คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2 คุณซีวอนมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ
Chapter 2
ซีวอนขับรถด้วยความเร็วสูงมาจนถึงบ้านของตัวเอง เด็กรับใช้คนเดียวของบ้านวิ่งเข้ามาโค้งต้อนรับ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านายจอมเอาแต่ใจขึ้น
“คุณซีวอนมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“ถามออกมาได้ยังไง ฉันบอกให้นายล้างรถคันนี้ไว้ตั้งแต่วันก่อนไม่ใช่เหรอ” ซีวอนชี้นิ้วไปที่รถสปอร์ตสุดหรูของตัวเอง ก่อนจะระเบิดอารมณ์โมโหใส่เด็กรับใช้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด
“แต่สัปดาห์ที่แล้วผมเพิ่งล้างไปเองนะครับ แล้วคุณซีวอนก็ไม่ได้ขับรถคันนี้ไปไหน”
“ไม่ต้องมาเถียง!” คำพูดนั้นทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก มือทั้งสองข้างที่กุมไว้ด้านหน้าอย่างนอบน้อมมีเหงื่อไหลออกมาจนรู้สึกได้ถึงความชื้นและอึดอัด “ล้างตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ฉันใช้วันนี้มันก็เลยมีแต่ฝุ่นเกาะเต็มไปหมดไงล่ะ”
“แต่ผมก็คลุมผ้าไว้ตลอดนี่ครับ แล้วตอนเช้าก็เช็ดฝุ่นเรียบร้อยแล้วด้วย”
“งั้นมาพิสูจน์กันเลย” ดวงตากลมโตของชเว ซีวอนจ้องมองใบหน้าหวานของเด็กรับใช้อย่างดุดัน ก่อนจะล็อกคอของร่างโปร่งมาที่รถแล้วกดใบหน้าที่ขาวใสแนบไปกับกระโปรงหน้ารถที่มีฝุ่นเกาะเขรอะเต็มไปหมด เมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายมีแต่คราบฝุ่น ซีวอนก็ปล่อยออกอย่างพึงพอใจ “หน้าของนายไปเปื้อนอะไรมานะ มันเรียกว่าฝุ่นหรือเปล่า”
“คุณซีวอน!” เสียงเครือตะโกนเรียกชื่อของเจ้านายลั่นด้วยความโกรธแค้น จะไม่ให้รถยนต์มีฝุ่นได้อย่างไรในเมื่อซีวอนขับไปรอบกรุงโซลเสียขนาดนั้น มือบางยกขึ้นถูหน้าของตัวเองอย่างรุนแรง ก่อนจะส่งเสียงฟึดฟัดด้วยความไม่พอใจ
“เอารถไปล้างเดี๋ยวนี้” ซีวอนชี้นิ้วออกคำสั่งกับอีกฝ่าย เขาชอบมองสายตาที่พยายามจะต่อสู้กับเขาอยู่เสมอ สายตาแบบนั้นมันทำให้ซีวอนลืมความกังวลใจทั้งหมดในชีวิตไปได้ง่ายๆ
“ครับ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้เพราะผมต้องไปรดน้ำต้นไม้ก่อน”
“ฉันจำเป็นต้องใช้รถเดี๋ยวนี้ เอามันไปล้าง” ซีวอนเริ่มส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ เด็กรับใช้จึงกำหมัดแน่นเพื่อเก็บกลั้นอารมณ์ของตัวเอง “ไปสิ!”
“ถ้าคุณต้องใช้รถตอนนี้ก็ไปเอาคันอื่นออกมาใช้ก่อนสิครับ มีบางคันที่ผมเพิ่งล้างไปเมื่อวาน”
“ฉันจะขับคันนี้และตอนนี้เท่านั้น”
“คุณซีวอน!” กำปั้นเล็กๆ ง้างขึ้นหมายจะชกหน้าหล่อเหลาของเจ้านายอย่างอดใจไม่ไหว หากแต่ซีวอนกลับคว้าข้อมือบางเอาไว้ได้ทันแล้วกระชากร่างนั้นเข้าหาตัวอย่างรวดเร็ว
“นายจะทำร้ายฉันด้วยมือเล็กๆ ของนาย
“ปล่อยผมนะครับคุณซีวอน”
“ฉันอุตส่าห์โดดเรียนมาหานายถึงบ้าน จะใจร้ายกับฉันได้ลงคอเหรอ”
“ถ้าคุณโดดเรียนมา คุณก็ควรจะกลับไปเรียนสิครับ” คยูฮยอนเอ่ยบอกเสียงสั่นพลางหลับตาแน่น เขาบิดข้อมือของตัวเองออกให้เป็นอิสระ ก่อนจะผลักอกแกร่งของเจ้านายออกห่างตัวเพื่อความปลอดภัย
“ฉันไปเรียนก็ได้ แต่ขอมัดจำไว้ก่อนนะ” พูดจบก็ชิงหอมแก้มเด็กรับใช้ฟอดใหญ่ ก่อนจะวิ่งหนีขึ้นไปบนรถสปอร์ตคันเดิมแล้วขับจากไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้คยูฮยอนยืนลูบแก้มของตัวเอง เขายิ้มให้กับคนในรถคันนั้นทั้งน้ำตา
คยูฮยอนอยากให้ซีวอนไล่เขาไปไกลๆ เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับการยอมเป็นตัวสำรองเช่นนี้
มันทั้งมืดมิด หนาวสั่น อ้างว้าง และทรมาน...
“ฮีชอล ขยับทางซ้ายอีกนิดสิ” เสียงตากล้องออกคำสั่งอย่างชำนิชำนาญ หากแต่นายแบบคนเก่งกลับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ
“มันเมื่อยนะครับพี่ จะสั่งอะไรนักหนา”
“เอาน่า อีกสองเซ็ทก็เสร็จแล้ว”
“สองเซ็ท!” เสียงแหลมทวนคำก่อนจะเดินออกมาจากฉากเสียดื้อๆ เขายืนเป็นนายแบบมามากกว่าสามชั่วโมงแล้ว เปลี่ยนชุดมามากกว่ายี่สิบชุด และปั้นหน้ายิ้มมาเป็นร้อยๆ ครั้ง
“ฮีชอล เดี๋ยวสิ พี่ยังถ่ายไม่เสร็จเลยนะ”
“ไม่ถ่ายแล้วครับ ผมไม่มีอารมณ์แล้ว” ร่างเพรียวโบกมือลาช่างกล้องมืออาชีพ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัว เขานั่งลงหน้ากระจกด้วยความเหนื่อยล้า เปลือกตาบางหลับลงอย่างช้าๆ พลางกำปั้นเล็กก็ทุบตามต้นคอและแผ่นหลังของตัวเอง
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็มีมือหนาของใครบางคนบีบนวดลงมาที่ไหล่บางทั้งสองข้าง ฮีชอลคิดว่าเป็นช่างแต่งหน้าจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เขานั่งหลับตาและคลี่ยิ้มอย่างสบายใจ
“ผมเพิ่งรู้นะครับว่าพี่ก็นวดเก่งไม่เบาเลย”
“ไปนวดต่อที่ห้องผมไหมล่ะ ผมจะบริการให้ถึงใจเลย” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาอยู่ข้างหูทำให้ฮีชอลสะดุ้งเฮือกและเด้งตัวลุกขึ้นยืน
“เข้ามาได้ยังไงน่ะ ละ...แล้วนายเป็นใคร?”
“อยากจะรู้จักผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจ้าของร่างสูงโปร่งเอ่ยถามพลางเดินเข้ามาใกล้ มือหนายื่นออกไปหมายจะลูบไล้แก้มเนียนสวย หากแต่ฮีชอลกลับปัดมือออกอย่างรังเกียจ
“คนหยาบคายอย่างนาย ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหน ฉันก็ไม่อยากรู้จักหรอก”
“ปากดีแบบนี้ อยากรู้จังว่าจะเด็ดแค่ไหน” พูดจบก็จู่โจมเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากอิ่มจนฮีชอลตั้งตัวแทบไม่ทัน ร่างบางถอยกรูดไปจนติดชั้นวางของหน้ากระจก ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจ มือเรียวพยายามจะดันหน้าอกแกร่งออกห่างจากตัวเอง ทว่าเรี่ยวแรงกลับเหือดหายไปอย่างน่าประหลาดใจ
“อื้อ~” ฮีชอลได้แต่สงเสียงครางฮืออยู่ในลำคอ มือหนาของคนตรงข้ามประคองหน้าสวยของเขาไม่ให้หันหนีไปไหน ดวงตาเรียวกลอกซ้ายขวาเพื่อหาสิ่งของที่จะนำมาช่วยชีวิตเขาได้ หากแต่กลับเหลือบไปเห็นโปสเตอร์รูปถ่ายขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ผนังด้านหลัง และรูปในโปสเตอร์ก็เป็นคนๆ เดียวกับคนที่กำลังยืนจูบเขาอยู่ตอนนี้
ปาร์ค จองซู เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดัง...ANGEL
ผ่านไปไม่นานนัก จองซูก็ผละออกพร้อมกับฮีชอลที่หอบหายใจถี่ เขาไม่กล้าพูดอะไรต่อจากนั้น เพราะถ้าหากฮีชอลพูดไป อนาคตการเป็นนายแบบของเขาได้ดับสูญแน่ จองซูยักคิ้วอย่างกวนๆ ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ฮีชอลยืนกระทืบเท้าด้วยความโมโหอยู่เพียงคนเดียว
บรรยากาศภายในห้องเรียนมีแต่ความอึดอัดเพราะคิบอมพยายามจะชวนฮยอกแจและทงเฮให้พูดคุยกัน ทว่าทั้งสองคนก็เอาแต่เงียบราวกับว่ามีกำแพงบางๆ มากั้นความรู้สึกของพวกเขาเอาไว้ โชคดีที่วันแรกของการเรียนเลิกคลาสเร็วกว่าปกติ ดังนั้นนักศึกษาคนอื่นๆ จึงพากันออกไปทานข้าวกลางวันนอกโรงเรียนกันหมด
“ไปกินข้าวกันเถอะทงเฮ” คิบอมเอ่ยชวนแล้วฉุดข้อมือเรียวให้ยืนขึ้นอย่างถือวิสาสะ
“นาย
“ไปเถอะทงเฮ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” คำพูดของคิบอมทำให้ทงเฮหันขวับขึ้นไปมองทันที คิบอมรับรู้ถึงสายตาโกรธเคืองนั่น เขาจึงรีบแก้ตัวก่อนที่ทงเฮจะไม่พอใจเขาไปมากกว่านี้ “ฉันรู้ว่านายมีปัญญาจ่าย ฉันก็แค่อยากจะเลี้ยงสำหรับมื้อแรกที่เรารู้จักกันเท่านั้น”
“เขาไม่หิวก็ไม่ต้องไปเซ้าซี้หรอกคิบอม นายหิวก็ไปกินคนเดียวเถอะ” ฮยอกแจเอ่ยขึ้นลอยๆ ก่อนจะเปิดหนังสืออ่านราวกับไม่สนใจในท่าทางอึดอัดของคนตรงหน้าทั้งสองคน ทงเฮเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันไปหาคิบอมแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“ฉันเริ่มหิวแล้วล่ะ เราไปกันเถอะคิบอม”
“ถ้านายไม่หิวก็ไม่ต้องไปกับฉันก็ได้ ฉันไม่เซ้าซี้นายหรอก” คิบอมเอ่ยบอกกับร่างบางก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆ ซองมินที่นั่งโทรศัพท์อยู่ที่มุมห้องจึงยกยิ้มอย่างสะใจที่ทงเฮถูกทิ้งให้ยืนเก้อเช่นนั้น ร่างอวบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าของตัวเอง ก่อนจะเดินมานั่งเบียดชิดกับฮยอกแจ
“ฮยอกแจ ไปกินข้าวกับฉันเถอะนะ ฉันอยากกินอาหารญี่ปุ่น”
“ฉันไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น” ฮยอกแจตอบเสียงเรียบ แล้วเปิดหนังสือหน้าถัดไปอย่างสนอกสนใจ ซองมินรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียหน้าจึงรีบยืนขึ้นแล้วเปล่งเสียงดังชัดเจน
“ก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าจงอุนเขาชอบอาหารญี่ปุ่น ฉันไปกินกับเขาก็ได้”
คำพูดนั้นไม่ได้สะเทือนความรู้สึกของฮยอกแจแม้แต่น้อย ซองมินจึงรีบเดินออกไปจากห้องเรียนด้วยความอับอาย ทั้งห้องจึงเหลือเพียงแค่ฮยอกแจกับทงเฮอยู่กันตามลำพังเท่านั้น ทั้งคู่นั่งห่างกันในระยะที่คิบอมสามารถนั่งได้อีกคนพอดี ฮยอกแจเอาแต่จับจ้องไปที่ตัวหนังสือตรงหน้า ในขณะที่ทงเฮเอาแต่จ้องกระดานไวท์บอร์ดหน้าห้องเรียนด้วยท่าทางเรียบเฉย
“พ่อของนายเป็นทูตเหรอ” ฮยอกแจปิดหนังสือแล้ววางมันลงบนโต๊ะ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อ่านหนังสือตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มีทงเฮนั่งอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ ฮยอกแจจะไปอ่านรู้เรื่องได้อย่างไรกัน
“รู้ได้ยังไง” ทงเฮกำลังประหม่า เพราะต่อให้คนในห้องเรียนไม่รู้ แต่ฮยอกแจก็รู้ว่าภูมิหลังของเขาเป็นอย่างไร
“เพื่อนๆ ในห้องพูดกันแบบนั้น”
“อืม” ทงเฮไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธออกไป เขาก้มหน้างุดเพราะกำลังรู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเอง แต่สถานการณ์มันบังคับให้เขาทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ สังคมที่มีหน้ามีตา วันๆ เอาแต่สนใจเรื่องเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์ คนเหล่านั้นก็คงจะมีแต่การใส่หน้ากากเข้าหากัน เขาทำถูกแล้ว ทำถูกต้องที่สุดแล้วล่ะอี ทงเฮ
“แล้วพ่อนายเป็นทูตประเทศไหนล่ะ” ฮยอกแจยังคงต้อนอีกฝ่ายให้จนมุมเรื่อยๆ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ทงเฮจนร่างบางรู้สึกถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้น เขารีบหันหน้าหลบไปอีกทางทันที
“พ่อฉันจะเป็นทูตที่ประเทศอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนายนี่”
“ฉันผิดหวังกับนายจริงๆ” ฮยอกแจเอ่ยขึ้น ก่อนจะยืดตัวนั่งด้วยท่าทางสบายๆ แต่ถึงแม้จะทำท่าทางเช่นนั้น ในหัวใจของเขากลับไม่รู้สึกสบายไปด้วยเลย “ไม่คิดเลยว่านายจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้”
“ฉันเป็นแบบไหน?” ทงเฮกระชากเสียงถามด้วยความฉุน
“ก็เสแสร้งไง”
“ฉันก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว นายเพิ่งรู้เหรอ” คำพูดที่หยิ่งยโสนั้นทำให้ฮยอกแจจุกจนพูดอะไรไม่ออก ฮยอกแจกลับมานั่งท่าปกติเช่นเดิม ก่อนจะถอนหายใจยาวออกมาด้วยความปลง เขาไม่ได้หันไปมองหน้าของทงเฮอีก ทว่ามือหนากลับคว้าข้อมือเรียวมาไว้แล้วกระชากขึ้นสูง
“ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรทงเฮ”
“เพื่อความอยู่รอดไงล่ะ” ทงเฮสวนกลับทันที ก่อนที่ข้อมือเรียวจะชักออกให้เป็นอิสระ หากแต่ฮยอกแจกลับบีบข้อมือนั้นไว้แน่น
“ทงเฮ ฮยอกแจ ไม่ไปกินข้าวกันเหรอ” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเดินกลับเข้ามาพอดี ฮยอกแจจึงรีบปล่อยมืออีกฝ่ายออกไปอย่างเสียดาย ทงเฮเงยหน้าขึ้นไปหาเพื่อนก่อนจะบอกด้วยรอยยิ้มหวาน
“ฉันยังไม่หิวน่ะ”
จ๊อกๆ
แม้จะโกหกไปเช่นนั้น แต่ทงเฮก็ไม่สามารถทรยศเสียงท้องร้องของตัวเองได้ ฮยอกแจไม่สนใจต่อสายตาของคนอื่นอีกแล้ว เขาคว้ามือเรียวแล้วรีบลากออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว
Talk with Lee Seen
เปิดตัวอย่างอลังการเว่อร์ไหมล่ะคะ(ประชดอย่างแรง)
เป็นคนรับใช้ที่หล่อที่สุดในโลก อยากจะจ้างมาไว้ที่บ้านซักคน อิอิ
บอกแล้วว่าเรื่องนี้มันดราม่า ยังค่ะ ยังไม่จบแค่นี้
มันจะทวีความดราม่าขึ้นเรื่อยๆ
ช่วยติดตามความสตรอเบอร์รี่ของทงเฮด้วยนะคะ
ความคิดเห็น