ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Sorry, My Juliette [Bumhyuk, WonKyu, TeukChul]

    ลำดับตอนที่ #9 : Sorry,My Juliette - Chapter 9

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 54


     

    Chapter 9

     

                ทันทีที่ฮยอกแจจอดรถลง ใครบางคนก็เปิดและเข้ามานั่งด้านในทันที

     

                “คิบอม คุณมาได้ยังไง?” เขาถามด้วยสีหน้าตกใจ มือเรียวกำลังจะปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่คิบอมกลับรั้งเอาไว้

     

                “ไปหาทงเฮกัน”

     

                “ผมต้องทำงานก่อน ตอนบ่ายค่อยไปไม่ได้เหรอ?”

     

                “แต่ผมอยากไปตอนนี้ นะ...ฮยอกแจ...ไปหาทงเฮกันนะ”

     

                ความจริงฮยอกแจจะดับเครื่องลงตอนนี้ก็ได้ จะปฏิเสธคิบอมไปก็ยังทำได้ แต่ฮยอกแจกลับพูดไม่ออก เขาได้แต่พยักหน้าช้าๆ และขับรถออกไปยังบ้านของทงเฮตามที่คิบอมขอร้อง

     

                “คิบอม...ผมมีเรื่องจะถามคุณ”

     

                เสียงหวานเปรยขึ้นขณะที่รถยนต์กำลังจะขึ้นทางด่วน คิบอมอาจจะได้ยินแต่ไม่สนใจ หรือไม่ได้ฟังเขาพูดเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าคมเอาแต่ยิ้มอย่างมีความสุข

     

                “คุณทะเลาะกับทงเฮเรื่องแหวน แต่สุดท้ายทงเฮเขาไม่ได้โกรธคุณเรื่องนี้ไม่ใช่หรือไง”

     

                เพราะถึงเขาจะเจอแหวนที่ทงเฮทำหายไปกันแล้ว แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเป็นฝ่ายหาเจอ ทงเฮต่างหาก ทงเฮพบแหวนตั้งแต่แรกแล้ว แต่ทงเฮก็ยังไม่อยากแต่งงานกับคิบอม

     

                เหมือนที่ในไดอารี่บอกเอาไว้

     

                “อืม...เพราะผมพูดว่าเขาไม่ได้รักผม”

     

                “แล้วทำไมคุณไม่บอกเรื่องนี้กับทงเฮล่ะ ปัญหามันอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เหรอ” ฮยอกแจถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเป็นเรื่องคำพูด ถ้าคิบอมอธิบายออกไป ทงเฮก็น่าจะเข้าใจบ้าง

     

                “ไม่หรอก ผมว่าเขาต้องโกรธอะไรมากกว่านั้น”

     

                ฮยอกแจไม่ได้พูดอะไรนอกจากหยิบไดอารี่ของทงเฮให้คิบอมอ่าน ในขณะที่ขาเรียวเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วของรถยนต์ให้มากขึ้น มันจบแล้วอี ฮยอกแจ

     

                เรื่องทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้ว

     

     

     

                “จองซู น้องชายของนายออกไปไหน ทำไมมาถึงแล้วไม่ยอมเข้าร้าน” ฮีชอลผลักประตูของร้าน 83line In Love เข้าไป ก่อนจะเอ่ยถามหาน้องชายเจ้าของร้านอย่างอารมณ์เสีย

     

                “เขามีธุระมั้ง” จองซูบอก ไม่ยอมมองหน้าของอีกฝ่ายเลยสักนิด

     

                “มีธุระบ้าอะไร ออกไปเดทกับผู้ชายล่ะสิไม่ว่า ผู้ชายคนนั้นก็หน้าตาดีซะด้วย” ฮีชอลไม่ได้โกรธที่ฮยอกแจจะไม่เข้ามาทำงาน แต่เขาเป็นห่วง กลัวว่าฮยอกแจจะออกไปกับผู้ชายคนนั้น

     

                ผู้ชายที่เป็นลูกค้าของเขา และเป็นคนที่ขโมยหัวใจของฮยอกแจไป

     

                “จะบ้าหรือไงฮีชอล ฮยอกแจขับรถออกไปคนเดียวนะ”

     

    จองซูหันมาคุยกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง เพราะตอนที่ฮยอกแจกำลังขับรถออกไป เขาก็เห็นอยู่ว่าด้านข้างของคนขับไม่มีใครนั่งอยู่เลย

     

                “จะไม่มีได้ยังไง ฉันเห็นตั้งแต่ไอ้นั่นมันเปิดประตูเข้าไป”

     

                “ไม่มีจริงนะ ฮีชอล ฉันไม่เห็นใครเลย”

     

                “มี!” ฮีชอลยืนยัน

     

                “นายตาฝาด”

     

                “นายนั่นแหละที่ตาถั่ว”

     

                จองซูเงียบลง ทำไมฮีชอลถึงเห็นแต่เขามองไม่เห็นใครเลยนะ มันแปลกมากเหลือเกิน ทั้งคู่ต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่งจองซูโพล่งขึ้น

     

                “หรือว่าฮยอกแจจะโดนวิญญาณตาม?”

     

                “เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้วจองซู ในโลกนี้วิญญาณที่ไหน ไม่รู้ล่ะ ถ้าฮยอกแจเป็นอะไรไป ฉันจะถือว่านายเป็นพี่ที่แย่มาก” ฮีชอลชี้หน้าต่อว่าคนตรงหน้า เพราะถึงแม้เขาจะเกลียดจองซูมากแค่ไหน

     

                แต่ฮีชอลกลับคิดว่าฮยอกแจก็คือน้องชายคนหนึ่งของเขา

     

                “ลองคิดดีๆ นะ ทำไมนายเห็น แต่ทำไมฉันไม่เห็น” จองซูเอ่ยถามอีกครั้ง สีหน้าที่แสดงความไม่สบายใจสื่อออกไปอย่างชัดเจน

     

                “อย่ามาไสยศาสตร์แถวนี้ได้ไหม”

     

                “ฉันต้องช่วยฮยอกแจให้ได้ ฉันจะไม่ยอมให้วิญญาณที่ไหนมาพรากฮยอกแจไปจากฉัน” จองซูบอกก่อนจะกำสร้อยคอที่พ่อให้ไว้แน่น

     

                พ่อกับแม่ช่วยคุ้มครองน้องด้วยนะครับ

     

                “ฉันว่านายควรไปเช็คสมองบ้างนะ จะได้รู้ว่าบ้าหรือเปล่า”

     

                ฮีชอลส่ายหน้า ก่อนจะเปิดประตูเดินกลับร้านของตัวเองทันที ไว้ฮยอกแจกลับมาค่อยถามไถ่ก็ได้ ฮีชอลจะไม่ยอมให้ฮยอกแจถลำลึกไปมากกว่านี้อีกแล้ว

     

     

     

                ยองอุนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงหลังใหญ่เพียงลำพังมาสองคืนแล้ว เขาพยายามจะฝืนยิ้มให้กับตัวเอง ตอนนี้คยูฮยอนคงจะมีความสุขดี ร่างหนาลุกออกจากเตียงมายืนตรงหน้าต่าง นึกถึงภาพวันก่อนแล้วก็อดเศร้าไม่ได้

     

                คยูฮยอนคงรักผู้ชายคนนั้นมากจริงๆ

     

                เขาคงเป็นคนดี และคยูฮยอนก็โชคดีที่ได้เจอผู้ชายแบบนั้น

     

                ตาคมมองลงไปด้านล่าง ถนนในซอยเล็กๆ เงียบสงบ คนอื่นคงไปทำงานกันหมดแล้ว ทว่ามีเงาของใครบางคนนั่งขดตัวอยู่ด้านนอก

     

                ช่างคุ้นตาเหลือเกิน

     

                แต่เพียงแค่เสี้ยวหน้าหวานหันมาเท่านั้น ยองอุนก็จำได้ทันที

     

                “คยูฮยอน!

     

                เสียงตึงตังวิ่งลงมาชั้นบนของบ้าน ก่อนจะเปิดประตูออกมาหาใครบางคนที่นั่งอยู่ และดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ได้นั่งมาเพียงหนึ่งหรือสองชั่วโมงเท่านั้น

     

                ร่างกายที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอ่อนเพลียมากแค่ไหนทำให้ยองอุนรู้ว่า...คยูฮยอนนั่งอยู่ตรงนี้มาทั้งคืน

     

                “คยูฮยอน ทำไมมาอยู่ที่นี่”

     

                “พี่ยองอุน...” เสียงหวานแผ่วเบาราวกับจะหมดแรง ร่างโปร่งชันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเซถลาจนยองอุนรีบประคองกอดเอาไว้แน่น

     

                “ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน นั่งตากน้ำค้างแบบนี้ทำไม”

     

                “ผมไม่กล้าเข้าไปครับ”

     

                “คยูฮยอน...ที่นี่เป็นบ้านของนายนะ และหัวใจของพี่ก็ยัง...เป็นของนาย”

     

                คยูฮยอนไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากซบใบหน้าหวานลงกับไหล่หนา เขาไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว แต่สุดท้ายคยูฮยอนก็ทำไม่ได้ น้ำตาอุ่นไหลออกมาเป็นสายจนเปรอะเปื้อนสาบเสื้อของยองอุนเต็มไปหมด

     

                “ร้องออกมาเถอะ ร้องซะให้พอ”

     

                ยองอุนลูบเรือนผมนุ่มช้าๆ ไหล่ของเขามีไว้ให้คยูฮยอนกลับมาพักพิงได้เสมอ คยูฮยอนจะกลับมาที่นี่เมื่อไรก็ได้ จะไม่กลับมาเลยก็ได้ แต่คิม ยองอุนจะไม่ไปไหน

     

                ที่นี่เป็นบ้านที่เขากับคยูฮยอนซื้อมาด้วยกัน

     

                และเขา...จะรออยู่ตรงนี้

     

                “ผมขอโทษนะครับพี่ยองอุน” ร่างหนาไม่แปลกใจกับคำขอโทษ เข้าใจดีว่าคยูฮยอนรู้สึกอย่างไร ไม่ช้าก็เร็วเขาก็คงได้ยินประโยคนี้

     

                “พี่ไม่โกรธ พี่ไม่เคยโกรธคยูฮยอนเลย”

     

                “ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ไม่จะไม่ทิ้งพี่ยองอุนไปไหนอีกแล้วครับ”

     

                ร่างสูงผละออกแล้วจ้องดวงตาของคยูฮยอนนิ่ง คำพูดของคยูฮยอน เขาสามารถเชื่อได้แค่ไหนกันนะ

     

                “ต่อให้คยูฮยอนจะทิ้งพี่ไปอีกกี่ครั้ง พี่ก็จะรอคยูฮยอนกลับมา”

     

                “ไม่ครับ ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว”

     

                “...”

     

                “เพราะผม...จะแต่งงานกับพี่ยองอุนให้เร็วที่สุด เรามาแต่งงานกันนะครับ”

     

                มันอาจจะน่าอายที่คยูฮยอนเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน แต่คยูฮยอนรู้ดีว่ายองอุนรู้สึกอย่างไรกับเขา ถ้าหากมีสักขีพยานจากคนอื่นๆ ถ้าหากแต่งงานให้ฟ้าดินได้รับรู้ มันจะไม่ใช่แค่สัญญาใจ

     

                แต่มันจะเป็นสัญญาที่ผูกพันคยูฮยอนไว้กับผู้ชายคนนี้...คนเดียวเท่านั้น

     

     

     

                ฮยอกแจกับคิบอมยืนอยู่หน้าบ้านของทงเฮอีกเช่นเคย คราวนี้ทงเฮไม่ได้ปล่อยให้พวกเขายืนคอยนาน ยังไม่ทันจะกดออดเลยด้วยซ้ำ ประตูรั้วก็เปิดออก

     

                “คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ”

     

                “ผมเอานี่มาคืนคุณ” ฮยอกแจยื่นไดอารี่กับกล่องแหวนให้กับคนตรงหน้า แต่ทงเฮไม่ได้ยื่นมือมารับ

     

                “คืนทำไม มันไม่ใช่ของผม”

     

                “ทำไมจะไม่ใช่ ในเมื่อคุณเอาของพวกนี้มาทิ้งด้วยตัวของคุณเอง ไม่ใช่แค่ไดอารี่ แต่ยังมีรูปถ่ายที่คุณกับคิบอมถ่ายด้วยกัน รวมถึงแหวนที่คิบอมซื้อให้คุณ”

     

                ฮยอกแจไม่ได้แปลกใจเลยว่าทำไมคิบอมถึงไม่ยอมพูดอะไรออกมาบ้าง เขาอาจจะเสียใจที่ทงเฮพูดแบบนั้น คิบอมคงเสียใจมากจนพูดอะไรไม่ออก

     

                “เพราะมันไม่ใช่ของผม ผมเลยต้องทิ้ง”

     

                “แต่มันอยู่ในบ้านของคุณไม่ใช่เหรอ?” ฮยอกแจเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสีย

     

                “นั่นสิ ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าของพวกนี้มาอยู่ในบ้านของผมได้ยังไง รวมถึงรูปคู่ของผมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ผม...ไม่รู้จักเขา”

     

                ฮยอกแจเบิกตาโพลง ริมฝีปากอิ่มอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง และเมื่อหันไปมองคิบอมก็พบว่าเขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน สายตาของทงเฮไม่ได้โกหก แต่ทำไม...ทำไมถึงพูดออกมาแบบนี้ล่ะ

     

                “ทงเฮ...” คิบอมเอ่ยเรียก ทงเฮหันขวับไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะหันกลับมาหาฮยอกแจอีกครั้ง

     

                “เมื่อกี้มีคนเรียกผม คุณได้ยินไหม” ทงเฮทำหน้าตื่นตระหนก แต่คนที่ตกใจมากกว่ากลับเป็นฮยอกแจ

     

                “ก็คิบอมเขาเรียกคุณไง เขายืนอยู่ตรงนี้” มือเรียวชี้ไปหาร่างสูงที่ยืนข้างๆ แต่ทงเฮกลับส่ายหน้า

     

                “ผมไม่เห็นใครเลย”

     

                “ว...ว่าไงนะ? เขายืนอยู่ตรงนี้ไง คุณไม่เห็นเหรอ?”

     

                “ผมไม่เห็นใครจริงๆ” ทงเฮกวาดตามองไปทั่วบริเวณ แววตาเมื่อครู่นี้ เขาไม่ได้มองคิบอม แต่มองตามต้นเสียงเท่านั้น สายตาของทงเฮไม่เคยจ้องไปที่คิบอมเลย

     

                ริมฝีปากของฮยอกแจสั่นระริก ค่อยๆ หันไปมองร่างสูงช้าๆ ในขณะที่คิบอมก็หันมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน

     

                “คิบอม!

     

                ฮยอกแจเรียกชื่อคนตัวสูง มันเหมือนความฝันเลย เหมือนความฝันของเขาเมื่อคืนก่อน ฮยอกแจจิกเล็บเข้าที่หลังมือของตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเจ็บ ฮยอกแจรู้สึกได้

     

                “คิบอม...ทำไมคุณ...?”

     

                “ทงเฮ คุณไม่เห็นผมเหรอ?” เขาถามพร้อมกับคว้ามือไปจับมือของทงเฮเอาไว้ แต่ทำได้แค่สัมผัสอากาศว่างเปล่าเท่านั้น

     

                “ทงเฮ...ผมอยู่ตรงนี้ มองมาทางผมสิ ผมอยู่ตรงหน้าคุณไงอี ทงเฮ”

     

                คิบอมเหมือนคนเสียสติ ฮยอกแจก็เช่นกัน คนที่คุยกันมาตลอดหนึ่งเดือนกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตน ฮยอกแจส่ายหน้า ถอยออกห่างจากร่างสูงที่ค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขา

     

                “ฮยอกแจ...ทำไมเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น”

     

                “อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามาใกล้ผม”

     

                “ฮยอกแจ!” คิบอมตะโกนเรียก มือหนาพยายามจะรั้งไหล่บางของฮยอกแจเอาไว้ แต่ฮยอกแจกลับเอาแต่เดินถอยหลังหนี

     

                “ไม่จริง คุณไม่ใช่คน คุณไม่ใช่...”

     

                แสงทุกอย่างดับวูบลงไปพร้อมกับฮยอกแจที่สลบร่วงไปนอนกับพื้น คิบอมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว บางทีเขาอาจจะยืนอยู่ แต่ทงเฮมองไม่เห็นใครเลย

     

    To be continue…

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×