คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : chapter 7 คนที่เหลืออยู่ [END]
7
คนที่เหลืออยู่
ชีวิตคนเราช่างสั้นนัก...
พบกันเพียงไม่นาน สุดท้ายก็ต้องแยกจากกัน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้บอกสิ่งที่เก็บเอาไว้ในหัวใจ
คนเรามักจะใช้ชีวิตอยู่กับคำว่า ‘ถ้า’
ถ้าผมไม่ทำร้ายเขาตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน เขาก็คงจะไม่ต้องเจ็บปวดที่มารักคนอย่างผม
ถ้าผมเชื่อว่าเขาคือผู้บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก ผมคงปล่อยเขาไป และมันคงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้
ถ้าผมยอมรับว่าน้องชายของตัวเองได้ตายไปตั้งนานแล้ว ผมก็คงจะหยุดตามล่าพวกเขา
และในที่สุดก็จะไม่มีใครที่เสียใจเลย
ชีวิตคนเราช่างสั้นเหลือเกิน...
เมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ไม่สามารถจะย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้มันดีขึ้นได้
มีคนบอกว่า...เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ แต่คนที่พูดคำนี้อาจไม่รู้หรอกว่า...สำหรับคนบางคนแล้ว แม้แต่เส้นทางที่จะเลือกเป็นก็ยังไม่มีเลย
พวกเขาเกิดมาอย่างไร้พ่อไร้แม่ รอคอยเพียงแสงสว่างจากคนผู้ใจบุญที่จะมารับออกไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เมื่อแสงสว่างนั้นมาถึงได้เพียงแวบเดียว พวกเขากลับพบว่าบ้านหลังใหม่มันมืดมิดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา
ภาพตรงหน้าก็เป็นสีดำมืดไม่ต่างกัน
เขาไม่มีเงิน ไม่มีความรู้ และไม่มีอนาคต
แล้วพวกเขาจะเลือกเป็นได้อย่างไร
มือหนาค่อยๆ ปิดสมุดบันทึกลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเพิ่งเขียนเรื่องราวของสองพี่น้องที่หน้าตาคล้ายกันเหมือนฝาแฝด น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงบนหน้าปกของสมุด มันแสดงถึงความเสียใจของตัวเขาเอง
ทงเฮลาออกจากราชการมาได้หลายเดือนแล้ว แต่ภาพความทรงจำในวันนั้นมันเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ในหมู่บ้านสลัมแห่งนั้น ถ้าทงเฮฉุกคิดสักนิดว่าฮยอกแจอาจจะไม่ใช่คนฆ่า ถ้าเขาใช้เวลาสืบสวนให้นานกว่าเดิมสักหน่อย มันก็คงจะไม่เกิดเรื่องเศร้าแบบนี้
เสียงปืนที่ดังก้องอยู่ในความฝันทุกครั้งที่หลับตา ภาพที่ตงไห่วิ่งเข้าไปกอดฮยอกแจและใช้ร่างอันบอบบางของตัวเองบังลูกกระสุนมากมายเหล่านั้น พวกเขากอดกันและกันแน่น
...จนวินาทีสุดท้ายที่หยุดหายใจ
ทงเฮยอมรับว่าเขาช็อคกับภาพที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะพบเห็นการวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายมามากมาย แต่ภาพของตงไห่ที่ล้มทับร่างของฮยอกแจ พร้อมกับเสียงกรีดร้องของอึนฮยอกก็ทำให้อี ทงเฮรู้แล้วว่า...
แท้จริงแล้วนั้นเขาเป็นคนที่มีหัวใจ
หากแต่หัวใจของเขากลับด้านดำและร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย
และในตอนนี้หัวใจนั้นมันได้กลายเป็นหัวใจที่เจ็บปวดที่สุดเสียแล้ว
เหมือนที่ฮยอกแจเคยพูด คนที่จากไปจะไม่เสียใจหรอก คนที่ยืนอยู่ด้านหลังและเฝ้ามองผู้อื่นจากไปต่างหากคือคนที่จะต้องเสียใจ
เหมือนอึนฮยอกที่เห็นพี่ชายตายไปต่อหน้าต่อตา
เหมือนเขาที่ล้มทั้งยืนเพราะเสียงร้องไห้อย่างทุรนทุรายของอึนฮยอกในวันนั้น
“ไม่!! ฮือ...ไม่จริง!!”
เสียงโวยวายดังอยู่ห้องข้างๆ กัน ทงเฮจึงรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งเข้าไปตามเสียงนั้นทันที เขาพบอึนฮยอกกำลังนั่งขดตัวอยู่บนรถเข็น มือบางทั้งสองข้างยกกุมศีรษะของตัวเองอย่างคลุ้มคลั่ง ทงเฮจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดเอาไว้แน่น
“อึนฮยอก ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”
“ฮือๆ ย...อย่าทำผม อย่าทำอะไรผมนะ อย่า...”
“ขอโทษ ผมขอโทษ” ทงเฮลูบผมนุ่มเบาๆ อย่างใจเย็น เขายังไม่ชินกับอาการของอึนฮยอกเท่าใดนัก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ทงเฮมีอาการเคอะเขิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็จะอยู่กับอึน ฮยอกไม่ห่าง เขาจะกอดอึนฮยอกไว้เช่นนี้ นั่งข้างๆ อึนฮยอกแบบนี้
และจะรักอึนฮยอกแบบนี้
ตลอดไป
“อย่า...ผมกลัว...”
“ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ผมจะปกป้องคุณ
“พี่ฮยอกแจ อย่าทิ้งผมไปนะครับ”
ทงเฮหลับตาแน่น ก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แนบชิดมากขึ้นไปอีก เสียงสะอื้นที่แสนจะแผ่วเบานั้นกลับดังก้องอยู่ในสมองของเขา ไม่ห่างหายไปไหน
ทงเฮรอจนกระทั่งอึนฮยอกผล็อยหลับไป เขาจึงผละออกจ้องมองดูคนตัวเล็กอีกสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
ในบางวัน หากอึนฮยอกไม่เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ร่างบางก็จะนิ่งเงียบจนน่ากลัวเลย
บางครั้งทงเฮก็คิดว่าอึนฮยอกหยุดหายใจไปแล้ว
“อึนฮยอก วันนี้ออกไปเที่ยวกันนะ”
“...”
เสียงของความเงียบเท่านั้นที่ตอบทงเฮกลับมา มือแกร่งเลื่อนรถเข็นไปเรื่อยๆ ตามทางเดินในสวนสาธารณะ ทำอย่างนี้เป็นประจำ ชวนอึนฮยอกดูนั่นดูนี่ แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยแม้แต่นิดเดียว
“เช้านี้อากาศสดใสนะว่าไหม”
“...”
“อึนฮยอกก็สดใส”
“...”
“อึนฮยอกยิ้มอยู่ใช่ไหม ผมรู้ว่าคุณกำลังยิ้ม”
ทงเฮยังพูดคนเดียวต่อไปเรื่อยๆ เขาจอดรถเข็นไว้ที่สนามหญ้า บริเวณนั้นอยู่ห่างไกลจากถนนมากทำให้ไม่ค่อยมีคนเดินเล่นมาจนถึงตรงนี้ ร่างโปร่งค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าคนตัวเล็ก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มกว้างเหมือนทุกที
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อผมหรือไม่ จะรู้สึกหรือไม่ จะรับรู้และจะยอมรับหรือไม่...”
“...”
“ผมก็อยากจะบอกให้คุณรู้”
ทงเฮหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะเปิดออกให้คนตรงหน้าได้เห็น แหวนทองคำขาวเกลี้ยงเนียนเปรียบเสมือนความรักที่บริสุทธิ์และไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น ทงเฮหยิบแหวนนั้นออกมาจากกล่อง ก่อนจะค่อยๆ บรรจงสวมแหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของคนตรงหน้า
ทว่าอึนฮยอกกลับขยับมือหนีห่างออกไปอย่างรู้สึกรำคาญ จนทำให้แหวนวงนั้นกลิ้งออกไปไกล ทงเฮได้มองแหวนที่กลิ้งออกไปเรื่อยๆ แล้วแค่นยิ้มให้กับมัน
“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง” ทงเฮยิ้มทั้งๆ ที่น้ำตาของเขาไหลออกมาเป็นสาย เขาบอกกับตัวเองว่าเขานั้นรอได้ และจะรอไม่ว่าความหวังนั้นจะมีหรือไม่ก็ตาม
“แต่งงานกันนะอึนฮยอก ถ้าคุณหายเป็นปกติแล้ว เรามาแต่งงานกันนะ”
“...”
“...”
“อือ”
เสียงครางที่ดังออกมาจากลำคอทำให้ทงเฮเงยหน้าขึ้นมอง แม้จะเป็นแค่เสียงที่เปล่งออกมาอย่างไม่มีความหมาย แต่อี ทงเฮก็อยากจะเข้าข้างตัวเองว่าอึนฮยอกตอบรับเขาแล้ว
ภายในสายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านมานั้น มีบทสนทนาของผู้ชายสองคนที่แว่วมาด้วย
แม้จะไม่มีใครได้ยินมัน
แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ได้ยินกันและกัน
‘ถ้าพี่ฮยอกแจเป็นคนแต่งเรื่องนี้ ตอนจบมันจะเป็นยังไงเหรอครับ’
‘ถ้าพี่เป็นคนแต่งเรื่องนี้ พี่จะพาอึนฮยอกไปอยู่ที่ญี่ปุ่นให้ได้’
‘จากปูซาน?’
‘เปล่า แต่พี่จะขึ้นเครื่องบินจากอินชอนไปที่นั่น’
‘แล้วยังไงต่อล่ะครับ’
‘แล้วพี่ก็ได้พบนายอยู่ที่นั่น นายเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ผิวขาว ตัวผอมบาง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม และยิ้มอย่างสดใส’
‘แล้วพี่ฮยอกแจจะยิ้มไหมครับ’
‘ยิ้มสิ พี่จะยิ้มให้กว้างที่สุดเลย เราทั้งสี่คนจะยิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุขตลอดไป’
‘สี่คนเหรอครับ?’
‘อืม ทงเฮด้วยไง’
‘ไม่โกรธเขาเหรอ?’
‘ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม หากเราเปิดใจกันมากกว่านี้ ทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ และมีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้’
‘...’
‘ตอนจบมันอาจจะไม่เหมือนเดิมก็ได้’
Talk with Lee Seen
ในที่สุดก็จบลงไปแล้วนะคะ ตอนจบที่ว่านี้ไม่รู้ว่าจะสวยงามหรือเปล่า
แต่ในที่สุดมันก็จบลงไปแล้ว ยังไงช่วยให้กำลังใจซีนต่อไปด้วยนะคะ
ตอนนี้หนังสือยังเหลืออยู่ประมาณ 7 เล่ม
ใครยังต้องการเป็นเจ้าของหนังสือ ติดต่อซีนได้ที่
am_zyne@hotmail.com
ราคาเล่มละ 100 บาทค่ะ
(แวะเข้ามากดปิดเรื่องเท่านั้น!!)
สามารถสั่งซื้อหนังสือได้จากเว็บนี้เลยค่ะ
(CLICK)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ติดต่อทาง Twitter
@LeeSeen
ความคิดเห็น