ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Strawberry Lee Donghae [EunHae, WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 4 เดี๋ยวใครแถวนี้จะอิจฉา

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 54


     

    Chapter 4

     

                นั่นแฟนใหม่ฉันเองแหละ ชื่ออี ทงเฮ

     

                เอ่อ...มะ...ไม่... ทงเฮรู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก เขามองซีวอนตาค้าง ในขณะที่ฮยอกแจกลับนั่งทำหน้าถมึงทึงอย่างไม่มีสาเหตุ ตาคมตวัดมองเพื่อนตัวสูงที่ยืนส่งยิ้มให้ทงเฮด้วยสายตาเจ้าชู้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว

     

                ไปหาที่นั่งสิซีวอน นายจะไม่เรียนหรือไง

     

                ฉันก็แค่พูดเล่น ทำไมนายต้องโกรธขนาดนั้นด้วย ซีวอนเอ่ยปากบอก ก่อนจะย้ายตัวไปนั่งอยู่หลังสุดของห้อง แม้ว่าเขาจะสนิทสนมกับฮยอกแจและคิบอม แต่ซีวอนก็ไม่ชอบนั่งเรียนรวมกับเพื่อนอีกสองคน เนื่องจากเขาชอบแวบออกไปในช่วงวิชาเรียนที่หน้าเบื่อเสมอ

     

                นั่นดิ ซีวอนมันก็แค่แซวทงเฮเล่นๆ คิบอมช่วยพูดเสริม

     

                แล้วนายล่ะ พูดเล่นหรือพูดจริง ฮยอกแจหันมาถามคิบอมอีกครั้ง เขาไม่ได้โกรธซีวอนเลย คนที่ฮยอกแจไม่พอใจคือคิม คิบอมต่างหาก

     

                ฉันเหรอ? คิบอมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

     

                อืม ที่บอกว่าเป็นแฟนกับทงเฮ นายพูดเล่นหรือพูดจริง

     

                นายเป็นอะไรไปฮยอกแจ ทำไมจะต้องคาดคั้นฉันด้วย คิบอมสงสัยในพฤติกรรมที่ต่างออกไปจากเดิมของเพื่อนรัก ฮยอกแจจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้ ก่อนจะเบือนหน้าหนีออกมาอย่างไม่ต้องการคำตอบอีกต่อไปแล้ว ทว่าคิบอมกลับเอ่ยขึ้น ฉันชอบทงเฮ

     

                หืม คะ...คิบอม ทงเฮเบิกตาโพลงแล้วเอ่ยเรียกชื่อของคนที่เพิ่งสารภาพเมื่อครู่ คิบอมเอียงหน้ามาส่งยิ้มหวานละมุนแก่เขา ทำให้ฮยอกแจหยิบหนังสือเรียนออกมาจากกระเป๋าแล้วกระแทกลงบนโต๊ะเรียนจนเกิดเสียงดังไปทั่วห้อง ทว่ายังไม่ทันที่คิบอมจะเฉลยว่าคำพูดเมื่อครู่นั้นมันเป็นการล้อเล่นหรือเรื่องจริง อาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน

     

                นักศึกษาอี ทงเฮ ออกไปพบฉันที่ห้องด้วย

     

                ผม...เหรอครับ? ทงเฮชี้มือเข้าหาตัวเอง การถูกอาจารย์เรียกพบต่อหน้าเพื่อนๆ ทั้งที่เข้าเรียนแค่สองวันทำให้เขาถูกจับตามอง นักศึกษาทุกคนต่างกำลังจับจ้องมาที่เขาจนฮยอกแจต้องเอ่ยขึ้น

     

                รีบไปสิ อาจารย์รอนายอยู่นะ

     

                รู้แล้วล่ะน่า พูดจบก็เดินตามอาจารย์ที่ปรึกษาออกไปทันที

     

     

     

                แทนที่อาจารย์สาวจะพาทงเฮเดินไปที่ห้องพักครู เธอกลับพาร่างบางไปยังสำนักทะเบียนนักศึกษา เพียงแค่ยืนอยู่หน้าสำนักงาน ทงเฮก็รู้ตัวได้เลยว่าเขาถูกเรียกตัวมาที่นี่เพราะอะไร

     

                อี ทงเฮ เธอรู้ใช่ไหมว่า...”

     

                “ผมรู้ครับ” ทงเฮรีบพูดแทรกด้วยความอับอาย เขาก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาดูแคลนของอาจารย์ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้น “ขอเวลาอีกสามวันได้ไหมครับอาจารย์”

     

                “ท่านผอ.ยกเว้นให้เธอไม่ต้องเสียค่าหน่วยกิตหรือค่าเทอมสักวอนเดียว กับอีแค่ค่าบำรุงกิจกรรมนักศึกษามันหายากนักเหรอ”

     

                “อาจารย์ครับ” เขาเรียกอาจารย์อย่างตัดพ้อ “ค่าเงินของคนรวยกับคนจนมันไม่เท่ากันหรอกนะครับ สำหรับคนรวย มันอาจจะเป็นแค่เศษเงินของพวกเขา แต่สำหรับผม...”

     

                “นั่นไม่ใช่ประเด็น” เธอส่ายหน้าหนีทงเฮราวกับไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวของเด็กไม่มีความรับผิดชอบอีกต่อไป

     

                “ขอร้องเถอะครับ อีกแค่สามวันเท่านั้น”

     

                “แต่เธอผลัดมาเดือนกว่าแล้วนับตั้งแต่วันที่มหาวิทยาลัยให้จ่ายเงิน”

     

                “ครับ” ทงเฮได้แต่รับคำอย่างจำใจ เขายืนคอตกไร้เรี่ยวแรง การยืนอยู่ในที่ที่ไม่ใช่ของตัวเองมันคงจะอึดอัดแบบนี้เองสินะ แต่เพราะความต้องการของแม่ที่อยากให้เขามีอนาคตที่ดี ถ้าทงเฮไม่เรียนที่นี่ ความหวังของแม่ก็จะสูญเปล่า

     

                ความพยายามของแม่ที่บากหน้าไปขอร้องกับพ่อของฮยอกแจก็พังทลายลงไป

     

                “ฉันถามจริงๆ เถอะ ถ้าเธอจนขนาดนั้นแล้วจะมาเรียนที่นี่ทำไม” คำพูดของหญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ทำให้ทงฮกำหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัว เขาโกรธจนตัวสั่นแต่ไม่สามารถโต้ตอบอะไรกลับไปได้ น้ำตาอุ่นกำลังเอ่อคลออยู่ในดวงตาคู่สวยจนทงเฮต้องเงยหน้าขึ้นเพื่อหยุดยั้งมันเอาไว้

     

                “อาจารย์อยากให้ผมลาออกเหรอครับ” ทงเฮถามออกไปตรงๆ

     

                “เปล่า” อาจารย์ส่ายหน้าไปมาช้าๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันแค่กังวลว่าเธอจะอยู่ในสังคมที่แตกต่างนี้ได้ยังไง ถึงฉันจะพูดตรงๆ แต่ฉันก็ไม่ใช่คนใจร้าย ไม่อย่างนั้นฉันคงประกาศต่อหน้านักศึกษาคนอื่นไปแล้ว”

     

                ทงเฮพยักหน้าอย่างเข้าใจ ที่อาจารย์พูดมานั้นถูกต้องหมดทุกอย่างเลย แต่อย่างน้อยคำพูดสุดท้ายก็ทำให้ทงเฮมองอาจารย์ที่ปรึกษาเปลี่ยนไปจากเดิม

     

                “ผมจะปรับตัวให้ได้ครับ”

     

     

     

                หลังจากเคลียร์กับเจ้าหน้าที่การเงินเรียบร้อยแล้ว ทงเฮก็เดินกลับมายังห้องเรียน เขาบอกอาจารย์สาวไปทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เขาโกหกเพื่อนๆ ว่าตัวเองเป็นลูกคนมีฐานะ ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วให้ทงเฮเป็นคนจัดการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง รวมทั้งเรื่องเงินค่ากิจกรรมนักศึกษาด้วย

     

                ทงเฮยังคงคิดมากกับเรื่องเงินค่ากิจกรรมที่ไม่รู้ว่าจะหามาจากไหน จนกระทั่งเขาก้าวเข้าไปในห้องเรียน สีหน้าที่แสดงความกังวลก็หายไปในพริบตา

     

                “ทงเฮ อาจารย์เรียกนายไปทำไมเหรอ เธอว่าอะไรนายหรือเปล่า” คิบอมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า ในขณะที่ฮยอกแจมองตามร่างเล็กที่เดินกลับมานั่งที่เท่านั้น

     

                “อาจารย์อยากให้ฉันเป็นตัวแทนประกวดวาดภาพน่ะ” ทงเฮยืดอกตอบอย่างมั่นใจ เพราะเขาคิดว่าซองมินที่นั่งอยู่อีกมุมห้องก็อยากจะรู้เช่นเดียวกัน

     

                “แน่ใจเหรอว่าเรื่องนี้” เสียงเย้ยหยันเอ่ยถามออกมาอย่างที่ใจทงเฮคิด ทงเฮปรายตามองซองมินแวบหนึ่งก่อนจะยิ้มที่มุมปาก

     

                “ทำไมล่ะ นายอิจฉาฉันเหรออี ซองมิน”

     

                “ทำไมฉันต้องอิจฉานายด้วย การประกวดชิงเงินรางวัลอะไรแบบนั้น คนรวยอย่างฉันไม่สนอยู่แล้ว”

     

                “แล้วฉันพูดซักคำเหรอว่าฉันสนมัน” ประโยคสุดท้ายของทงเฮทำเอาซองมินหน้าแตกยับเยิน ทงเฮทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ในขณะที่ฮยอกแจแอบเหล่ตามองคนข้างกาย เขาเห็นใบหน้าหวานแดงก่ำไปเพราะความโกรธ แต่ฮยอกแจก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาสักนิด

     

                “นายวาดรูปเก่งเหรอทงเฮ แล้วทำไมนายไม่ลงแข่งล่ะ” คิบอมชะโงกหน้ามาถามอย่างสงสัย

     

                “ฉันไม่อยากทำตัวเด่นน่ะ” ทงเฮเว้นวรรคครู่หนึ่งแล้วเหลือบไปมองซองมินที่จ้องเขาเขม็ง “เดี๋ยวใครแถวนี้จะอิจฉา”

     

                “นายคิดว่าฉันจะอิจฉานายเหรออี ทงเฮ พวกชั้นต่ำ!” ซองมินตะโกนด่าทงเฮข้ามศีรษะเพื่อนๆ อีกหลายชีวิตทำให้ซีวอนกระแทกโต๊ะยืนขึ้นอย่างหมดความอดทน

     

                “เสียงดังกันอยู่ได้ คิบอมเก็บชีทให้ฉันด้วยนะ ฉันไม่มีอารมณ์เรียนแล้วว่ะ” พูดจบร่างสูงก็เดินออกไปทางประตูหลังห้องทันที เป็นอีกวันแล้วที่ซีวอนโดดเรียนวิชาพื้นฐานในมหาวิทยาลัย

     

                “พูดแรงไปหรือเปล่าซองมิน” คิบอมเอี้ยวตัวไปถามเพื่อนเพื่อปกป้องทงเฮ

     

                “พวกนายดูไม่ออกหรือไงว่าทงเฮน่ะ...”

     

                “หยุดพูดซักทีเถอะ รำคาญจะแย่” ฮยอกแจพูดขึ้นมานิ่งๆ ทำเอาทั้งห้องเงียบกริบอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที ซองมินได้แต่ส่งเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจที่ซีวอน คิบอม และฮยอกแจที่ตัวเองหมายปองนั้นต่างช่วยกันปกป้องอี ทงเฮทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าฐานะทางบ้านของทงเฮเป็นอย่างไร

     

                โดยเฉพาะฮยอกแจที่ซองมินต้องการครอบครองมากที่สุด

     

                แม้ว่าคำพูดนั้นจะไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่สายตาของฮยอกแจที่มองทงเฮทำให้ซองมินหวั่นใจเหลือเกิน

     

     

     

                วันนี้ฮีชอลต้องไปเดินแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าที่เขาเพิ่งถ่ายภาพนิ่งไปเมื่อวันก่อน ปกติร่างโปร่งจะนั่งแต่งหน้าอยู่ในห้องแต่งตัวอย่างชำนิชำนาญ ทว่าสายตาที่จับจ้องฮีชอลเช่นวันนี้กลับทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเลย

     

                “คุณก็แต่งหน้าไปสิ จะมัวมองผมอยู่ทำไม” ปาร์ค จองซูยืนพิงกำแพงแล้วเอ่ยขึ้นกับฮีชอลผ่านกระจกบานใหญ่

     

                “ฉันไปมองนายตั้งแต่เมื่อไร” ฮีชอลรีบเถียงกลับ

     

                “ก็ตอนนี้ไง!

     

                “ประสาท นายต่างหากที่ยืนจ้องฉันมาเป็นชั่วโมงแล้ว”

     

                “งั้นคุณก็มองผมมาเป็นชั่วโมงแล้วน่ะสิ ถึงรู้ว่าตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาผมจ้องแต่หน้าคุณ” จองซูพูดจายั่วยวนจนอารมณ์ของฮีชอลขาดผึง ขาเรียวลุกออกจากหน้าโต๊ะแต่งตัว ก่อนจะเดินผ่านจองซูออกไปทางห้องน้ำทว่ามือแกร่งกลับรั้งแขนของฮีชอลเอาไว้

     

                “นี่นาย!

     

                “ผมเป็นคนจ้างคุณนะ ช่วยพูดสุภาพกับผมด้วย” ร่างสูงไม่พูดเปล่า แต่ยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนฮีชอลต้องถอยหนี

     

                ให้ความรู้สึกเหมือนครั้งแรกที่พบกัน

     

                “คนหยาบคายแบบนี้น่ะเหรอ ไม่มีทางที่ฉันจะพูดดีด้วยหรอก”

     

                “หึ งั้นเหรอ?” เขายักคิ้วถาม ทำเอาริมฝีปากเรียวสวยเม้มแน่น “อนาคตนายแบบของคุณคงจะจบลงในเร็วๆ นี้สินะ”

     

                “ก็ลองดูสิ ฉันก็จะฟ้องนักข่าวเหมือนกันว่านายลวนลามฉัน”

     

                “ระหว่างนายแบบกระจอกๆ กับเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงอย่างผม คุณคิดว่านักข่าวจะเชื่อใครล่ะ”

     

                สิ้นคำพูดของจองซู ฮีชอลก็กระทืบเท้าเข้ารองเท้าหนังสีดำอย่างเต็มแรง จองซูร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด ก่อนจะทำท่าล้มลงไปที่พื้น โชคดีที่เขาเกาะแขนฮีชอลเอาไว้ได้ จองซูจึงไม่ต้องขายหน้ามากนัก

     

                แต่คิม ฮีชอลกลับรู้สึกว่าเขาตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกคนเสียแล้ว

     

                “ทำตัวดีๆ นะคิม ฮีชอล แล้วผมจะส่งเสริมคุณเอง” จองซูกระซิบที่ข้างหูใบหน้าสวยหวานของฮีชอล ก่อนจะยืนขึ้นจนเต็มความสูงแล้วจูบที่มุมปากเรียวของฮีชอลเบาๆ “เพราะวันนี้ต้องทำงาน ผมจะไปปล่อยคุณไปก่อนแล้วกัน”

     

                “ไอ้...” ฮีชอลนึกสรรหาคำด่าไม่ออกเลยหลังจากที่ถูกจู่โจมที่ริมฝีปากอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่ายังไม่ทันจะนึกอะไรต่อจากนั้น จองซูก็ผลักร่างของเขาออกห่างก่อนจะเดินยิ้มออกไปยังหน้าเวที ทิ้งให้ฮีชอลยืนทาบมือที่หน้าอกด้วยหัวใจที่สั่นระทึก

     

                แต่หัวใจนั้นกลับแทบจะหยุดเต้นเมื่อ...

     

                “พี่ฮีชอล” เสียงทุ้มของแฟนหนุ่มรุ่นน้องเอ่ยเรียกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ฮีชอลเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ชเว ซีวอนต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วแน่ๆ

     

     

     

     

     

     

     

    Talk with Lee Seen

                เดี๋ยวมาแก้คำผิดให้นะคะ

    พรุ่งนี้ก่อน ตอนนี้ป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งจิต ไปนอนล่ะค่า...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×