ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #9 : chapter 8 เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่นายถนัดที่สุด

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 54


     

    Chapter 8

     

                “เอาแบบนี้อีกแก้ว!” เสียงแหบพร่าของนายแบบชื่อดังเอ่ยบอกกับพนักงานหนุ่มหลังวางแก้วไวน์สีแดงเข้มลงบนเคาน์เตอร์ตรงหน้า

     

                “คุณดื่มมากไปแล้วนะครับ”

     

                “ฉันบอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า นายเป็นพ่อฉันหรือไง” ฮีชอลง้างมือขึ้นหมายจะตีอีกฝ่ายด้วยความรำคาญใจ จนกระทั่งแก้วไวน์แก้วใหม่ถูกเสิร์ฟ เขาก็กระดกมันรวดเดียวจนหมดอีกครั้ง “เอามาอีก!

     

                “แต่ว่า...”

     

                “ไปเอามาเสิร์ฟเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เสียงบุคคลที่สามดังแทรกขึ้นมาทำให้คนสวยตวัดสายตาขึ้นไปมอง ร่างสูงสง่านั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ กัน ก่อนจะยักคิ้วให้

     

                “นายเป็นใครอ่ะ”

     

                “เมาจนจำผมไม่ได้ หรือว่าเรียกร้องความสนใจจากผมกันแน่” เขาตอบแบบไม่ตรงประเด็นนัก

     

                “อ๋อ...ไอ้...” มือหนายื่นเข้ามาปิดปากก่อนที่ฮีชอลจะได้ด่าออกไป แล้วริมฝีปากบางเฉียบก็ยื่นมาแตะหลังมือนั้นจนฮีชอลรับรู้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ส่งผ่านมา

     

                “เอาสิ ด่ามาเลย” เขาท้าหลังจากปล่อยมือออกไป ทว่าฮีชอลกลับนิ่งอึ้ง

     

                “เปลืองน้ำลาย”

     

                “ดีแล้วที่คิดได้”

     

                “มาไม้ไหนกันแน่เนี่ย” ฮีชอลหลิ่วตาถาม

     

                “คุณควรเก็บน้ำลายไว้เรียกชื่อผมดีกว่า...”

     

                จองซูส่งยิ้มร้ายมาให้ ก่อนที่แก้วไวน์จะถูกเสิร์ฟอีกครั้ง ฮีชอลยกแก้วดื่มจนเกลี้ยงเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างกาย

     

                “นาย...” นิ้วเรียวชี้หน้าคนตรงข้าม ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ก่อนที่จะสติจะดับวูบลงไปในที่สุด

     

     

     

                “คุณซีวอนไม่ไปทานข้าวกับคุณฮีชอลแล้วเหรอครับ” คยูฮยอนเอ่ยถามขึ้นในขณะที่รถยนต์กำลังจอดเทียบหน้าบ้านหลังใหญ่

     

                “ฉันเพิ่งไปกินข้าวกับนายมานะ จะให้กินอีกหรือยังไง”

     

                “ก็ตอนแรก...”

     

                “อย่าถามนักเลยน่า” ซีวอนรีบพูดตัดบท ก่อนจะเสมองออกไปทางอื่น “ไม่ดีใจหรือไงที่ฉันพาไปกินข้าว ดูหนัง แล้วก็ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้”

     

                “ดีใจครับ แต่ผมก็ยังแปลกใจ” คยูฮยอนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ความจริงแล้วเขาควรจะเอ่ยถามตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่เพราะว่าความสุขที่เข้ามาหาคยูฮยอนนั้นเหมือนฟองอากาศ มันช่างเปราะบางและแตกได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน คยูฮยอนจึงอยากให้ฟองอากาศนั้นอยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

                “ห้ามแปลกใจอะไรทั้งนั้น”

     

                “คุณหึงผมใช่ไหมครับ” คำถามนั้นทำให้ซีวอนหันมามองเด็กรับใช้ด้วยแววตานิ่งเฉย

     

                “นายเริ่มประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปแล้วนะ”

     

                คยูฮยอนช้อนตาขึ้นมองเจ้านายของตัวเอง เพียงแค่คำพูดเดียวสามารถสร้างความเจ็บปวดได้อย่างมากมาย ซีวอนทำให้เขารู้ตัวเองว่าเขายังเป็นแค่สุนัขรับใช้ผู้ต่ำต้อยที่รอคอยว่า...

     

                เมื่อไรฟองอากาศจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

     

                “ผมขอโทษครับ”

     

                คำขอโทษสั้นๆ ส่งไปให้โดยที่ไม่สนใจว่าซีวอนจะรับและให้อภัยเขาหรือไม่ มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูออก หากแต่ซีวอนกลับกระชากเข้ามาด้านในอีกครั้ง ริมฝีปากหนาประกบลงที่กลีบปากอิ่มอย่างรวดเร็ว ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงจนคยูฮยอนรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว

     

                “อย่าทำตัวร่านอย่างวันนี้อีก จำเอาไว้”

     

                ซีวอนผละออกแล้วนั่งกำพวงมาลัยแน่น คยูฮยอนได้แต่พยักหน้ารับทั้งน้ำตา มีค่าแค่นี้...ตัวของโจ คยูฮยอนมีค่าก็เท่านี้แหละ มือเรียวเปิดประตูออกไป ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนคนรับใช้ด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย

     

                ความรักที่เป็นไปไม่ได้ หากแต่เหมือนบ่วงแน่นหนาที่ทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้เสียที

     

     

               

    แสงแดดอ่อนๆ ในเช้าวันใหม่ทำให้ใครบางคนบิดขี้เกียจอยู่บนที่นอนนุ่ม กลิ่นหอมที่คุ้นจมูกทำให้เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ทว่ากลับพบแต่ความว่างเปล่าในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย

     

                “อะไรเนี่ย?” ร่างบางเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำให้เขาแทบสิ้นสติ

     

                “ฮื่อ ซีวอนอา...”

     

              “ผมบอกให้คุณครางชื่อผมไงคนดื้อ”

     

              “คิคิ นายชื่อไรอ่ะ ชื่อไรเหรอ?”

     

              “ปาร์ค จองซูคนที่คุณชอบไง”

     

              “อา...คุณจองซู จองซูที่รัก คิคิ”

     

                ฮีชอลเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ทว่ากลับไม่มีน้ำตาสักหยดแสดงออกมาให้เห็น ภาพของชายหนุ่มร่างเปลือยเปล่าสองคนกำลังร่วมรักกันอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ฮีชอลจำไมได้เลยด้วยซ้ำว่าเขาดื่มไปมากแค่ไหน หากแต่กลิ่นน้ำหอมนั่นยังติดตรึงอยู่ที่จมูกของเขาตลอดเวลา

     

                “คนเลว!” เสียงหวานด่าขึ้นลอยๆ เพราะคนสร้างเรื่องไม่อยู่ในห้องนี้แล้ว ฮีชอลรีบคว้าเสื้อผ้ามาใส่อย่างลวกๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นกระดาษโน้ตที่ข้างเตียง

     

                ถึงคุณจะทำลายวิดีโอนั่น แต่ผมก็มีสำรองไว้อีกหลายสิบชุด

     

              ผมไม่กระดากปากเลยที่จะใช้คำว่าสวยกับผู้ชายอย่างคุณ

     

              และ...วันหลังมาเล่นสนุกกันใหม่นะ

     

              ปาร์ค จองซู

     

                มือเรียวขยำกระดาษแน่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะรีบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปกลับพบอี ซองมินที่กอดเอวชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามพอดี

     

                “สวัสดีครับรุ่นพี่ฮีชอล” เสียงสดใสทักทายเพราะถือว่าตัวเองเป็นทั้งรุ่นน้องนักศึกษาและรุ่นน้องในอาชีพนายแบบ แต่ฮีชอลกลับไม่ได้ยินดีด้วยเลยสักนิด

     

                “อืม” เขาตอบสั้นๆ แล้วทำท่าจะก้าวหนี หากแต่ซองมินกลับเรียกรั้งไว้

     

                “มากับใครเหรอครับ ซีวอนเหรอ?”

     

                “เอ่อ...”

     

                “อ่า...คงไม่ใช่สินะ” ซองมินยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินเข้ามากระซิบใกล้ๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่บอกเรื่องเลวๆ แบบนี้ให้ใครรู้หรอก โชคดีนะครับ ผมไปล่ะ”

     

                ฮีชอลยืนกัดฟันกรอดด้วยความโมโห วันนี้มันคงเป็นวันมหาซวยของเขาที่ต้องมาเจอกับคนบ้ากามอย่างจองซู และงูพิษอย่างซองมินในเวลาติดๆ กัน ฮีชอลยืนตัวชาอยู่ตรงทางเดิน ได้แต่วิตกกังวลว่าถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เขาจะทำตัวอย่างไรดี

     

     

     

                หลังจากตื่นนอนแล้ว ทงเฮก็รีบเดินเข้าไปดื่มน้ำในห้องครัว เมื่อเห็นแม่ที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ทงเฮก็เดินเข้าไปกอดเอวของแม่ไว้แล้วซุกหน้าลงกับไหล่เล็กๆ นั้น

     

                “รู้สึกดีขึ้นไหมลูก วันนี้แม่ทำซุปปลาให้ทงเฮด้วยนะ” แม่เอ่ยบอกให้ขณะที่คนอาหารที่อยู่ในหม้อ

     

                “ผมไม่ได้ป่วยสักหน่อย”

     

                “ถ้าไม่ป่วยแล้วคุณหนูฮยอกแจจะกระวนกระวายแบบนั้นเหรอ”

     

                “แม่รู้ได้ไงครับ” ทงเฮผละออกแล้วเอ่ยถามคนเป็นแม่ด้วยความตกใจ

     

                “เมื่อวานนี้คุณหนูมาที่บ้านเรา”

     

                “ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย” ทงเฮถามกับตัวเองเสียมากกว่า เมื่อวานเขามาถึงบ้านก็รีบเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นอีกทีก็ตอนเช้านี่แหละ

     

                “คุณหนูฮยอกแจยังเข้าไปเฝ้าไข้ลูกจนดึกเลยนะ แม่บอกให้เขากลับไปก็ไม่ยอม เขาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด”

     

                “แม่คิดไปเองมากกว่า เขาทั้งหยิ่ง ทั้งขี้เก๊ก แล้วเขาก็ไม่ใช่คุณหนูคนเดิมของแม่อีกแล้ว ไม่ต้องไปเรียกคนอย่างนั้นว่าคุณหนูหรอก เรียกว่า ฮยอกแจเฉยๆ ก็ได้”

     

                “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะทงเฮ”

     

                แม่หันมามองลูกชายที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน ทงเฮได้แต่ยืนนิ่ง เขาปล่อยให้ความน้อยใจที่มีต่อฮยอกแจแสดงออกมาให้แม่รับรู้ แม่ของทงเฮเทิดทูนครอบครัวของฮยอกแจมาก ต่อให้ถูกเจ้าของบ้านไล่ตะเพิดออกมาก็ยังคงรักและเคารพเสมอ

     

                ต่างกับทงเฮที่เจ็บแล้วจำ

     

                ใครที่ทำร้ายครอบครัวของเขาไว้ คนๆ นั้นก็ไม่สมควรได้รับความเคารพอีกต่อไป

     

                “เอ่อ...ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

     

                “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะ ทงเฮ...ทงเฮ!” แม่พยายามเรียกลูกชายเอาไว้ แต่ร่างเล็กกลับวิ่งหายตัวเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว เขายังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามของแม่ในตอนนี้

     

                ทงเฮสัญญากับตัวเองแล้วว่า...

     

                เขาจะจัดการกับปัญหาทุกอย่างในแบบของเขาเอง

     

     

     

                วันนี้มีเรียนเฉพาะตอนบ่ายเท่านั้น ทงเฮจึงไม่ต้องเร่งรีบเดินทางไปมหาวิทยาลัยนัก เขาถือกล่องกิมจิกล่องใหญ่ที่แม่ฝากไปให้ฮยอกแจ ทว่าเมื่อถึงกลางทางทงเฮกลับนำมันไปทิ้งลงถังขยะ

     

                “ขอโทษนะครับแม่ แต่ถ้าผมเอานี่ไปที่มหาวิทยาลัย ทุกคนก็จะรู้ฐานะที่แท้จริงของเรา”

     

                ร่างบางพูดเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะก้าวขึ้นรถประจำทางไปทันที เขาอยากจะมีชีวิตที่ดีเหมือนคนอื่นๆ อยากจะอยู่ในสังคมที่ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องอายใคร แต่ทงเฮเริ่มโกหกไปแล้ว เมื่อเริ่ม...มันก็อยากที่จะหยุดได้ง่ายๆ

               

    รถยนต์คันหนึ่งขับปาดหน้าเขาไป ก่อนจอดสนิทขวางทางเดินเข้าชั้นเรียน ทงเฮหยุดกึก ก่อนจะชักเท้าเพื่อหมุนตัวไปทางอื่น เขาจำรถคันนั้นได้ดี

     

                รถของฮยอกแจ

     

                “ไปขึ้นรถ!” ฮยอกแจวิ่งลงมาคว้าข้อมือบางเอาไว้อย่างรวดเร็ว ทงเฮถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปมองช้าๆ

     

                “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น?”

     

                “แล้วทำไมนายต้องเดินเข้ามหาลัยของฉันด้วย แหกตาดูรอบๆ ซิว่ามีใครเดินตามทางเท้าแบบนายบ้างไหม เขาใช้รถยนต์กันทั้งนั้น”

     

                ทงเฮกำหมัดแน่นเพราะเขารู้ดีว่าฮยอกแจหมายความว่าอย่างไร ร่างโปร่งกำลังดูถูกที่เขาไม่มีรถใช้เหมือนคนอื่นๆ กำลังเยาะเย้ยและพูดเสียงดังเพื่อให้คนอื่นได้ยินบทสนทนานี้

     

                โชคดีที่ทุกคนที่นี่ขับรถมาเรียน จึงไม่มีใครที่จะมาสนใจพวกเขาทั้งสอง

     

                “ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้” ทงเฮพยายามจะแกะข้อมือของตัวเองออก ทว่าฮยอกแจกลับคว้ามันไปจับไว้ทั้งสองข้าง

     

                “ฉันบอกให้ขึ้นรถ”

     

                “ไม่!” ปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่ยอมแพ้

     

                “นายอยากให้ทุกคนรู้ความจริงใช่ไหมว่านายไม่ได้รวยอย่างที่พูด”

     

                “ฉันมันจน...จนมากด้วย นายก็รู้นี่”

     

                “แต่นายคงไม่รู้หรอกว่าถ้าคนอื่นๆ รู้ เขาจะจัดการกับนายยังไง” ฮยอกแจยื่หน้าเข้ามาใกล้ ท้ายประโยคที่จริงจังนั้นทำให้ทงเฮเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา หากแต่เขาก็ยังทำใจดีสู้เสือ

     

                “ฉันก็ต้องออกจากมหาลัย”

     

                “ถูกต้อง แต่ใบหน้าของนายรวมทั้งป้าทงจาก็จะถูกเผยแพร่ลงหนังสือหน้าหนึ่งทุกฉบับ รวมถึงทุกเว็บไซต์ของเกาหลี คราวนี้แม้แต่บ้านหลังเล็กๆ เท่ารูหนูที่นายเคยซุกหัวนอนก็อย่าหวังเลยว่าจะอยู่ต่อไปได้ คนพวกนั้นจะไม่หยุดจนกว่านายจะตาย!

     

                คำว่า ตายทำให้ทงเฮสะดุ้งเฮือก ฮยอกแจปล่อยข้อมือบางออกเป็นอิสระ หากแต่ทงเฮกลับยังยืนตัวแข็งทื่อ เขาก้าวขาไม่ออกเลยจนกระทั่งถูกฮยอกแจโอบไหล่ขึ้นไปนั่งบนรถ และเสียงของฮยอกแจดังขึ้นอีกครั้ง

     

                “เพื่อชีวิตของแม่นาย...”

     

                “...”

                “โกหกทุกคนว่าเป็นแฟนฉันซะ แล้วฉันจะไปรับไปส่งนายทุกวันเอง”

     

                “ทำไมฉันต้องโกหก” ทงเฮสะบัดเสียงถามด้วยความไม่เข้าใจ

     

                “เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่นายถนัดที่สุดไงล่ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                หลังจากอู้มาหลายวัน ในที่สุดก็เอาชนะความขี้เกียจจนได้

    กลับมาแล้วนะค้า....

    อย่าเพิ่งลืมกันน้า...

    เดี๋ยวทำการบ้านเสร็จแล้วจะมาต่อให้อีกค่ะ

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×