คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : chapter 6 คนที่จากไป
6
คนที่จากไป
เพราะเสียงกุกกักที่ดังอยู่ในห้องทำให้ตงไห่สะดุ้งตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืด เขาชันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพบว่าฮยอกแจกำลังยืนสวมเสื้อยืดตัวเดียวกับเมื่อวานอยู่ที่ปลายเตียง ร่างสูงย่อตัวนั่งลงข้างๆ ตงไห่ มือหนาลูบไล้ใบหน้าหวาน ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปขยี้ผมของตงไห่จนยุ่งเหยิง
“ตื่นได้แล้วตงไห่ เราต้องรีบไปจากที่นี่”
“ทำไมเราต้องรีบด้วยล่ะครับ เราจะไปไหนกันเหรอ” ตงไห่ถามขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนจะขยี้ตาทั้งสองข้างด้วยหลังมือบาง
“ลุกขึ้นเถอะ เรามีเวลาไม่มากแล้ว”
“พี่ฮยอกแจ”
“หืม?” ร่างโปร่งเลิกคิ้วขึ้นถาม
“แล้วอึนฮยอกล่ะครับ” ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นถามอีกฝ่าย ฮยอกแจได้แต่นิ่งอึ้ง ความจริงแล้วเขานัดน้องชายเอาไว้เรียบร้อย แต่เพราะอึนฮยอกอยู่กับผู้หมวดทงเฮ ฮยอกแจจึงไม่แน่ใจว่าน้องชายของเขาจะไปที่นั่นตามนัดได้หรือไม่
“เพราะอย่างนี้เราถึงต้องรีบไปไงล่ะ”
“บอกผมก่อนสิครับว่าเราจะไปที่ไหน” ตงไห่ยังคงเซ้าซี้ถาม ผิดกับฮยอกแจที่ทำตัวเร่งรีบเพราะกลัวว่าจะไปรอน้องชายไม่ทัน
“ไม่มีเวลาแล้ว!”
“ถ้าพี่ฮยอกแจไม่บอก ผมก็จะนั่งอยู่ที่นี่แหละ” นี่เป็นครั้งแรกที่ตงไห่ทำตัวดื้อรั้น ไม่ใช่เพราะเขาต้องการจะให้ฮยอกแจมาเอาใจ แต่เพราะว่าร่างกายของตงไห่ไม่สามารถจะลุกออกจากที่นอนได้ในตอนนี้ เขาเหนื่อยและไร้เรี่ยวแรง โรคร้ายมันลุกลามไปทั่วทั้งร่างกายของเขาจนตงไห่หนีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
“ตงไห่~”
“เอาอย่างนี้ดีไหมครับ”
“...”
“พี่ฮยอกแจหนีไปกับอึนฮยอก แล้วทิ้งผมไว้ที่นี่” เขาพูดออกมาจากใจจริง แต่ฮยอกแจกลับส่ายหน้าไปมาอย่างแช่มช้า ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ตงไห่ แล้วรวบร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่น
“พี่จะทำอย่างนั้นได้ยังไง เรามาด้วยกัน เราก็ต้องไปด้วยกัน”
“แต่ถ้าต้องตาย...” ตงไห่เงียบเสียงลงเพราะเขารู้สึกเจ็บคอและอยากไอ มือบางจึงยกขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้ ก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อให้ฮยอกแจสงสัยน้อยที่สุด “...ปล่อยให้ผมตายคนเดียวนะครับ”
“นายบอกว่าพี่จะตายไม่ได้ แล้วทำไมนายถึงคิดที่จะตายก่อนพี่ล่ะ หืม?” ฮยอกแจผละออก ก่อนจะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า หากแต่เลือดกำเดาที่ไหลออกมาเป็นสายทำให้ฮยอกแจเบิกตาโพลง “ตงไห่ นาย...”
“แหะๆ แค่เส้นเลือดฝอยแตกเพราะอากาศเย็นน่ะครับ” ตงไห่รีบแก้ตัวก่อนจะซ่อนมือไว้ด้านหลังของตัวเอง ทว่าฮยอกแจ กลับสังเกตเห็นแล้วดึงมือนั้นขึ้นมาดู ตงไห่พยายามขืนมือเอาไว้ แต่ไม่เป็นผลเลย
เขาถูกจับได้แล้ว
“นายป่วยเหรอ ป่วยได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไร” ฮยอกแจเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย ทำเอาตงไห่ยิ้มกว้างแม้จะป่วยอยู่ก็ตาม
“เราทั้งคู่ต่างก็ป่วยนี่ครับ พี่ฮยอกแจลืมไปแล้วเหรอ” พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วหายไปในห้องน้ำทันที ฮยอกแจได้แต่มองตามแผ่นหลังบางอย่างร้อนใจ เขาสามารถล่วงรู้ได้ว่าภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ห้องน้ำ ก่อนจะแนบหูฟังกับประตูบางๆ ที่กั้นเอาไว้
“ฮึก...” เสียงสะอื้นเบาๆ ที่เล็ดลอดออกมาทำให้ฮยอกแจยืนนิ่งอึ้งด้วยความใจหาย
“ตงไห่ ให้พี่เข้าไปช่วยไหม”
“ผ...ผมไม่เป็นไรครับ” แม้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุด แต่ตงไห่ก็ไม่คิดที่จะอ่อนแอและขอความช่วยเหลือจากฮยอกแจเลย ฮยอกแจจึงรีบแต่งตัวให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนจะนั่งรอคนตัวเล็กอยู่ที่เตียงนอน
ผ่านไปเกือบสิบนาที ตงไห่ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาแต่งตัวออกมาอย่างเรียบร้อย ก่อนจะฝืนยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้ร่างสูง
“เสร็จแล้วครับ” เสียงใสบอก ก่อนจะยื่นมือมาฉุดให้ ฮยอกแจลุกขึ้นยืน หากแต่ฮยอกแจกลับปฏิเสธความช่วยเหลือนั้นและยืนขึ้นด้วยตัวเอง “เราจะไปที่ไหนกันนะครับ พี่ฮยอกแจยังไม่ได้บอกผมเลย”
“ไปญี่ปุ่น ที่ท่าเรือปูซานมีเรือเฟอร์รี่ที่สามารถเดินทางไปญี่ปุ่นได้ พี่ นาย และอึนฮยอกจะไปที่นั่น”
แม้ว่ามันจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่แววตาที่มุ่งมั่นของฮยอกแจก็ทำให้ตงไห่เชื่อมั่นในคำพูดนั้น เขาพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเกาะแขนแกร่งแล้วเดินออกไปจากห้องพักด้วยความรวดเร็ว
หลังจากฮยอกแจและตงไห่ออกจากโรงแรมไปได้ไม่นานนัก ผู้หมวดทงเฮก็พาอึนฮยอกออกไปจากโรงแรมบ้างเช่นกัน ทว่าเจ้าของโรงแรมที่ยืนอยู่ตรงล็อบบี้กลับจ้องหน้าพวกเขาทั้งสอง แล้วเอ่ยขึ้น
“พวกคุณออกไปกันแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เปล่าครับ พวกเราเพิ่งออกมาจากห้อง นี่กุญแจครับ” ทงเฮวางกุญแจไว้บนเคาน์เตอร์ ก่อนจะเบิกตาโพลงเมื่อฉุกคิดขึ้นได้
“เมื่อกี้คุณบอกว่าอะไรนะครับ”
“ก...ก็...”
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ” เขาโค้งตัวหลายครั้ง แล้วฉุดข้อมือของอึนฮยอกให้วิ่งออกไปนอกโรงแรม ทิ้งให้เจ้าของมองตามด้วยความประหลาดใจ แต่ยังออกมาได้ไม่ไกลเท่าไร อึน ฮยอกก็สะบัดข้อมือออก แล้วหยุดวิ่งตามแรงกระชากของผู้หมวดหนุ่ม
“พอเถอะครับ เลิกทำเหมือนผมเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณซักที” อึนฮยอกตะโกนบอกท่ามกลางน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย
“คุณต้องไปกับผม!”
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะไม่ยอมให้คุณจับพี่ฮยอกแจเข้าคุก พี่ฮยอกแจไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะนายก็ต้องเข้าไปอยู่ในคุกกับ ฮยอกแจเหมือนกัน ข้อหาช่วยผู้ต้องหาหลบซ่อนจากการจับกุมไงล่ะ” อึนฮยอกกำหมัดแน่น ความโกรธแค้นที่ลุกโชนอยู่ในอกมันกำลังจะกัดกินความรักที่เขามีต่ออี ทงเฮ
อี อึนฮยอกเพิ่งรู้วันนี้เองว่า ความรู้สึกที่ทั้งรักทั้งแค้นมันเป็นอย่างไร
“คุณมันไม่มีหัวใจ”
“ใช่! ผมไม่มีหัวใจ เพราะฉะนั้นคุณก็อย่ารอความรักจากผมอีกเลย” ทงเฮบอกเสียงเรียบทำให้อึนฮยอกได้แต่ยืนก้มหน้าร้องไห้อยู่เช่นนั้น อึนฮยอกจะไม่มีโอกาสได้ยินคำพูดที่อยู่ภายในใจของทงเฮหรอกว่า...
ยิ่งคุณรักผมมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้เราทั้งคู่เจ็บปวดมากเท่านั้น ผมไม่อาจทำร้ายคนที่ผมรักได้อีกเป็นครั้งที่สอง
ได้โปรดอย่ารักคนเลวๆ อย่างผมเลย
อึนฮยอกเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบกับใบหน้าที่มีแต่ความเลือดเย็น ดวงตาที่เหมือนกับฮยอกแจไม่มีผิดเสมองไปทางอื่น ยืนนิ่งอยู่นานราวกับกำลังใช้ความคิด ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับผู้หมวดทงเฮอีกครั้ง
“ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่รักผมใช่ไหม” เขาเอ่ยทั้งน้ำตา หากแต่น้ำเสียงนั้นกลับไม่สั่นเครือเลยสักนิด แขนเรียวทั้งสองข้างยื่นออกไปตรงหน้า ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“งั้นก็จับผมเข้าคุกเลยสิ บอกทุกคนว่าผมนี่แหละคืออี ฮยอกแจ”
“คุณคิดว่าตำรวจจะโง่ขนาดนั้นเหรอ ถึงหน้าตาจะคล้ายกัน แต่ลายมือก็ไม่มีทางเหมือนกันแน่ๆ”
“ได้โปรดเถอะครับ จับผมแทนพี่ฮยอกแจ จับผมเถอะ” อึนฮยอกก้าวเข้าไปหาทงเฮแล้วยื่นข้อมือทั้งสองข้างส่งให้ ทงเฮจึงรวบข้อมือนั้นเอาไว้แล้วดึงร่างเล็กเข้าหาตัวเอง ก่อนจะประกบริมฝีปากหนาเข้ากับกลีบปากนุ่ม เขากำลังมอบรสจูบที่อ่อนหวานและโศกเศร้ามากที่สุดในชีวิต
มันทำให้อึนฮยอกรู้สึกราวกับว่านี่จะเป็นจูบครั้งสุดท้ายในชีวิตของตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
“ผมจะช่วยคุณกับพี่ชายของคุณเอง” ทงเฮเอ่ยบอกหลังจากที่ผละออก มันทำให้อึนฮยอกเชื่อใจและไว้ใจเขา
“ผมรักคุณนะครับคุณทงเฮ ต่อให้ผมเกลียดคุณ แต่ผมก็รักคุณ” อึนฮยอกโผเข้ากอดผู้หมวดเต็มความรัก เขาซบหน้าเข้ากับอกแกร่งของทงเฮจนเสื้อของผู้หมวดเปียกชุ่มไปหมด
“บอกผมมาว่าอี ฮยอกแจอยู่ที่ไหน ผมจะช่วยพวกคุณเอง”
“พี่ฮยอกแจจะรออยู่ที่ท่าเรือครับ คุณช่วยไปส่งผมที่นั่นได้ไหม” สิ้นเสียงของอึนฮยอก ทงเฮก็ผละออกแล้วหยิบโทรศัพท์ มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาโทรศัพท์ออกไปหาใครบางคน ก่อนจะกรอกเสียงดังขึ้น
“ซูยอน ประสานงานกับตำรวจเขตท่าเรือปูซาน ผู้ต้องหากำลังหนีไปที่นั่น”
“คุณทงเฮ!” อึนฮยอกถึงกับอ้าปากค้างด้วยความผิดหวัง
เขาโดนหักหลังเสียแล้ว...
------------------------------ 50% ------------------------------
ฮยอกแจและตงไห่ยืนรออึนฮยอกอยู่ที่ท่าเรือด้วยความร้อนใจ เขายืนรอมานานเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกยาวนานเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าอึนฮยอกจะสามารถมาที่นี่ได้หรือไม่ เพราะอึนฮยอกไม่เคยเดินทางไปไหนมาไหนด้วยตัวเองเลย อึน ฮยอกจะรออยู่ที่บ้านเสมอจนกว่าฮยอกแจจะกลับมารับ
แต่ครั้งนี้...มันเหมือนกับสองพี่น้องกำลังจะก้าวผ่านสู่ความเป็นความตาย
ถ้าหากอึนฮยอกไม่มา
เกมที่พวกเขาเล่นกันมานานจนถึงด่านสุดท้ายก็จะโอเวอร์
“อึนฮยอก!” ตงไห่ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นอึนฮยอกเดินมาทางท่าเรือเพียงลำพัง ทว่าฮยอกแจกลับดึงข้อมือบางให้นั่งลงตามเดิมท่ามกลางความสงสัยของอีกฝ่าย “ทำไมล่ะครับ”
“นายไม่รู้สึกแปลกๆ เหรอ”
“หืม?” ตงไห่เอียงคอถามด้วยความงุนงง
“ทำไมอึนฮยอกถึงเดินมาคนเดียวล่ะ เขาหนีจากไอ้ตำรวจนั่นมาได้ยังไง”
“จริงด้วย ถ้างั้น...” ตงไห่ยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ มันจะจบจริงๆ น่ะเหรอ ถึงแม้ว่าเขาจะเตรียมใจกับเรื่องนี้มานาน แต่พอเวลานั้นมาถึงจริงๆ ตงไห่กลับตั้งตัวไม่ทัน
“อี ฮยอกแจ คุณโดนจับแล้ว” เสียงโทรโข่งดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ฮยอกแจและตงไห่ค่อยๆ ยืนขึ้น ดวงตาของ ฮยอกแจเฝ้ามองดูน้องชายไม่คลาดสายตา อึนฮยอกก็จ้องมองแต่คนเป็นพี่ ร่างบางเริ่มออกวิ่ง ทว่าผู้หมวดทงเฮกลับยิงปืนดักไว้ที่พื้น
“พี่ฮยอกแจ” เสียงใสตะโกนเรียกหาพี่ชาย น้ำตาอุ่นไหลนองหน้า ผู้หมวดทงเฮจึงรีบส่งโทรโข่งไปให้ลูกน้องถือไว้ ก่อนจะเดินเข้าล็อกตัวอึนฮยอกไว้กับตัวเอง
“ปล่อยอึนฮยอกเดี๋ยวนี้!” ฮยอกแจแผดเสียงกร้าวใส่คนตรงหน้า มือหนาล้วงไปด้านหลังเพื่อหยิบปืนออกมา หากแต่ตงไห่กลับคว้ามันไปไว้ก่อนเสียแล้ว
“ตงไห่ ส่งปืนมาให้ฉัน”
“ไม่ครับ ผมทำอย่างนั้นไม่ได้” ตงไห่ส่ายหน้ารัว ก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าฮยอกแจ เขารู้ดีว่าผู้หมวดทงเฮไม่กล้ายิงปืนมาที่เขาแน่ๆ
ปัง!
ตงไห่ยิงปืนใส่ตำรวจคนหนึ่งจนล้มลงไปที่พื้น เสียงปืนเพียงครั้งเดียวทำให้ผู้คนที่ท่าเรือต่างพากันหนีจ้าละหวั่น ตำรวจทุกคนยกปืนขึ้นแล้วเล็งมาที่ชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงกลาง
“อย่ายิง!” ทงเฮตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดกลัว อึนฮยอกพยายามจะขัดขืนเพื่อให้ตัวเองหลุดจากการเกาะกุม หากแต่ทงเฮกลับล็อกตัวไว้แน่น และมือข้างหนึ่งก็เล็งปืนไปที่ ฮยอกแจและตงไห่ด้วย
“วางปืนซะทงฮวา”
“ผมไม่ได้ชื่อทงฮวา ผมชื่อตงไห่” ตงไห่สวนกลับทันควัน ทำให้ฮยอกแจรู้สึกสับสนกับคำพูดนั้น เขาไม่เห็นหรอกว่าสายตาของตงไห่จ้องมองผู้หมวดทงเฮด้วยความหวาดกลัวแค่ไหน
“วางปืนแล้วเดินมาหาพี่”
“ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าผมไป...คุณก็จะยิงเขา” ตงไห่ส่ายหน้ารัว ก่อนจะดันฮยอกแจไปยืนอยู่ด้านหลัง
“นายเป็นน้องชายของไอ้ตำรวจนั่นใช่ไหม” ฮยอกแจเอ่ยถามเสียงแข็ง เขาเริ่มที่จะแน่ใจมากขึ้นแล้วว่าทงเฮและตงไห่มีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกัน
“ผมไม่รู้จักเขา”
“โกหก นายมันโกหก” ฮยอกแจพยายามจะแย่งปืนมาจากมือร่างบาง หากแต่ตงไห่กลับเบี่ยงตัวหลบ ทั้งสองแย่งปืนกันไปมาจนปืนลั่นขึ้นเสียงดัง
ปัง!
กระสุนเฉียดทงเฮและอึนฮยอกไปนิดเดียวเท่านั้น ทว่ามันกลับโดนตำรวจที่ยืนอยู่ถัดไปด้านหลัง วันนี้ตงไห่ยิงคนไปถึงสองคนแล้ว ร่างบางเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ทำให้ฮยอกแจแย่งปืนกลับมาถือเอาไว้ได้
“ฟังนะตงไห่” ฮยอกแจจับมือร่างบางเอาไว้แน่น “ตอนนี้พี่จะไม่สนว่านายเป็นอะไรกับอี ทงเฮ แต่มีนายคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเราสองพี่น้องได้ นายช่วยเราได้ไหม”
ตงไห่จ้องมองฮยอกแจนิ่ง เขาหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะพยักหน้ารับกับคำขอร้องนั้น ชีวิตของเขาไม่มีค่าอะไรมาก่อน แต่อย่างน้อยช่วงเวลาสั้นๆ ที่ตงไห่ได้พบกับฮยอกแจ เขาได้รู้สึกสนุกกับชีวิต ได้ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่า แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะตาย ตงไห่ก็จะไม่รู้สึกเสียใจเลย
“ปล่อยตัวอึนฮยอกมาเถอะครับ แล้วผมจะไปกับคุณเอง” ตงไห่พูดจบก็เดินเข้าไปหาทงเฮช้าๆ ทงเฮต้องคอยหันซ้ายหันขวาเพื่อบอกตำรวจคนอื่นๆ ว่าอย่าเพิ่งยิงในตอนนี้ เขาค่อยๆ ปล่อยมือจากอึนฮยอก และเมื่อร่างบางเป็นอิสระ เขาก็วิ่งโผเข้าไปกอดกับพี่ชายทันที
“พี่ฮยอกแจ ฮือๆ พี่ฮยอกแจครับ” คนตัวเล็กเอาแต่ร้องไห้ เขากำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเหลือเกิน แต่ดวงตาของฮยอกแจกลับนิ่งเฉย เหมือนร่างสูงจะรู้แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“อี ฮยอกแจ...ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง ทางแรก...ยอมมอบตัวกับตำรวจซะ”
“คุณคิดว่าผมจะทำแบบนั้นเหรอ” ฮยอกแจเชิดหน้าถามกลับไป เขาจะไม่มีวันเข้าไปลำบากในคุกแน่ ดวงตาคู่เฉี่ยวจ้องทงเฮอย่างเชือดเฉือน ไม่มีใครคิดหลบสายตาใครเลยสักนิดเดียว
“งั้นอีกทาง...”
“...”
“ถ้าคุณคิดจะสู้ ก็ไม่ต่างกับการจบชีวิตตัวเอง”
“ได้โปรดหันกระบอกปืนไปทางอึนฮยอกเถอะครับคุณตำรวจ” ฮยอกแจดันแผ่นหลังอึนฮยอกให้เดินไปข้างหน้า ทงเฮอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าฮยอกแจจะทำเช่นนั้น
“คุณว่าไงนะ?”
“ผมบอกให้คุณ
“คุณรู้ว่าผมจะทำยังไง” ทงเฮถามนิ่งๆ แต่กระบอกปืนยังเล็งไปที่กลางหน้าผากของฮยอกแจ
“ถ้าผมตาย ผมจะปล่อยให้อึนฮยอกอยู่คนเดียวได้ยังไง เวลาที่อึนฮยอกป่วย ใครจะดูแล เวลาที่อึนฮยอกเหงา ใครจะคุยเป็นเพื่อนเขา...”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้!” ทงเฮตะโกนกลับมา หากแต่ฮยอกแจยังคงมองไปที่แผ่นหลังของอึนฮยอก แล้วเอ่ยต่อไปเรื่อยๆ
“...เวลาที่น้องชายของผมเสียใจ ใครจะเป็นคนปลอบ แล้วถ้าอึนฮยอกตกอยู่ในอันตราย เขาจะทนได้ยังไงถ้าไม่มีพี่ชายคนนี้คอยปกป้อง”
“ผมยิงเขาไม่ได้ คุณก็รู้ว่าไม่มีวันที่ผมจะยิงอึนฮยอก” ทงเฮพยายามจะพูดอ้อมๆ เพื่อให้อึนฮยอกรับรู้ในความรู้สึกของเขา แต่อึนฮยอกกลับยืนก้มหน้านิ่ง ในขณะที่ตงไห่กลับส่ายหน้าไปมาอย่างแช่มช้า
“ถ้าคุณยิงผม รู้ไหมคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน”
“ผมจะไม่ยิงอึนฮยอก!” ผู้หมวดทงเฮตะโกนขึ้นราวกับคนเสียสติ
“บอกรักอึนฮยอก แล้วยิงเขาซะ”
“คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง นั่นน้องชายของคุณนะอี ฮยอกแจ”
“ถ้าคุณจะยิงพี่ฮยอกแจ ได้โปรดเถอะครับ...” อึนฮยอกที่เงียบอยู่นานเงยหน้าและตะโกนขึ้นมาบ้าง “ได้โปรดอย่าปล่อยให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไปเลย การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรักไม่ต่างอะไรกับคนที่ไร้ซึ่งหัวใจ”
ทงเฮขยับมือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ปากกระบอกปืนเล็งตรงไปยังฮยอกแจอย่างไม่ต้องสงสัย เขาไม่สามารถจะยิงอึนฮยอกให้ตายไปต่อหน้าต่อตา แม้ว่าทงเฮจะไม่เคยพูดออกมาสักครั้งว่าเขารักอี อึนฮยอก
แต่อึนฮยอกก็ยังเป็นคนที่อี ทงเฮรักมากที่สุด
นิ้วเรียวของทงเฮค่อยๆ เหนี่ยวไกปืน ตงไห่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผู้หมวดรีบวิ่งถลาเข้าไปกอดร่างของฮยอกแจเอาไว้แน่น
ปัง! ปัง! ปัง!
(ติดตามอ่านตอนจบได้ในเร็วๆ นี้)
ความคิดเห็น