเพียงเด็กน้อยคนนี้ที่รอดอย่างนั้นเหรอ
ดวงตาที่เคยมีน้ำตาลไหลเป็นทางของเรวินได้หยุดลงแล้ว เพียงแค่สบตากับเด็กน้อยตรงหน้ามีบางอย่างที่แล่นเข้ามาในหัวสมองของเขาจนเจ็บปวดนิดๆแต่ยังพอทนมองภาพตรงหน้าได้
เธอสบตาเขานิ่งในขณะที่เรวินมองเธออย่างสงสัย แตสิ่งที่น่าสงสัยคือสิ่งที่อยู่ในมือของเธอมากกว่า
"เธอ...ในมือนั่นคืออะไร..." เรวินถามสั่นๆ
"ของข้า" เสียงเรียบเอ่ยกลับมาก่อนจะพยายามเดินเลี่ยงไปถ้าไม่ถูกเรวินกระชากมือมาเพื่อดูสิ่งนั้นเสียก่อนแต่กลับไม่ทันเห็น
ร่างของเรวินกระเด็นไปเมื่อเด็กหญิงเพียงแค่สะบัดแขนเบาๆแต่กลับสร้างแรงมหาศาล
เรวินเริ่มสงสัยมากขึ้น สิ่งนั้นจะต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในคืนฝนสีเลือดแน่ เขาจึงรีบกระโจนตัวไปเพื่อมองดูว่าสิ่งนั้นมันคือสิ่งใดกันแน่
แต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อเด็กหญิงตรงหน้าได้กลืนมันเข้าไป...
"เฮ้ย! เธอกินอะไรเข้าไปน่ะ คายออกมานะ"
"คายไม่ได้ กินไปแล้ว อ๊ะ..."
อยู่ๆร่างของเด็กหญิงตรงหน้าได้ล้มลงไป เธอจับอกซ้ายแน่นเริ่มร้องด้วยเสียงเจ็บปวดแสนสาหัสก่อนที่จะหลับไหลไปโดยที่เรวินได้แต่มองเธอด้วยความฉงนปนตกใจไม่มากก็น้อย
สิบปีผ่านไป...
"ไปเร็ว เดี่ยวยัยศาตราจารย์นั่นหวดฉันเหมือนเทอมที่แล้วอีก ฮึ่ย!"
เสียงรบกวนโหวกเหวกของคนข้างบ้านทำเอาเด็กสาวอายุสิบต้องรีบเด้งตัวตื่นขึ้นด้วยความตกใจ เธอมองไปยังนาฬิกาที่แขวนเอาไว้ในห้องก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เธอลืมตัวไปว่าเธอไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ เธอไม่ได้เรียนหนังสือ
"แอล ตื่นมาทานข้าวเช้าเร็วๆสิ"
เสียงเร่งจากคนด้านล่างทำให้แอลต้องรีบวิ่งไปอาบน้ำแต่งตัว ลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว พบว่ามีใครบางคนกำลังทำขนมปังเนยให้เธอทานอยู่ในครัว พี่ชายของเธอ...เรวิน
"เรวิน พี่ทำอะไรน่ะ"
"ขนมปัง"
"เฮ้อ..."
เสียงถอนหายใจของแอลทำเอาผู้เป็นพี่ชายหันมามองด้วยสายตาขุ่นเคืองปนน้อยอกน้อยใจ จนแอลต้องยิ้มแหยๆส่งกลับไปใหผู้เป็นพี่ชาย
"น่าๆพี่เรวิน บางคร้งข้าก็อยากกินข้าวเหมือนคนทั่วไปนี่นา แต่ช่วยไม่ได้ เรามันจน"ยิ่งย้ำยิ่งเจ็บใจที่เกิดมาจน
"รวมทั้งเรื่องที่เจ้าไม่ได้ไปโรงเรียนด้วยใช่ไหม"เรวินหลอกถาม
"ใช่..เอ๊ย! เปล่าเลยพี่ ข้าไม่ได้อยากไปที่นั่นเท่าไหร่เหรอ ก็แหม..."คนเป็นน้องได้แต่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆทั้งที่มีสายตาอิจฉาเด็กที่ได้ไปโรงเรียนนิด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออีกครั้ง "พี่เก็บข้ามาเลี้ยงก็บุญแค่ไหนแล้ว เรื่องไปโรงเรียนอะไรนั่นข้าไม่ต้องการเลยซักนิด"
ว่าไปนั่น...
"ขอให้มันจริงก็แล้วกัน เร็วๆเดี๋ยวต้องไปขายผักขายปลาที่ตลาดอีก หวังว่าแซลม่อนที่ตกมาได้เมื่อวานจะไม่ได้หายไปเพราะแมวขโมยแถวนี้เอาไปแทะเล่นใช่ไหม"เรวินเหล่ตามาที่น้องสาวตัวยุ่งก่อนที่แอลจะส่งยิ้มเจื่อนไปให้และโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นการใหญ่
"ข้าไม่ทำแล้วน่า พี่ก็ว่าข้าอยู่นั่นแหละ"
เรวินหัวเราะในลำคอก่อนจะเสริฟขนมปังให้แอลงับเล่นเป็นอาหารเช้า สายตาของเรวินจับจ้องไปยังเด็กสาวที่กำลังแทะขนมปังกินเล่นอย่างเอร็ดอร่อยในใจนึกสงสาร
ทั้งที่เธอเป็นปีศาจที่สังหารพ่อของเขาแต่ทำไมเขาถึงต้องช่วยเธอจากทหารใจร้ายเมื่อสิบปีก่อนด้วย น่าจะปล่อยให้ถูกฆ่าไปตั้งแต่แรก แต่ช่างมันเถอะ สำหรับเขาในตอนนี้แอลเป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆของเขา เขาจะปกป้องเธอโดยที่ไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น รู้แต่เพียงว่าสังเวช...
หลังจากที่เธอกลืนบางสิ่งเข้าในเมื่อสิบปีก่อน เธอก็สลบไปแต่เมื่อตื่นมาอีกที ตาของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีฟ้ากระจ่าง ดูใสซื่อบริสุทธิ์ไม่เหมือนครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ซ้ำเธอยังจำเรื่องของตัวเองไม่ได้เลยซักอย่าง ทหารของกราเซียที่โผล่มากันตอนหลังกลับจะจับเธอฆ่าเพราะเป็นบุคคลต้องสงสัย แต่เขากลับออกปากว่าเป็นน้องสาวของเขา โชคดีแค่ไหนที่ทหารกราเซียพวกนั้นรู้จักเขาจึงปล่อยแอลให้เป็นอิสระไป
เขารู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่สบตากับแอลเมื่อสิบปีก่อนแล้ว...แอลไม่ใช่มนุษย์ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่อยากให้แอลเรียนโรงเรียนเวทย์มนต์เอมีเรียทั้งๆที่เขาก็มีเงินพอจะส่งเธอ
แต่เขากลัวเธอมากเกินไป...กลัวพลังบางอย่างที่จะตื่นขึ้นมา
"วิน...เรวิน!"แอลตะเบงเสียงสูงเมื่อคนเป็นพี่มัวแต่เหม่อใจลอยคิดเรื่องอื่นไปถึงไหนต่อไหน
"ฮะ"เรวินขานรับเสียงเบาแล้วหันมามองแอลที่กำลังทำหน้าบูดบึ้ง
"ข้าเรียกพี่ไปกว่าสิบรอบ ทำไมไม่หันมาซักที แต่ช่าเงถอะ ข้าแค่จะบอกว่าตอนนี้ข้าทำงานเก็บเงินพอจะไปเรียนที่เอมีเรียได้แล้ว พี่จะให้ข้าไปไหม"
"ไม่ได้!"เสียงตอบกลับแทบจะทันทีของเรวินทำเอาแอลสะดุ้งโหยง ก่อนที่เรวินจะเริ่มชี้แจงเหตุผลมั่วๆออกไป "เจ้าไปไม่ได้ งานของข้ามันหนักเกินไป เจ้าต้องอยู่ช่วยข้าสิแอล"
"ให้พี่โอเดตช่วยก็ได้นี่"แอลทำปากเบ้ใส่พี่ชายอย่างขุ่นเคือง
"โอเดตเขามีงานของเขา เจ้านี่ล่ะน้า ยังไงก็ไม่ให้ไป ถ้าไม่มีคนรับรองเจ้าก็จะไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ"
ได้ยินคำพูดดังนั้นแล้วแอลจึงหัวเราะออกมาเสียงดังจนนเป็นพี่หันมาส่งสายตาสงสัยใส่
"พี่บอกช้าไปแล้วล่ะ ข้าจะไปเรียน แล้วข้าก็ลงสมัครไปแล้วด้วย ฮ่าๆๆ"
โครม!!
เสียงหัวเราะของแอลหยุดไปเมื่อเรวินทุ่มโต๊ะจนคว่ำ อาหารทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะได้ลงไปเกลื่อนกลาดที่พื้นเรี่ยราดไปหมด แอลมองภาพพี่ชายอย่างตกตะลึงก่อนจะกระพริบตาปริบ ดวงตาของเรวินฉายแววความโกรธาจนดูน่ากลัว
"พี่ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย! ข้าแค่อยากจะไปเรียนเองนะ"
"บอกว่าไม่ให้ไปก็ไม่ต้องไปสิ ถ้าข้าเห็นเจ้าไปเสนอหน้าอยู่ในโรงเรียนนั่นในชุดเครื่องแบบบ้าๆนั่น อย่าหาว่าข้าไม่เตือนล่ะแอลล่า..."เสียงกดเข้มของเรวินบวกกับที่เขาเรียกชื่อเต็มของแอลทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่นๆ แต่แอลก็ยังดื้อดึงที่จะไปเรียนให้ได้จึงได้ตวาดกลับไปบ้าง
"ข้าจะไป...ได้ยินไหมว่าข้าอยากเรียน!!"
เพียะ!!
ความเงียบงันเกิดขึ้นในห้องอาหารของบ้านเล็กๆ เมื่อฝ่ามือหนาของเรวินเข้าปะทะใบแก้มใสของแอลจนหันไปอีกทาง แอลเลียริมฝีปากของตัวเองเมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเหลวสีแดงที่ติดมากับลิ้น ถึงกับหันไปจ้องพี่ชายด้วยแววตาวาวโรจน์ลุกโชน ฝ่าเรวินเองก็แอบรู้สึกผิดที่ทำรุนแรงเกินไป แต่ถ้าจะไม่ให้เกิดหายนะขึ้นกับวันข้างหน้าเขาต้องจัดการแอลด้วยวิธีเด็ดขาดเสียบ้าง
แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เมื่อแอลไม่หันมามองหน้าเรวินอีกแต่กลับวิ่งออกไปข้างนอกบ้านทันทีพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย เรวินเองก็อยากจะวิ่งตามไปห้ามน้องสาวแต่เขาคิดว่าไม่มีประโยชน์ก่อนจะตะโกนออกไปที่ประตูบ้านอย่างเดือดดาลไม่แพ้แอล
"เออ!! อยากทำอะไรก็ทำไป ถ้าวันหน้าเสียใจที่ได้ทำร้ายใครก็อย่ามาโทษข้านะโว้ยยย!!"
----------------------------
อาจจะบรรยายได้ไม่ดีเท่าไหร่ แต่จะพยายามนะครับ ^^
t em
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น