ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Kiss the Rain [HaeEun, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 55


     

     

    Chapter 4

     

                หลังจากเคาะประตูอยู่นานสองนานแต่ไม่มีคนออกมาเปิดประตูให้ ซีวอนก็ไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน ร่างสูงโปร่งเดินมองหาคนในห้องอย่างเป็นห่วง พอเข้าไปในห้องนอนจึงเห็นว่าอีกฝ่ายนอนหลับไม่เป็นท่าทั้งๆ ที่ยังไม่อาบน้ำ

                “นายนี่ไม่เคยจะเปลี่ยนไปเลยนะ” ซีวอนส่ายหน้าช้าๆ เขามองอีกฝ่ายด้วยแววตาหม่นหมอง แล้วอุ้มคยูฮยอนให้นอนดีๆ ถอดถุงเท้าให้อย่างเคยชิน แล้วตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้จนถึงลำคอ

                ซีวอนจ้องมองใบหน้าที่หลับสนิทของคยูฮยอนอยู่พักหนึ่ง เขาตั้งใจมาทำให้แค่นี้ แล้วก็กำลังจะกลับบ้านของตัวเองแล้ว แต่เมื่อกำลังจะเดินออกไป คยูฮยอนก็รั้งมือเขาเอาไว้

                “มาตั้งแต่เมื่อไร?” ซีวอนหันไปมองแล้วพบว่าอีกคนหรี่ตาขึ้นมองอย่างง่วงเต็มทน

                “พักผ่อนเถอะ ฉันกำลังจะกลับแล้ว”

                “ซีวอน...”  คยูฮยอนเรียกคนที่ยืนอยู่ด้วยเสียงเครือ

                “หืม?”

                “อย่าดีกับฉันอีกเลยนะ อย่ามาที่นี่อีก”

                “ฉันจะไม่ให้ทงเฮรู้หรอก นายสบายใจได้” ซีวอนเดินกลับไปแล้วนั่งลงอยู่ข้างเตียง คยูฮยอนหลับตาลงแล้วเอียงหน้าเล็กน้อย น้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อไหลออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท

                “ขอร้องล่ะ ไม่ต้องมาที่นี่ซะยังดีกว่า”

                ยิ่งคยูฮยอนร้องไห้ ซีวอนก็ยิ่งไม่อยากไปจากที่นี่ เขาเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาให้คยูฮยอนอย่างช้าๆ

                “วันนี้ฉันไปบ้านทงเฮมา ฉันเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นแล้ว นายไม่ต้องคิดมากหรอกนะ นายน่ารักกว่าเขาเยอะ เขาไม่มีอะไรดีสู้นายได้เลย”

                ไม่รู้ว่าคยูฮยอนตั้งใจฟังอยู่หรือเปล่า เพราะตั้งแต่ซีวอนเช็ดน้ำตาให้ คยูฮยอนก็เอียงหน้ามาซุกกับมือหนาของซีวอน แล้วเสียงสะอื้นก็เงียบหายไป เหลือเพียงลมหายใจที่สม่ำเสมอจนซีวอนคิดว่าคยูฮยอนน่าจะหลับไปแล้ว

                ซีวอนตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไม่ให้ร้อนหรือหนาวจนเกินไป เขากระชับผ้าห่มให้คยูฮยอนอีกครั้งแล้วค่อยกลับบ้าน

                ซีวอนมักจะทำแบบนี้เสมอมา...

                คยูฮยอนไม่จำเป็นต้องบอกว่าเขากำลังป่วยหรือกำลังเศร้า แต่ทุกครั้งที่คยูฮยอนอ่อนแอ ซีวอนก็จะมาที่นี่เสมอ และจากไปเมื่อเขาหลับลง

                มีคนเคยบอกว่า...

                แฟนเก่าที่กลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง ถ้าพวกเขาไม่ได้รักกันอยู่ พวกเขาก็อาจจะไม่ได้รักกันเลยตั้งแต่แรก

                สำหรับซีวอนเป็นอย่างแรก แต่สำหรับคยูฮยอน...ซีวอนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

                ส่วนเรื่องที่พวกเขาเคยเป็นแฟนกันมาก่อนนั้น ทงเฮไม่เคยรู้ ทั้งคู่เลิกกันมานานก่อนที่ทงเฮจะพบคยูฮยอน และคยูฮยอนก็ไม่รู้มาก่อนด้วยว่าทงเฮกับซีวอนเป็นเพื่อนกัน

                ทงเฮไม่เคยรู้ และก็จะไม่มีวันได้รู้เรื่องนี้ด้วย

     

                ในบ้านของทงเฮ

                หลังจากส่งฮยอกแจเข้าห้องนอนแล้ว ทงเฮก็ออกมาโดยที่ไม่ถามไถ่อะไรอีก เมื่อเขากลับมาอยู่ในห้องของตนเองจึงเริ่มตระหนักได้ว่าฮยอกแจอาจจะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่มื้อเช้า ทงเฮรีบโทรศัพท์ไปหาแม่บ้านอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าฮยอกแจได้กินแค่อาหารเช้าที่แม่บ้านทำให้เท่านั้น

                ทงเฮเดินลงไปในครัวเพื่อทำข้าวผัดง่ายๆ ให้ฮยอกแจหนึ่งจาน เขาเคาะประตูเรียกให้ฮยอกแจออกมาแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านใน ทงเฮจึงเข้าไปในห้องอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะพบว่าฮยอกแจนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม

                “ฉันวางข้าวไว้ตรงนี้นะ ถ้ารู้สึกตัวแล้วก็อย่าลืมกินข้าวล่ะ”

                ทงเฮไม่ได้สนใจหรอกว่าฮยอกแจจะตื่นมากินข้าวที่เขาทำให้หรือไม่ ได้แต่มองหน้าฮยอกแจแวบหนึ่งแล้วเดินออกมา แต่เห็นฮยอกแจเงียบผิดปกติจึงหันไปดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าจมูกโด่งรั้นแดงก่ำเหมือนคนเป็นไข้จึงรีบร้อนเข้าไปแตะหน้าผากดู

                “ฮยอกแจ นายป่วยเหรอ?” ทงเฮตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อเรียกสติ

                “ฮือ”

                “อย่ามาครางใส่ฉันนะ อยากออกไปนั่งตากลมหน้าบ้านทำไม สมควรแล้วที่ป่วย” พูดอย่างหงุดหงิดแล้วก็ฉุดข้อมือของฮยอกแจให้ลุกขึ้นมา “ตื่นเร็ว ไปโรงพยาบาลกัน”

                “ไม่ ฉันไม่ไป” ฮยอกแจปัดมือทงเฮออกแล้วตวัดผ้าห่มขึ้นไปคลุมโปง

                ...ขนาดป่วยยังดื้อได้ขนาดนี้

                “นายจะมาป่วยในบ้านฉันได้ยังไง ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ นายต้องไปโรงพยาบาล”

                “ไม่...อยาก...ไป...” ฮยอกแจบอกเสียงเหนื่อยๆ ทงเฮแตะหลังมือลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเรียกหมอมาตรวจฮยอกแจที่บ้าน

     

                “ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ไข้หวัดธรรมดา พักผ่อนสักวันสองวัน กินข้าวกินยาให้ตรงเวลาเดี๋ยวก็หายแล้ว” แพทย์หนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอ่ยบอกเจ้าของบ้านหลังจากตรวจดูอาการของฮยอกแจเสร็จ

                “ขอบคุณมากนะพี่จองซู”

                “เออ ไม่ต้องมาขอบคุณหรอก เมียน้องทั้งคนจะไม่ให้ฉันมาสนใจได้ยังไง” ปาร์ค จองซูผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเอ่ยขึ้น แต่ทำเอาทงเฮหน้าบึ้งในทันที

                “พี่ก็รู้ว่า...”

                “หยุดเลย! ทงเฮเอ๊ย...แกมันโง่ ถ้าไม่ชอบเขาก็ไม่น่าจะไปตอบตกลงแต่งงานตั้งแต่แรก”

                “แต่ผมทำเพื่อคยูฮยอนพี่ก็รู้”

                “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ ฉันรู้แต่ว่าคุณน้าคงไม่ได้คิดแบบแกแน่ ท่านเป็นคนฉลาด คงไม่ได้ให้นายแต่งงานกับฮยอกแจเพื่อยอมให้คบกับคยูฮยอนต่อแค่นั้นหรอก”

                ทงเฮไม่รู้จะพูดอะไรอีก เขาไม่เชื่อว่าแม่จะหักหลังลูกชายแท้ๆ ของตัวเองแบบนั้น ได้แต่มองฮยอกแจที่อยู่บนเตียงแล้วทอดถอนหายใจออกมา

                จองซูกำชับทงเฮอีกครั้งเกี่ยวกับการดูแลคนป่วย ก่อนจะขอตัวกลับไปอยู่เวรที่โรงพยาบาลต่อ ทงเฮไม่รู้ว่าเขาต้องดูแลฮยอกแจยังไงบ้าง ถ้ากลับไปที่ห้องตอนนี้ก็กลัวว่าฮยอกแจจะตัวร้อนมากขึ้นกว่าเดิม จึงได้แต่นั่งข้างๆ เตียงตลอดทั้งคืน

                ในเช้าวันถัดมา ฮยอกแจตื่นขึ้นด้วยเพราะอาการดีขึ้นมาแล้ว เมื่อมองข้างๆ ก็ต้องตกใจที่พบว่าทงเฮฟุบหลับอยู่ข้างเตียง เขาจำไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง

                “ทงเฮ ทำไมมานอนตรงนี้ได้ล่ะ?” ฮยอกแจเขย่าตัวของทงเฮแล้วเอ่ยถาม อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมอง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ในแววตาเลย

                “เช้าแล้วเหรอ?”

                “อื้อ เจ็ดโมงกว่าแล้วล่ะ นาย...นอนตรงนี้ทั้งคืนเลยเหรอ?” ฮยอกแจถามพลางยิ้มอย่างปลื้มใจ

                “ไม่ใช่อย่างที่นายคิดซะหน่อย” ...ฉันนั่งเฝ้านายจนถึงตีสี่ต่างหาก ไม่ได้นอนตรงนี้ทั้งคืนเลย

                แม้ว่าจะทำสีหน้าไม่ดีใส่ฮยอกแจ แต่มือหนาก็ยังอังหน้าผากของฮยอกแจเพื่อวัดไข้ ฮยอกแจมองหน้าคุณสามีแล้วกะพริบตาปริบๆ ในใจเต้นระรัวเพราะไม่คิดว่าทงเฮจะใจดีขนาดนี้

                ฮยอกแจไม่อยากคิดไปเอง เพราะทงเฮมีคนรักอยู่แล้ว

                แต่เขาก็ไม่อยากเลิกกับทงเฮตอนนี้เช่นกัน

                “มองหน้าฉันทำไม?” ทงเฮถาม

                “เปล่า ฉันแค่แปลกใจน่ะที่นายเป็นห่วงฉัน”

                “ฉันทำเพราะว่ามีคนสั่งให้ทำต่างหาก”

    คำพูดของทงเฮทำให้ฮยอกแจย่นคิ้วฉับ คงจะเป็นคยูฮยอนที่บอกให้ทงเฮมาดูแลเขาสินะ ฮยอกแจคิดไปเองแล้วก็ทำหน้าเศร้าลง

    “นายรีบอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวเช้าแล้วกัน เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะ” พูดจบก็เดินออกไปจากห้องทันที แต่คนเพิ่งหายป่วยก็ตะโกนออกไปอย่างรวดเร็ว

                “ทงเฮ ขอบคุณมากนะ”

     

                ฮยอกแจใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักก็เดินลงมาด้านล่าง ทงเฮนั่งรออยู่ก่อนแล้ว กำลังตักข้าวต้มใส่ปากอย่างเซ็ง พอฮยอกแจเดินมาถึงก็บ่นอุบ

                “วันนี้ต้องกินข้าวต้มอีกแล้วเหรอ?”

                “แล้วคนป่วยอย่างนายกินอาหารอย่างอื่นนอกจากข้าวต้มได้ด้วยหรือไง”

                “ฉันอยากกินพิซซ่ามากกว่านี่นา”

                ฮยอกแจทำท่างอแง แต่พอเห็นสายตาดุๆ ของทงเฮจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มต่อไปโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

                “กินข้าวเสร็จแล้วก็กินยาด้วยนะ อ้อ...แล้วก็ไม่ต้องรีบกินเหมือนวันก่อนด้วยล่ะ เสร็จแล้วตามฉันไปที่ห้องรับแขก”

                ทงเฮดื่มน้ำและเดินออกไปจากห้องครัว ฮยอกแจมองตามแผ่นหลังของทงเฮออกไปแล้วไม่กล้าจะแตะต้องอาหารเลย เขากลัวว่าทงเฮจะให้เขาย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ ฮยอกแจไม่ได้คิดจะอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดไปอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากย้ายออกทั้งๆ ที่ไม่ได้เก็บเกี่ยวความสุขในช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก

                หลังจากกินข้าวและกินยาหลังอาหารตามที่ทงเฮบอกแล้ว ร่างบางก็เดินมานั่งที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางหงอยๆ ทงเฮนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นด้วยท่าทางสบายๆ พอฮยอกแจมาถึง เขาจึงปิดหนังสือลงแล้วนั่งจ้องหน้าหวานอย่างจริงจัง

                “นายมีอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?” ฮยอกแจถามด้วยความหวั่นใจ

                “เอาล่ะ ไหนๆ นายก็ต้องมาอยู่ที่นี่อย่างช่วยไม่ได้แล้ว เรามาทำความตกลงกันหน่อยแล้วกัน”

                “ห๊ะ?! ทำความตกลง...?”

                “ทำไม นายมีปัญหาเหรอ?”

                “เอ่อ...เปล่า” ฮยอกแจส่ายหน้าดุ๊กดิ๊กแล้วมองหน้าทงเฮตาใสแป๋ว แสดงว่าทงเฮยอมให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้วใช่ไหม ฮยอกแจ...ที่แท้นายก็แค่คิดมากไปเอง

                “นายทำงานเกี่ยวกับอะไร?” ทงเฮถาม

                “ฉันเป็นเลขาที่บริษัทส่งออกน่ะ อยู่แถวๆ คังนัม”

                “แล้วต้องทำงานทุกวันหรือเปล่า?”

                “ไม่ บริษัทมีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ด้วย”

                “งั้นทุกเช้าฉันจะขับรถไปส่งนาย แล้วค่อยกลับมาทำงานที่บ้าน ส่วนตอนเย็นฉันก็จะไปรับนาย บางวันถ้านายอยากกินพิซซ่าก็บอกฉันได้ ฉันจะพาแวะกินนอกบ้าน”

                “เอ่อ...ทำไมนายต้องทำดีกับฉันด้วยล่ะ จริงๆ ปกติฉันก็ไปทำงานเองอยู่แล้ว”

                ฮยอกแจไม่เข้าใจ ทำไมทงเฮถึงเอาใจใส่เขาแบบนั้น ทั้งๆ ที่เขาตั้งใจว่าจะเป็นคนทำให้ทงเฮหลงรักตัวเอง แต่กลายเป็นว่าทงเฮทำให้เขาหลงรักมากขึ้นไปอีก

                ฮยอกแจเคยคิดว่าเขารักทงเฮมากกว่าเดิมไม่ได้อีกแล้ว

                แต่เมื่อได้มาอยู่ในบ้านเดียวกัน ความรู้สึกจากหนึ่งร้อยก็เพิ่มขึ้นเป็นสองร้อยสามร้อยจนฮยอกแจไม่รู้ว่าเขาสามารถรักทงเฮไปได้อีกมากแค่ไหน และถ้าวันหนึ่งต้องจากทงเฮไปจริงๆ ความรู้สึกที่มากขนาดนั้นมันจะกลายเป็นความทรมานอย่างแสนสาหัสมากแค่ไหนกัน

                “ฉันไม่ได้ทำให้นายฟรีๆ หรอกน่า และกับการทำงานบ้านให้ฉันในตอนเช้า แค่งานบ้านอย่างเดียวก็พอ เรื่องอาหารก็ให้แม่บ้านจัดการเหมือนเดิม”

                “ได้สิ” ฮยอกแจชูสามนิ้วขึ้นแทนคำสัญญา

                “แล้วต่อไปก็ไม่ต้องทำให้คนอื่นเป็นห่วงอีก เพราะฉันบอกแล้ว ยังไงฉันก็ไม่เป็นห่วงนายเกินไปกว่าความรู้สึกของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันหรอก”

                ฮยอกแจพยักหน้าแล้วก้มหน้าลง เขาคิดว่าตัวเองกำลังมีความสุขอยู่นะ แต่ทำไมข้างในหัวใจมันปวดหนึบพิกล

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                มาอีกตอนแล้วจ้า เดี๋ยวันนี้ซีนจะต้องไปรับคุณลุงที่สุวรรณภูมิ

    เลยเอามาเสิร์ฟเร็วนิดนึง ดีใช่ไหมล่ะ คึคึ

    ตอนของพรุ่งนี้ก็แต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอามาลงให้อีกตอนนะค้า...

    ตอนหน้ามีตัวละคร(เรียกว่าตัวประกอบ) เพิ่มมาอีก 2 ตัวให้เป็นสีสันของเรื่อง

    ช่วยติดตามด้วยนะค้า...



           รักคนอ่านทุกคน เห็นนักอ่านหน้าเก่าเมื่อครั้งเรายังเคยรักกันหวานชื่นแล้วมีความสุข

    หลงมาอ่านแล้วห้ามหนีไปไหนนะค้า เกี่ยวก้อยสัญญาแล้วนะ

    (จับนิ้วคนอ่านมาเกี่ยวนิ้วตัวเอง...อนาถใจ)

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×